ตอนที่ 8 สิ้นหวังท้อแท้
สาวน้อยเย่เข่อเอ๋อจ้องหลินหนานกลับ แต่เย่จิงเฉิงนั้นกลับไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหลินหนาน อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ทำลงไป
“อย่ามาเฉไฉ ความจริงก็เห็นๆกันอยู่!”
“เมื่อสามปีก่อนฉันคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้อย่างมาก แต่แกก็แอบแต่งงานกับลูกสาวฉันจนได้ ในเมื่อแกเข้ามาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ก็สมควรต้องออกไปจากชีวิตของลูกสาวฉันได้แล้ว แกไม่มีอะไรเหมาะสมคู่ควรกับลูกสาวของฉันเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือว่าฐานะ”
“ครั้งนั้นฉันคัดค้านเรื่องการแต่งงานแบบหัวชนฝา แต่เย่เฟิงชุนกลับห้ามปรามฉัน และยังยืนยันกับฉันหนักแน่นว่า ลูกสาวของฉันจะต้องมีความสุขในชีวิตแต่งงานอย่างแน่นอน แล้วก็เพราะเรื่องนี้.. ทำให้ฉันต้องทำสงครามเย็นกับเขา และหนีไปสงบจิตสงบใจอยู่ที่วัดหลินหยินตลอดสามปีนี้”
“แต่กลับคิดไม่ถึงว่า.. ท้ายที่สุดคนชั่วช้าสารเลวอย่างแก ก็ทรยศหักหลังลูกสาวของฉันจนได้!”
เหยีวนชูหานอ้าปากพูดร่ายยาวไม่หยุดใส่หลินหนานราวกับปืนกล..
หลังจากพ่นคำพูดออกไปยืดยาว ด้วยความโมโห เธอก็ลุกขึ้นยืน และสาดน้ำชาในแก้วลายครามนั้นใส่หน้าหลินหนานทันที
ความจริงแล้ว.. หลินหนานสามารถกระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไม่หลบ และปล่อยให้แม่ยายสาดน้ำชาใส่หน้าของตัวเอง
น้ำชาในถ้วยกระเด็นเข้าใส่ใบหน้า และเสื้อผ้าของหลินหนานจนเปียก อารมณ์รุ่นร้อนในจิตใจของเขาพลันสงบลง แต่ดูเหมือนเย่เข่อเอ๋อจะเห็นว่าสถานการณ์ภายในบ้านยังวุ่นวายไม่พอ เธอจึงรีบยกนิ้วโป้งชูให้กับแม่ของตนเองทันที
เย่จิงเฉิงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น และอ้าปากหวอด้วยความตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าแม่ของเธอจะสาดน้ำชาใส่หน้าหลินหนานแบบนี้ และได้แต่คิดในใจว่าแม่ของตนเองนั้นดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อย..
แต่หลินหนานกลับแลบลิ้นเลียน้ำชาที่เปียกใบหน้าตน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ชารสชาติเยี่ยมขนาดนี้ สงสัยว่าคงจะราคาแพงน่าดูสินะ? คุณแม่ยาย รสนิยมของคุณแม่ยายนี่เยี่ยมยอดมากจริงๆ!”
“หึ.. คนอย่างแกมันก็แค่คางคกอยากจะกินเนื้อหงส์!” เหยีวนชูหานพูดเย้ยหยันผ่านไรฟัน
“คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่มีปัญญาหรอกค่ะแม่!” เย่เข่อเอ๋อช่วยแม่ของเธอเหยียดหยามหลินหนาน
หลินหนานยกมือขึ้นเช็ดน้ำชาที่เปื้อนใบหน้าออก จากนั้นจึงหยิบกล่องใส่บุหรี่ออกมาจากกระเป๋า เขาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนขึ้นจุดสูบ โดยไม่สนใจใยดีกับสายตาที่จ้องมองมาด้วยความรังเกียจ
หลังจากที่พ่นควันสีขาวออกจากปากแล้ว หลินหนานจึงพูดขึ้นเนิบๆ “คุณแม่ยาย.. คุณต้องการอะไรก็พูดมา? พวกเราเปิดอกคุยกันตรงๆจะดีกว่า..”
“ฉันต้องการให้แกหย่ากับลูกสาวของฉัน! ฉันไม่อยากเห็นแกอยู่กับลูกสาวของฉันอีกแม้แต่วินาทีเดียว!” เหยีวนชูหานตอบกลับตรงๆ และสีหน้าของเธอก็แสดงความรังเกียจออกมาอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง
“ผมเกรงว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับส่ายหน้า
“ทำไม? หรือแกคิดว่าเงินชดเชยที่จะได้รับในสัญญานั่นมันน้อยเกินไป?”
เหยีวนชูหานยกขาขึ้นไขว่ห้าง เผยให้เห็นท่อนขาเรียวงามขาวผ่องที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดกี่เพ้าที่สวมใส่ ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงยากที่จะไม่เหลียวมองได้
“ครับ.. ผมว่ามันน้อยเกินไป!” หลินหนานตอบยิ้มๆ
ใช่แล้ว.. เขาทำทุกอย่างเพื่อเงิน!
เย่จิงเฉิงได้ยินถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างเหลืออด ความรู้สึกผิดต่อหลินหนานที่ผุดขึ้นภายในใจก่อนหน้านี้ ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น
“เป็นความซวยของลูกสาวฉัน ที่ต้องมาพบเจอกับคนชั่วช้าอย่างแก?”
เหยีวนชูหานยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับตะโกนถามเสียงห้วน “บอกมา.. แกต้องการเท่าไหร่?”
ตราบใดที่เงินสามารถแก้ปัญหาได้ ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!
“ตลอดเวลาเกือบสามปีที่ผมอยู่ในตระกูลเย่ ผมต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากมาย นอกจากผมจะต้องเอาชีวิตที่สดใสในวัยหนุ่มมาทิ้งที่นี่แล้ว ผมยังต้องถูกทำร้ายจิตใจอีกด้วย..”
ระหว่างที่ตอบนั้น หลินหนานก็ยกนิ้วมือขึ้นมานับไปด้วย..
เมื่อเห็นท่าทางยียวนกวนอารมณ์ของหลินหนานแล้ว เย่จิงเฉิงก็แทบอยากจะทุบเขาให้กระอัก
ทำไมหมอนี่ถึงได้หน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?
เขาต้องทนทุกข์และสูญเสียอะไรมากมายระหว่างที่พักอาศัอยู่ที่นี่กัน ในเมื่อเขาทั้งเกียจคร้านไม่ทำงานทำการ?
ความจริงแล้ว ต้องเป็นเธอต่างหากเล่าที่เป็นฝ่ายสูยเสียมิใช่หรือ?
หลังจากที่ทำท่านับนิ้วอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว หลินหนานก็ยกฝ่ามือข้างหนึ่งกางออกพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. เห็นแก่มิตรภาพของพวกเรา ผมจะบอกราคาขาดตัวแบบไม่ต้องต่อรองอีก..”
“เท่าไหร่?” เหยีวนชูหานถามเสียงห้วน
“ห้าสิบล้านถ้วน!”
“อะไรนะ?! แกพูดใหม่ซิ?” เหยีวนชูหานร้องอุทานเสียงดังพร้อมกับถามย้ำอีกครั้ง เพราะไม่มั่นใจว่าตนเองฟังผิดหรือเปล่า
“ห้าสิบล้านหยวน.. ขาดตัว!!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
แม่ลูกตระกูลเย่ทั้งสามคน ต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความตกใจ และตกตะลึง..
หมอนี่กล้าพูดออกมาได้ยังไง?
นี่มันคิดจะรวยทางลัดด้วยการขูดรีดหรือยังไง?
“เงินแค่ห้าสิบล้านหยวน ขนหน้าแข้งตระกูลเย่ไม่ร่วงหรอกใช่มั๊ยครับคุณแม่ยาย?” หลินหนานที่กำลังสูบบุหรี่เอ่ยถามขึ้นมา หลังจากเห็นท่าทางของสามแม่ลูก
“มันไม่ใช่เรื่องขนหน้าแข้งจะร่วงหรือไม่ร่วง แต่อยู่ที่ว่าแกไม่คู่ควรกับเงินก้อนนี้ต่างหากล่ะ!! อย่าว่าแต่ห้าสิบล้านเลย แม้แต่ห้าร้อยหยวนฉันก็จะไม่ให้แก!” เหยีวนชูหานร้องตะโกนตอบกลับด้วยความโมโห
“ก็แล้วแต่!!” หลินหนานตอบสั้นๆพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ต่างจากหมูไม่กลัวน้ำร้อนของหลินหนานเช่นนี้ สามแม่ลูกก็ยิ่งโมโหจนควันออกหู ต่างคนต่างก็กัดฟันกรอด..
เวลานี้เย่จิงเฉิงได้มาถึงจุดที่ตนเองไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว..
หลินหนานจ้องมองสีหน้าท่าทางของหญิงสาวทั้งสาม พร้อมกับแอบยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในใจ และได้แต่คิดว่า หญิงสาวทั้งสามประเมินเขาต่ำไปมากนัก คิดจะรวมหัวกันกำจัดเขางั้นเหรอ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่!
และในระหว่างนั้น.. จู่ๆลุงฉู่ก็หันไปทางหน้าประตูพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณผู้ชาย.. กลับมาแล้วเหรอครับ?”
ทันทีที่ลุงฉู่พูดจบ ร่างของชายวัยกลางคนก็ปรากฏขึ้น..
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมแว่นกรอบทองดูภูมิฐานสมกับเป็นนักธุรกิจใหญ่ นอกจากรูปร่างของเขาจะสูงใหญ่สง่างามอย่างมากแล้ว แม้จะดูสูงอายุ แต่ใบหน้าของเขายังคงเค้าความหล่ออยู่ไม่น้อย บ่งบอกว่าในวัยหนุ่มนั้นเขาเป็นผู้ที่หล่อเหลาอย่างมากคนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา ทั้งเย่จิงเฉิงและเย่เข่อเอ๋อต่างก็วิ่งเข้าไปหา และเอ่ยทักทายทันที
“พ่อคะ!”
“พ่อกลับมาแล้วเหรอคะ?”
เย่เฟิงชุนตอบกลับเสียงเบา แต่หลังจากที่หันไปเห็นเหยีวนชุหานที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เขาก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า
“คุณผู้หญิง.. ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่กัน?”
เหยีวนชูหานปรายตามองพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ถ้าฉันไม่มา ก็คงไม่รู้ว่าลูกสาวของตัวเองถูกขายไปแล้ว!”
“คุณก็พูดเกินไป!”
เย่เฟิงชุนส่ายหน้า แต่ในใจกลับยิ้มขื่น เพราะรู้ดีกว่าการมาของภรรยาในวันนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่โทรไปเกรี้ยวกราดกับเขา และบีบบังคับลากเขาให้กลับจากยุโรปในคืนนี้แน่
“คุณพ่อตาครับ สบายดีนะครับ! ไม่ทราบว่าธุรกิจที่เดินทางไปเจรจาเป็นไปได้ด้วยดีมั๊ยครับ?” หลินหนานเอ่ยทักทายเย่เฟิงชุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่มีท่าทีร้อนอกร้อนใจอะไร
“อืมม ไปได้ด้วยดีเชียวล่ะ!”
เย่เฟิงชุนหันไปยิ้มกว้างให้กับหลินหนาน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลูกเขย.. ฉันขอโทษทีที่ทำให้เธอต้องลำบาก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงชุน สามแม่ลูกถึงกับต้องหันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง..
หลินหนานลำบากที่ไหนกัน?
วันๆ ไม่เห็นเขาทำงานทำการอะไร?
เย่เฟิงชุนน่าจะทำงานหนักเกินใจจนสมองเพี้ยน..
“เย่เฟิงชุน นี่คุณหมายความว่ายังไง?” เหยีวนชูหานร้องตะโกนถามกลับด้วยใบหน้าบึ้งตึงทันที
“นั่นสิ!! พ่อคะ.. ทำไมพ่อชอบเข้าข้างหลินหนานอยู่เรื่อยเลย! แต่ครั้งนี้หมอนี่แอบไปทำเรื่องไม่ดีลับหลังพี่ใหญ่ ถ้าพ่อไม่เชื่อก็ดูหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายพวกนี้ได้เลย!”
เย่เข่อเอ๋อวิ่งไปหยิบกองภาพถ่ายขึ้นมากางให้เย่เฟิงชุนดูต่อหน้า เพื่อให้เขาเห็นว่าหลินหนานเป็นคนชั่วช้ามากเพียงใด แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เย่เฟิงชุนหยิบภาพถ่ายขึ้นมาดูเพียงแค่สองสามภาพ ก่อนจะโยนไปไว้ข้างๆอย่างไม่สนใจใยดี
“เฮ้อ.. บางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไปหรอกนะ!” เย่เฟิงชุนเอ่ยตอบกลับไปเสียงเบา
หลินหนานถึงกับยกนิ้วโป้งให้พ่อตาทันที..
“ถึงแม้ภาพที่เห็นจะเป็นแบบนั้น แต่ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างในภาพเสมอไปไม่ใช่เหรอ?”
เย่เข่อเอ๋อเริ่มรู้สึกว่าพ่อของเธอคงจะเสียสติไปแล้ว..
“อีกอย่าง.. ไอ้เรื่องอารมณ์ความใคร่ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายทั่วไป ถ้าเขาสำนึกผิด ก็ควรจะให้อภัยถึงจะถูก!” เย่เฟิงชุนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มๆ และดูไม่เดือดร้อน
หลินหนานได้ฟังถึงกับยกนิ้วโป้งชูให้เขาถึงสองนิ้ว..
คุณพ่อตา.. คุณช่างเป็นคนที่มีเมตตามากจริงๆ!
“เย่เฟิงชุน นี่คุณเสียสติไปแล้วหรือยังไง? คุณพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไงกัน?” เหยีวนชูหานไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ เธอร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“นั่นสิคะ? พ่อคะ หนูรู้ดีว่าพ่อมักจะเข้าข้างหลินหนานมาตลอด แต่ครั้งนี้จับได้คาหนังคาเขา หลักฐานก็มีให้เห็นคาตาว่าหมอนั่นแอบทำเรื่องชั่วๆลับหลังพี่ใหญ่ พ่อยังจะเข้าข้างเขาอีกเหรอคะ?” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนถามขึ้นมาด้วยความโมโหอย่างที่สุดเช่นกัน
เย่จิงเฉินยืนกัดริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
เวลานี้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ และสิ้นหวังท้อแท้อย่างบอกไม่ถูก!