ในตอนนั้นเอง ทุกอย่างดูช้าลง

    เคียวที่ฟาดลงมา ซาชิกิวาราชิที่รู้สึกตัวถึงศัตรูข้างหลังและบิดตัวเพื่อหลบ แต่ว่าสายไป ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เคียวนั้นก็จะตัดร่างบอบบางของเด็กสาว

    โดยทั่วไปแล้วซาชิกิวาราชิเป็นการ์ดในแนวหลัง จะมีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่ต่ำ ถึงแม้จะมีความแตกต่างของแรงค์ ความเสียหายจะต้องมีมากอยู่ดี แล้วเรื่องความสามารถพิเศษของเคียวที่จะมีรึเปล่าอีก ถ้ามันไม่ดีแล้วล่ะก็ อาจจะลอสได้ในทีเดียวเลย

 

    ลอส—-แค่คิดว่าจะสูญเสียซาชิกิวาราชิไป ก็รู้สึกขนลุกไปทั่วตัวแล้ว

 

    เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน ขอแค่อย่างเดียว

    สบสายตากัน ซาชิกิวาราชิ ใบหน้าดูหงุดหงิด แต่ก็เหมือนกับว่าจะร้องไห้

    อะไรกันเล่า นั่น ใบหน้านั่น…..

    ตรงนั้นคือจุดที่โลกที่ช้าลงจบ

    สิ่งที่เกิดหลังจากนั้น เพียงแค่พริบตาเดียวจริงๆ แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนแรก

 

「!?」

 

    มีบางคนผลักซาชิกิวาราชิออกไป คนๆนั้นถูกตัดสะพายแล่งตั้งแต่หัวไหล่ แยกออกเป็น 2 ส่วนและล้มลง

    อะไร? มันเกิดอะไรขึ้น? ถามคำถามและได้คำตอบด้วยตัวเอง โง่รึไง ของมันก็แน่อยู่แล้ว มันมีแค่คนเดียวที่ทำได้

    กูล่าไงล่ะ ตัวเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ ปกป้องซาชิกิวาราชิไว้

    เมื่อเข้าใจความหมายของมัน ทั้งผมและซาชิกิวาราชิก็กู่ร้องขึ้นมาพร้อมกัน

 

「「อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!!」」

 

    ความรู้สึกของเส้นสายที่มองไม่เห็นได้เชื่อมกัน ความโกรธของซาชิกิวาราชิไหลเข้าหาผม และความโกรธของผมไหลไปสู่ซาชิกิวาราชิ

    ซาชิกิวาราชิที่แบกรับความรู้สึกของคน 2 คน ปลดหล่อยห่ากระสุนด้วยความโกรธแค้น แต่จู่ๆยมทูตก็หายตัว ห่ากระสุนพุ่งผ่านท้องฟ้าไป

    เคลื่อนย้ายพริบตา มันใช้สกิลที่เก็บซ่อนไว้นี้ทำให้เห็นเหมือนว่าตายแล้ว น่าจะรู้ตัวตอนที่ไม่มีไอเทมตกกับหนูที่หายไปในช่วงเวลาที่แตกต่างกับตอนยมทูตหายตัว…..!

 

    ขณะเดียวกัน ก็เชื่อมต่อและทำความเข้าใจเรื่องที่หมอนั่นยังมีชีวิตอยู่ได้ แม้แต่ตอนนี้ที่มีรูโหว่ใหญ่ที่หน้าอก เป็นแผลฉกรรจ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุผลนั้นง่ายมาก

    หมอนั่น จะไม่ตายจนกว่าส่วนหัวจะถูกทำลาย นี่ก็คือคุณลักษณะของประเภทอันเดด ควรจะรู้สึกตัวด้วยกลิ่นแปลกๆแล้ว

    ทั้งหมดเพราะผมขาดประสบการณ์เอง

    แต่ว่า ตอนนี้เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ

 

「กูล่า!!」

 

    ผมประคองส่วนบนของกูล่าขึ้นมา เธอจ้องมองกลับมาที่ผมด้วยสายตาว่างเปล่า

    ดวงตาที่ราวกับไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นแค่ที่เห็นเปลือกนอก อารมณ์มีอยู่ในนั้นจริง

    พวกเราได้มองเห็นมันในตอนนี้ด้วยตนเองแล้ว

 

    —-นั่นก็เพราะ ผมไม่ได้ออกคำสั่งให้ปกป้องพรรคพวกเอาไว้

 

    เธอปกป้องซาชิกิวาราชิด้วยความตั้งใจของตัวเอง

    จะต้องช่วยไว้ให้ได้ ไม่เป็นไรหรอก เธอก็เป็นอันเดด ไม่ตายจนกว่าส่วนหัวจะถูกทำลาย แถมยังมีความสามารถฟื้นฟูด้วยการกินศพอีก

    ผมมองไปรอบๆ เห็นซากหนูตายอยู่เกลื่อนหลายตัว โย้ช ดีล่ะ ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะกำจัดแค่หนูที่มีชีวิตเท่านั้น

    ผมแบกร่างอีกส่วน, ประกบร่างให้กูล่า, และเอาหนูให้

    กูล่าเอง เริ่มกินมันโดยที่ผมไม่ได้พูดอะไร

    ว่าแล้วเชียว ขอบเขตในการเคลื่อนไหวด้วยความคิดของตัวเองกำลังเพิ่มขึ้น

    พอให้หนูที่ตายเกลื่อนอยู่ไปทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนแกนของร่างกายจะเชื่อมต่อได้

    พอเป็นแบบนั้นกูล่าจึงพยายามลุกขึ้น แต่ก็ห้ามเอาไว้

 

「เดี๋ยวก่อน ยังขยับไม่ได้นะ!」

 

    ด้วยคำสั่งของผม กูล่าจึงหยุดไป จากนั้นก็เงยหน้ามองมาทางผมด้วยสายตาอ้อนวอน…..รู้สึกได้เช่นนั้น

    กูล่า…..แต่ว่าตอนนี้ยังให้ไปสู้ไม่ได้

    ขณะเดียวกันนั้นเอง ยมทูตก็เริ่มดำเนินบางสิ่งต่อ

 

「ชายหนุ่มรวบรวมเด็กๆจากท้องถนนมุ่งไปสู่ป่า พวกผู้ใหญ่ต่างพยายามนำตัวเด็กกลับมา แต่ฝูงหนูกลับโผล่มาไม่รู้จากที่ใดเข้าขัดขวาง ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าใครคือตัวบงการเรื่องราวทั้งหมด เมื่อได้ตัวเด็กๆของโปรดมาไว้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเพลิดเพลินไปกับมันอย่างฉ่ำใจ

『คืนนี้ได้ฉลองกัน!』

    เสียงของเด็กๆ กรีดร้องขจรไปทั่วป่า เช่นนั้นแล้วขอเชิญรับฟัง【งานเลี้ยงอาหารค่ำของลูกแกะ】」

 

    ด้วยคำประกาศนั้น โน้ตดนตรีจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากรูใหญ่กลางอกของยมทูต เหล่าตัวโน้ตล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายในอากาศ แต่พอตัวหนึ่งลอยเข้ามาใกล้ซาชิกิวาราชิ มันก็แยกเขี้ยว

 

「นะ!」

 

    ซาชิกิวาราชิกระโดดถอยและยิงใส่โน้ตที่มาโจมตี แล้วตัวโน้ต…..ไม่สิ วิญญาณของเด็กที่รูปร่างเหมือนตัวโน้ต ก็กรีดร้องออกมาพร้อมสีหน้าทุกข์ทรมาณ

 

「ดนตรีที่ดีต้องมีเสียงที่มีชีวิต เป็นยังไงบ้างล่ะ ทำนองของข้า มีชีวิตจริงๆเลยใช่ไหมล่ะ?」

「ไปตายซะ ไอ้เศษสวะ!」

 

    ซาชิกิวาราชิโมโหพร้อมยิงกระสุนแสง แต่ทั้งหมดก็ถูกป้องกันเอาไว้ตัวโน้ตวิญญาณ

    กลับกัน เหล่าตัวโน้ตเข้ามาโจมตีเป็นระลอกจนกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ

    กูล่าเห็นแบบนั้นจึงพยายามที่จะลุกขึ้น

 

「กูล่า!」

「มาสเตอร์, ขอคำสั่งด้วย」

「!」

 

    เป็นครั้งแรกที่กูล่าของคำสั่ง ไม่ผิดแน่ อัตตา…..กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตรงนี้

    มันทำให้ผมทั้งมีความสุข และลังเล

    ตัวเธอที่พยายามจะไปช่วยเหลือพรรคพวกด้วยตัวเอง นั่นทำให้มีความสุข แต่ว่า พอคิดว่าอาจจะต้องสูญเสียเธอที่นี่ ทำให้เกิดลังเล

 

    ผม จะทำยังไงดี….

    พอผมก้มหน้าลง ก็สังเกตเห็นแสงเรืองจางๆที่ตรงอก

    นี่มัน…..

    การ์ดของคูซี่เปล่งแสงกระพริบจางๆราวกับแสงหิ่งห้อย หยั่งกับว่าพยายามจะบอกอะไรผมบางอย่าง

    คูซี่ งั้นเองเหรอ…..

 

「กูล่า กลับมาซะ ทำได้ดีมาก จากนี้ไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมและเจ้านี่เอง」

「มาสเตอร์」

 

    ผมลูบหัวกูล่าขณะที่เธอใช้สายตาว่างเปล่าจ้องมองมาแล้วเอาเธอกลับเข้าการ์ด

    เอาล่ะ ลุยกันเลย

 

「คูซี่!」

 

    มันคือ การปรากฏตัวที่มาพร้อมเสียงร่ำร้องที่ราวกับจะปลุกใจตัวเอง

 

「บรู๋ววววววววววว!!」

 

    เสียงร้องที่ดังสะเทือนบรรยากาศ ท่าทางที่แยกเขี้ยวและส่งเสียงขู่อย่างดุดัน ไม่ใช่ลูกสุนัขขี้กลัวอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว

    และเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ สกิลบนการ์ดก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

 

【เผ่า】คูซี่ (ยูคิ)

【พลังต่อสู้】175 (25UP!)

【ทักษะติดตัว】

    – สุนัขเฝ้ายามแห่งภูติ

    – พฤติกรรมรวมฝูง

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – เชื่อฟัง -> ภักดี (CHANGE!)

    – ขี้ขลาด -> ผู้กล้าตัวน้อย (CHANGE!)

    – การตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ (NEW!)

 

    ลูกสุนัขที่เคยอ่อนแอ พบเจอความกล้าหาญเป็นครั้งแรกท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นต่อฝูง บัดนี้ได้กลายเป็นผู้กล้าแล้ว

    ผู้กล้าตัวเล็กๆ แต่การปรากฏของมันเป็นสิ่งที่ผมต้องการ

    เมื่อคูซี่มองเห็นศัตรู ก็วิ่งเข้าใส่ยมทูตราวกับกระสุนปืน

 

「ฮี่ฮี่…..」

 

    ยมทูตที่รู้ตัวว่าคูซี่พุ่งมาหาตัวเองจึงตั้งท่าเคียวแล้วโจมตีใส่ คูซี่ตอบสนองโดยย่อตัวลงกับพื้นแล้วกระโดด

    สีหน้าของยมทูตเปลี่ยนไป ยมทูตบิดตัวเพื่อหลบแต่ว่าสายไป กรงเล็บแหลมคมของคูซี่คว้านเข้าไปในที่เนื้อของแขนท่อนบน เมื่อคูซี่แล่นลงบนพื้นและพยายามจะไล่โจมตีอีก ตัวโน้ตวิญญาณก็เข้ามาโจมตีคูซี่ คูซี่พยายามสลัดมันทิ้ง แต่กรงเล็บกลับพุ่งผ่านตัวโน้ตไป ตัวโน้ตพันไปรอบๆแขน โธ่เว้ย ตัวโน้ตพวกนี้…..ไม่ใช่แค่ทักษะเท่านั้น ยังเป็นเหมือนมอนสเตอร์ประเภทวิญญาณอีกด้วย

    ขณะที่ตัวโน้ตกำลังพุ่งเข้าโจมตีคูซี่มากขึ้น

 

「อย่าได้ใจให้มันมากนัก!」

 

    กระสุนแสงของซาชิกิวาราชิทำลายตัวโน้ตทั้งหมด จากนั้นเธอก็ตวัดเบาๆไปที่แขนของคูซี่ ตัวโน้ตที่ติดอยู่ก็หายไป

 

「ปล่อยตัวโน้ตให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง ยังโกรธอยู่แต่ว่าจะให้แกไปอัดไอ้สารเลวนั่นล่ะกัน」

「กกกกรู…..」

 

    คูซี่พยักหน้าแล้วกระโจนเข้าใส่ยมทูต

    ยมทูตโจมตีกลับ แต่ความสามารถทางกายภาพของคูซี่เหนือชั้นกว่า ในจุดนี้ ความแตกต่างของค่าสเตตัสดั้งเดิมจากความต่างของแรงค์ก็แสดงผล สายลมสีเงินค่อยๆเฉือนร่างของศัตรู

    ตัวโน้ตที่ลอยถูกยิงทิ้งโดยซาชิกิวาราชิ กระแสของการต่อสู้เอนมาทางนี้อย่างเต็มที่

    ในตอนที่ผมกำลังนึกถึงภาพชัยชนะขึ้นมาในหัว ยมทูตก็เริ่มพูดอีกครั้ง

 

「ความโกรธเกรี้ยวของผู้ใหญ่ที่สูญเสียเด็กๆ กลับเพ่งไปที่นายกผู้ไม่ยอมจ่าย

『ถ้าหากว่าแกยอมจ่ายไปแต่โดยดีแล้วล่ะก็!』」

 

    รูปแบบนี้มัน แย่แล้ว…..!

 

「หยุดมันซ้าาาาา!」

 

    ด้วยเสียงตะโกนของผม พวกคูซี่ก็ยิ่งโจมตีหนักหน่วงขึ้น ทว่าปากของยมทูตก็ไม่ยอมหยุด

 

「นายกกล่าวตอบ

『เห็นที่เจ้านั่นควบคุมหนูแล้วนี่ ทั้งหมดนี้ถูกจัดฉากมาแล้วแต่เริ่มแรก!』

    แต่ด้วยคำพูดมิอาจหยุดผู้คนได้อีกแล้ว นายกผู้น่าสงสาร ถูกแยกส่วนร่างโดยชาวเมือง ส่วนลูกสองของนายกผู้ตาบอดและขาเสียถูกปล่อยทิ้ง เช่นนั้นแล้วขอเชิญรับฟัง【ชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน】」

 

    ด้วยคำประกาศนั้น เหล่าตัวโน้ตต่างพากันกรีดร้อง

   เสียงดังถึงขนาดที่แม้แต่ผมที่มีบาเรียของการ์ดปกป้องเอาไว้ต้องย่อตัวลงและใช้มืออุดหู คนแรกที่ได้รับผลกระทบคือคูซี่ที่ไม่ได้ใส่อินเตอร์คอม เลือดไหลออกจากหูของเธอแล้วเอนตัวล้มลง จากนั้นแม้แต่ซาชิกิวาราชิที่น่าจะใส่อินเตอร์คอมอยู่ก็ล้มลงไปกับพื้น

    ทำไม? คำถามของผมถูกตอบอย่างรวดเร็ว มีหมอกสีดำเกาะอยู่ที่ขาและตาของซาชิกิวาราชิที่ล้มอยู่ ตาและขา….. ในนิทาน มีเพียงเด็กที่ตาบอด และเด็กที่ขาพิการถูกทิ้งไว้ที่เมือง นี่มันสถานะผิดปกติที่เลียนแบบคำกล่าวนั่น!

 

    เพียงชั่วพริบตา สถานการณ์ก็พลิกผัน

    ยมทูตมองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า พอผมก้าวถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ ร่างของมันก็หายไป

    หายไปไหนแล้ว!

    แล้วคำตอบก็มาอยู่ด้านหลังผม

 

「การแสดงดนตรีจบลงเพียงเท่านี้ ได้สนุกกับมันหรือไม่? ค่ารับชมขอเป็นชีวิตของคุณละกันครับ」

 

    เมื่อผมหันกลับไปก็เห็นยมทูตกำลังยกเคียวขึ้น ความคิดถูกเร่งขึ้นอย่างฉับพลัน

    การโจมตีใส่มาสเตอร์จะถูกรับแทนโดยการ์ด หมายถึงต่อให้โจมตีใส่ผม ความเสียหายทั้งหมดก็จะถ่ายโอนไปยังการ์ดทั้งหมด และตัวผมที่เป็นคนอ่อนแอไม่มีพลังป้องกันใดๆ

    ถ้าเป็นเพียงการโจมตีครั้งเดียว ตัวการ์ดอาจจะพอสามารถทนรับได้ ทว่าหากการโจมตีมีมาต่อเนื่อง ผลลัพธ์นั้นก็แน่ชัด สิ่งที่จะตามมาคือ…..

    ผมพยายามบิดตัวหลบ แต่การเคลื่อนไหวนั้นช้าเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ถูกเร่ง

    ในโลกที่ช้าลงนี้ มีเพียงยมทูตที่เคลื่อนไหวได้อย่างปกติ

    ม-ไม่ทันแล้ว—-

    ในตอนนั้นเอง ผมที่รู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่าง จู่ๆการเคลื่อนไหวก็ถูกเร่งขึ้น

    ปรากฏว่านั่นคือการลื่นจากของเหลวของซากหนูที่มาจากหลังการต่อสู้ มันคือของขวัญนำโชคจากสกิลของซาชิกิวาราชิ 【โชคดีและโชคร้ายคือเชือกที่มัดรวมกันแน่น】

    เคียวฟาดผ่านเฉียดหัวไป ในตอนที่ก้นของผมกระแทกพื้น กระสุนสีเขียวเข้มไปพุ่งผ่านเหนือหัวไป ทั้งแขนและเคียวลอยแหวกอากาศ แล้วคูซี่ก็ลงพื้นอย่างนุ่มนวล

 

    (คูซี่! ช่วยไว้แล้ว! แต่ว่าทำไมถึงขยับได้!?)

 

    ความคิดติดขัดขาดเป็นช่วง

    คำตอบ ถูกตอบมาโดยยมทูต

 

「สกิล【ผู้กล้า】เรอะ!」

 

    สีหน้าของยมทูตตอนพูดขึ้นมานั้นดูตกใจของจริง ผู้กล้าตัวน้อย หรือว่ามันจะเป็นสกิลที่ช่วยป้องกันสถานะผิดปกติ หรือบางทีอาจจะช่วยให้ซาชิกิวาราชินำโชคดีมาด้วยก็ได้

    ยังไงก็ตาม ท้ายที่สุดของที่สุดแล้ว เทพธิดาแห่งโชคก็ได้โปรยยิ้มมาที่ผม

    ยมทูตหัวเราะออกมา

 

「คิฮี่ฮี่ ช่วยไม่ได้ คงต้องปล่อยผ่านค่ารับชมในครั้งนี้ คราวต่อไปที่ได้พบกัน จะมาขอรับไปแล้วกันครับ」

「…..ต่อให้เจออีกซักกี่ครั้งก็จะซัดกลับไปให้ดู」

「สมแล้วที่เป็นคุณลูกค้า!」

 

    นั่นคือประโยคสุดท้ายของชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน หัวของมันที่มีใบหน้าแสดงความแปลกใจได้ระเบิดออกด้วยตัวเอง พริบตาถัดมาร่างกายที่เหลืออยู่ก็เอนมาทับตัวผม เลือดเหม็นเน่ากระเด็นมาโดนใบหน้า

    …..ไอ้เจ้าเศษเดนนี่ ยังจะทิ้งของขวัญก่อนจากอีก

    ขณะที่พยายามเก็บอาการคลื่นไส้ ร่างและเลือดของมันก็เริ่มเลือนหายไป ที่หลงเหลืออยู่คือก้อนหินสีแดงเลือดและขลุ่ยยาว

    นั่น มอบความรู้สึกว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้วจริงๆคราวนี้แหละ

    จะยังไงก็แล้วแต่…..

 

「ห-เหนื่อยสุดๆไปเลย~…..」

 

    นอนแผ่หราไปบนพื้นขณะที่มือกำของที่ได้มา

 

「น-นายท่าน! ไม่เป็นอะไรนะฮะ?」

 

    คูซี่รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ใบหน้าที่ดูเหนียมอายสามารถเห็นได้บนใบหน้าสุนัขนั้น เธอยังคงเป็นอย่างเคยแบบที่ผมรู้จัก ดูเหมือนว่าโหมดสุดเท่จะหมดเวลาไปแล้ว

    ที่หูมีคราบเลือดอยู่ แต่ก็ไม่ได้หูหนวกอะไร บางทีคงเพราะซาชิกิวาราชิรักษาให้

 

「ปวกเปียกซะจริง นายไม่ได้ต่อสู้นี่ใช่ไหม กลับกัน ควรจะเอาใจชั้นที่ทำอะไรไปตั้งเยอะให้มากๆซะ」

 

    ซาชิกิวาราชิมาพร้อมคำพูดประชดอย่างรวดเร็ว โหมดใจดีของทางนี้เองก็ดูจะหมดด้วย หลังจากแน่ใจแล้วว่าตาและขาไม่มีอะไรผิดปกติ ผมก็โล่งใจ

    ทำท่าเข้าใจแล้วจึงยกตัวขึ้น

 

「รู้แล้วน่า มีรางวัลที่จะให้อยู่ในใจแล้วล่ะ」

「โอ๋? อะไรล่ะ? หรือว่าจะเป็นบ้านขนม?」

「ซาชิกิวาราชิซัง คิดว่าการ์ดไม่ควรจะขอรางวัลอะไรกับมาสเตอร์นะฮะ」

 

    คูซี่พูดปรามแต่หางที่ส่ายไปมานั่นก็ซ่อนความคาดหวังที่มีไว้ไม่ได้

 

「ก็นะ จะให้ของรางวัลที่จับต้องได้คงต้องเอาเจ้านี่ไปขึ้นเงินซะก่อน แต่ตอนนี้เองก็มีให้ได้เลยอยู่」

「ให้ที่นี่เลยเนี่ยนะ? ดูกระจอกจัง」

「ก็คงงั้นล่ะมั้ง มันก็แค่ชื่อเท่านั้นเองล่ะนะ」

 

    ผมที่พูดขณะยิ้มแห้งๆไป แต่การตอบสนองของพวกการ์ดกลับเยอะมาก

    หางของคูซี่ชี้ตั้งตรง, ซาชิกิวาราชิทำหน้าตาจริงจังพร้อมยิงคำถาม

 

「นาย…..ที่พูดมานั่นรู้ความหมายของมันรึเปล่า?」

「แน่นอน」

 

    การตั้งชื่อการ์ด มันเหมือนกับสัญญาระหว่างตัวนักผจญภัยกับการ์ด

    การ์ดที่มีชื่อจะไม่สามารถกลับสู่ค่าเริ่มต้นได้อีก—-หรือก็คือไม่สามารถขายได้อีกแล้ว

    ตามปกติแล้วนักผจญภัยจะปั้นการ์ด, หาเงิน, ขายการ์ดที่ใช้มาก่อนหน้า, ใช้เงินที่เก็บมาซื้อการ์ดที่แรงค์สูงกว่า…..เป็นวัฐจักรเช่นนี้เมื่อระดับสูงขึ้น

    การ์ดของนักผจญภัยที่มีบทบาทมากในมอนโคโล หากนำไปประมูลแล้วบางครั้งก็สามารถขายได้มากกว่า 2 เท่าของราคาตลาดเลย

    สำหรับนักผจญภัยแล้ว การ์ดก็คือทรัพย์สินประเภทหนึ่งเหมือนกับหุ้น

    ดังนั้นแล้ว การตั้งชื่อการ์ดในแง่หนึ่งก็เหมือนเป็นการกระทำที่ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนักผจญภัย

    ผมเองตอนที่ซื้อการ์ดครั้งแรก ชิเงโน่ซังเองก็เตือนไม่ให้ตั้งชื่อการ์ดโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

    แต่ว่าชื่อก็มีข้อดีของมันอยู่ นั่นคือการ์ดนั้นสามารถชุบชีวิตได้

    ถึงแม้มอนสเตอร์จะตายลง ข้อมูลของการ์ดนั้นจะยังหลงเหลืออยู่ในรูปแบบของโซลการ์ด และโดยการใช้การ์ดที่ไม่ใช้งานที่มีเพศและเผ่าเดียวกัน การชุบชีวิตการ์ดที่มีรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยเดิมจะสามารถทำได้

    …..แต่เดิมที ทั้งซาชิกิวาราชิกับคูซี่คงจะเป็นการ์ดที่เอาไว้ใช้ชุบชีวิต ตัวสกิลจะไม่มีผลอะไรกับการ์ดที่ถูกนำมาใช้ชุบชีวิต ขอแค่มีเพศและเผ่าเดียวกันเท่านั้น เพราะแบบนั้นต่อให้พวกมันไม่สามารถใช้งานได้อย่างปกติก็ยังมีความต้องการสำหรับการ์ดเหล่านี้อยู่ นี้คงจะเป็นสิ่งที่ชิเงโน่ซังต้องการบอกในวันนั้น

    บางที ชิเงโน่ซังคงคิดว่าผมคงจะขายซาชิกิวาราชิไปทั้งๆแบบนั้น แล้วเอาเงินที่ได้ไปซื้อการ์ดที่ใช้งานได้ง่ายกว่า

    เพราะแบบนั้นจึงได้บอกราคาซื้อขายของซาชิกิวาราชิมา

    แต่ว่า ผมกลับใช้ซาชิกิวาราชินั้นมาเรื่อยๆ

 

    ถ้าหากว่าขายยัยนี่ไปแล้วเปลี่ยนไปใช้การ์ดที่ใช้งานง่ายแล้วล่ะก็ บางทีคงจะไม่เคยได้เผชิญหน้ากับเหล่าการ์ดตรงๆ

    เห็นแค่ว่าพวกมันเป็นเครื่องมือมีประโยชน์ที่ใช้งานง่าย

    แล้วพอไปเจอกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ทั้งๆแบบนั้นก็คงจะต้องตาย

    รู้สึกดีใจที่พวกเธอมาเป็นเหล่าการ์ดแรกของผม

    คิดแบบนั้นจริงๆ

    เพราะแบบนั้นจึงตัดสินใจ…..จะไม่มีทางปล่อยพวกเธอให้หลุดมือไปตลอดชีวิต

 

「ก่อนอื่นก็ซาชิกิวาราชิ ชื่อของเธอคือเร็นกะ(蓮華/れんか)」

「เร็นกะ…..」

 

    มองเผินๆอาจจะเห็นว่าเธอมีผมสีดำ ตาสีดำ แต่ถ้าหากมองดูให้ดีๆ จะเห็นว่ามีสีแดงชาดแซมผสมอยู่ด้วย เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้ผมนึกถึงดอกบัว จึงให้ชื่อตามดอกบัว(蓮華/れんげ/เรนเกะ) เหตุผลที่อ่านออกเสียงแตกต่างไปก็เพราะแบบนี้มันฟังดูน่ารักกว่าหน่อย

 

「ต่อไปคูซี่ เธอคือยูคิ(ユウキ) เขียนด้วยคาตาคานะ」

「ยูคิ…..!」

 

    สาเหตุที่ชื่อของคูซี่เป็นยูคิในคาตาคานะก็เพราะต้องการให้มันมีได้หลายความหมาย เธอที่มีความกล้า(勇気/ยูคิ)และเป็นความหวัง(希望/คิโบ)แก่ผมในคราวนี้ ทั้งความกล้ากับความหวังสามารถรวมกันได้เป็นยูคิ(勇希) หรือเอาความใจดี(優し/ยาซาชิ) มารวมเป็นยูคิ(優希) ก็ได้ ด้วยหลากหลายความหมายจึงให้ชื่อเธอเป็นยูคิ(ユウキ) อาจจะดูง่ายไปหน่อย แต่สำหรับเธอแล้วตรงๆแบบนี้แหละดี

 

    กูล่าที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้คิดชื่อดีๆเอาไว้แล้ว นั่นคือ เอลิซ่า สำหรับชื่อของเธอมีปัญหาในการตัดสินใจอยู่มาก ในตอนแรกคิดอยากจะตั้งชื่อให้กูล่าโดยให้มีความเกี่ยวข้องกับผีดูดเลือด แต่คราวนี้ เธอกับซาชิกิวาราชิ…..เร็นกะได้เข้าปกป้องไว้ ทำให้ต้องมาหยุดมองอีกครั้ง

    แล้วในตอนนั้นก็จำขึ้นได้ จากเรื่องเล่าของตุ๊กตาที่ได้กลายเป็นมนุษย์ของพิกเมเลี่ยน(Pygmalion) ชายผู้หลงรักตุ๊กตาที่ตนเองสร้างขึ้น ตามตำนานกรีก เทพีอโฟรไดท์รู้สึกสงสารชายที่หลงรักในตัวตุ๊กตานั้นมากเสียจนสุขภาพอ่อนแอ จึงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นมนุษย์ เนื่องจากตามตำนานต้นฉบับไม่ได้ระบุชื่อของตุ๊กตานั้น จึงได้ตัดสินใจนำชื่อของนางเอกจากหนังเรื่อง『My Fair Lady』ที่สร้างโดยอิงเนื้อเรื่องตาม

    คิดว่าจะมอบชื่ออย่างเป็นทางการให้ทีหลัง

 

「นายท่าน! ขอบพระคุณมากฮะ ผม ผม จากนี้ต่อไปจะพยายามทำให้ดีที่สุดเลยฮะ!」

 

    ตาของยูคิเปียกชื้น หางเองก็ส่ายไปมาจนเหมือนมันจะฉีกหลุดออกมาขณะที่เธอกล่าวขอบคุณ

 

「อา ทีนี้ต่อให้ตายก็ต้องคอยดูแลมาสเตอร์ไร้ประโยชน์คนนี้ซะแล้ว ช่างอับจนหนทางจริงๆเชียว」

 

    ถ้ามีใครไม่สามารถแปลความหมายของคำพูดเร็นกะได้อยู่ล่ะก็ คงต้องให้ไปเริ่มบททดสอบซึนเดเระระดับเริ่มต้นใหม่ซะ

    ดูสิ ขนาดยูคิยังรู้ตัวแล้วยิ้มแห้งๆเลย

    พอผมกับยูคิแลกเปลี่ยนสายตากัน เร็นกะที่รู้สึกถึงทางนี้ก็เลิกคิ้วให้

 

「พวกแก! มีอะไรน่าขำ ห๋า?」

「ด-เดี๋ยว ได้โปรดหยุดเถอะฮะ! เจ็บ! ทำอะไรฮะเนี่ย!」

 

    ยูคิโดนเร็นกะกระโดดขึ้นหลังแล้วเริ่มทำการดึงขน เห็นทั้ง 2 คนแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ แล้วผมก็หันความสนใจกลับมายังพื้นที่โล่งแจ้ง

    ที่ตรงนั้นมีกล่องสมบัติตกแต่งด้วยลวดลายดูหรูหรา และเกทสำหรับใช้เดินทางกลับลอยอยู่ในอากาศ

    รางวัลสำหรับการพิชิตเขาวงกต หรือในชื่อทั่วไปคือ กล่องน่าผิดหวัง

    ขณะที่ทั้งคู่กำลังเล่นสนุกกันอยู่ ก็เดินเข้าไปทางกล่องน่าผิดหวัง

    ศพของเด็กที่เคยกองอยู่ได้หายไปก่อนที่จะรู้สึกตัว ถูกแทนที่ด้วยกองดิน บรรยากาศของป่าเองก็ค่อยๆเปลี่ยนไปใกล้เคียงกับชั้นบน

    ขณะที่กำลังจะได้รางวัลที่พิชิตเขาวงกตแรก มันจึงช่วยไม่ได้ที่หัวใจผมจะเต้นรัว

    ค่อยๆเอื้อมมือไปที่กล่อง

 

「อะ นี่นายจะทำอะไร มาเปิดเองโดยไม่ขออนุญาตกันก่อน!」

 

    เร็นกะกระโดดขึ้นมาบนหลัง ความรู้สึกอ่อนนุ่มและไออุ่นจากร่างเธอ รวมทั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้ใจเต้น

 

「มาชิงตัดหน้า ขี้โกงนี่!」

「อ-อา ขอโทษที」

「ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี เอาล่ะ จะอวยพรให้ จะมีอะไรดีๆออกมาน้า?」

 

    -ป๊อง- แล้วร่างกายผมก็มีเรืองแสงอ่อนๆออกมาแว่บนึง ดูเหมือนจะใช้สกิลมา ยัยนี่…..กลายมาเป็นให้ความร่วมมือสุดๆเลย

    พอนึกถึงความแตกต่างจากตอนที่เจอครั้งแรกแล้วก็รู้สึกอบอุ่น จากนั้นทุกคนก็มาเปิดกล่องกัน

    ที่ตรงนั้น—-

 

「…..นี่มันอะไรเนี่ย?」

「หินเวทกับ…..โพชั่นใช่รึเปล่าฮะ?」

 

    ประกอบไปด้วยก้อนหินสีขาว และขวดขนาดเท่ากับหลอดทดลอง

    ก้อนหินนี้คงจะเป็นหินเวทที่เป็นรางวัลสำหรับการพิชิต ตัวหินเวทสีขาวเหมือนจะมีความจุพลังงานมากกว่าหินเวททั่วไป ทางกิลล์จะรับซื้อโดยขึ้นกับลำดับชั้นความลึก ถ้าเป็นที่นี่ก็คงประมาณ 60,000 เยน ส่วนทางขวดยังไม่รู้แน่ชัดจนกว่าจะได้ทำการประเมิน แต่บางทีก็คงจะเป็นของรางวัลที่เป็นที่นิยมสูงสุด…..โพชั่นนั่นแหละ

    ถ้าเอาไปโปรยบริเวณบาดแผลก็จะรักษาหายได้ทันที, ถ้าหากดื่มก็จะรักษากระเพาะและอวัยวะภายใน, ถ้านำไปใช้แช่น้ำอาบจะทำให้ผิวดูผ่องใส, ถ้าอมไว้ในปากก็จะรักษาฟันผุ กับโพชั่นที่เป็นเหมือนยาในฝันแล้ว ราคากลับดิ่งลงๆจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นๆ

    แล้วเจ้านี่ ถ้าเป็นแบบใช้ได้ครั้งเดียว…..ก็ประมาณ 10,000 เยน เป็นไอเทมที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์กับปาร์ตี้ของพวกเราที่มีเวทมนตร์ฟื้นฟู จะขายดี…..ไม่สิ เอาไปให้แม่หรือน้องสาวแทนน่าจะทำให้ดีใจมากกว่า

    เป็นของรางวัลที่ดูค่อนข้างแย่สำหรับการที่ต้องเสี่ยงชีวิต เพราะแบบนี้เลยสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมถึงได้เรียกมันว่ากล่องน่าผิดหวัง

 

「อย่าเอาของแบบนี้มาใส่กล่องที่ดูหรูเว่อร์ซะแบบนี้เซ่! เอาเงิน ทอง กับสมบัติมาใส่ซะ!」

 

    ผมที่เห็นด้วยกับเร็นกะที่กำลังเตะกล่องน่าผิดหวังอยู่ก็หัวเราะแห้งๆออกมา

    มันก็แบบนี่แหละนะ สำหรับของรางวัลเขาวงกตแรงค์ F

    ในทางกลับกัน กับของรางวัลเล็กน้อยแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ

    ถ้ามาลองคิดดู สำหรับผมที่มาจนถึงจุดนี้ดูจะโชคดีเอามากๆ ไหนจะได้ยัยพวกนี้มาด้วยเงินแค่ 1 ล้านเยน ไม่ว่าจะมองทางไหนมันก็น่าจะเป็นการใช้โชคของทั้งชีวิตหมดไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว บางทีการที่ต้องมาเจออิเรกูลาห์ที่เป็นศัตรูสุดโหดอย่างชายเป่าขลุ่นแห่งฮาเมลิน คือผลย้อนกลับของเรื่องนั้น?

    พอคิดแบบนั้นแล้ว ของรางวัลนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก

    อื้ม ก้อนหินกับโพชั่นที่หาได้ทั่วไปเหมือนกับตัวผม

    แต่ถ้าคิดแบบนั้นแล้ว…..

    มองไปทางทั้ง 2 ที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่

 

    —-บางทีก็คงเพราะได้สิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้มาไว้ในมือแล้วน่ะสิ

 

 

 

 

【Tips】ตั้งชื่อการ์ด

    ตัวการ์ดสามารถตั้งชื่อเรียกเฉพาะให้ได้ การ์ดที่ถูกตั้งชื่อแล้วจะไม่สามารถกลับคืนสู่ค่าเริ่มต้นได้อีกจึงไม่สามารถขายได้ ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าการ์ดจะถูกทำให้ลอส โซลการ์ดที่บรรจุวิญญาณของการ์ดนั้นจะหลงเหลืออยู่ สามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้โดยใช้การ์ดที่มีเพศและเผ่าเดียวกัน

    ถือเป็นพิธีการสำหรับมาสเตอร์ที่ให้ความคำคัญต่อการ์ดที่เป็นมากกว่าแค่การ์ด

    ในหมู่นักผจญภัยเอง มักจะตราหน้ามาสเตอร์ที่ตั้งชื่อให้การ์ดกันว่า「พวกน่าอาย」