‘เทเลคิเนซิส? นี่มันเทเลคิเนซิสจริงๆหรือ? ไม่สินี่เราเรียนมันแล้วจริงๆ?’

 

 บทกวีแห่งผู้กล้ามีพลังอยู่หลายแบบ

 

 ลมปราณ พลังของเหล่านักรบที่ส่วนใหญ่ใช้เพื่อเสริมพลังให้ร่างกายตนเอง

 

 เวทย์มนตร์ พลังจากธรรมชาติที่จอมเวทย์รวบรวมแล้วปล่อยออกมาผ่านคาถา

 

 พลังจิต ต่างไปจากเวทย์มนตร์ที่เป็นทฤษฎี พลังจิตจะรับรู้ผ่านทางสัญชาตญาณเสียมากกว่า

 

 รัศมีเทพ พลังที่เทพต่างๆมอบให้แก่ผู้ศรัทธาของตน

 

 ผู้คนต่างเกิดมาพร้อมกับพลังบางอย่าง แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถรับรู้ถึงพลังจิตได้

 

‘นี่เราปลุกพลังจิตในตัวขึ้นมาแล้ว? แบบนี้เราจะปลุกพลังชนิดอื่นอย่าง ลมปราณ ได้ไหม? ถ้าเรามีรัศมีเทพ เราจะปลุกมันขึ้นมายังไง?’

 

 ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ตัวเขานี่มันสูตรโกงเดินได้ชัดๆ แม้แต้ล็อคค์หรือแซเฟียร์ก็ไม่สามารถปลุกพลังทั้งสี่ชนิดออกมาได้ครบหมด

 

 อินกองเปิดหน้าต่างทักษะขึ้นมา แล้วหยุดคิดชั่วขณะ เขาต้องตัดสินใจดีๆถ้าจะจะใช้แต้มของเขา

 

‘ไม่สิ ตอนนี้มันจำเป็น ถ้าเราเพิ่มขั้นให้เทเลคิเนซิส เราจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ง่ายขึ้น’

 

 เขากำลังอยู่กลางการต่อสู้ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมาห่วงงกแต้ม ถ้าเขาตายทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์

 

 อินกองทำหัวให้โล่งแล้วเงยหน้าขึ้นมา ทางออกข้างหน้าดูมีขนาดใหญ่กว่าทางเดินข้างใน แต่ด้วยปริมาณออร์คจำนวนมากที่สู้กันอยู่ ก็ทำให้มันดูเล็กลงทันตา

 

“ควากกกก!”

 

“แคคคคคคคค!”

 

 คารัคกำลังสู้กับไคชิน ในขณะที่ออร์คตัวอื่นก็สู้กับศัตรูข้างหน้าตน

 

 ออร์คคทาหมาป่าที่โจมตีอินกองเมื่อครู่ก็กำลังสู้กับออร์คตัวอื่นอยู่

 

‘นี่ฝั่งเรากำลังตกเป็นรองสินะ’

 

แผนที่ย่อบอกให้เห็นว่าปริมาณของทั้งสองฝ่ายมีพอๆกัน

 

 แต่การรบไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเพียงอย่างเดียว อินกองกลืนน้ำลายด้วยความสั่นเทาในขณะมองไปยังคารัค แม้ไคชินจะเป็นสมาชิกระดับสูงของเผ่าสายฟ้าชาด แต่คารัคก็สู้กับไคชินได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว

 

‘สมกับที่เป็นคารัค ค่อยคุ้มค่าที่ลงทุนเอาอาวุธให้ไว้ก่อน!’

 

“แอ่ก!”

 

“เคือกกก!”

 

 พื้นที่ระงมไปด้วยเสียงร้องจากบรรดาออร์คที่ล้มตาย อินกองรู้สึกสยองเมื่อเห็นคราบเลือดบนมืดที่เขาใช้ลอบโจมตีออร์คบริเวณรอบๆ

 

“แฮ่ก แฮ่ก”

 

 อินกองหอบอย่างหนัก เพราะเขาโดนเทเลคิเนซิสโจมตีตอนแรก ทำให้ร่างกายเขาใกล้ถึงขีดสุด

 

‘ทำยังไงดี? ถ้าเราอยากได้ค่าประสบการณ์ ตอนนี้เราก็ทำได้แค่ลอบโจมตีไปเรื่อยๆ’

 

 การที่จะให้อินกองไปสู้กับออร์คซึ่งๆหน้าในตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเป็นอย่างมาก ถึงเขาจะเก่งกว่า นาย ก ถึง 1.3 เท่าเลยก็เถอะ แต่ออร์คก็คือออร์ค ครั้นจะเอาออร์คมาเทียบกับ นาย ก มันก็เป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี

 

 แต่ว่าจะให้เขาคอยมองดูอย่างเดียว มันก็น่าเสียดาย แค่การรำดาบทั้งคืนก็ทำให้เขาเพิ่มเลเวลมาถึงเลเวล 5 การต่อสู้จริงๆย่อมทำให้เขาไปได้ไกลกว่านั้น

 

‘ที่เราต้องทำก็แค่ยันเอาไว้ให้ได้ก็พอ แต่จะทำยังไงนี่ละ?’

 

 เขาไม่สามารถที่จะโผล่หน้าเข้าไปอย่างกระทันหันแล้วจิ้มออร์คได้หรอกนะ

 

‘ต้องใช้อะไรบางอย่างที่ดีกว่ามีดนี่’

 

 มันไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะคอยหลบหนีจะการต่อสู้

 

‘ตกลงเราเพิ่มขั้นให้เทเลคิเนซิสดีไหมเนี่ย?’

 

 ถ้าเขาใช้แต้มทั้งหมดในตอนนี้ เขาอาจจะสามารถเพิ่มเทเลคิเนซิสไปได้ถึงขั้น 3 แต่มันก็เดาได้ยากว่าในแต่ละขั้นจะต้องใช้กี่แต้ม

 

‘ทักษะพวกพลังจิตมักจะใช้แต้มมากกว่าปกติ นี่ถ้าไปถึงขั้น 2 แล้ว ก็อาจจะจะใช้แต้มเยอะขึ้นไปอีกเวลาเลื่อนขั้น’

 

 เขาคงจะหงุดหงิดน่าดูถ้าแต้มเขาไม่เพียงพอที่จะเพิ่มให้ไปถึงขั้น 3 ได้

 

‘จะใช้แต้มทั้งหมดไปกับเทเลคิเนซิสก็ไม่ได้ซะด้วยสิ’

 

 ยังมี วิชาดาบ เป็นอีกทางเลือก ถ้าวิชาดาบเขาไปถึงขั้น4 มันก็ยังพอมีทางสู้ได้

 

 อินกองเปิดหน้าต่างทักษะขึ้นมา แต่เขากลับไม่ได้ยุ่งกับวิชาดาบตามที่คิดไว้

 

 นั่นเป็นเพราะสายตาเขาเหลือไปเห็นอะไรบางอย่าง

 

 [อาณัติ ขั้น -]

 

 ทักษะที่ยังไม่ได้เปิดทำงาน

 

 อาชาแห่งอาณัติแสดงอยู่ในเอกลักษณ์ของเขา

 

 เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในบทกวีแห่งผู้กล้า มันคืออะไรกันแน่? มีแม้กระทั้งทักษะเฉพาะ

 

‘อาณัติ’

 

 หัวใจของเขาสั่นระรัว มันเหมือนมีอะไรบางอย่างพยายามจะออกมาจากอกเขา

 

‘ลงทัณฑ์ ศิโรราบ…ปกครอง’

 

 คำเหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทันใดนั้นทุกอย่างรอบตัวก็มืดมิด เขาเห็นสตรีในชุดสีขาวปรากฏขึ้นมาตรงหน้า เธอมีนัยน์ตาสองสี แดงข้างหนึ่ง น้ำเงินข้างหนึ่ง บนเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์ของเธอประดับไว้ด้วย มงกุฎสีทอง เธอจ้องมองมายังอินกองด้วยแววตาโหยหา

 

“ทำอะไรก็ได้! ฆ่ามัน!”

 

 ออร์คตัวที่ถือคทาหมาป่าชี้นิ้วมาที่อินกองแล้วตะโกน ทำให้ออร์คที่เหลือไม่ว่าจะฝ่ายใดต่างหันมามองอินกอง แล้วก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าร่างของเขากำลังเรืองแสงขึ้นมา

 

“หยุดมัน!”

 

“ฆ่ามัน!”

 

“คุ้มกันองค์ชาย!”

 

 คารัคหันมาสั่งทหารของเขา ไคชินมองเห็นช่องโหว่ปรากฎจึงรีบเหวี่ยงค้อนใส่คารัคที่ไม่ทันตั้งตัว

 

“องค์ชาย?”

 

 นี่เป็นครั้งแรกที่ฉัตรไม่มีปฏิกริยาตอบสนองเวลาที่ถูกเรียก คารัคหลบค้อนของไคชินได้อย่างหวุดหวิดแล้วรีบเคลื่อนตัวเข้าใกล้อินกอง

 

“ตายซะ! ฆ่ามัน!”

 

 บุตรชายของจอมมาร

 

 ถึงฉัตรจะอ่อนแอ แต่จากมุมมองของไคชินที่เพิ่งหนีตายมาจากเคทลินกับคริสต์ องค์ชายต่างๆเปรียบเสมือนฝันร้ายของเขา

 

 คารัคเข้าไปขัดขวางไคชิน ออร์คที่เหลือก็แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ปกป้องอินกอง กับพยายามฆ่า

 

 อินกองไม่รู้สึกถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้นภายนอกใดใด เขากำลังยืนอยู่กับสตรีในชุดขาวในโลกที่เปรียบเสมือนจิตใต้สำนึกของเขา

 

 เธอกล่าวอะไรบางอย่างที่อินกองไม่ได้ยินออกมา ความมืดเข้าปกคลุมเธอ แล้วทุกสิ่งอย่างก็ค่อยๆอันตรธานหายไป

 

“องค์ชาย!”

 

“ฮ่ะ?”

 

 คารัคตะโกนเรียกทำให้อินกองกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ ค้อนขนาดใหญ่กระแทกลงมาอย่างแรงตรงบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อสักครู่

 

“ออร่าาาาาาาา!”

 

 คารัคโจมตีใส่ไคชิน การต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่ท่าจะหยุดยั้ง

 

 อินกองรีบคว้ามีดดวอฟขึ้นมา แต่แทนที่จะพุ่งเข้าร่วมการต่อสู้ สัญชาตญาณของเขาบ่งบอกให้เขาเปิดหน้าต่างสถานะ

 

 [อาชีพรอง: อาชาแห่งอาณัติ ขั้น 1]

 

 มีอาชีพใหม่เพิ่มขึ้นมาที่สถานะของเขา แน่นอนว่าสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาไม่ใช่เพียงอาชีพอย่างเดียว

 

‘ความสามารถของอาณัติก็คือบารมีของพระราชา!’

 

 อินกองรับรู้ได้ว่าทักษะอาณัติได้เปิดใช้งานเรียบร้อย

 

“ใต้ร่มเงากษัตริย์!”

 

 อินกองปักมีดของเขาลงที่พื้น ชั่วขณะนั้นก็มีแสงเจิดจ้ากระจายไปทั่วบริเวณ แสงเหล่านี้ค่อยๆรวมตัวกันเป็นเส้นเชื่อมระหว่างอินกองกับคารัค

 

 มันเป็นเวลาเพียงครู่เดียว

 

 แต่ก็เพียงพอให้อินกองปลุกบารมีของพระราชาขึ้นมาได้ พลังนี้ถูกถ่ายทอดไปยังคารัคในฐานะผู้ส่งสาส์นแห่งองค์ราชัน

 

‘โค่ววววววว!’

 

 คารัคเหวี่ยงขวานของเขาอย่างทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

“เคือกกก?”

 

 ไคชินโอดครวญที่ถูกคารัคดันกลับไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นคารัคก็เหวี่ยงขวานไปที่หัวของไคชิน มันเป็นการโจมตีอย่างต่อเนื่องที่ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าเกิดขึ้นได้

 

 หัวของไคชินถูกกระแทกอย่างแรงจนหลุดจากบ่า เลือดมหาศาลสาดกระเซ็นไปทั่วอาณาบริเวณ อินกองรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างผ่านทางตัวคารัค

 

 [เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]

 

 [เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]

 

 คารัคสร้างความดีความชอบให้กับพระราชาของเขา

 

 อินกองจ้องมองไปยังคารัค ถึงแม้เขาจะเพิ่มเลเวลขึ้นมา 2 ขั้น แต่เส้นแสงที่เชื่อมทั้งคู่ยังคงอยู่

 

“ลุยมัน คารัค!”

 

 หลังจากได้รับคำสั่งจากอินกอง คารัคดึงขวานของเขากลับมาจากร่างไร้วิญญาณของไคชิน เขาส่งเสียงคำรามศึกออกมาพลางสะบัดขวานเพื่อให้เลือดที่ติดอาวุธกระเซ็นออก

 

“สู้ สู้มัน! นั่นเป็นหนทางเดียวที่เราจะรอดไปได้!”

 

 ออร์คชาแมนที่ถือคทาหมาป่า ตะโกนสั่งออกมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ เหล่าออร์คเผ่าสายฟ้าชาดตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หลังจากที่เห็นไคชินถูกฆ่าตาย

 

“โค่ววววววววว!”

 

 คารัควิ่งบุกฝ่าพลางเหวี่ยงขวานไปมารอบตัว เหล่าออร์คเคราะห์ร้ายทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมบาดแผลสาหัส

 

“หนีเถอะ!”

 

 ออร์คตนหนึ่งตะโกนออกมา นั่นทำให้รูปกระบวนของพวกมันล้มระเนระนาด

 

 เผ่าสายฟ้าชาดพยายามวิ่งหนีกลับออกไปจากทางที่มันมา ออ์รคชาแมนตัวนั้นได้แต่สบถเบาๆพลางควงคทาเตรียมป้องกันตัวจากการบุกของคารัค

 

 เคล้ง เคล้ง!

 

 เสียงโลหะถูกเคาะตีจากการปัดป้องของคทาดังอยู่ได้ไม่นานก็เงียบลง ขวานของคารัคฟันทะลุคทาไปปักอยู่กลางอกของออร์คชาแมนตัวนั้น

 

“เคือกกก!”

 

 ก่อนที่จะหมดลมหายใจ ออร์คชาแมนพยายามใช้เทเลคิเนซิสโจมตีใส่คารัคเป็นครั้งสุดท้าย

 

 เป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังที่ต้องการดำรงชีวิตอยู่

 เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่เพลงดาบล่องนภา

 

 ออร์คชาแมนแสดงความมุ่งมั่นออกมาทางสายตา อินกองเอื้อมมือไปคว้ามีดของเขา

 

‘อีกนิดเดียวเท่านั้น!’

 

 การโจมตีของออร์คชาแมนไม่เกิดขึ้น สาเหตุก็เพราะมีโลหะแวววาวปักอยู่ด้านข้างลำคอของมัน

 

“…..!”

 

 ออร์คชาแมนรู้สึกถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกายของมัน สายตาอาฆาตราวงูพิษของมันถูกส่งให้กับอินกอง ถึงแม้จะมีมีดปักอยู่มิดด้ามที่คอของมันก็ตาม

 

‘ต้องให้มั่นใจว่ามันตายสนิท!’

 

 อินกองบิดแล้วกระชากมีดของเขาออกมา ร่างของออร์คชาแมนร่วงหล่นกองกับพื้นตรงหน้า

 

“แฮ่ก แฮ่…”

 

 เส้นแสงที่เชื่อมอินกองไว้กับคารัคค่อยๆหายไป ถึงแม้เขาจะเพิ่งเลื่อนเลเวลเมื่อสักครู่ แต่ร่างกายของเขาหนักอึ้งราวกับได้เหนื่อยล้าจนเต็มที่

 

“องค์ชาย”

 

 อินกองค่อยๆหันไปมองคารัค ร่างที่โชกไปด้วยเลือดทำให้มันดูราวกับปีศาจร้ายที่ถูกอัญเชิญมาจากภพภูมิอื่น คารัคชูขวานของมันขึ้นพร้อมกับหัวเราะ

 

“พวกเราชนะ ข้าเป็นคนตัดหัวของไคชิน นี่เป็นชัยชนะขององค์ชาย!”

 

“โอ้!”

 

“โอ้วววววววววววววว!”

 

 เหล่าออร์คที่เหลือล้วนสงเสียงคำรามแห่งชัยชนะออกมา

 

 อินกองล้มนั่งลงกับพื้นแล้วหายใจเข้าให้เต็มปอด เขาไม่เหลือแรงไปร่วมเชียร์กับเหล่าออร์ค

 

 ภายใต้เสียงกู่ร้องของเหล่าออร์ค อินกองได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาในหัว

 

 [เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]

 

 เลเวลแปด

 

 นั่นทำให้อินกองหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

 

 

จบบทที่ 1 – เปิดม่าน เริ่มบทที่ 2 – พันธมิตร

คำฝากจากผู้แต่ง:

อย่างที่หลายคนพอจะเดาได้ แกนเรื่องหลักก็คือ จตุรอาชาแห่งวันโลกาวินาศ

จู-อินกอง ก็คือ Conquest

ผมรู้ว่าบางพระคัมภีร์ใช้ Pestilence แต่ผมเลือก Conquest