ตอนที่ 5 ความลับที่ต้องหารือ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 5 ความลับที่ต้องหารือ

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนใช้ข้ออ้างขอเข้าไปติวบทเรียนให้กับหลินเพ่ย ทั้งสองคนเข้าไปในห้องของหลินเพ่ยด้วยกัน

หลินม่ายลอบเบะปาก อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่เรียนหนังสือ จะเอาความรู้อะไรไปติวได้!ก็แค่ข้ออ้างในการมั่วสุมที่ฟังดูขึ้นของทั้งสองคนเท่านั้น

ไม่สิ!น่าจะไม่ใช่การมั่วสุม แต่เป็นการเข้าไปฟ้องที่เธอเอาเรื่องที่หลินเพ่ยแอบอ้างชื่อเสียงของเธอไปเข้าเรียนมาข่มขู่เขาต่างหาก

ทันทีที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้อง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็บอกหลินเพ่ยทันที ว่าหลินม่ายอยากออกไปสร้างสำมะโนครัวคนเดียว

ถ้าไม่ทำตามที่หล่อนบอก หล่อนจะรายงานเรื่องที่แอบอ้างเอาคะแนนของหล่อนเข้าเรียน

หลินเพ่ยประหลาดใจอย่างมาก “หล่อนอยากสร้างสำมะโนครัวคนเดียวเหรอ? แล้วนายไม่ถามหล่อนเหรอว่าหลังจากที่ออกไปสร้างสำมะโนครัวคนเดียวแล้วหล่อนจะไปที่ไหน?”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนส่ายหน้า “ไม่ได้ถาม ถึงถามไปหล่อนก็ไม่บอกฉันหรอก”

นังเด็กสารเลวนั่นชอบอู๋เสี่ยวเจี๋ยนยิ่งกว่าชีวิต ต่อให้มีเงินอยู่แค่สตางค์แดงเดียวก็คงยกให้เขาทั้งหมด ทำไมถึงกล้าขัดคำสั่งเขา? เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้าอย่างท้อใจ “หล่อนในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ฉันควบคุมหล่อนไม่ได้”

เมื่อหลินเพ่ยนึกถึงหลินม่ายที่กลั่นแกล้งตนเมื่อครู่ สีหน้าก็พลันกลุ้มใจ “ทำไมหล่อนถึงได้เปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้?”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคาดเดา “อาจเพราะไปได้ยินข่าวลือในหมู่บ้านของพวกเธอก็ได้  เลยเสียใจที่ยกสินสอดและผ้าเหล่านั้นให้เธอ”

จากนั้นเขาโบกมือไปมา “เธอว่าหลังหล่อนออกจากบ้านสกุลหลินแล้วจะไปอยู่ที่ไหนได้  ไม่ว่าที่ไหน หล่อนก็คงจนตรอก ไม่ใช่ว่าอีกไม่นานก็ซมซานกลับมาวิงวอนให้เราช่วยหล่อนหรอกหรือ?”

มันคือความจริง นังเด็กสารเลวนั่นนอกจากทำไร่ไถนาแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น งานการไม่ทำเอาแต่ออกเที่ยวเตร่ข้างนอก

ไม่มีเงินจะอยู่ที่ไหนได้ คงต้องเผชิญกับโลกข้างนอกจนพอใจก่อน ถึงจะกลับบ้าน ตอนนั้นก็ค่อยสั่งสอนนังสารเลวนั่นแล้วกัน!

นัยน์ตาของหลินเพ่ยฉายแววชั่วร้ายสว่างวาบหลายสาย และเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “เอาทะเบียนบ้านให้หล่อนไป แต่ห้ามแบ่งในส่วนของฉันตามที่หล่อนบอกเด็ดขาด นายจดทะเบียนสมรสกับหล่อนไปก่อนแล้วค่อยหย่า ต่อไปถ้าหล่อนจะแต่งงานใหม่ก็คงเป็นได้แค่ผู้หญิงมือสองที่ไร้ราคา ถ้าย้ายสำมะโนครัวของหล่อนออกจากทะเบียนบ้านของเรา ก็แสดงว่าหล่อนยังไม่แต่งงานงั้นสิ? การแต่งงานรอบที่สองจะต่างจากผู้หญิงตลาดยังไง”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเกิดความลังเล “ถ้าหล่อนไม่เอาด้วยจะทำยังไง?”

“นายก็นอนกับหล่อนสิ ให้หล่อนได้ลิ้มรสความหอมหวาน มีหรือที่หล่อนจะไม่ยอม? แม้แต่เสียงโวยวายก็คงไม่เกิดขึ้นอีก”

เมื่อนึกถึงใบหน้าหมองคล้ำหยาบกร้านที่ผ่านการตากแดดจากการทำไร่ไถนาของหลินม่าย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถึงกับขมวดคิ้วกระอักกระอ่วนทันที

แต่เขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของหญิงผู้เป็นที่รัก จึงได้แต่กัดกระสุนตอบรับอย่างจำใจ

หลังจากทั้งสองคนหารือกันเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ดูลนลานของซุนกุ้ยเซียงดังเข้ามาจากข้างนอก “ทะ….ทำไมน้ำมันไช่จื่อไหนี้ถึงได้แตกกระจายเต็มพื้นแบบนี้ล่ะ!”

อุตสาหกรรมของประเทศในสมัยนี้ยังคงหล้าหลังมาก ทำให้ถังพลาสติกสำหรับใส่น้ำมันมีราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผล ชาวบ้านส่วนมากเอื้อมไม่ถึง จึงมักใช้ไหดินเผาเคลือบ

ครั้งนี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ใช้ไหดินเผาเคลือบเช่นกัน

ทันทีที่หลินเพ่ยได้ยิน หล่อนก็หันไปสบตากับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทันที ทั้งสองคนรีบพุ่งตัวเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว

ทุกคนคาดเดาไว้เหมือนกับพวกเขา ไหน้ำมันที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแบกกลับมาได้แตกกระจายอยู่เต็มพื้น ทั้งยังแตกเป็นเสี่ยง ๆ อีกด้วย

น้ำมันไช่จื่อเปรอะเปื้อนไปทั่วทุกพื้นที่ กลิ่นฉุนที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศทำให้ทุกคนเกิดอาการสำลัก

สีหน้าของหลินเพ่ยดูย่ำแย่ลง ก่อนจะรีบหันไปมองหลินม่ายอย่างรวดเร็ว “ฝีมือของเธอใช่ไหม?”

หลินม่ายมองหล่อนอย่างเย้ยหยัน  “ชอบทำตัวเป็นมิตรนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ทำต่อล่ะ? โชคดีที่ฉันไม่ได้อยู่ในห้องตลอด ไม่อย่างนั้นความหายนะนี้คงตกเป็นของฉันแน่นอนสินะ?”

หลินเพ่ยไม่มีกะจิตกะใจจะทะเลาะกับเธอ หล่อนมองไปยังต้าโก่วและเอ้อโก่วทั้งสองคนของพี่ใหญ่หลินสงด้วยสายตามาดร้าย “เพราะพวกแกซนจนทำให้ไหน้ำมันไช่จื่อตกแตกใช่ไหม?”

ครอบครัวในชนบทสมัยนี้ อย่าว่าแต่น้ำมันไช่จื่อ 5 ชั่งเลย ต่อให้เป็นไหน้ำมันไช่จื่อ 5 เลี่ยงตกแตก ผู้ทำผิดก็ต้องถูกเฆี่ยนตี

ต้าโก่วและเอ้อโก่วเห็นสายตามาดร้ายของหลินเพ่ยก็แหกปากร้องไห้ออกมาทันที “พวกผมไม่ได้ทำไหน้ำมันตกแตก คุณอาอย่าตีเราเลย!”

เมื่อหลินเพ่ยเห็นพวกเขาสองคนไม่ยอมรับ สีหน้าก็ทวีความดุร้าย “ไม่ใช่ฝีมือของพวกแกแล้วจะเป็นใคร? ผู้ใหญ่ชนไหน้ำมันตกแตกเองงั้นสิ!”

หลินม่ายจึงยิ่งปลุกปั่น “พี่เห็นกับตาเหรอคะว่าต้าโก่วกับเอ้อโก่วชนไหน้ำมันตกแตก?  หรือถ้าไม่ใช่พวกพี่แล้วจะเป็นใคร ! มันคงไม่ได้ถูกวางไว้ไม่ดีแล้วตกแตกเองหรอกนะ!”

หลินเพ่ยไม่ชอบต้าโก่วและเอ้อโก่ว แต่เติ้งซิ่วจือแม่ของต้าโก๋วและเอ้อโก๋วหรือพี่สะใภ้นั้นรักลูกชายของตัวเองยิ่งกว่าอะไรดี

ในใจหล่อนไม่พอใจตั้งแต่หลินเพ่ยกล่าวหาลูกทั้งสองคนแล้ว แต่เมื่อคิดได้ว่าลูกทั้งสองคนทำให้ไหน้ำมัน 5 ชั่งตกแตกก็ไม่กล้าระบายความโกรธในใจออกมา ถึงอย่างไรคนผิดก็คือลูกทั้งสองคนของหล่อน

ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหลินม่าย เติ้งซิ่วจือก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “หลานทั้งสองคนของเธอเพิ่งจะกี่ขวบเอง จะเคลื่อนไหน้ำมันที่หนัก 5 ชั่งได้เหรอ? เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นฝีมือของพวกเขา?”

ต้าโก่วและเอ้อโก่วเพิ่งจะอายุ 4 ขวบและ 3 ขวบ ถ้าจะเคลื่อนไหน้ำมันที่หนัก 5 ชั่งก็คงจะลำบากน่าดู

หลินม่ายยังปลุกปั่นต่อ  “พี่สาวต้องมั่นใจว่าเป็นต้าโก่วและเอ้อโก่วอยู่แล้วค่ะ เพราะในบ้านมีแค่พวกเขาสองคนที่แย่งอาหารกับหล่อน หล่อนจะชอบพวกเขาได้ยังไง?” 

นัยน์ตาของหลินเพ่ยฉายแววโหดร้ายวาบหนึ่ง แต่กลับหันไปพูดกับหลินเจี้ยนกั๋วด้วยท่าทีน่าสงสาร “พ่อ ฉันก็แค่ถามไปเรื่อย แต่ม่ายจื่อจงใจหาเรื่อง….”

“ถามไปเรื่อยจนทำให้เด็กทั้งสองคนกลัวจนร้องไห้ เหอะ ๆ!” หลินม่ายยิ้มเยาะเย็นชา

“ลูกสาวที่แต่งงานแล้วอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาพูด ไสหัวออกไป!” ซุนกุ้ยเซียงตวาด

หลินม่ายเดินออกไปพลางพูดว่า “ฉันรู้ว่าแม่ต้องเข้าข้างพี่ ในสายตาของแม่ก็มีแต่พี่ที่เป็นลูกรัก แม้แต่ต้าโก่วและเอ้อโก่วก็ยังเทียบไม่ได้ แม่แก่ตัวไปเมื่อไหร่ก็ไม่คาดหวังให้ฉันเลี้ยงดูได้นะ แต่จะไม่คาดหวังพี่ใหญ่พี่สะใภ้และต้าโก๋วเอ้อโก๋วได้เหรอ?”

ซุนกุ้ยเซียงโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม 

เติ้งซิ่วจือกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “ก็สมควรแล้วที่ไหน้ำมันตกแตก !ถึงอย่างไรก็ไม่มีส่วนของลูกชายทั้งสองของฉันอยู่แล้ว!”

พูดจบก็จูงเด็กทั้งสองคนเดินออกจากห้องครัวไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ตอนเที่ยง ซุนกุ้ยเซียงที่มักจะตระหนี่ถี่เหนียวได้ทำกุยช่ายผัดไข่หนึ่งชามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เต้าหู้ที่เป็นเมนูประจำครอบครัวหนึ่งชามและปลาตุ๋นน้ำแดงหนึ่งชาม ผัดผักสองอย่าง นับว่าเป็นมื้ออาหารที่อุดมสมบูรณ์มากทีเดียว

ระหว่างกินข้าว นางก็วางปลาตุ๋นน้ำแดงชามนั้นไว้ตรงกลางระหว่างอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ย

โดยไม่ลืมที่จะอธิบายให้เติ้งซิ่วจือสั้น ๆ ว่า “ต้าโก่วและเอ้อโก่วยังเด็กเกินไป กินปลาไม่ได้ เลยไม่ได้วางปลาไว้ตรงหน้าของพวกเขาน่ะ”

เติ้งซิ่วจือมีสีหน้าเคร่งขรึมลง

ปลาตัวนี้เป็นปลาที่หล่อนจับได้เมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนของหล่อนกลับไม่มีสิทธิ์ได้กิน แถมยังโดนแม่สามีพูดจาเสียดสีอีกด้วย

เด็กกินปลาไม่ได้เหรอ?

เด็กสองขวบในหมู่บ้านต่างก็กินปลาได้ทั้งนั้น!

แค่กินปลากลับบอกว่าลูกทั้งสองคนของหล่อนยังเด็ก แล้วทำไมตอนที่ทำไหน้ำมันตกแตกเมื่อครู่ถึงไม่บอกว่าลูกทั้งสองคนของหล่อนยังเด็กบ้างล่ะ?

เติ้งซิ่วจือโกรธฉุนเฉียวจนต้องยกจานกุยช่ายผัดไข่และเต้าหู้ชามนั้นมาวางตรงหน้าลูกทั้งสองคนของตัวเอง “ให้กินปลาคงกลัวว่าก้างจะติดคอต้าโก่วและเอ้อโก่ว งั้นกินไข่กับเต้าหู้คงไม่มีปัญหานะคะ”

ซุนกุ้ยเซียงอยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้ ไม่พูดอะไรออกมา

หลินม่ายกินพลางลอบสังเกตท่าทางของทุกคนในสกุลหลิน

เมื่อเห็นความเงียบที่คุกกรุ่นท่ามกลางพวกเขา เธอก็ยิ่งพอใจ เมื่อครู่ตัวเองวางกับดักใส่เติ้งซิ่วจือได้สำเร็จแล้ว

เธอชอบให้ทุกคนแตกแยก แล้วก็ตีตัวออกหาก  เพราะการเหม็นขี้หน้ากัน จะทำเกิดการทะเลาะกันในทุกวัน 

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หารือความลับเรื่องอะไรกันหญิงชั่วชายเลวคู่นี้ ม่ายจื่อตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมแล้วน้า

ปั่นเข้าไปให้หนัก ๆ เลยค่ะม่ายจื่อ ให้ทุกคนกระอักเลือดตายเวลาเธอได้ดีกันให้หมดทั้งบ้านเลย

ไหหม่า(海馬)