ตอนที่ 11 ความเข้าใจผิด

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

ถ้าจะให้อธิบายล่ะก็ เจ้านี่น่ะมันเหมือนกับภูเขาที่สร้างจากก้อนเนื้อ ไม่สิ เหมือนกับมาร์ชเมลโล่

รูปร่างเหมือนภูเขาสูงที่มีสีเนื้อ แต่ก็นุ่มพอที่จะเปลี่ยนรูปร่างได้จากการสัมผัส

ความยืดหยุ่นนี้…ความเหนียวนุ่มนี้ ความเด้งดึ๋งนี้

ตอนนี้ชั้นกำลังเพลิดเพลินไปกับการบีบนวดหน่มน้มภูเขาไฟนี้อยู่

อา รู้สึกดีจริงๆ

ไม่นึกเลยว่าสถานการณ์ตัวประกันของฟาร่าซังจะถูกทำลายลงได้ด้วยพลังกล้ามของเวอร์เนลแบบนี้

อีเวนต์แบบนี้มันอะไรเนี่ย? ไม่เคยเห็นเลย?

ตอนที่สู้กับฟาร่าซังในเกมน่ะ ถ้าผู้เล่นไม่มีเอเทอร์น่าอยู่ด้วยล่ะก็ เวอร์เนลก็จะใช้พลังความมืด(หัวเราะ)จัดการเธอ แต่ถ้าเอเทอร์น่าอยู่ในปาร์ตี้ด้วยก็จะใช้พลังเซนต์จัดการเธอแทน

อีเวนต์นี้มันควรจะเป็นจุดที่ตัวเอกหรือนางเอกค้นพบพลังที่แท้จริงของตัวเอง

แต่ก็คิดไม่ถึงเลยนะ ว่ามันจะกลายเป็น”กล้ามเนื้อ”ไปได้

กล้ามโตขนาดดึงเชือกขาดกระจุยได้ จากนั้นก็ขว้างปีศาจปลิวไปแบบ เข้มแข็ง! ไร้เทียมทาน! ยอดแกร่ง! เนี่ย ใครมันจะไปคาดได้ล่ะ?[*Funsai! Gyokusai! Daikassai! เป็นมีมในญี่ปุ่นจากเรื่องเกมกลคนอัจฉริยะ GX ตอนที่ไคบะแมนสู้กับยูกิ จูได]

จริงๆในเกม”บุปผานิรันดร์”ก็มีรูทที่จบแบบโจ๊กๆแบบนี้เหมือนกันนะ

ยกตัวอย่างเช่น จะมีรูทนึงที่นางเอกเป็นคุณหนูไฮโซ ผู้เล่นจะต้องมีค่าพลังกายสูงพอก่อนถึงจะสามารถเล่นอีเวนต์ได้ ตัวเอกจะถูกเชิญไปยังคฤหาสถ์ของเธอ แต่ถ้าค่าหน้าตาไม่พอก็จะโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าไป

เป็นคนเชิญเองแท้ๆ ไม่ให้เข้าไปนี่หมายความว่าไงฟะ?

แต่ถ้าตัวเอกมีค่าพลังกายที่สูงมากๆล่ะก็ พวกยามก็จะ”หลงเสน่ห์”ในกล้ามจนให้ผ่านเข้าไปได้

ถ้าถูกเชิญมาที่คฤหาสถ์มากกว่าสามครั้ง และผ่านเข้าไปได้โดยใช้กล้ามครบสามครั้ง…ก็จะมีอีเวนต์ที่ตัวเอกจะโดนสารภาพรักโดยทหารยามแทน ไม่ดีใจเลยเว้ย

อนึ่ง ถ้าผู้เล่นตกลงรับคำสารภาพรักล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นที่ภาพที่เวอร์เนลใจเกเรยืนกอดกับทหารยาม จากนั้นก็เกมโอเวอร์

ไม่ใช่เกมเคลียร์แต่เป็นเกมโอเวอร์ นี่มันโหดร้ายเหลือเกิน

เป็นหลักฐานว่าเวอร์เนลมีโอกาสที่จะข้ามไปยัง”ฟากนั้น”อยู่ด้วย…

ไงก็เถอะ…อย่างน้อยชั้นก็ได้ขยำหน่มน้ม เพราะงั้นก็ถือว่าโอเคแล้วกัน

เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง

จริงอยู่ที่ชั้นอยากขยำหน้าอกเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็มีวัตถุประสงค์อื่นด้วยนะ

แน่นอนว่านวดนมยังเป็นเป้าหมายหลักอยู่วันยังค่ำ อีกอันก็แค่เป้าหมายรอง

แม่มดได้ปลูกฝังอะไรบางอย่างไว้ในตัวของฟาร่าซัง อะไรสักอย่างที่คล้ายกับหมอกสีดำ เธอถูกควบคุมโดยเจ้าสิ่งนี้นี่แหละ

เพราะว่ามีของแบบนี้ ชั้นเลยหาเรื่องขยำหน้าอกของเธอได้โดยไม่ผิดแปลกอะไร

หมอกดำนี่เอาเรื่องนี่หว่า

จริงๆถ้าหมอกมันไปอยู่ตรงช่วงท้องน้อยก็ไม่เลวนะ ถ้านี่เป็นเกมเอโรเกะล่ะก็ ต้องมีสถานการณ์แบบนี้แหงเลย

แล้วก็ต้องใช้ “ปืนใหญ่คลื่นไฟโลกันต์”ของเวอร์เนลในการรักษา ต้องมีเซ็ตติ้งประมาณนี้แน่ๆ

ชิ ถ้าหมอกดำพยายามอีกนิดล่ะก็ อาจจะได้มีฉากแบบนั้นแท้ๆ

เจ้าหมอกไม่ได้เรื่องนี่

ชั้นใช้พลังความมืด(หัวเราะ)ในตัวเพื่อขับหมอกดำออกมาจากร่างของฟาร่าซัง

พลังของเซนต์นั้นจำเป็นสำหรับการกำจัดพลังของแม่มด นั่นแปลว่าเอเทอร์น่านั้นเป็นส่วนสำคัญในการกำจัดหมอกดำนี้ หรือก็คือความตายในเซฟแรกของฟาร่าซังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง

จริงๆแล้วก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ชั้นสามารถช่วยเธอได้โดยไม่ใช้พลังของเซนต์

ด้วยการใช้พลังของแม่มดเอง นอกจากพลังของเซนต์แล้ว พลังแม่มดก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำลายพลังแม่มดได้

แต่นอกจากสองอย่างนี้ แม่มดก็ถือได้ว่าไร้เทียมทานเลยล่ะ ต่อให้โดนโจมตีด้วยเวทมนตร์ระดับที่ถล่มได้ทั้งเมืองก็ยังสามารถรอดมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน

อาจจะมีขีดจำกัดอยู่ก็ได้นะ สมมติว่าเอานิวเคลียร์ทั้งลูกมาโยนใส่ ก็คิดว่าเธอน่าจะตายอยู่ แต่โลกนี้น่ะไม่มีอาวุธมหาประลัยแบบนั้นหรอก

หรือก็คือ ในโลกนี้น่ะ พลังที่มีค่าจริงๆก็มีแค่ “พลังเซนต์” และ “พลังแม่มด”

เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีแค่สองพลังนี้ เป็นเพราะว่าทั้งสองพลังมีต้นกำเนิดเดียวกัน…อุ๊บส์ นั่นเป็นสปอยล์นะ ไม่ควรจะรู้ตั้งแต่ช่วงนี้ของเรื่อง

ไงก็ตาม ฟาร่าซังสามารถถูกช่วยได้ด้วยพลังแม่มด

โอเค เยี่ยม! ได้มาแล้ว!

พอดึงมือกลับ หมอกดำในตัวฟาร่าซังก็ลอยติดมือขึ้นมาด้วย

พอบีบมันปุ๊บ มันก็สลายกลายเป็นละอองแสงไป

“เอ่ออ…ท่านเซนต์คะ สิ่งนั้นมันคืออะไร?”

ตัวประกันคนหนึ่งถามอย่างงงๆ

หือ? เธอเป็นใครเนี่ย? ไม่เคยเห็นเธอในเกม แต่น่ารักไม่เลวเลย

พอลองนึกดูดีๆ เธอเหมือนกับสาวน้อยที่ชั้นรักษาใบหน้าให้เมื่อสามปีก่อนเลย

ใช่แล้ว ชั้นจำได้ละ เธอคือสาวน้อยน่ารักคนนั้นนี่เอง

“คุณเติบโตเป็นสาวงามได้เช่นนี้ ทำให้ชั้นดีใจจริงๆค่ะ”

พอบอกไปว่า “เธอโตมาเป็นสาวสวย” อยู่ๆเธอก็ทำท่าซึ้งทำไมไม่รู้

“ท่านยังจำดิฉันได้…ทั้งที่เราเคยพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแท้ๆ”

ก็นะ ชั้นไม่ลืมสาวน้อยน่ารักอย่างเธอหรอก

อ๊ะ ใช่ ต้องมีสมาธิกับหมอกดำนี่ก่อน

เจ้านี่เป็นสิ่งที่ควบคุมฟาร่าซังอยู่ ฟาร่าซังเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน อย่าไปโทษเธอมากนักเลยนะ

เธอก่ออาชญากรรมก็จริง แต่เห็นแก่หน่มน้ม ช่วยยกโทษให้เธอด้วย

“ท่านเอลริสครับ… ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ผมคือทหารเกณฑ์ที่ท่านช่วยไว้ในตอนนั้น ชื่อว่าจอห์นครับ…จริงหรือครับที่ฟาร่าเซนเซย์ไม่ได้ทำแบบนี้ด้วยความต้องการของเธอเอง?”

อ๋า? นายเป็นใครน่ะ?

ชั้นไม่จำพวกผู้ชายให้เปลืองสมองหรอกนะ

…ก็อยากจะพูดแบบนั้น แต่เพราะว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย จึงเลืกที่จะอยู่เงียบๆพร้อมพยักหน้าเป็นการตอบ

เออ ตูมันขี้ขลาด

ในขณะที่คุยกันอยู่นี้ มีเสียงใครบางคนที่กำลังวิ่งลงมาที่ชั้นนี้

คนที่พังประตูเข้ามาคือสต๊อกโกะจังและพวกองครักษ์

“ท่านเซนต์คะ ยังปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหมคะ?!”

“ชั้นยังสบายดีค่ะ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

พอพูดแบบนั้น สต๊อกโกะจังก็รีบวิ่งเข้ามาหาชั้นพร้อมน้ำตานองหน้า

“ดิฉันดีใจ…จริงๆค่ะ…ดีจริงๆที่ท่านปลอดภัย ท่านเซนต์คะ ได้โปรด…ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้อีกเลยนะคะ”

อ๊ะ นี่เธอเป็นห่วงชั้นเหรอ มีจุดที่น่ารักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

แต่นั่นก็จะทำให้เรื่องที่จะเกิดในอนาคตแย่ลงไปอีก

การทรยศน่ะไม่ใช่ปัญหา จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

เธอคือหัวกะทิที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กเพื่อจะรับใช้เซนต์ อาจพูดได้ด้วยซ้ำว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้เซนต์เพียงอย่างเดียว

เพราะอย่างนั้น คนที่เธอควรจะรับใช้ก็คือเซนต์ตัวจริงเอเทอร์น่า แต่เธอกลับต้องรับใช้ตัวปลอมมาตลอด

ขนาดตอนที่ชั้นเล่นเกมอยู่ ยังทนไม่ได้จนต้องตะโกน “พอแล้ว ไม่ต้องทนแล้ว! รีบๆทิ้งอีเปรตนั่นไปได้แล้ว!”

เพราะงั้นชั้นถึงอยากให้เธอแยกห่างจากชั้นแล้วไปรับใช้เอเทอร์น่าแทน แค่คิดว่าเธอจะพูดอะไรตอนที่ความจริงถูกเปิดเผย ก็สร้างดาเมจทางด้านจิตใจให้ชั้นพอสมควรแล้ว

อย่างน้อยก็จะสนิทกันไว้จนเซนต์ตัวจริงถูกเปิดเผยแล้วกัน

อื้ม เรียกเธอว่าสต๊อกโกะจังมันไม่ดี เรียกแค่ว่าเลย์ล่าแล้วกัน

ตอนที่คิดอย่างนั้นอยู่ เลย์ล่าก็เดินตรงไปหาฟาร่าซังที่นอนอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วก็ชักดาบออกมา

“นังแพศยา! แกกล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับท่านเซนต์…ไอ้เจ้าความอับอายของสถาบัน! ไม่ต้องรอจนเจ้าโดนพิพากษาหรอก! ข้านี่แหละจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆตอนนี้เลย!”

โอ้ย ยัยสต๊อกโกะ!?

ชั้นรีบกางเวทย์ป้องกันไว้ที่แขน และรีบเอาไปขวางดาบของเธอไว้

เกือบไปแล้ว ถ้าชั้นร่ายเวทย์ป้องกันไม่ทันล่ะก็ ป่านนี้แขนอาจจะด้วนไปแล้วก็ได้

“ท่านเซนต์คะ ทำไมท่าน-ไม่สิ แขนของท่าน! แขนของท่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ดูสิ”

ถ้าชั้นบาดเจ็บที่นี่ล่ะก็ ความจะแตกว่าชั้นเป็นตัวปลอมเอาน่ะสิ

เหมือนที่แม่มดจะบาดเจ็บได้จากพลังเซนต์และพลังแม่มดเท่านั้น เซนต์เองก็สามารถได้รับบาดเจ็บได้แค่จากสองพลังนี้เช่นเดียวกัน

ฟาร่าซังถูกควบคุมด้วยพลังแม่มดอยู่จึงไม่แปลกที่ชั้นจะได้รับบาดเจ็บจากสิ่งนั้น แต่ถ้าชั้นเป็นแผลจากดาบธรรมดานี่สิที่จะแปลก

นอกเรื่องนิดหน่อย ตอนที่เอลริสในเกมโดนจับได้ว่าเป็นตัวปลอม ก็มาจากการที่เธอได้รับบาดเจ็บนี่แหละ

เพื่อทำให้สต๊อกโกะที่กำลังตกใจได้ใจเย็นลง ชั้นบอกเธอไปว่า “ชั้นจะได้รับบาดเจ็บจากพลังแม่มดหรือพลังเซนต์เท่านั้น”

นั่นเป็นเรื่องโกหก!

ชั้นพูดต่อว่า “เธอคนนี้น่ะเป็นแค่เหยื่อที่ถูกควบคุมเท่านั้น กรุณายกโทษให้เธอด้วยเถอะค่ะ” ถึงข้อสงสัยจะยังไม่กระจ่าง ฟาร่าจึงโดนเพียงแค่ควบคุมตัวไปเท่านั้น

หลังจากนั้นชั้นก็โดนสต๊อกโกะลากกลับไป เลยไม่มีโอกาสได้คุยกับพวกเวอร์เนล

.

เอเทอร์น่ามีความลับที่ไม่เคยบอกใครอยู่

ตั้งแต่ยังเด็ก…ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย

หรือถ้าพูดตรงๆ เธอไม่เคยได้รับบาดเจ็บนอกจากเธอจะทำตัวเอง

ในตอนแรกเธอก็นึกว่าแค่คิดไปเอง ไม่ได้คิดลึกอะไรไปมากกว่านั้น

แต่เธอมารู้ตัวว่านี่เป็นเรื่องประหลาดแค่ไหนก็ตอนที่เธอถูกโจมตีโดยหมีในป่า

เธอถูกกงเล็บแหลมๆของมันตะปบเอาแน่ๆ เธอถูกเขี้ยวใหญ่ๆของมันกัดเอาแน่ๆ

แต่ว่า…เธอไม่รู้สึกเจ็บเลย เสื้อผ้าที่ใส่อยู่อาจฉีกขาด แต่กลับไม่มีรอยขีดข่วนบนร่างกายของเธอ

เหตุผลที่เอเทอร์น่าอุตส่าห์มาเข้าร่วมสถาบันอัศวินเวทย์ร่วมกับเวอร์เนลนั้นไม่ใช่เพียงเพราะเธอเป็นห่วงเขาเท่านั้น

เธอต้องการจะรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น

เธอคิดว่าโรงเรียนแห่งนี้คือคลังความรู้ที่เธอต้องการ

และแล้วเธอก็ค้นพบเหตุผลในคาบเรียน… “เซนต์และแม่มดสามารถได้รับบาดเจ็บจากพลังของอีกฝ่ายหรือตนเองเท่านั้น”

คำอธิบายนี้ทำให้เธอนึกย้อนถึงเรื่องที่เธอยังสามารถได้รับบาดเจ็บได้หากเธอเป็นผู้ลงมือเอง

ถ้าอย่างนั้น เธอคือเซนต์เช่นนั้นหรือ?

แต่โลกนี้มีเซนต์อยู่แล้ว และเธอยังเป็นผู้ที่ถูกขนานนามว่า เซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เอลริส

ข้อมูลที่เธอได้รับจากในการเรียนนั้นยากที่จะเชื่อ สามารถกวาดล้างทัพปีศาจนับพันได้ด้วยตัวคนเดียว ผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บทุกคนถูกรักษาหายเป็นปลิดทิ้งในทุกหมู่บ้านที่เธอผ่านทาง เธอเปลี่ยนพื้นดินรกร้างเป็นทุ่งดอกไม้ในที่ที่เธอเดินผ่าน…ยากที่จะสามารถเชื่อมเรื่องเหล่านี้กับความเป็นจริงได้

ไม่มียุคสมัยใดที่มีเซนต์ปรากฏขึ้นในโลกสองคนพร้อมกัน หากเป็นอย่างนั้น หนึ่งในนั้นจะต้องไม่ใช่เซนต์

แต่จะมีความเป็นไปได้หรือที่จะบอกว่าเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างเอลริสนั้นเป็นตัวปลอม? ไม่ คำตอบคือเป็นไปไม่ได้

ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เอเทอร์น่ากังวลใจ ก็คือเรื่องการคงอยู่ของแม่มดรุ่นปัจจุบัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ใด ไม่มีใครรู้ทั้งชื่อและหน้าตาของเธอ

ว่ากันว่าเธอกำลังหลบหนีเอลริสอยู่…แต่จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือ?

ถ้า…แค่ถ้านะ ถ้าแม่มดตนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแม่มดล่ะ?

ถ้ามีคนสองคนที่มีคุณลักษณะของเซนต์ คนหนึ่งในนั้นก็จะเป็นเซนต์ ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นแม่มด

เอลริสไม่มีทางเป็นแม่มด นั่นเป็นไปไม่ได้

รู้หรือเปล่าว่าเธอขจัดปีศาจไปมากมายแค่ไหนในแต่ละวัน? ผู้คนมากมายเพียงใดที่ถูกเธอช่วยเหลือไว้? เธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรหากเธอเป็นแม่มด?

…ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะทำแบบนั้น สิ่งที่ทำลงไปมีแต่จะทำให้ตนเองเสียเปรียบ

เอเทอร์น่าแบกรับความรู้สึกกระวนกระวายนี้เอาไว้จนเกือบจะถล่มใส่

นี่เป็นแค่ข้อสงสัย เป็นสิ่งที่เธอต้องการปฏิเสธ

แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เธอจะคิดว่า… หรือว่าเธอนั่นล่ะคือแม่มด…

ความกระวนกระวายนั้นยิ่งจะขยายเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่เธอได้พบเอลริสตัวเป็นๆ

เธอครอบครองพลังที่สามารถลบล้างฝูงของปีศาจชั้นสูงได้ในพริบตา ผนวกกับความงดงามที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาได้

คำว่า”เซนต์”ปรากฏตัวในรูปร่างของมนุษย์

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนยิ่งเห็นชัดขึ้นได้เรื่อยๆ

แม้กระนั้นเธอก็ยังมีความหวังอยู่เล็กๆ…ว่าเอลริสอาจจะเป็นตัวปลอม

เธออาจเป็นแค่สามัญชนที่มีพลังเวทมนตร์มหาศาล นั่นอาจจะเป็นไปได้

ถึงแม้ความเป็นไปได้นั้นจะน้อยนิดจนแทบไม่มี แต่เพราะเอเทอร์น่าต้องการจะปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าตัวเธอคือแม่มด เธอหวังว่าจะเป็นแบบนั้น

แต่ความเป็นจริงตรงหน้านั้นไม่เป็นตามที่หวัง

เอลริสรับรู้ถึงสิ่งที่เอเทอร์น่าไม่อาจสังเกตได้ ว่ามีพลังของแม่มดสถิตอยู่ในร่างของฟาร่า และเธอก็ยังดึงมันออกมาได้อีก

ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังรู้ด้วยว่าฟาร่าถูกควบคุมโดยพลังนั้น

ในตอนแรกที่เธอเห็นเอลริสจับหน้าอกของฟาร่า เธอยังคิดเลยว่าเอลริสมีรสนิยมแบบนี้เองหรือ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ผิด

เอลริสไม่มีความคิดโสมมเช่นนั้นเลย

เธอเพียงต้องการจะช่วยเหลือฟาร่าอย่างสุดกำลัง นั่นทำให้เอเทอร์น่ารู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นโง่เขลาแค่ไหน

“คุณ…เราเคยพบกันมาก่อนสินะคะ ที่หมู่บ้านฟาวล์ คุณดูงดงามขึ้นจากตอนนั้นมากเลยค่ะ ชั้นเกือบจะไม่สามารถจำคุณได้เลย”

“ท่านยังจำดิฉันได้…ทั้งที่เราเคยพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแท้ๆ”

“ไม่มีทางที่ชั้นจะลืมหรอกค่ะ”

“ปะ-เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ…”

“อ๊ะ และหมอกนี้ก็คือสิ่งที่คอยควบคุมฟาร่าซังอยู่ค่ะ…เป็นพลังของแม่มด เธอเป็นเพียงเหยื่อที่ถูกควบคุมให้ทำสิ่งเลวร้ายเหล่านี้”

“ยะ-เหยื่อหรือคะ…แต่สิ่งที่อาจารย์ทำน่ะ…สามารถเรียกได้ว่าเป็นกบฏต่อประเทศนี้ ไม่สิ โลกนี้เลยนะคะ การพยายามฆ่าท่านเซนต์น่ะ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกโทษให้ได้เลย”

“เป็นความจริงที่เธอได้ก่อบาปไว้ค่ะ แต่กรุณายกโทษให้เธอด้วย ชั้นคิดว่าการที่สามารถยกโทษให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยค่ะ”

ในระหว่างที่พูดแบบนั้น เธอกำมือลงเพื่อทำลายควันสีดำนั้นโดยใช้พลังของเซนต์

สิ่งที่สามารถทำลายพลังของแม่มดได้มีเพียงพลังของเซนต์เท่านั้น

นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้

ในขณะนี้ กระทั่งในใจของเอเทอร์น่าเองก็คิดว่าโอกาสที่เอลริสจะเป็นเพียงสามัญชนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

ราวกับจะตอกตะปูปิดฝาโลง ในขณะที่องครักษ์ที่เร่งรีบเข้ามาพยายามจะสังหารฟาร่าลงด้วยดาบ

เอลริสใช้แขนเปล่าๆของตัวเองกันการโจมตีนั้นไว้…ที่แขนนั้นไม่มีแม้แต่บาดแผล

“ท่านเซนต์คะ ทำไมท่าน-ไม่สิ แขนของท่าน! แขนของท่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”

“ไม่เป็นไรจ้ะ น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ว่าชั้นจะสามารถได้รับบาดเจ็บจากพลังของแม่มดหรือเซนต์เท่านั้นน่ะ”

เอเทอร์น่ารู้สึกหดหู่ใจ

เธอรู้สึกหดหู่ที่ได้รับการยืนยันว่าเอลริสนั้นไม่ใช่ตัวปลอม

อา…เธอคนนั้นน่ะเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เอลริสคือเซนต์ที่แท้จริง

เธอรับรู้ถึงพลังของแม่มดและลบล้างมันทิ้งไป เธอช่วยเหลือกระทั่งผู้ที่ถูกควบคุม… ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังรับดาบมือเปล่าได้โดยไม่สะทกสะท้าน

เธอทั้งแข็งแกร่ง งดงาม…และใจดี

กระทั่งในตอนที่เอเทอร์น่าเอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอลริสกลับช่วยเหลือผู้คนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดอยู่แล้ว

เธอนำตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยคนเพียงเจ็ดคน

นี่คือ…ตัวจริง แตกต่างจากตัวเธอลิบลับเลย

ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ พลัง…หรือแม้แต่ความเป็นมนุษย์

หลังจากนั้น เอลริสก็ถูกพวกองครักษ์พากลับปราสาทไป แต่เอเทอร์น่าไม่อาจทำใจให้เย็นลงได้

ในที่สุดเธอก็เข้าใจ ว่าเธอคืออะไร ว่าจริงๆแล้วเธอคือใครกันแน่

ถ้ามีคนสองคนที่มีคุณลักษณะของเซนต์ คนหนึ่งในนั้นก็จะเป็นเซนต์ ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นแม่มด

โอกาสที่เอลริสจะเป็นตัวปลอมนั้นคือศูนย์ โอกาสที่เธอจะเป็นแม่มดยิ่งน้อยไปกว่าศูนย์ เป็นตัวเลขที่ติดลบ

เซนต์ตัวจริงอยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นตัวเธอที่มีคุณลักษณะแบบเดียวกันคือใครกันล่ะ? เด็กสาวที่ชื่อเอเทอร์น่าคนนี้เป็นใครกัน?

ไม่มีใครเคยพบเห็นแม่มดของยุคสมัยนี้ ทั้งหน้าตาและชื่อของเธอล้วนเป็นปริศนา

และ ณ ที่นี้ มีเด็กสาวที่มีคุณลักษณะตรงกับแม่มดอยู่

“อา…เข้าใจล่ะ…”

เอเทอร์น่าเดินโซซัดโซเซอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับไปที่ห้อง

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกดูมืดหม่นไปหมด โลกที่เคยสดใสกลับดูอนาถาขึ้นมาทันใด

ไม่ เธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

ก็ช่วยไม่ได้ ก็เพราะเธอน่ะคือ…

“ชั้นเองสินะ…ที่เป็น…แม่มด…”