ตอนที่ 9 การประชุมเพื่อจัดการกับสัตว์ประหลาดแม็กม่า (มุมของเรด)

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

ตอนที่ 9 การประชุมเพื่อจัดการกับสัตว์ประหลาดแม็กม่า (มุมของเรด)

 

 

สัตว์ประหลาดแม็กม่า

 

หนึ่งสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ซึ่งคัตสึมิคุงในอดีตสามารถเอาชนะมันได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองกำลังป้องกันตนเอง

 

คาดว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ประหลาดขั้นผู้บริหารหรือสูงกว่าขององค์กรวายร้าย

 

เนื่องจากพวกเราต้องสู้กับพวกวายร้ายอยู่แล้ว ย่อมต้องรู้ข้อมูลของสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่จะกลับมาในอนาคต แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะ แต่เนื่องจากเป็นกฎฉันจึงต้องใส่กุญแจมือให้นาย」

 

「ฉันก็ไม่คิดว่าอะไรนายหรอกเรมะ แบบนี้คงสบายใจกว่าด้วย」

 

「นายนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ฮ่าๆๆ 」

 

 

ระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมเพื่อคิดแผนกำจัดมัน คัตสึมิคุงที่ถูกติดกุญแจมือเอาไว้ก็เดินพูดคุยกับประธานเจ้าปัญหา

 

 

 

「อุแหม่ แหม่แหม่ อะไรของพวกเธอ? ทำไมมองฉันอย่างกับฉันไปฆ่าพ่อแม่พวกเธอกัน? 」

 

「「「……!」」」

 

 

อิตานี่วอนแท้ๆ

 

เนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันก็เลยไม่คิดจะต่อความยาว จึงทำได้เพียงทนเอาไว้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไปเพื่ออะไร ระหว่างนั้นเองคัตสึมิคุงก็หันมาคุยกับฉัน

 

 

「อย่าได้เข้าใจผิดไปล่ะ」

 

「หือ? 」

 

「ถึงจะมีเรื่องคราวนี้มาเกี่ยวฉันก็ไม่คิดจะเป็นพวกกับเธอหรอกนะ ดังนั้นอย่าได้หวังว่าฉันจะเรียกชื่อเธอล่ะ」

 

 

เขาพูดแล้วหันหน้ากลับไปเดินต่อ

 

 

 

「…แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันเกลียดอะไรพวกเธอหรอกนะ」

 

「ค คัตสึมิคุง….!」

 

「เห้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิฟะ! มันน่ารำคาญ!」

 

 

แม้ว่าจะถูกบอกแบบนั้นฉันก็ไม่คิดจะหยุดหรอกน่า

 

 

 

「แต่ว่า สัตว์ประหลาดแม็กม่านั่น วายร้ายที่แม้แต่คัตสึมิคุงก็ไม่สามารถกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราจะไหวเหรอ? 」

 

「อ่า โดยปกติแล้วมันจะเป็นอมตะก็ต่อเมื่ออยู่บนผืนดิน เลวร้ายสุดหากมันหลุดไปได้ด้วยความสามารถของมันคงทำลายญี่ปุ่นได้ไม่ยาก」

 

 

ฉันถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของคัตสึมิคุง

 

คิราระกับอาโออิก็เหมือนกัน

 

 

「….อย่าที่คิดเอาไว้พวกระดับผู้บริหารน่ากลัวจริงๆ ฉันเองก็เคยเกือบโดนมันฆ่าตาย….วายร้ายแห่งชั้นบรรยากาศ…พลังที่สามารถขโมยความหนาแน่นของอากาศได้….เป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ …」

 

 

คิราระและอาโออิก็เริ่มนึกถึงสิ่งที่ฉันพึมพัมออกมา

 

ก่อนจะทอดสายตาออกไปราวกับกำลังนึกอะไรบางอย่าง

 

 

「กลิตเตอร์ผู้กลืนกินแสง ญี่ปุ่นต้องตกอยู่สภาวะกลางคืนตลอด 1 สัปดาห์ ทั้งไฟฟ้าแสงจากร่างของมันก็แทงตาแต้ ไหนจะรูปร่างเหมือนกับพวกเราอีก เป็นศัตรูที่น่ารำคาญขนาด」

 

 

「นอกจากนี้ก็มี สัตว์ประหลาดเทียน ทั้งที่คิดว่าอ่อนแอ แต่ฉันก็เกือบจะตายเพราะพลังของมัน」

 

 

การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักครั้ง

 

ไม่สิต้องบอกว่าหากไม่ใช่การต่อสู้ที่มีคัตสึมิคุงอยู่ด้วยต่างหาก

 

 

「ไม่ต้องห่วงน่านอกจากเพื่อนรักของฉันอย่างคัตสึมิคุงแล้ว ฉันก็ชื่นชมพวกเธอนะที่สามารถใส่สูทของฉันได้ พวกเธอควรภูมิใจในตัวเองนะเอ้อ? 」

 

「เดี๋ยวเตอะเพื่อนสนิทอะไรของเจ้า……」

 

「พูดซะเหมือนภูมิใจ…」

 

ประธานเมินคำพูดของคิราระกับอาโออิแล้วยิ้มออกมา

 

 

 

「หากเป็นพวกเธอน่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับมันได้อย่างแน่นอน เพราะสุดท้ายแล้วจัสติสครูเซเดอร์ก็คือความหวังของมนุษยชาติยังไงล่ะ」

 

 

ประธานนี่นะ คิดจะพูดอะไรก็พูดถึงจะชินแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆ

 

 

 

「ส่วนตัวฉันก็อยากขอบคุณพวกเธอนะที่ทำให้ฉันตกเป็นเป้าของพวกวายร้ายน้อยลง」

 

「ว่าแต่คัตสึมิคุงไปทำอะไรให้พวกมันถึงโดนพวกมันตามล่าได้ล่ะ? 」

 

「……ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้」

 

「จำไม่ได้หรือไม่อยากพูดกันแน่? 」

 

「คือฉันจำไม่ได้จริงๆ มันก็เหมือนเธอมาถามแหละว่า 3 วันก่อนกินข้าวเช้าเป็นอะไร เอาเถอะคงไม่สำคัญนักหรอก」

 

 

ถ้าเขาพูดแบบนั้นก็คงไม่เป็นไรมั้ง

 

อย่างน้อยเขาก็ดูไม่ลำบากใจกับเรื่องนี้

 

ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่พวกเราก็เดินมาถึงห้องประชุม

 

เหล่าเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลืองานของจัสติสครูเซเดอร์ได้มานั่งรอกันหมดแล้ว บนหน้าจอที่ฉายโดยโปรเจ็กเตอร์ก็แสดงภาพของสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่

 

 

「เอาล่ะ ท่านสุภาพบุรุษสุภาพสตรีทั้งหลาย เมื่อเรามาพร้อมกันแล้ว ฉันในฐานะฝ่ายพัฒนาของสำนักงานใหญ่และผู้มีอำนาจสูงสุดจะขอเปิดประเด็นเลยทันทีเนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน」

 

 

เขาทำการควบคุมภาพที่ฉายอยู่ก่อนจะบอกว่าตัวเองใหญ่สุดเพราะเป็นประธานด้วยนั่นแหละ

 

เขาเริ่มซูมภาพของสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลซึ่งมีไอน้ำสีขาวล้อมรอบเอาไว้

 

 

 

 

「เป้าหมายกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรมายังญี่ปุ่น เป้าหมายเพื่อรุกรานหรือทำลายล้างประเทศนี้ หากพลังของมันคือการดูดซับพลังงานจากผืนโลกมาใช้ได้เรื่อย แค่ประเทศเกาะเล็กๆ แบบนี้คงไม่เกินมือมันหรอก」

 

 

ภาพค่อยๆ แสดงเส้นทางการเคลื่อนไหวของมันและความเป็นไปได้ของโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นเมื่อมันมาถึง

 

 

 

「อย่างไรก็ตามคราวก่อนที่ประเทศของเรายังไม่ล่มสลายก็เป็นเพราะความพยายามของคนในประเทศ รวมไปถึงอัศวินดำ ใช้แล้วคัตสึมิคุงที่อยู่ตรงนี้ ดังนั้นคราวนี้รัฐบาลเองก็อยากจะขอความร่วมมือกับเขาเพื่อช่วยกันแก้ไขสถานการณ์」

 

 

เหล่าเจ้าหน้าที่ภายในห้องก็พยักหน้าตาม

 

พวกเขาคือคนที่ทำงานด้านนี้มาโดยตลอด

 

ดังนั้นพวกเขาจึงเคยมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพวกนี้มาก่อน

 

เมื่อเห็นทุกคนกำลังใจเต็มเปี่ยมประธานก็พยักหน้าแล้วหันไปทางคัตสึมิคุง

 

 

 

「คัตสึมิคุง ในเมื่อนายเป็นคนที่เคยสู้กับมันมาก่อน ขอรบกวนช่วยอธิบายได้ไหมว่าการต่อสู้กับมันเป็นยังไง? 」

 

「……ได้สิ」

 

คัตสึมิที่ถูกสวมกุญแจมือเอาไว้ก้าวออกไปยืนข้างๆ ประธาน

 

ในขณะที่โปรเจ็กเตอร์แสดงการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดแม็กมา เขาก็ทำท่าเหมือนกำลังประหม่า ก่อนจะหันมาทางฉันราวกับต้องการความช่วยเหลือ

 

「อะ คือว่า ฉันขอใช้งานสูทได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแย่ๆ แน่นอน」

 

「ทำไมกันล่ะ……? 」

 

「ก็ไม่เคยพูดต่อหน้าคนโดยไม่ใส่สูทมาก่อน ฉันก็เลยไม่ค่อยถูกนักกับการต้องมาพูดโดยให้คนอื่นเห็นหน้าจริง」

 

 

อุ๊ อะไรของเขากัน น่ารักชะมัด

 

สองสาวที่อยู่ข้างๆ ฉันก็คงเหมือนกัน อาการของพวกเธอเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเข้าที่ใจเลย

 

ทว่าหากเขาแปลงร่างที่นี่ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร ดังนั้นคงต้องหาอะไรมาช่วยปิดหน้าเขาแทน―――

 

 

 

 

「ใช้นี่สิ」

 

ประธานได้ยื่นของที่เหมือนกับหน้ากากให้คัตสึมิคุงทันที

 

 

มันคือหน้ากากของเล่นที่ดีไซน์ช่างคล้ายกับหน้ากากของอัศวินดำเหลือเกินจนฉันประหลาดใจ

 

 

「หน้ากากของอัศวินดำคุงนั่นเอง ฉันบังเอิญเห็นมาอยู่ในห้องนี้พอดี นายเอาไปใช้ซะสิ」

 

 

「ขอบคุณนะ เรมะ」

 

「หึ ไม่ต้องคิดมากน่า」

 

 

 

เขาสวมหน้ากากและเริ่มเตรียมตัวทันที

 

เนื่องจากฉันรู้สึกสงสัยเลยหันไปถามประธาน

 

 

 

「เอ่อ ทำไมมีหน้ากากนั่นได้คะ? แอบไปทำมาตอนไหนกัน? 」

 

「ทีมการตลาดที่เข้ามาประชุมก่อนหน้านี้ทำมันเอาไว้น่ะ แล้วบังเอิญว่ามีพนักงานคนหนึ่งลืมกากของอัศวินดำเอาไว้ในห้องประชุม จากนั้นก็ตามที่เห็น」

 

「มีเรื่องอยากจะถามเยอะเลย」

 

「พวกน้องๆ ฉันน่าจะชอบนะ」

 

 

ฉันก็รู้อยู่หรอกนะว่าหมอนี่ขายพวกของเล่นหรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพวกเราอยู่เสมอ

 

แต่อย่าบอกนะว่าตั้งใจจะขายของคัตสึมิคุงด้วย

 

ระหว่างที่คิด คัตสึมิคุงก็เริ่มพูดขึ้น

 

 

「อย่างแรกพวกคุณก็คงจะรู้กันอยู่แล้วนะครับ ว่าตราบใดที่สัตว์ประหลาดแม็กม่าตัวนี้ยังอยู่บนผืนดินมันจะไม่มีวันตาย」

 

 

ฉันรู้สึกแปลกใจที่เขาพูดสุภาพขึ้นมาซะงั้น

 

จะว่าไปแล้วคนที่เคยเห็นเขาพูดจาหยาบคายจริงๆ ก็มีแค่พวกเรา ประธาน แล้วก็ชิราคาวะจังนี่นา

 

ว่าแล้วเชียวคัตสึมิคุงนี่อ่อนโยนจัง

 

 

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของเขานั้น……

 

 

「มันสามารถดึงพลังจากผืนโลกมาเปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเองได้ ไม่ต่างกับทากไฟฟ้า แต่ความแตกต่างของมันก็คือทากไฟฟ้าจำเป็นต้องหาโรงไฟฟ้าแต่สัตว์ประหลาดแม็กม่าของแค่มันยืนอยู่บนผืนดินมันก็สามารถดูดซับพลังงานจากโลกได้」

 

 

ช่างเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวจริงๆ

 

พวกระดับผู้บริหารส่วนมากมักจะมีความสามารถที่แปลกๆ แต่สำหรับแม็กน่าตัวนี้ถือว่าค่อนข้างแกร่งเป็นพิเศษจริงๆ

 

จะสามารถจัดการมันได้ไหมนะ

 

 

 

「ในอดีต ก่อนที่จะเข้าสู่ศึกตัดสิน ทีมของเราได้วางแผนจะใช้คอนเทนเนอร์พิเศษที่ห่อหุ้มด้วยเกราะหลายชั้นและเฮลิคอปเตอร์ล้ำสมัยเพื่อขนมันไปปล่อยในทะเลลึก…..หากเราสามารถดึงมันออกจากผืนดินได้ความเป็นอมตะของมันก็จะหายไปด้วย」

 

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ยกมือขึ้น

 

คัตสึมิคุงพยักหน้าให้และชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะอ่านเอกสารแล้วตั้งคำถาม

 

 

「เรื่องที่ตอนนั้นพวกคุณสามารถนำมันเข้าไปยัดคอนเทนเนอร์ได้เป็นที่รู้กันก็จริง แต่รายละเอียดระหว่างขั้นตอนนั้นไม่ได้ถูกอธิบายเอาไว้ ผมเลยอยากจะทราบครับ」

 

 

「ก็จริงอยู่ว่ามันเกือบจะเรียกว่าเป็นอมตะ แต่การโจมตีหรือแรงกระแทกก็ยังสามารถใช้ได้ผลกับมัน ผมจึงทำการโจมตีต่อเนื่องใส่มันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็ต้อนมันเข้าไปในคอนเทนเนอร์สำเร็จครับ」

 

 

「เข้าใจแล้วครับ ก็แปลว่าแค่อัดมันไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายสินะครับ? 」

 

「ใช่ครับ」

 

「แล้วการที่คุณต้องเข้าไปสู้กับมันภายในนั้นด้วยก็เพราะป้องกันไม่ให้มันสามารถใช้พลังความร้อนหลอมละลายคอนเทนเนอร์ได้สะดวกสินะ? 」

 

 

「ส่วนนั้นก็ใช่ครับ」

 

 

แล้วฝ่ายถามก็นั่งลงไปด้วยสีหน้าที่พอใจ

 

 

หลังจากอธิบายว่าทำไมเขาถึงสามารถยัดมันไปไว้ในนั้นเพื่อเอาไปทิ้งลงทะเลได้ คัตสึมิคุงก็หันมาที่โปรเจ็กเตอร์ต่อ

 

 

 

「….ขอโทษนะครับ แต่รบกวนช่วยขยายภาพเพิ่มหน่อยได้ไหมครับ? 」

 

「อ้า ได้สิ」

 

「ขอบคุณครับ ตรงนี้แหละครับกำลังดี….ทุกท่านจะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างติดอยู่ตรงหน้าอกของมันใช่ไหมครับ? 」

 

 

เมื่อมองดูภาพที่ขยายแล้วก็จะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างติดอยู่ตรงหน้าอกของมัน

 

อะไรกันนะ? ฉันเอียงหัวสงสัย อีกฝ่ายที่เห็นก็รู้ทันทีว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

 

「นั่นคือแขนของมันครับ ในระหว่างที่กำลังจะส่งมันลงทะเล ผมได้ทำการใช้แขนของมันที่กระชากออกมาแทงเข้าไปตรงอก น่าเสียดายที่ไม่โดนแกนกลาง แต่คาดว่าตรงนี้คือจุดอ่อนของมันครับ」

 

「「「เอ๋!? 」」」

 

 

เสียงของทุกคนพูดพร้อมกันทันที

 

เขากระชากแขน?! ของเจ้านั่นออกมาแล้วก็ใช้แขนนั่นแทงไปตรงอกเลยเหรอ?!

 

 

 

「แม้ว่าคราวก่อนจะเรียกได้ว่ามันแทบจะเป็นอมตะ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ เพราะพลังของมันหลังโดนผมทะลวงอกไปน่าจะลดลงมาก」

 

「……จากรายงานเป็นไปตามที่เขาพูดเลยครับ!」

 

「ก็แปลว่าหากพวกเราสามารถทะลวงอกของมันได้ก่อนที่มันจะฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ก็น่าจะสามารถกำจัดมันได้สินะ!」

 

 

ภายในห้องเริ่มส่งเสียงกันออกมาเพื่อหาแผนที่เหมาะสม คัตสึมิคุงที่พูดจบก็ถอนหายใจออกมาขณะถอดหน้ากาก

 

 

 

「พวกเธอเองก็แข็งแกร่งกัน ดังนั้นคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พยายามเข้าล่ะ ส่วนฉันจะขอกลับห้องขังไปสวดภาวนาขอให้พวกเธอทำสำเร็จเอง」

 

「……เราไม่ได้จะออกไปสู้ด้วยกันเหรอ? 」

 

 

 

「หากเป็นตอนที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บฉันก็ตั้งใจจะอาสาไปช่วยหรอก แต่หากเป็นมันในตอนนี้ พวกเธอสามารถเอาชนะได้แน่」

 

 

เขาพูดก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่

 

เรื่องนั้นมันก็ใช่หรอก แต่ฉันยังแอบสงสัยอยู่ดีว่ามีเหตุผลอื่นอีกไหมที่เขาไม่อยากมาร่วมสู้

 

 

「อ้า ว่าไง อ้อทางเราตัดสินใจเรื่องแผนกันเรียบร้อยแล้วกำลังจะส่ง….หาหมายความว่ายังไง? 」

 

 

ประธานที่กำลังพูดอยู่กับใครสักคนได้แสดงท่าทีตกใจออกมา

 

 

 

 

「แต่ว่าเขา―――อีก…อ่า…เข้าใจแล้ว」

 

「……เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? 」

 

「โอ๊ยยยย ไอ้พวกมนุษย์โลกนี่!! คิดถึงสถานการณ์ของทางนี้บ้างสิวะ ไอ้ชิบผายยยยย!」

 

 

ประธานปาอุปกรณ์สื่อสารทิ้งจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

ทุกคนต่างก็ตกใจกับท่าทางของเขา แต่เขากลับเดินตรงไปหาคัตสึมิคุงที่ตกใจเช่นกัน

 

 

「ขอโทษนะคัตสึมิคุง」

 

「ก เกิดอะไรขึ้นนะ เรมะ? แล้วพวกมนุษย์โลกอะไรกัน นายเป็นเอเลี่ยนเหรอ? เอ๋」

 

「เรื่องหยุมหยิมแบบนั้นอย่าไปใส่ใจ!!….คัตสึมิคุง ทางรัฐบาลอยากจะขอให้นายมาร่วมปฏิบัติการกับพวกเราด้วยน่ะ」

 

 

คัตสึมิคุงถึงกับตะลึง

 

 

 

「ทำไมกันล่ะ」

 

「พวกเขารู้ถึงผลงานที่นายทำในคราวก่อนดีแล้วและรู้ด้วยว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าน่ากลัวขนาดไหน ฉันเลยคิดว่าพวกเขาคงอยากจะทำให้การกำจัดมันในคราวนี้แน่นอนที่สุด ขอโทษด้วยนะแต่ว่า…」

 

「……ฉันเข้าใจแล้วๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก」

 

 

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินมาหาพวกฉัน

 

 

「ช่วยไม่ได้สินะ」

 

「……เนอะ」

 

「เอาเถอะฉันก็ไม่ได้ใส่สุดแรงมาพักหนึ่งแล้ว มาลุยกันเลยจัสติสครูเซเดอร์」

 

และแล้วพวกเราก็ถูกบังคับให้ร่วมสู้กับเขา ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากหรอกนะ เพราะการที่มีเขาอยู่ด้วยมันทำให้พวกเรารู้สึกมั่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก ทว่าพวกเราก็ต้องมาสมาธิตั้งใจกับการเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดแม็กม่าโดยไม่ประมาท

 

 

โดยปกติแล้วพวกเราจะทำการแปลงร่างให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

 

ก็แน่สิใครมันจะไปอยากแปลงร่างกลางเมืองบ่อยๆ กัน

 

หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่คิดจะทำหรอก

 

ในยุคสมัยแบบนี้หากมีใครมาเห็นเราแปลงร่างเข้าเดี๋ยวมันจะวุ่ยวายเสียเปล่า ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยไม่จำเป็น การแปลงร่างให้เสร็จก่อนมุ่งไปยังปลายทางจึงดีที่สุด

 

คราวนี้เองก็เหมือนกัน

 

 

 

『UNIverse!!』

 

 

ฉันใช้นิ้วกดไปยังปุ่มบนจัสติสเชนเจอร์ แล้วยกมันขึ้นมาให้ตรงกับใบหน้าเพื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้

 

เสียงของมันแตกต่างจากเครื่องที่คัตสึมิคุงใช้อย่างชัดเจน

 

 

 

『Loading N.N.N.Now Loading → Loading N.N.N.Now Loading →』

 

 

ช่วงสแตนด์บายก่อนแปลงร่างส่งเสียงออกมาเป็นจังหวะ และขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะแปลงร่างพวกเราได้ทำการนำมันมาไว้ใกล้ริมฝีปากเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ผ่านเสียง

 

 

「แปลงร่าง!」

 

『Flame Red! Acceleration!!!』

 

 

สนามพลังพิเศษได้ก่อตัวขึ้นรอบๆ ฉัน

 

สูทอนุภาคได้เริ่มปกคลุมร่างกายของฉัน

 

จากนั้นฉันก็นำจัสติสเชนเจอร์ไปติดไว้ที่แขน

 

ทันทีที่พวกฉันแปลงร่างกันเสร็จ ทั้งเรด บลู เยลโล่ เสียงประกอบสุดท้ายก็ดังขึ้น

 

 

『CHANGE → UP RIGING!! SYSTEM OF JUSTICE CRUSADE……!!』

 

 

ไม่ว่าจะฟังสักกี่ครั้งมันก็ส่งเสียงออกมาเยอะเหลือเกินเมื่อเทียบกับสูทโปรโต

 

เห็นได้ชัดเลยว่าประธานชอบทำอะไรตามใจอยาก แต่ขอบอกไว้เลยว่าสวนที่แย่สุดของการใช้สูทนี้คือ―――

 

 

 

「เปลวเพลิงแห่งความกล้าหาญ! จัสติสเรด!」

 

「วารีแห่งปาฏิหาริย์! จัสติสบลู!」

 

「อสนีบาตแห่งความหวัง! จัสติสเยลโล่!」

 

 

 

 

「「「พวกเราสามคน! ขบวนการเซ็นไต 3 สี จัสติสครูเซเดอร์!!!」」」

 

หากพวกเราไม่พูดประโยคพวกนี้ จะเกิดสัญญาณเตือนดังขึ้นภายในหน้ากาก

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าประธานทำไปเพื่ออะไรแต่ฉันไม่เคยพูดประโยคพวกนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนเลยนับตั้งแต่การแปลงร่างครั้งแรก

 

ทว่าถึงจะไม่ใช่การแปลงร่างในที่สาธารณะ แต่มันก็รู้สึกปวดใจทุกทีที่ต้องมาพูดประโยคบ้าๆ นี่

 

หลังจากแปลงร่างเสร็จ ฉันก็สังเกตเห็นว่าคัตสึมิคุงเองก็แปลงร่างเสร็จแล้วเหมือนกัน แต่เขากลับมองมาทางเราด้วยท่าทีแปลกๆ

 

 

 

「อะ เอ่อแบบว่าพวกเธอไม่รู้สึกเขินกับอะไรพวกนี้เลยเหรอ? แบบว่าเปลี่ยนเป็นการปล่อยสเปเชียลเอฟเฟ็กต์น่าจะดีกว่า….」

 

「「「……」」」

 

 

「……ด เดี่ยวสิไม่ใช่แบบนั้นะ? คือ ไม่เอาน่า คงไม่ได้ร้องไห้กันอยู่ใช่ไหม?! ฉันไม่รู้นะเห้ยเพราะพวกเธอใส่หน้ากากอยู่!」

 

 

 

พอถูกเขาบอกแบบนี้ฉันก็อยากจะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ

 

สัญญาเลยว่าหลังจบศึกนี้ฉันจะทำให้ฟีเจอร์เจ้าปัญหานี้หายไปให้ได้

 

โดยนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มของอิตาประธานบ้านั่น

 

***

 

สารานุกรมวายร้ายท้ายตอน

 

ชื่ออย่างเป็นทางการ 『กลิตเตอร์ผู้กลืนกินแสง!』ลักษณะของมันคล้ายกับจัสติสครูเซเดอร์เป็นอย่างมาก จนทำให้หลายคนคิดว่าเขาจะกลายมาเป็นพวกพ้องคนที่ 5 แห่งจัสติสครูเซเดอร์ ด้วยพลังในการกลืนกินแสงของมันจึงทำให้ญี่ปุ่นตลอด 1 สัปดาห์กลายเป็นกลางคืนแม้จะอยู่ในช่วงกลางวันก็ตาม! มันเป็นวายร้ายในระดับผู้บริหาร ความสามารถของมันจัดว่าน่ากลัวจริงๆ เพราะมันสามารถกลืนกินแสงที่สะท้อนในดวงตาได้ด้วย

 

ชื่ออย่างเป็นทางการ 『สัตว์ประหลาดเทียนโมซูโนะ!』ร่างกายของมันเหมือนเทียนเล่มใหญ่ที่มีแขนขางอกออกมา แต่ความสามารถของมันจัดว่าทรงพลังมาก มันจะสร้างโลกพิเศษขึ้นมาและทำการจุดเทียนที่ติดเอาไว้บนหัวของคนที่โดนพลังมันลากเข้ามา หากอีกฝ่ายไม่สามารถวิ่งไล่จับโมซูโนะได้ก่อนที่เทียนจะละลายหมด คนคนนั้นจะตายทันที แม้รูปร่างของมันจะดูปัญญาอ่อนแต่มันก็แข็งแกร่งและรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ แน่นอนว่ามันก็อยู่ในระดับผู้บริหารเช่นกัน

 

—————

 Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code