วันรุ่งขึ้นหลังจากเซ็นสัญญาระยะยาวกับครอบครัวโทโจ

ในช่วงเช้าของฤดูร้อนที่ผืนฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวในที่สุด ฮารุโตะกางหนังสืออ้างอิงบนโต๊ะแล้วขยับปากกาบนสมุดบันทึก พลางรับสายลมอันแผ่วเบาที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง

วันๆของช่วงกลางฤดูร้อนที่ดวงตะวันสาดส่องอย่างไร้ปราณี มีเพียงช่วงเช้าเช่นนี้เท่านั้นที่อากาศเย็นสบายเล็กน้อย ฮารุโตะที่เครื่องปรับอากาศในห้องอาการย่ำแย่ มักอ่านหนังสือในช่วงเวลานี้

ตัวเขาผู้ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดจดจ่ออยู่กับการเรียนอย่างตั้งใจใต้ผืนฟ้ายามรุ่งอรุณ แต่เมื่อได้ยินเสียงนกอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็หันสายตาออกไปนอกหน้าต่าง

「ลงสัญญาระยะยาวไปจนได้สินะ……」

ทันใดนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านโทโจเมื่อวานก็ผุดขึ้นในหัว

อิคุเอะผู้ดีใจที่ได้เห็นบ้านที่สะอาดหลังทำความสะอาดแล้ว เรียวตะและชูอิจิผู้ที่กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

และอายากะผู้ที่กล่าว「รบกวนด้วยนะ โอสึกิคุง」อย่างเขินอายแต่กลับเผยสีหน้ามีความสุขเล็กน้อย

พอนึกถึงเหล่าคนในครอบครัวโทโจผุดสีหน้าพึงพอใจในสกิลงานบ้านของฮารุโตะ ตัวเขาก็ผุดยิ้มมุมปากอย่างเป็นธรรมชาติ

「รับทำงานบ้านแทน ……อาจจะคุ้มค่าให้ทำกว่าที่คิดก็ได้」

ฮารุโตะพึมพำกับตัวเอง พร้อมแหงนมองผืนฟ้าจากทางหน้าต่างซึ่งมีผ้าม่านราตรีต้องแสงจากเส้นขอบฟ้า

หลังจากเรียนไปได้อีกพักหนึ่ง ฮารุโตะก็ได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวดังมาจากชั้นล่าง ตัวเขาจึงหยุดปากกาและปิดหนังสืออ้างอิง

「คุณยายตื่นแล้วรึเปล่านะ? คงได้เวลาเตรียมข้าวเช้าแล้วสินะ」

ฮารุโตะวางปากกาพร้อมยืดบิดขี้เกียจดัง「อื้อー」จากนั้นก็ออกจากห้องแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องครัวที่อยู่ชั้นแรก

「อรุณสวัสดิ์ฮารุโตะ」

「อรุณสวัสดิ์ คุณยาย」

พอลงมาก็เห็นคุณยายกำลังทอดไข่อยู่ในครัวแล้ว

「ตายแล้ว? นัตโตะใกล้จะหมดแล้วนี่นา」

ยายที่ทอดไข่เสร็จแล้ว กล่าวพร้อมมองเข้าไปในตู้เย็น

「ผมไปซื้อให้เอง พอดีวันนี้หลังทานข้าวเช้าเสร็จกะว่าจะไปโรงฝึกสักหน่อยน่ะ เดี๋ยวขากลับผมแวะซื้อให้」

「งั้นเหรอ? ถ้างั้นฝากด้วยนะ」

「รับทราบ」

ฮารุโตะโยนต้นหอมที่สับแล้วลงในน้ำซุป พร้อมตอบกลับผู้เป็นยาย

หลังจากนั้นฮารุโตะก็เปิดช่องแช่ผักในตู้เย็น

「คุณยาย ผมขอใช้ผักโขมในนี้ได้รึเปล่า?」

「ตามสะบาย」

พอยายอนุญาต ฮารุโตะก็หยิบเอาผักโขมสองมัดออกจากช่องแช่ผักระหว่างนั้นก็ถือโอกาสเอาเต้าหู้ออกมาด้วย

ระหว่างน้ำในกาต้มไฟฟ้ากำลังเดือด ฮารุโตะก็หั่นเต้าหู้ลงในน้ำซุปที่กำลังเดือดแล้วปิดไฟ จากนั้นก็ละลายมิโซะลงไป

「จะว่าไปฮารุโตะเอ้ย พาร์ทไทม์เป็นยังไงบ้าง? ราบรื่นรึเปล่า?」

「สมบูรณ์แบบเลยล่ะ ต้องขอบคุณสิ่งที่คุณยายสอนมาจนถึงตอนนี้ล่ะนะ」

「งั้นเหรอๆ ดีแล้วล่ะ」

ยายยิ้มอย่างภูมิใจพร้อมเทน้ำร้อนจากกาต้มลงหม้อ จุดไฟและลวกผักโขม

「ทำงานวันแรก พอผมทำแฮมเบิร์กสูตรลับของคุณยายให้กิน ก็โดนชมไม่หยุดปากว่าอย่างกับอาหารในร้านหรูเลยแน่ะ」

ฮารุโตะกล่าวอย่างภูมิใจพลางตักข้าวที่หุงสุกใหม่ๆจากหม้อหุงข้าวใส่ชาม 

「ตายแล้ว ดีจังเนอะ」

「ทั้งหมดก็เป็นเพราะคุณยายนั่นแหละ ขอบคุณครับ คุณยาย อ๊ะ ทำผักโขมให้เย็นเดี๋ยวผมจัดการเอง」

ฮารุโตะใช้กระชอนตักผักโขมที่สีได้ที่แล้วขึ้นมา และแช่ลงในน้ำเย็น

ระหว่างนั้นผู้เป็นยายก็ตักซุปมิโซะที่ทำเสร็จแล้วใส่ชาม นำใส่ถาดพร้อมเครื่องเคียงและถือไปวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น

ฮารุโตะเองก็หั่นผักโขมที่สะเด็ดน้ำมันแล้วเป็นชิ้นๆ ราดซุปขาวลงไปและโรยหน้าด้วยปลาโอตากแห้งและเมล็ดงาบด

「เอาล่ะ ข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย」

ฮารุโตะตักซุปใส่จานใบเล็ก นำไปวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลง

「ถ้างั้นเริ่มกินกันเลยเนอะ」

「อื้ม ทานแล้วนะครับ」

ทั้งคู่พนมมือและเริ่มรับประทานมื้อเช้า

ฮารุโตะยื่นตะเกียบไปคีบไข่ทอดที่ยายทำเป็นอันดับแรก

「อร่อยจัง ไข่ทอดของคุณยาย ทำไมถึงอร่อยได้ขนาดนี้กันนะ? ต่างกับที่ผมทำตรงไหนกันนะ?」

「ที่ฮารุโตะก็อร่อยพอแล้วจ่ะ」

「ไม่เลย ไข่ทอดของผมยังห่างไกลจากของที่คุณยายทำอีกเยอะ ……」

ฮารุโตะครุ่นคิดพลางจ้องมองไข่ทอดหลังกัดเข้าไปคำแรก

ท่าทีเช่นนั้นของหลาน ทำให้ผู้เป็นยายหรี่ตาลงและผุดสีหน้าอ่อนโยน

「จะว่าไปฮารุโตะเอ้ย ยังหาแฟนไม่ได้อีกรึ?」

「อึก!? อะ อืม……นั่นสินะ」

คำถามอย่างกะทันหันของยาย ทำเอาฮารุโตะเกือบทำไข่ทอดที่คีบอยู่หล่น

「 ฮารุโตะเองก็อยู่ม.ปลายปี2แล้วใช่ไหมล่ะ? ปกติต้องหาแฟนได้แล้วไม่ใช่เหรอ?」

「ไม่ไม่ไม่!ไม่ปกติสักนิด ที่โรงเรียนของผมพวกที่มีไม่มีแฟนน่ะ มีเยอะกว่าพวกที่มีแฟนราวฟ้ากับเหวเลยแหละ?」

「เป็นอย่างที่พูดจริงเหรอ?」

ผู้เป็นยายผุดสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อยให้ถ่อยคำของฮารุโตะ

สีหน้าเช่นนั้นของผู้เป็นยาย ทำเอาฮารุโตะรู้สึกทรมานราวกับหน้าอกถูกกดเล็กน้อย

ผู้เป็นยายเริ่มถามฮารุโตะว่ามีแฟนหรือยังก็ตั้งแต่อาการของเอวเริ่มแย่ลง ยายผู้กังวลว่าฮารุโตะจะหาแฟนได้หรือเปล่า ฮารุโตะที่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของคำถามนั้นดี ผุดยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกที่ราวกับอับจนหนทาง

「เป็นอย่างที่พูดจริงๆ! ก็ตอนนี้มันไม่เหมือนกับสมัยของคุณยายแล้วนี่นา」

ฮารุโตะพูดต่อพร้อมพยายามรักษาน้ำเสียงให้ร่าเริง

「แล้วก็ ถึงจะมีแฟนตอนนี้ ก็แต่งงานกับเธอคนนั้นไม่ได้อยู่ดี เพราะผมยัง17อยู่นี่นา?」

「ก็ นั่นสินะ」

「ใช่แล้ว! ……เพราะงั้น เอาเป็นว่า คุณยายอย่าห่วงไปเลย เพราะสักวันผมจะพาแฟนสาวสุดน่ารักมาแนะนำให้คุณยายรู้จักเองยังไงล่ะ!」

ฮารุโตะประกาศกับยายผู้ซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของตัวเองอย่างมั่นใจ

「แหมงั้นเหรอ?ถ้างั้นก็ต้องตั้งตารอแล้วสิ」

ยายผุดยิ้มอย่างสงบให้คำประกาศของหลาน

―…―…―…―…―…―…―…―…―…―

ยามดวงตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ทำให้สังหรณ์ใจว่าวันนี้ก็คงร้อนจัดเช่นเคย ด้วยอากาศในยามเช้าที่ยังคงอุณหภูมิอยู่สบาย ฮารุโตะค่อยๆก้าวเท้าเดินผ่านเขตที่อยู่อาศัยอันเงียบสงัด พร้อมชายตามองเหล่าผู้คนที่ออกมาวิ่งยามเช้าเพื่อรักษาสุขภาพ

「แฟนเหรอ……」

ฮารุโตะย้อนนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับยายตอนมื้อเช้า

พิจารณาจากอายุขัยที่เหลืออยู่ของยาย เป็นเรื่องปกติที่ตัวเธอจะรู้สึกเป็นห่วงเรื่องต่างๆของหลานที่ตนทิ้งไว้ข้างหลัง

ฮารุโตะถอนหายใจ「ฟู」ออกมาสั้นๆ

(ถ้าเอาแฟนไปแนะนำ คุณยายคงดีใจสุดๆเลยล่ะนะ)

ตัวเขาผู้อยากเห็นใบหน้าอันเปี่ยมสุขของยายและอยากทำให้เธอสบายใจ

(แต่ว่านะ……แฟน……เหรอ)

ฮารุโตะในตอนนี้ นึกภาพที่ตนได้ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับแฟนไม่ออกด้วยซ้ำ

「ตอนนี้แค่เรียนกับทำงานก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปหาแฟนหรอก」

ขณะพึมพำเช่นนั้น รอยยิ้มของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของฮารุโตะ รอยยิ้มของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าน่ารักที่สุดในโรงเรียน

「ไม่ๆไม่ไหวหรอกมั้ง ถ้าได้ใกล้ชิดกับคุณโทโจมากกว่านี้ละก็ ได้โดนพวกผู้ชายในโรงเรียนยำเละก่อนได้เรียนจบแน่」

ฮารุโตะส่ายหัว เพื่อลบภาพของหญิงสาวที่กำลังหัวเราะออกจากหัว

ระหว่างที่กำลังทำแบบนั้น ฮารุโตะก็มาถึงจุดหมาย ตรงหน้าของเขาคือประตูที่มีคำว่า『โรงฝึกโดจิมะ・เคียวคุอินคาราเต้』เขียนอยู่บนแผ่นไม้หน้ามันเงา

ฮารุโตะย่องผ่านประตูสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งมีแผ่นป้ายติดอยู่ เข้าไปในโรงฝึก

พื้นปูด้วยไม้กระดาน ตรงผนังแขวนม้วนกระดาษซึ่งเขียนข้อพึงปฏิบัติ『จิตใจเทคนิคร่างกาย』และ『เริ่มด้วยการเคารพจบด้วยการเคารพ』กำกับไว้

พอสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก็ได้กลิ่นของเหงื่อเจือปนกับกลิ่นหอมของไม้ ฮารุโตะจึงคลายสีหน้า

เนื่องจากนโยบายการฝึกสอนของตา สำหรับฮารุโตะผู้ที่เข้าฝึก ณ โรงฝึกแห่งนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ที่นี่ก็เปรียบดั่งบ้านหลังที่สองของตัวเขา

「อรุณสวัสดิ์ครับ!」

ฮารุโตะเข้าไปในโรงฝึก โค้งคำนับพร้อมกล่าวทักทาย

ชายร่างยักษ์ผู้หนึ่งส่งเสียงทักกลับ

「โอ้ ฮารุโตะ อรุณสวัสดิ์!ในที่สุดก็โผล่หัวมาจนได้สินะ พอนายไม่อยู่ก็ไม่มีใครเป็นคู่ซ้อมให้ฉันซักคน น่าเบื่อเป็นบ้า!」

「อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่คาซึ」

ฮารุโตะกล่าวทักทาย ชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตร ผมสั้นแหวกข้างสามเส้น

แววตาเฉียบคม คิวบางเน้นย่ำความเฉียบคมของแววตาให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

และ รายแผลเป็นที่ลากยาวตั้งแต่ขมับถึงมุมปาก

หากมองจากมุมมองของคนที่ไม่รู้จักชายผู้นี้เลย ร้อยทั้งร้อยก็คงคิดว่าเขาเป็นคนจากบริษัทมืด นอกจากนี้รอยแผลบนหน้าที่ทำให้คิดว่าราวเป็นยอดฝีมือที่ผ่านสนาบรบมาแล้วนับร้อยนั้น ราวกับมีไว้ใช้ขู่สัตรูว่าถ้าเผลอละก็ได้ลงไปนอนกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัวแน่

แต่ ฮารุโตะนั้นรู้ดี

งานอดิเรกของเขาคือการทำขนม รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ได้จากตอนที่เล่นกับแมวจรจัดและ ความกลัดกลุ้มเมื่อเร็วๆนี้คือ เรื่องที่ตัวเขาผู้รักเด็กแต่แค่สบตาก็ทำให้เด็กร้องให้แล้ว นั่นเอง

ฮารุโตะต้องใช่เวลาปลอบโยนและให้กำลังใจเขาที่กลุ้มใจจนจิตตกเพราะเรื่องนั้นเป็นชั่วโมง

「พอฉันบอกว่าจะเป็นคู่มือให้ ทุกคนก็พากันหนีหมด」

「ก็นะ เพราะความฉาวโฉ่ของอิชิกุระ คาซึอากิ แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองแห่งนี้เลยนิครับ」

「เดี๋ยวเถอะ เอ็ง! อย่าเอาชื่อคนอื่นไปพูดเสียๆหายๆตามใจชอบดิเฮ้ย!」

ฮารุโตะผู้ถูกอิชิกุระเข้าล็อคคอกล่าวขอโทษ「ขอโทษ ขอโทษครับ」ซ้ำๆ แต่มุมปากนั้นกลับผุดยิ้ม

อิชิกุระที่เป็นฝ่ายล็อคคอก็เหมือนจะชอบใจ จึงใช้หมัดขยี้หัวของฮารุโตะซ้ำๆ

ทั้งคู่เข้าเรียนที่โรงฝึกเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก อิชิกุระที่อายุมากกว่าหนึ่งปีสำหรับฮารุโตะแล้วเป็นเหมือนพี่ชายที่น่านับถือและสำหรับอิชิกุระ ฮารุโตะก็เหมือนเป็นน้องชายที่น่ารัก

ทั้งคู่นั้น รับหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ช่วยของโรงฝึกแห่งนี้ และยังเป็นตัวตนที่ช่วยผลักดันกันและกันในฐานะคู่แข่งที่มีฝีมือทัดเทียมกันอีกด้วย

ขณะที่ฮารุโตะกับอิชิกุระหยอกล้อกันตรงทางเข้าโรงฝึก ก็มีเสียงทื่อๆดังมาจากด้านหลังของทั้งคู่

「รุ่นพี่คาซึ รุ่นพี่ฮารุ อย่ามาจู๋จี๋กันตรงหน้าทางเข้าสิคะ มันเกะกะ」

พอทั้งคู่หันหน้าไปยังต้นเสียงนั้น ก็เจอกับเด็กสาวผู้หนึ่งทำหน้าตาย ยืนอยู่ตรงทางเข้าโรงฝึก

「โฮะโฮ่ อะไรกันชิซึกะ? หึงที่รุ่นพี่ฮารุสุดที่รักถูกแย่งไปเหรอ?」

อิชิกุระกล่าวกับเด็กสาวราวกับยั่วยุแฝงด้วยอารมณ์เย้าแหย่

「ใช่แล้วค่ะ หึงค่ะ เพราะงั้น ก็รีบถอยออกไปได้แล้วค่ะ」

เด็กสาว จ้องมองอิชิกุระพร้อมปล่อยคำพูดแสนเรียบง่ายด้วยหน้าตายไม่เปลี่ยนแปลง

อิชิกุระที่ถูกจ้อง ถอยห่างจากฮารุโตะและยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมทำท่าสั่นกลัวอย่างตั้งใจ

「โอ้ น่ากลัว สมแล้วที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของโรงฝึกโดจิมะ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก」

「น่าเกรงขามอะไรนั่นอย่างกับคนแก่ฉันเกลียดที่สุดค่ะ เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็คือJKผู้ที่ทั้งเต่งตึงและปึ๋งปั๋งค่ะ」

ฮารุโตะกล่าวอย่างตะลึงกับเด็กสาวผู้พูดเรื่องไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจัง(หน้าตาย)

「พูดเต่งตึงกับปึ๋งปั๋งออกมาเองเลยเนี่ยมันต้องเป็นคนยังไงฮะ?」

ฮารุโตะเผลอตบมุขอย่างอดไม่ได้ เด็กสาวส่งสายตาไปทางเขา

「ถ้างั้น รุ่นพี่ฮารุคิดยังไงกับใบหน้าอันงดงามไร้ที่ตินี้ของฉันเหรอคะ?」

「ไม่สิ คิดว่าใบหน้าอันงาดงามไร้ที่ติเนี่ยไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองพูดได้หรอกนะ……เอาเถอะ นั่นสินะ ถ้าจะให้พูดถึงความน่ารักของชิซึกะก็คงเป็นแบบญี่ปุ่น ถ้าต้องให้พูดละก็……ให้อารมณ์ประมาณ*ยามาโตะ นาเดชิโกะละมั้ง?」(*กุลสตรีในแบบญี่ปุ่น)

ฮารุโตะพูดพร้อมชายตามองทั่วร่างของเด็กสาว

นามของเด็กสาวผู้พูดแต่เรื่องไร้สาระโดยไม่แสดงสีหน้ามาตั้งแต่เมื่อกี้คือ โดจิมะ ชิซึกะ บุตรสาวเพียงคนเดียวของโรงฝึกแห่งนี้

อิชิกุระกับฮารุโตะและชิซึกะ ทั้งสามคือเพื่อนร่วมสำนักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กอีกทั้ง ชิซึกะยังเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของฮารุโตะอีกด้วย

โรงเรียนที่ฮารุโตะเรียนอยู่ ผู้ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามหาใครเปรียบจากเด็กผู้ชายก็คือ โทโจ อายากะซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของฮารุโตะ ที่เมื่อเร็วๆนี้ได้เกี่ยวข้องด้วย

อย่างไรก็ตาม เด็กสาวผู้อยู่ตรงหน้า『โดจิมะ ชิซึกะ』เองก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะจากเด็กผู้ชายชั้นเดียวกัน

ชิซึกะสาวงานผู้มีผมสีดำสลวยเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำของฮารุโตะที่พูดว่า『ยามาโตะ นาเดชิโกะ』

「พูดแบบนั้น รุ่นพี่ฮารุอยากจีบฉันเหรอคะ?ฮ่า……ช่วยไม่ได้นะคะ จะยอมให้จีบก็ได้ ขอบคุณซะด้วยล่ะ」

「ไม่ดิ ไม่ได้จีบซักนิดเลยเถอะ? แล้วก็เวลาพูดล้อเล่นแบบนั้นน่ะอย่างน้อยก็ช่วยเลิกทำหน้าตายหน่อยเถอะ」

ฮารุโตะกล่าวพร้อมกับถอนหายใจให้รุ่นน้องที่พูดเรื่องไร้สาระโดยทำหน้าตายไม่เปลี่ยนแปลง 

พอทำแบบนั้น ซิซึกะก็ทำปากจู๊แต่ยังคงหน้าตายเหมือนเดิม

「รุ่นพี่ฮารุใจร้ายอะ〜」

「ก็บอกว่า ให้เลิกทำหน้าตายแบบนั้นไง」

「ฮะฮะฮะฮะ! ชิซึกะ หน้าพิลึกนั่นอย่างเอา!」

ฮารุโตะปวดขมับกับรุ่นน้องที่เอาแต่พูดล้อเล่นมาแต่ไหนแต่ไร อิชิกุระระเบิดหัวเราะให้การโต้ตอบของทั้งคู่

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เมื่อก่อน ทำเอาความรู้สึกเศร้าใจที่เก็บไว้ภายในอกของฮารุโตะตั้งแต่เมื่อเช้า ปลิวหายไปทันที