ตอนที่ 10 นักรบเจนสนามและสัตว์ประหลาดที่มีจิตใจ

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

ตอนที่ 10 นักรบเจนสนามและสัตว์ประหลาดที่มีจิตใจ

 

ตัวข้าเกิดมาพร้อมกับอารมณ์แห่งความโกรธ

 

ผืนโลกนั้นคือนามของข้าหาใช่สิ่งอื่น

 

เจตจำนงของข้าคือเจตจำนงแห่งโลก

 

จงทำลายล้างมนุษย์ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเรา

ทั้งหมดก็เพราะอัลฟ่า

แม้อัลฟ่าจะตายไปแล้วและไม่สามารถหาร่างได้

แต่อัลฟ่าก็ได้ให้กำเนิดเด็กคนหนึ่ง

สัตว์ประหลาดที่ไม่ควรกำเนิดขึ้นมา

จงฆ่ามันก่อนที่มันจะกลายเป็นโอมาก้าแห่งยุคนี้เสีย

การดำรงอยู่ของมันคือสิ่งต้องห้าม

 

 

ข้าคือสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นมา

 

คำสั่งที่ข้าได้รับจากราชาแห่งสัตว์ประหลาดโอเมก้า ผู้อยู่เหนือความบ้าคลั่งและเหตุผลทั้งปวงนั่นก็คือการชำระล้างมนุษยชาติ

 

มันคือลิขิตที่มิอาจเลี่ยง คำสั่งของราชาแห่งเหล่าสัตว์ประหลาด ผู้สรรค์สร้าง ผู้บางการ และควบคุมสรรพชีวิต

 

พวกข้าจะทำลายมนุษยชาติ

 

ด้วยเหตุนี้ข้าจึงจุติลงมายังโลก

 

 

 

『โอ้ววววว!!! อ๊ากกกกก!!』

 

 

ทว่าข้ากลับล้มเหลว

 

ข้าถูกทิ้งลงกลางทะเลลึกโดยพวกหนอนแมลงเดินดิน มนุษย์ที่มีพลังอันแปลกประหลาด

 

ร่างสีดำสนิทของมันคือภาพสุดท้ายก่อนที่ข้าจะหลับใหลลงสู่ความมืดมิด

 

 

 

『อ๊ากกกกก……』

 

 

ในขณะที่ข้ากำลังสะสมพลังอีกครั้งในส่วนลึกของทะเล โอเมก้าก็ได้สิ้นชีพลง

 

ไม่มีคำสั่งใดๆ จากเขาอีก

 

ทว่าเป้าหมายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ข้าก็ต้องออกลดจำนวนของพวกมัน

 

ข้าจะทำลายทวีปที่ใกล้ที่สุด

 

 

 

『อ๊ากกกกก……กกก』

 

 

ในฐานะประชากรสัตว์ประหลาดแห่งโลก

 

ในฐานะสัตว์ประหลาดที่ได้รับพลังจากโลก

 

ข้าจะทำลายล้างมนุษย์ที่คอยกัดกินดวงดาวแห่งนี้ให้จงได้

 

ทว่าทั้งที่ควรจะเป็นเช่นนั้น

 

 

 

『อัศวิน…ดำ』

 

 

มีสิ่งหนึ่งที่กำเนิดขึ้นมานอกเหนือจากความโกรธ สิ่งที่ข้าไม่เคยสัมผัส

 

มันคือความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง ต่อนักรบทมิฬผู้นั้น แต่ในขณะเดียวกันข้าก็โกรธและเกลียดชังมันผู้ซึ่งเป็นดั่งปราการแห่งมนุษยชาติ

 

มันคือสิ่งที่ข้าสามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์จริงๆ หาใช่หนอนแมลง

 

———-

 

เรือกำลังแล่นอยู่เหนือท้องทะเล

 

จัสติสครูเซเดอร์กับฉันกำลังโดยสารเรือลำนี้ พวกเราทุกคนต่างมองออกไปเหนือสุดเส้นขอบฟ้าที่ซึ่งจะต้องเข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ใกล้เข้ามาทุกที

 

 

 

「มันต้องผลาญเงินไปขนาดไหนกันนะถึงจะสร้างของแบบนี้ได้? 」

 

 

「คิดว่าน่าจะเกิน 100 ล้านนะ แต่คงไม่น่าเกิดสองหรือสามพันล้านหรอก….แต่ก็ยากจะบอกแหละเพราะประธานสร้างมันขึ้นมาจากเทคโนโลยีลึกลับนี่นา」

 

 

แม้ภายนอกจะดูเหมือนเรือขนาดเล็ก แต่ภายในไม่ใช่แบบนั้นเลย

 

ฉันสามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “สนามประลอง” เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดแม็กม่า

 

 

 

「นายไม่อยากได้อาวุธหน่อยเหรอ? 」

 

「ก็นะจนถึงตอนนี้ก็ใช้แต่หมัดด้วยสิ」

 

 

「ไม่ลองหน่อยเหรอ ดูนี่สิอย่างอันนี้นะ!! ไม่ว่าอะไรก็สามารถหลอมละลายได้!!」

 

 

เรดดึงดาบออกมาจากปลอกที่ล็อกเอาไว้ ดาบทรงตะวันตกที่มีด้านคมสีแดงสุดร้อนแรงก็โผล่ออกมา

 

ดูจากรูปร่างของมันแล้วบอกได้เลยว่าสยอง เห็นได้ชัดว่าถึงจะใช้สิ่งนั้นฟาดฟันสัตว์ประหลาดแม็กม่า มันก็ไม่มีทางละลายแน่นอน ไม่สิสร้างความเสียหายได้ด้วยซ้ำ

 

ไม่ใช่ของที่เด็กมอปลายจะถือเลยแฮะ แต่มันก็คืออาวุธหลักที่เรดใช้

 

 

「เอาเตอะน่าเรด หมอนี่เป็นพวกสู้กับวายร้ายโดยใช้หมัดเปล่าอยู่แล้ว บอกไปก็บ่มีอะไรเปลี่ยนหรอก」

 

 

เยลโล่พาดขวานสองคมเอาไว้บนไหล่

 

พลังไฟฟ้าภายในของมันเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ

 

 

 

「แต่ก็น่าสนใจนิดหน่อย ถ้าเขาได้อาวุธจะเป็นอะไร」

 

 

บลูถือปืนพกสีน้ำเงินสองกระบอกและกำลังตรวจสอบสภาพของมัน

 

ในบางครั้งเธอก็ใช้เทคนิคแปลกๆ ในการรวมมันทั้งสองกระบอกกลายเป็นปืนไรเฟิลเฉย

 

 

 

「……」

 

 

ไม่ชินเลยวุ้ย

 

โดยปกติแล้วถึงไม่มีทางเลือกจริง ฉันก็จะเข้ามาร่วมสู้กับพวกเธอแบบช่วงกลางทางหรือช่วงท้ายอะไรงี้

 

แต่คราวนี้กลับมาร่วมสู้ด้วยกันตั้งแต่แรก

 

แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่หากคิดว่าเผื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น คงจะดีกว่าถ้าฉันอยู่กับพวกเธอตั้งแต่แรก

 

 

 

『สัตว์ประหลาดแม็กม่าใกล้จะมาถึงแล้ว ความเร็วของมันสูงมาก เตรียมตัวกันให้พร้อม』

 

「「「รับทราบ」」」

 

「อื้อ」

 

 

ฉันพยักหน้าให้กับอีกฝ่ายที่สื่อสารผ่านอุปกรณ์ภายในหน้ากากมา

 

 

 

「น-นั่นมัน? 」

 

「ศัตรูกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ความเร็วนี่มัน? 」

 

「รู้สึกเหมือนถูกจับจ้องไม่วางตา….」

 

 

ไม่ได้คิดไปเองแน่ ระหว่างที่พูดคุยกัน เมื่อหันกลับไปยังเส้นขอบฟ้า ก็พบว่ามีจุดสีดำเล็กๆ และไอน้ำสีขาวค่อยๆ ใกล้เข้ามา

 

ปลายทางของมันคือเรือที่พวกเราอยู่แน่

 

สัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ถูกห่อหุ้มร่างไว้ด้วยเปลือกสีแดงฉาน

 

เหมือนกับที่เห็นในกล้อง แขนซ้ายของมันติดอยู่กับหน้าอกแทนที่จะเป็นตำแหน่งปกติ

 

 

「อัศวินดามมมมมมมมมม!!」

 

 

มันกำลังเรียกชื่อฉันอย่างสุดเสียง

 

เรดที่เห็นสัตว์ประหลาดแม็กม่าพุ่งผ่านท้องทะเลมาด้วยความเร็วสูงก็มองมาทางฉันอย่างสงสัย

 

 

 

「เดี๋ยวนะมันเรียกชื่อนายเหรอ? 」

 

「เจ้านี่มันมีความนึกคิดพูดเป็นด้วยวุ้ย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของพวกสัตว์ประหลาดนี่เนอะ」

 

「ถ้ามันไม่พูดอะหยังเลยน่ากลัวกว่านา」

 

「เห็นด้วย」

 

 

ตามที่คาดพวกเธอไม่ได้ตื่นกลัวอะไรกับสถานการณ์เช่นนี้

 

เฮ้อ รู้สึกว่าพวกเธอมากันไกลจริงๆ …รู้สึกวางใจ…..

 

 

 

「ไม่ๆๆๆ ……」

 

คิดบ้าอะไรของฉันอยู่ฟะ

 

ไม่ได้จะมารวมทีมกับพวกหล่อนเสียหน่อย

 

มันเป็นคำมั่นสัญญาที่ฉันจะไม่มีทางยอมโอนอ่อน

 

ว่าแต่ ฉันไปให้คำมั่นนี่ไว้ตอนไหนนะ? เอาเถอะ ถือว่ามีละกัน

 

 

 

「อ๊ากกกกก!!」

 

「……ไอ้เจ้านี่ชมเข้าหน่อยก็กลับไปร้องยังกะคนบ้า……」

 

ก่อนที่จะรู้ตัวมันก็ใกล้เข้ามาในระยะ 50 เมตรแล้ว

 

ทว่ามันกลับหยุดความเคลื่อนไหวและจ้องมายังฉันในขณะที่ผิวน้ำทะเลโดยรอบเดือดปุดๆ

 

 

 

 

「ผ่านมาได้ปีครึ่งแล้วนี่ สบายดีไหมยังเจ็บแผลตรงอกหรือเปล่า? 」

 

「โอ้วววว!!!」

 

「พอคุยกับสัตว์ประหลาดก็เผยด้านนี้เลยนะ….」

 

 

เรดพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ฉันไม่ได้สนและยั่วมันต่อ

 

ที่มันฟื้นตัวมาได้น่าจะเพราะภูเขาไฟใต้ทะเลหรืออะไรสักอย่างแน่ๆ

 

คงจะเก็บมาเต็มถังเลยสินะ

 

แต่ว่ายังไงตรงนี้ก็ไม่ใช่ผืนดิน พวกเราสามารถลดพลังของมันได้เรื่อยๆ นอกจากนี้พลังภายในร่างของมันก็รั่วออกมาจากแผลที่อกตลอดเวลา ฉันว่าคราวนี้น่าจะใช้เวลาในนานเท่าคราวก่อนในการกำจัดมัน

 

 

「เดี๋ยวคราวนี้จะส่งกลับไปอยู่ก้นทะเลให้ละกัน ส่วนรูเอาแบบเบิ้มๆ เลยไหม」

 

「กร๊าาาาาา!!」

 

 

สัตว์ประหลาดแม็กมาถูกโกรธจนขีดสุด ได้ปล่อยลาวาออกมาจากมือของมันทันที

 

ฉันทำการกระโดดลงจากเรือลำเล็ก―――และยืนอยู่เหนือผิวน้ำ

 

แต่ไม่ใช่ว่าฉันมีพลังลอยตัวอะไรหรอกนะเออ

 

 

『ตอนนี้แหละ เปิดใช้งานเรือดำน้ำต่อต้านสัตว์ประหลาดแม็กม่าจัสติสมารีน! ทำงานได้!!』

 

 

ฉันได้ยินเสียงของเรมะผ่านหน้ากาก

 

สิ้นเสียงนั้น ผิวน้ำที่ฉันเคยยืนอยู่ก็ค่อยๆ มีวัตถุบางอย่างลอยขึ้นเหนือผิวน้ำและกำเนิดรูปร่างของลานกว้างขนาดใหญ่

 

 

น้ำทะเลได้ไหลลองจากลานแห่งนี้ ฉันยิ้มให้สัตว์ประหลาดแม็กม่าที่เหมือนจะสับสนอยู่

 

 

 

「เป็นไงล่ะเรือดำน้ำนี่สร้างขึ้นมาเพื่อแกเลยนะ? ถึงจะไม่สามารถไปยืนบนผืนดินได้แต่พวกฉันก็ให้แกยืนบนทะเลได้เลยนะเฟ้ย」

 

 

รูปร่างส่วนบนที่กลายเป็นลานขนาดใหญ่นี้มีลักษณะเหมือนเรือบรรทุกเครื่องบิน

 

มันสร้างขึ้นมาเพื่อป้องการการโจมตีของสัตว์ประหลาดแม็กม่าและความสามารถของมัน ซึ่งน่าจะยื้อให้พวกเราต่อสู้สะดวกสักพักหนึ่ง

 

เมื่อสนามรบพร้อมแล้ว

 

ที่เหลือก็แค่รุมยำมัน

 

 

 

「เอาล่ะ มาลุยกันเลย」

 

「ฉัน เยลโล่ และอัศวินดำจะเป็นแนวหน้าเอง」

 

「เดี๋ยวจะช่วยทำให้แขนมันเท่ากันเอง」

 

 

เรดถือดาบไว้ในมือขวา

 

เยลโล่กำลังเหวี่ยงขวานไปมา

 

 

「บลูช่วยยิงสนับสนุนที」

 

「รับทราบ」

 

 

บลูเตรียมปืนพกคู่ในมือขึ้นมา

 

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สู้ร่วมกับพวกเธออย่างเป็นทางการ…แต่โดยพื้นฐานคอมโบของพวกเธอจะมีกันแค่ 3 คนอยู่แล้ว ดังนั้นฉันก็เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ไปละกันน่าจะไม่มีปัญหา

 

 

 

「ฮึก คิดว่าจะแค่จะพอเหรอ」

 

「? 」

 

「ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามันโง่เง่าเพียงใด ถึงจะวางแผนมาสักแค่ไหน ก็มิอาจทำล้มข้าผู้เป็นดั่งเจตจำนงแห่งโลกได้หรอก」

 

 

เอ้า พูดคล่องขึ้นมาเฉย

 

ดูเหมือนจะได้มันสมองมาแทนความบ้าคลั่งก่อนหน้านี้แล้วสิ

 

 

 

「ต่อจากพวกแก ก็หนอนแมลงนั่น ข้าจะเผาพวกมันให้หมดสิ้นและทำให้พวกมันสูญพันธุ์ซะ」

 

 

「……มั่นหน้ามาจากไหนฟะ」

 

「เจตจำนงแห่งโลก! สัตว์ประหลาดแห่งโลกา! ตัวแทนแห่งดวงดาว พวกแกคือเสี้ยนหนามของโลกนี้!」

 

 

ตัวแทนว่าซ่าน

 

จนถึงตอนนี้พวกสัตว์ประหลาดมักจะมาด้วยบททฤษฎีอันสูงส่งบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แต่เจ้าหมอนี่ค่อนข้างมีคอนเซปต์ดีวุ้ย

 

ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไหม แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ปล่อยมันไปนี่เนอะ

 

 

 

「อันตัวข้าโลกาผู้นี้โลกา จะสังหารพวกเจ้าเสีย」

 

「หุบปากว้อย!」

 

「อั๊คค!? 」

 

 

ฉันกระโดดถีบหน้าที่พ่นไอร้อนของมันออกมาจนหมุนควงสว่านกระเด็นไป

 

ร่างของมันกระแทกเข้ากับที่กั้น ทันใดนั้นอุณหภูมิในร่างของมันก็สูงขึ้นด้วย เป็นสัญญาณว่ามันโกรธ

 

 

 

「น่าเสียดาย แต่ตัวข้านั้นคงกระพัน」

 

「เอ้อมีอะไรก็จัดมาเลย ไอ้โลกา!!」

 

 

สายฟ้ารอบขวานของเยลโล่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น เธอจะขว้างมันออกไปเข้ากระแทกกับร่างของโลกา ก่อนจะดึงกลับมา

 

ทางฉันเองก็กะจะเอาหมัดเข้าไปยัดซ้ำ แต่ดาบสีแดงของเรดก็ฟันร่างของมันเสียก่อน

 

 

 

「…เปราะจนน่าตกใจเลยนะ โลกา!!」

 

 

เธอดึงดาบกลับมาแล้วก็หมุนตัวฟันข้างหลังของมันอีกรอบ ก่อนจะแทงซ้ำ

 

ดาบนั่นได้สร้างรอยแผลไว้บนร่างของมัน และลาวาที่อยู่ภายในก็ไหลออกมาราวกับนั่นคือเลือด

 

แต่ชุดของฉันและจัสติสครูเซเดอร์ก็สั่งทำมาแบบพิเศษ จึงมีพลังป้องกันที่สูงมากพอสมควร ลาวาพวกนี้ก็เคยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่

 

 

 

 

「อ๊ากกกก!!」

 

「โอ๊ะ!」

 

โลกาเพิ่มความร้อนของร่างกายมันให้มากกว่าเดิมเพื่อไล่เรดให้ถอยไป

 

 

 

「มีช่องว่าง」

 

「อั๊คคคค!? 」

 

 

บลูไถลตัวเข้ามายิ่งกระสุนพลังงานสีฟ้าอ่อนหลายนัดใส่หน้าอกของมัน

 

 

 

「เพราะขนาดตัวใหญ่แบบนี้ก็….」

 

「อันตราย」

 

「ว้าย!? 」

 

 

ฉันทำการเตะขาที่ร้อนระอุของศัตรูเพื่อเบี่ยงการโจมตีที่พุ่งเข้ามาหาบลู

 

ก่อนจะทำการใช้แขนสกัดหมัดของมันเอาไว้แล้วจ้องไปยังดวงตาอีกฝ่าย

 

 

「ถ้ามีแค่ฉันคนเดียวมันก็คงอีกเรื่องอ่านะ」

 

「อัศวินดามมมม!!」

 

「แต่น่าเสียดาย คราวนี้ฉันพาพวกมาด้วยเว้ย!!」

 

 

 

หมัดลาวาของมันกำลังจะเข้ามา ฉันจึงรีบปิดระยะอย่างรวดเร็วและปะทะหมัดกับมันไปถึง 6 ครั้ง แรงกระแทกของการโจมตีก็ทำให้ฉันกระเด็นกลับมาด้านหลังทว่าเรดกับเรลโล่ก็ไม่ปล่อยโอกาส ใช้จังหวะนี้เข้าโจมตีส่วนข้างหลังของมันและฟาดมันกลับมาทางฉันเพื่อให้ฉันได้ชกมันต่อ

 

 

 

「โอ โอ้ววว……!」

 

 

 

ในจังหวะที่ศัตรูกำลังจะตั้งตัวได้ บลูก็ทำการโจมตีด้วยกระสุนพลังงานไปยังร่างของมันเพื่อไม่ให้มันมีเวลาหายใจ การโจมตีประสานของพวกเราดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

「เอาไปกิน!」

 

 

ฉันเตะมันให้ล้มลงกับพื้น ทางเยลโล่ก็ใช้ขวานของเธอในการเสยมันขึ้นอีกรอบ ก่อนที่เรดจะเข้ามาใช้ดาบฟาดมันจนกระเด็นออกไป

 

เมื่อมันจะทำการรุกเข้ามา บลูก็ยิงปืนเข้าไปยังดวงตา อก เท้าของมันจนมันชะงักไป แล้วจังหวะการต่อสู้ประมาณนี้ก็วนไปเรื่อยๆ

 

 

 

「พวกเราก็เข้าขากันได้ดีนี่」

 

「พูดอะไรไร้สาระของหล่อนฟะ เรด」

 

「จ้าๆ!」

 

เรดกระโดดขึ้นไปข้างบนและพุ่งลงมาฟันมันอย่างรุนแรงราวกับอุกกาบาตจากฟากฟ้า

 

พอฉันเห็นเธอฟันร่างของมันเป็นแนวตั้งแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา

 

 

 

「…ก็บอกไปแล้วแท้ๆ นะ ว่าถึงไม่มีฉันพวกเธอก็เอาอยู่」

 

 

ฉันไม่ได้เคยเจอกับพวกเธอแค่ครั้งเดียวสักหน่อย

 

เป็นเรื่องจริงที่ฉันต้องยื่นมือเข้าไปช่วยพวกเธอในอดีต แต่ทุกครั้งที่พวกเธอพ่ายแพ้ พวกเธอก็จะมีเชื้อไฟในการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

 

แม้โลกาจะไม่ได้อยู่บนผืนดินและมีบาดแผลขนาดใหญ่บนอก แต่พลังของมันก็นับว่ามากกว่าสัตว์ประหลาดหรือวายร้ายทั่วไปหลายเท่า

 

มันจะกลายเป็นเป้าซ้อมที่ดีสำหรับพวกเธอ เพื่อให้พวกเธอแกร่งกว่าเดิม

 

 

 

「โอ้วววววว!!」

 

「ยังไม่จอดอีกเหรอ!? 」

 

「แบบนี้บ่ดีแล้ว」

 

「ถอยกันก่อน」

 

 

โลกาเพิ่มความร้อนให้มากกว่าเดิม

 

ดูทรงแล้วความร้อนคราวนี้ถึงจะเป็นจัสติสสูทก็ไม่รับประกันว่าจะทนไหว

 

ไม่นานนักพวกเราก็ได้ยินเสียงจากโอเปอเรเตอร์สาวที่ทำงานกับเรมะพูดขึ้น

 

 

 

『อุณหภูมิรอบๆ ตัวของมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ!! โดยระยะ 10 เมตรรอบตัวมันอยู่ที่….2965 องศา?! และยังเพิ่มต่อไปอีกค่ะ』

 

 

『ดูเหมือนมันจะทำได้สมกับชื่อของมันแล้วนะ!! หากเพิ่มมาถึงขั้นนี้! อีกไม่นานคงได้เท่าพื้นผิวดวงอาทิตย์แน่! รีบจัดการมันซะก่อนที่จัสติสมารีนจะทนไม่ไหว!!』

 

「งั้นก็ถึงเวลาของฉันแล้วสิ」

 

 

ฉันกระโดดเข้ามาไปหามันที่กำลังเดือดได้ที่

 

ในการต่อสู้คราวก่อนเกิดขึ้นภายในตู้คอนเทนเนอร์ไม่ใช่พื้นที่กว้างแบบนี้ ทว่าสิ่งที่ฉันต้องทำก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ฉันก็แค่ต้องอัดมันไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเดี้ยง โดยระหว่างนั้นก็หลบการโจมตีของมันให้ได้ด้วย

 

 

 

「ย้าก!!」

 

 

ฉันหลบหมัดขวาของมันและใช้กำปั้นอัดไปยังกรามของมันเน้นๆ ก่อนจะเตะตัดขามันอีกที

 

แน่นอนว่าพลังฉันใส่สุดกับร่างมันเท่าที่จะเค้นออกมาไหว

 

เมื่ออีกฝ่ายจะโต้กลับฉันก็สวนด้วยครอสเคาเตอร์อีกที

 

 

 

「อ๊ากกกก!!」

 

แต่มันก็เหมือนจะไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ

 

ทว่าใช่จะมีแต่ฉันนี่ ดาบสีแดงของเรดได้ผ่านหลังของฉันเข้าไปโจมตีไหล่ของโลกาที่เป็นแผลอยู่ก่อนแล้ว

 

 

「ฮ่า!! โดนเข้าไปเต็มๆ!!」

 

「ฟอโล่วได้สวยเรด!!」

 

 

จากนั้นฉันก็รัวหมัดใส่มันต่อไปเพื่อตัดพลังงานภายในร่างของมัน

 

 

 

 

「อึก คึ……!? 」

 

 

น้ำเสียงที่มันเปล่งออกมาเริ่มมีความกลัวปะปนมาด้วย

 

ชวนให้รู้สึกยากที่จะเชื่อว่าตัวแบบนี้เนี่ยนะมีอารมณ์กลัวกับเขาด้วย

 

แต่ฉันไม่เมตตามันหรอก

 

ฉันกำหมัดเอาไว้แน่นโดยหมายว่าจะปิดงานทว่า―――!!

 

 

 

「โอ้วววววววว!!」

 

「อะไรกัน!? 」

 

 

ม่านควันเหรอ?!

 

โลกาทำการพ่นควันสีขาวออกมาจากปากของมัน

 

เมื่อฉันปัดควันออกไปและหมายจะคว้าตัวมันเอาไว้ร่างของมันก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

 

 

 

「「「หนีไปงั้นเหรอ!? 」」」

 

「หา? 」

 

 

ฉันมองไปยังทิศที่คาดว่ามันน่าจะหนีไปแล้วก็พบว่า มันกำลังไถลไปตามผิวน้ำเพื่อหนีพวกเรา โดยปลายทางที่มันมุ่งไปคือญี่ปุ่น

 

 

คิดจะหนีงั้นเหรอ ไอ้เวรนี่

 

แต่ใจก็ยังไม่คิดจะวางมือจากญี่ปุ่นสินะ

 

ความทรงจำเมื่อปีก่อนผุดขึ้นมาในหัวฉัน

 

『หากเป็นนายละก็…』

『ฝากปกป้องครอบครัวฉันด้วย…』

『ช่วยปกป้องแทนพวกเรา……』

 

 

การต่อสู้ครั้งนั้นมีผู้คนมากมายที่ต้องเสียสละและบาดเจ็บสาหัสเพราะต่อสู้กับมัน

 

 

『ตอนนี้มันอ่อนแรงลงแล้ว! จัสติสครูเซเดอร์จัดการมันซะ! ทำการอนุมัติใช้งานอาวุธขั้นสุดท้าย――เดี๋ยว คัตสึมิคุง นายจะทำอะไรน่ะ?!』

 

 

เรมะส่งเสียงออกมาในขณะที่ฉันกำลังพุ่งตัว

 

 

 

「คัตสึ…อัศวินดำคุง?! นายตั้งใจจะทำอะไรน่ะ?!」

 

「ปล่อยให้พวกเราปิดงานมันเตอะ!」

 

「คราวนี้ สัญญาจะกำจัดให้สิ้นซาก」

 

 

ขอสาบานเลยว่าจะกำจัดไอ้สารเลวนี้ให้ไม่เหลือซาก!! ฉันไม่มีวันให้อภัยมันแน่!!

 

พอรู้ว่ามันตั้งใจจะไปญี่ปุ่น ฉันก็กระโดดตามมันไปทันที

 

ที่เหลือก็ฝากฝังไว้กับความสามารถทางกายภาพของสูทที่สวมอยู่ ฉันตัดสินใจตามมันไปด้วยการวิ่งอยู่เหนือผิวน้ำของมหาสมุทร

 

 

『วิ่งบนทะเลเหรอ?! ฮ่าๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับนายจริงๆ!! หุหุหุ ได้ไอเดียชุดใหม่เต็มไปหมดเลย ทั้งหมดนั่นฉันจะทำเพื่อให้นายเฉิดฉายเองคุคุ!!』

 

 

『หัวหน้า!! เสียงดังไปแล้วค่ะ ช่วยหุบปากด้วย!!』

 

『อ่ะ ขอโทษครับ……』

 

เรมะที่โดดดุไปทีเดียวถึงกับห่อเหี่ยว

 

จากนั้นโอเปอเรเตอร์สาวก็พูดกับฉันขณะที่วิ่งอยู่บนน้ำ

 

 

『อัศวินดำ!! แกนกลางของมันเป็นทรงกลมขนาดเล็กโดยห่างออกตรงกลางอกไปทางซ้ายประมาณ 10 เซนค่ะ!!』

 

「รับทราบ!!」

 

ทีนี้ก็รู้ตำแหน่งแกนกลางแล้ว

 

ฉันพุ่งตามมันที่ไถลกับผิวทะเลและกำหมัดแน่น

 

 

 

「น่าตลกชะมัดไอ้สารยำ!!」

 

「อุ!? 」

 

「ตัวอย่างแกเนี่ยนะมีอารมณ์ความรู้สึกกับเขาด้วย!!」

 

 

ฉันทะยานจากผิวน้ำขึ้นไปในอากาศและพุ่งตัวลงมาชกร่างของโลกกระแทกเข้ากับผิวทะเล

 

ร่างของมันกระแทกเข้ากับพื้นลาวาที่แข็งตัวซึ่งมันสร้างขึ้น ในขณะที่มันพยายามดิ้นรนอยู่นั้น ฉันก็คว้าตัวมันขึ้นชกซ้ำๆ

 

 

 

「แกไม่คิดถึงคนที่ต้องยืนหยัดจนตัวตายเพื่อสู้กับแกเลยหรือไง!!」

 

 

เมื่อ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา สมาชิกกองกำลังป้องกันตัวเองได้ตัดสินใจเข้าต่อสู้กับมัน

 

พวกเขาได้รวมพลังกันเพื่อปกป้องคนที่รัก

 

พวกเขาต่อสู้เพื่อญี่ปุ่นและครอบครัว ต่างจากวายร้ายอย่างฉัน

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะทำได้อย่างแน่นอน

 

 

 

「แกกล้าหันหลังให้กับพวกฉันแล้วหนีไปงั้นเหรอ!!」

 

มาตอนนี้กลับคิดจะหนีงั้นเหรอ

 

แต่ไอ้สารเลวนี้ถึงจะหนีก็ยังไม่วายคิดร้ายกับญี่ปุ่น

 

 

 

「ไม่รู้หรือไงว่าคนพวกนั้นเขาเสี่ยงชีวิตมาสู้กับแกต้องแลกอะไรบ้าง!! แต่กลับกันแกที่ถูกต้อนจนมุมคิดจะหนีเนี่ยนะ!!」

 

「……เจตจำนงแห่งโลก! สัตว์ประหลาด—-แห่งโลกา! ตัวแทนแห่งดวง—ดาว พวกแกคือเสี้ยน—–หนามของโลกนี้!!! ข้าจะกำจัดแก—-พวกหนอนแมลง!!」

 

「ไอ้สวะอย่างแกไม่มีสิทธิ์เรียกมนุษย์ว่าหนอนแมลงเว้ย!!」

 

 

มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวราวกับเทปที่ขาดตอน จากนั้นมันก็ใช้มือขวาที่ร้อนผ่าวคว้าใบหน้าของฉันเอาไว้

 

แม้จะมีการแจ้งเตือนถึงความร้อนที่สูงขึ้นเป็นอย่างมากฉันก็ไม่คิดสนใจและใช้มืออีกข้างตั้งขึ้นเหมือนดาบ

 

 

 

 

「ไอ้สารเลวแบบแกไม่ควรมีหัวใจกับเขาหรอก!!」

 

 

ฉันใช้พลังทั้งหมดที่มีอัดลงไปในมือและแทงเข้าไปในอกของมัน

ปลายทางนั้นคือบริเวณทางซ้ายจากบริเวณกลางอก ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ดึงมันออกมาพร้อมกับทิ้งร่างของโลกาลง

 

 

 

「———อะ」

 

 

ทันใดนั้นร่างของโลกาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์และสลายไป

 

ฉันบดขยี้แกนกลางของมันอย่างไม่ใยดี…เมื่อความวุ่นวายได้จบลง ฉันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

 

 

「เฮ้อ อยากกลับแล้ววุ้ย……。……อ๊ะ!」

 

 

เสียงสั่นไหวภายในอากาศได้ก่อตัวขึ้น

 

มันเป็นเสียงที่ปะปนมาทันเสียงคลื่นของทะเล ฉันทำการทุบลาวาที่แข็งตัวใต้เท้าตัวเองแล้ว หยิบมันมาให้เป็นหินขว้างไปในอากาศ

 

หินนั้นได้กระแทกเข้ากับพื้นที่ว่างเปล่า จากนั้นก็มีบางอย่างร่วงลงมา

 

 

 

「หา…ไอนั่นมัน?! โอเปอเรเตอร์นี่มันหมายความว่ายังไง」

 

『โดรน?! แต่ว่าได้ยังไงกัน?!』

 

 

มันคือโดรนที่ถูกทาสีพรางตัวให้เข้ากับท้องฟ้าและผืนทะเล

 

 

 

「ม่ายยยย!? โดรนฉันนนน!? 」

 

「หา……? 」

 

 

ฉันเอียงหัวขณะหยิบโดรนขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ไม่สมควรจะมาอยู่ตรงนี้ได้เลย

 

เมื่อมองไปยังทิศของเสียงก็พบเรือประมงลำหนึ่งกำลังลอยอยู่

 

 

 

「ชิบผายถูกเจอตัวแล้ว!」

 

「โกยกันเร็ว! ให้ว่องเลย!! ไลฟ์ต่อไปได้แล้วเว้ยยยย!!」

 

「สุดยอด การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดนั่น พวกเราดังแล้ววววว!」

 

 

ไอ้คนพวกนั้นมันใครกัน?

 

คนธรรมดาเหรอ ไม่ใช่ว่าพื้นที่นี้ถูกปิดไปแล้วนี่….

 

เมื่ออีกฝ่ายเห็นฉันรู้ตัวแล้ว เขาก็พยายามออกเรือหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่นานนักพวกเขาก็ถูกล้อมไว้ด้วยเรือจากกองกำลังป้องกันตัวเองที่ไล่ตาม

 

 

 

 

「อะไรก๊านนนน!? 」

 

「ก็บอกไปแล้วว่าอย่าแท้ๆ!!」

 

สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงเอียงหัวสงสัยและจ้องพวกเขาที่ถูกคุมตัวไป

 

ไอ้เจ้าพวกนี้อะไรของมัน?

 

 

 

『……เฮ้อ งานเข้าแล้วสิ』

 

「หมายความว่ายังไงเรมะ? 」

 

 

 

『คงเพราะคราวนี้ใกล้ญี่ปุ่นมากไปสัญญาณเลยถึงสินะ ไอ้เจ้าพวกโง่นี่ทำลงไปซะได้….』

 

 

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?

 

ฉันไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เรมะสื่อ แต่จากที่เขาพูดคงจะเรื่องที่หนักหนาเข้ามาเสียแล้ว

 

 

『การต่อสู้ในครั้งนี้ถูกทุกคนบนโลกเห็นเข้าแล้วน่ะสิ』

 

「……หา? 」

 

 

เขาพูดโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด และฉันก็ทำได้เพียงตกตะลึงกับเรื่องนี้

 

—————

 Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code