ตอนที่ 9 อันตรายครั้งใหม่
“ผมไม่ได้เสียสติ ผมพูดด้วยเหตุผล ไม่เชื่อคุณลองไปถามจิงเฉิงสิว่า ตั้งแต่ทั้งคู่แต่งงานกันมานั้น ทั้งสองคนเคยนอนห้องเดียวกันสักครั้งมั๊ย? พวกเขาทั้งคู่เคยอยู่กันแบบคู่ผัวตัวเมียกันบ้างหรือเปล่า?” เย่เฟิงชุนเป็นฝ่ายถามกลับ
“คือหนู..” เย่จิงเฉิงได้แต่อ้ำอึ้ง
พ่อของเธอพูดไม่ผิด การแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องที่เธอไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก และด้วยสาเหตุนี้ เธอจึงไม่เคยให้หลินหนานเข้าใกล้เธอเลยแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่จะเข้าใกล้เลย แม้แต่พูดจากันก็ยังน้อยมาก.. หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เย่จิงเฉิงเห็นหลินหนานเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ
“เฮ้อ.. ผู้ชายอย่างเรา ถ้าความต้องการทางเพศขั้นพื้นฐานยังไม่ได้รับการตอบสนอง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องหาทางจัดการกับมัน หลินหนานสมควรได้รับการให้อภัย!” เย่เฟิงชุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
และนี่คือประธานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเย่ คำพูดของเขาย่อมมีเหตุมีผล และยากที่ใครจะโต้เถียงได้
ที่สำคัญ.. สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าหมอนี่จะทำอะไรให้ คุณถึงได้รักใคร่มันขนาดนี้ แต่ถึงเวลาแล้วที่การแต่งงานบ้าๆนี้ จะต้องยุติลงซะที ฉันทนเห็นลูกสาวตัวเองจมอยู่ท่ามกลางกองไฟรุ่มร้อนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว!”
เหยีวนชูหานร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห เธอลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าหาหลินหนานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แม่คะ? นั่นแม่จะทำอะไร?” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนห้ามด้วยความตระหนกตกใจ เพราะคิดว่าแม่ของเธอจะเข้าไปทำร้ายร่างกายหลินหนาน
เพราะหากเหยีวนชูหานทำแบบนั้นจริง คงต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่!
“หึ!! แกอย่าได้คิดว่ามีคนถือหางแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ? เพราะครั้งนี้แกไม่รอดแน่!”
“ฉันจะให้นักกฏหมายที่เก่งที่สุด มาจัดการเรื่องฟ้องหย่าให้กับลูกสาวของฉัน! ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเศษขยะอย่างแกออกไปจากชีวิตของลูกสาวฉันให้ได้ ฉันสาบาน!”
หลินหนานเห็นลำคอที่เชิดตรงอย่างทระนงของแม่ยายเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ก็ได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้แม่ยายของเขาคงจะโกรธมากจริงๆ
“นี่คุณ.. ไม่เห็นจะต้องข่มขู่ลูกเขยให้หวาดกลัวเลย?” เย่เฟิงชุนรีบห้ามปราม
“ฉันไม่ได้ขู่มัน แล้วก็ไม่ได้ขู่คุณด้วย!”
เหยีวนชูหานพูดรอดไรฟัน ก่อนจะคำรามใส่หน้าเย่เฟิงชุน “ถ้าครั้งนี้ฉันทำให้มันหย่ากับลูกสาวฉันไม่ได้ ก็จะต้องเป็นคุณกับฉันที่ต้องหย่ากันแทน!”
หลังจากพูดจบ เหยีวนชูหานก็คว้ากระเป๋าถือ แล้วเดินกระแทกเท้าออกนอกประตูบ้านไปด้วยความโมโห เย่จิงเฉิงและเย่เข่อเอ๋อหันมามองหน้ากัน ก่อนจะรีบวิ่งตามแม่ของเธอไปทันที
ภายในบ้านเวลานี้ จึงเหลือเพียงแค่เย่เฟิงชุนกับหลินหนานเพียงสองคนเท่านั้น..
เย่เฟิงชุนหันไปขอบุหรี่จากหลินหนาน หลังจากสูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“เฮ้อ..”
“หลินหนาน ตลอดเวลาสองปีกว่ามานี้ เธอคงจะอยู่อย่างยากลำบากมากเลยสินะ?”
หลินหนานถึงกับประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ชุนเฟิง ใบหน้าอวดดีเมื่อครู่พลันมลายหายไปทันที แต่กลับกลายเป็นความรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาแทน
“ลำบาก หรือไม่ลำบากแล้วยังไง? ทั้งคุณกับผมต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง อีกอย่าง.. ผมไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นหนี้บุญคุณใคร” หลินหนานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
“หรือ.. จะให้ฉันบอกจิงเฉิงไปตามตรงว่าเธอคือ…”
หลินหนานส่ายหน้าไปมา พร้อมกับพูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ได้!! ความลับเรื่องนี้ คุณจะต้องเก็บมันไว้กับตัว อย่าได้แพร่งพรายออกมาอย่างเด็ดขาด!”
เย่เฟิงชุนได้แต่พยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ “เฮ้อ.. ยัยเด็กโง่เอ๊ย! สักวันที่ลูกรู้ความจริง ลูกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป!”
“ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีก็จะครบสัญญา และเมื่อเวลานั้นมาถึง ผมคงต้องไปจากที่นี่จริงๆ!” หลินหนานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอล่ะ? ดีขึ้นมากแล้วเหรอ?” เย่เฟิงชุนเอ่ยถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“แม้จะยังไม่ฟื้นตัวร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ก็ดีขึ้นกว่าครึ่งแล้ว ผมเชื่อว่าในเวลาอีกครึ่งปี ผมจะต้องหายดีและกลับมาสมบูรณ์เต็มร้อย!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“นับเป็นเรื่องที่ดีมาก!”
เย่เฟิงชุนร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ แต่ระหว่างที่กำลังจะอ้าปากถามต่อนั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเย่เข่อเอ๋อกับเย่จิงเฉิงเดินกลับเข้ามาพอดี จึงแสร้งทำเป็นไอ และรีบกลืนคำพูดทั้งหมดกลับเข้าไปข้างในเช่นเดิม
“พ่อคะ ทำไมพ่อไม่ตามไปง้อแม่?” เย่เข่อเอ๋อทำปากยื่นพร้อมกับร้องตะโกนถามขึ้นด้วยความโมโห
“พ่อรู้จักนิสัยแม่ของลูกดี! กำลังโมโหมากมายแบบนี้ ต่อให้เอาช้างไปฉุดก็ไม่อยู่ ปล่อยให้แม่ของลูกสงบสติอารมณ์ แล้วไปเข้าวัดเข้าวาสักพักก่อน..” เย่เฟิงชุนตอบกลับด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“หึ!! ผู้ชายนี่มันเหมือนกันทุกคนเลยสินะ!” เย่เข่อเอ๋อพึมพำเสียงเบา ขณะที่เดินกระแทกเท้าขึ้นไปข้างบนด้วยความโมโห
เวลานี้เย่จิงเฉิงเองก็กำลังรู้สึกวุ่นวายสับสนอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งไม่ต้องการเห็นหน้าหลินหนานด้วย จึงรีบเดินหนีกลับขึ้นห้องของตัวเอง
แต่เย่เฟิงชุนกลับร้องตะโกนเรียกไว้ก่อน “จิงเฉิง หยุดก่อน อย่าเพิ่งไป!”
“อะไรอีกล่ะคะพ่อ?” เย่จิงเฉิงถามกลับทันที
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ให้หลินหนานตามลูกไปที่บริษัทด้วย!” เย่เฟิงชุนเอ่ยตอบ
“อะไรนะคะพ่อ?!”
เย่จิงเฉิงร้องอุทานออกมาเสียงดัง สีหน้าของเธอเวลานี้บ่งบอกว่ากำลังตกใจอย่างที่สุด
แต่ปฏิกิริยาของหลินหนานนั้น ก็ไม่ได้ต่างไปจากเย่จิงเฉิงนัก เขาเองก็ตกใจไปไม่น้องกว่าเธอ และได้แต่คิดในใจว่า ตาเฒ่านี่คิดจะทำอะไรกันแน่?
“ไหนๆลูกกกับเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ควรต้องหาเวลาอยู่ใกล้ชิดกันให้มากๆ จะได้มีเวลาเรียนรู้ แล้วก็สร้างความรู้สึกดีๆต่อกันยังไงล่ะ..”
เย่ชุนเฟิงจ้องมองหลินหนานด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวต่อว่า “พ่อว่าลูกหางานให้เสี่ยวหนานทำบ้างก็ดี ถ้าลูกกับเขาได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันมากๆ ปัญหาอื่นๆก็จะค่อยๆคลี่คลายไปเอง”
เมื่อได้เห็นแววตาของเย่เฟิงชุน หลินหนานก็ได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ..
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ พอได้ยินว่าฉันจะต้องไปจริงๆ ถึงกับวางแผนให้ฉันได้ใกล้ชิดกับลูกสาวตัวเอง นี่คงหวังว่าจะใช้วิธีนี้ผูกฉันไว้กับเย่จิงเฉิงสินะ?
“หนูไม่ตกลงค่ะพ่อ!” เย่จิงเฉิงปฏิเสธทันที
“ลูกต้องตกลง และไม่มีทางเลือกอื่น” เย่เฟิงชุนกระทืบเท้าพร้อมกับออกคำสั่ง
เย่จิงเฉิงหันไปมองหลินหนานด้วยแววตาเกรี้ยวกราด เธอเชื่อว่านี่จะต้องเป็นความต้องการของเขาอย่างแน่นอน แต่หลินหนานกับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“พ่อคะ หนูไม่เข้าใจจริงๆ ผู้ชายคนนี้มีดีอะไรนักหนา พ่อถึงต้องคอยปกป้องเขาครั้งแล้วครั้งเล่า?”
เย่จิงเฉิงร้องห่มร้องไห้ขณะที่พูด “ในสายตาของพ่อ.. ความสุขของลูกสาวคนนี้ เคยมีความหมายกับพ่อบ้างมั๊ยคะ?”
คำพูดของเย่จิงเฉิง เสมือนมีดคมที่กรีดลงกลางหัวใจของเย่เฟิงชุนผู้เป็นพ่อ..
“ความสุขของลูกย่อมต้องสำคัญกว่าสิ่งอื่นเสมอ แล้ววันหนึ่งลูกจะเข้าใจความเจ็บปวดในวันนี้เอง! แต่ตอนนี้ ลูกจะต้องทำตามคำสั่งของพ่อ!
เย่เฟิงชุนยังคงข่มขู่บังคับลูกสาวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วถ้าลูกดื้อดึงไม่เชื่อฟัง พ่อจะทำทุกวิถีทางเพื่อซื้อบริษัทของลูกมาให้ได้ ลูกคงรู้ดีนะว่า พ่อเป็นคนพูดจริงทำจริง!”
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเล่นบทโหด เย่เฟิงชุนก็สามารถร้ายได้กว่าภรรยาของเขาหลายเท่านัก!
“นี่พอ…”
เย่จิงเฉิงร้องตะโกนออกมาพร้อมกับกระทืบเท้าด้วยความโมโห ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำ และรื้นไปด้วยน้ำตา จากนั้นจึงรีบหันหลังกลับ และวิ่งขึ้นห้องไปทันที
ปัง!!!
เสียงปิดประตูดังสนั่นไปทั่วทั้งบ้าน เย่เฟิงชุนไม่มีทางเลือก และเขาก็ได้แต่ยิ้มขมขื่น..
“พ่อตา.. เรื่องนี้คุณไม่เคยบอกผมล่วงหน้ามาก่อน!” หลินหนานจ้องมองเย่เฟิงชุนพร้อมกับเอ่ยถาม
เย่เฟิงชุนเห็นสีหน้าแววตาที่ดูเหมือนกำลังคาดเดาอะไรบางอย่างของหลินหนาน เขาถึงกับหัวเราะออกมา และตอบกลับไปว่า
“นี่ลูกเขย.. อย่าเพิ่งถามอะไรฉันเลย เรื่องนี้ฉันเองก็ยังไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้น เพียงแค่คาดเดาเฉยๆ..”
เย่เฟิงชุนไม่รอให้หลินหนานล้วงถามได้ลึกมากไปกว่านี้ เขารีบลุกขึ้นยืนและบอกไปว่า “เอาล่ะ ฉันนั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้เหนื่อยมาก คงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน เธอเองก็เหมือนกัน รีบไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้จะต้องไปบริษัทกับจิงเฉิงแต่เช้า..”
จากนั้น เย่ชุนเฟิงก็เดินขึ้นบันไดไปทันที..
เย่ชุนเฟิงเดินเหินได้อย่างว่องไว เขาดูไม่เหมือนคนที่ผ่านการนั่งเครื่องบินมาตลอดทั้งวันเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นพ่อตาของตนหนีไปเช่นนั้น หลินหนานก็ถึงกับส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำออกมา
“หึ.. เฒ่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”
“เอ๊ะ.. หรือว่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้พ่อตากังวลใจ จนต้องให้ฉันติดตามตามเย่จิงเฉิงไปที่บริษัท?”
“หรือว่าจะมีอันตรายครั้งใหม่เกิดขึ้นกับเธอ?”
หลินหนานขมวดคิ้วในระหว่างที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องรับแขกกว้างใหญ่นั้น..