ตอนที่ 11 พระราชโองการ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 11 พระราชโองการ

“หากท่านพ่อก่อกบฎจริง พวกเราจะทำอย่างไร”

เยียนอวิ๋นฉีไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย นางตื่นตระหนกและหวาดกลัว

นางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

มีเพียงจับข้อมือของเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้แน่น นางถึงได้รู้สึกปลอดภัย

“ชู่!”

เยียนอวิ๋นถงส่งสัญญาณให้น้องสาวทั้งสองคนหยุดพูด

“เรื่องบางเรื่องรู้อยู่ภายในใจก็พอ อย่าได้พูดออกมา ระวังภัยเกิดจากปาก”

เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้าระรัว ต่อจากนี้นางจะไม่พูดคำว่ากบฎอีก ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

‘กลัวอันใด!’ เยียนอวิ๋นเกอจรดดินสอเขียนลงไป ‘เพียงแค่ต่อแถวเพื่อก่อกบฎ อย่างไรก็มาไม่ถึงท่านพ่อ อันดับแรกท่านพ่อต้องรักษากองกำลัง อย่าวู่วาม ดังนั้นพี่สองต้องนำกองกำลังอยู่ในค่ายทหาร กองกำลังในมือท่านคือรากฐานของชีวิตที่ปลอดภัยของท่าน’

เขียนจบ นางก็เผากระดาษใบนั้นทิ้งไป

หัวข้อสนทนานี้อ่อนไหวเกินไป ไม่อาจให้ผู้อื่นนอกเหนือจากพี่น้องเห็นได้

เยียนอวิ๋นฉีพูดขึ้น “พี่สอง ท่านต้องตั้งใจและพยายามนำกองกำลังให้ดี อนาคตของท่านแม่และข้า รวมถึงน้องสี่ล้วนอยู่ในมือของท่าน หากท่านแข็งแกร่ง พวกเราย่อมไม่ถูกคนรังแกเอาอย่างง่ายดาย”

เยียนอวิ๋นถงรู้สึกหนักอึ้งบนไหล่ในทันที

เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “น้องรองวางใจ ข้าจะคอยหนุนหลังพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

เพียงชั่วพริบตาก็ถึงช่วงฤดูร้อน

มีข่าวส่งตรงมาจากเมืองหลวง

ฮ่องเต้ถูกคนยุยงจนตัดสินใจจัดการกับผู้นำในพื้นที่

ทูตแห่งโอรสสวรรค์กำลังเดินทางมาถ่ายทอดพระราชโองการ ณ แคว้นซ่างกู่

คำนวณจากเวลา ทูตแห่งโอรสสวรรค์กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่วัน

เซียวฮูหยินให้คนมาส่งข่าวจากไป นางถือจดหมายด้วยความกังวลใจ

เยียนอวิ๋นเกอดึงแขนเสื้อของเซียวฮูหยิน มองนางด้วยความกังวล

เซียวฮูหยินเผยยิ้มออกมา “อวิ๋นเกอไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอันใดหรอก”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว เขียนอย่างรวดเร็ว ‘ท่านพ่อจะโทษท่านแม่หรือไม่ คิดว่าเป็นเพราะท่านแม่ จึงดึงดูดความสนใจจากพระราชวัง’

เซียวฮูหยินบีบจมูกของนาง “เจ้าเด็กฉลาด คนทั่วแผ่นดินต่างรู้ว่าลูกพลับต้องบีบลูกอ่อนก่อน อำนาจของพ่อเจ้าอ่อนแอ จะโทษข้าได้อย่างไร หากเขามีอำนาจที่แข็งแกร่ง พระราชวังจะกล้าแตะต้องเขาอย่างง่ายดายได้อย่างไร”

แต่ว่า…

มีชายผู้ใดจะยอมรับว่าตนเองมีอำนาจอ่อนแอ

เขาย่อมต้องหาแพะรับบาป

เซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาย่อมเป็นแพะรับบาปที่ดีที่สุด

ผู้ใดให้นางแซ่เซียว มีชาติกำเนิดจากราชวงศ์

เยียนโส่วจ้านไม่ใช่บุรุษที่ใจกว้าง!

เขาวางแผนลอบทำร้ายคนอย่างไม่ออมมือ

เยียนอวิ๋นเกอเศร้าโศกยิ่งนัก

ผู้ใดย่อมคิดได้ ทูตแห่งโอรสสวรรค์เป็นผู้ที่เดินทางมาไม่ประสงค์ดี ผู้ที่มีประสงค์ดีย่อมไม่เดินทางมา

ไม่รู้ว่าพระราชโองการมีเนื้อหาอย่างไร

เซียวฮูหยินข่มความกังวลภายในใจลง ให้คนไปตามเยียนโส่วจ้านกลับจวนเพื่อเตรียมต้อนรับการมาถึงของทูตแห่งโอรสสวรรค์

เยียนอวิ๋นเกอแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ตั้งใจ ‘พี่เขยใหญ่ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีพี่น้องกี่คน ล้วนแต่งงานได้ดีหรือไม่’

เซียวฮูหยินทำสีหน้าประหลาด “เหตุใดจึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา”

‘ข้าเป็นห่วงพี่ใหญ่’ เยียนอวิ๋นเกอเขียนอย่างรวดเร็ว

แคว้นซ่างกู่อยู่ห่างไกลเกินไป อีกทั้งเยียนอวิ๋นเกอไม่อาจพูดได้ ไม่ยอมออกจากจวนคบค้าสมาคม นางจึงสืบข่าวที่อยู่นอกแคว้นซ่างกู่ได้ยากนัก

เหล่าสาวรับใช้สามารถสืบได้แค่เรื่องนินทาเท่านั้น

แต่การสืบสถานการณ์ภายในของตระกูลใหญ่ นางไม่มีกำลังคน อีกทั้งไม่มีทรัพยากร ไม่อาจสืบได้แม้แต่น้อย

ถามคนชราข้างกายเซียวฮูหยิน ย่อมต้องถึงหูของเซียวฮูหยินในทันที นางย่อมต้องถูกซักถาม

เมื่อถึงเวลาเรื่องของชายหนุ่มแซ่เซียวย่อมไม่อาจปิดบังได้

นางไม่อยากเปิดเผยข้อมูลของชายหนุ่มแซ่เซียว ยิ่งไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการสังหารเยียนโส่วจ้าน

อย่าถามสาเหตุนาง

นางแค่ไม่อยากเปิดเผย

ลางสังหรณ์บอกนาง หากเปิดเผยเรื่องของชายหนุ่มแซ่เซียว ย่อมต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

นางเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของตนเองเสมอ

ดังนั้น เยียนอวิ๋นเกอจึงเก็บไว้ในใจ

อย่ามองว่านางมีนิสัยใจร้อนมาก แต่อันที่จริงนางเป็นคนที่มีความอดทนมาก

ความใจร้อนเป็นเพียงการป้องกันตนเอง

อดทนมานานเพียงนี้ วันนี้ได้โอกาส นางจึงเริ่มสืบตัวตนของชายหนุ่มแซ่เซียวอย่างไม่ทำให้ผู้อื่นสงสัย

คนทั้งตระกูล แต่ละคนย่อมมีหัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้อง นางต้องระวังให้มาก

เซียวฮูหยินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีพี่น้องเป็นผู้หญิงห้าคน สามคนเกิดจากอนุภรรยา อีกสองคนเกิดจากภรรยาเอก บุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาไม่ควรค่าแก่การพูดถึง บุตรสาวสองคนที่เกิดจากภรรยาเอก คนหนึ่งแต่งเข้าไปในตระกูลหลิง หรือก็คือมารดาของหลิงฉางเฟิง อีกคนแต่งเข้าราชวงศ์ ตามที่ข้ารู้ นางตายไปสิบกว่าปีแล้ว เหมือนว่าจะตายเพราะให้กำเนิดบุตรยาก”

ราชวงศ์หรือ

แซ่ของชายหนุ่มแซ่เซียวเป็นแซ่ของราชวงศ์? เขาเป็นเชื้อสายราชวงศ์?

คนแซ่เซียวบนแผ่นดินมีมากมาย ไม่ใช่ทุกคนที่แซ่เซียวล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์

ดังนั้น เริ่มแรกเยียนอวิ๋นเกอจึงไม่ได้คิดไปทางราชวงศ์

ท่านโหวผิงอู่ สืออุนทำในสิ่งที่ไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ได้

ข้างกายมีเชื้อสายราชวงศ์ติดตาม คิดอย่างไรก็รู้สึกเป็นไปไม่ได้

แต่ไม่คิดว่า ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ยิ่งมีความเป็นไปได้

เยียนอวิ๋นเกอข่มความสงสัยเองไว้ เขียนว่า ‘ผู้ที่แต่งงานกับเชื้อสายราชวงศ์มีบุตรหรือไม่ บุตรของนางคงโตมากแล้วหรือไม่’

เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “หากข้าจำไม่ผิด นางให้กำเนิดบุตรสองคน คำนวณเวลา คนโตคงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่คนเล็กนั้น คงจะเท่ากับพี่สองของเจ้า”

อ่อ!

‘แต่งงานกับเชื้อสายราชวงศ์ท่านใดหรือ’

เยียนอวิ๋นเกอเขียนอย่างรวดเร็ว

ตัวตนของชายหนุ่มแซ่เซียวกำลังจะปรากฏออกมา นางแทบจะข่มความอยากรู้ไว้ไม่ได้

เซียวฮูหยินมองนางอย่างสงสัย “เหตุใดเจ้าจึงสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า”

นางเขียนอย่างเปิดเผย ‘ข้ากังวลแทนพี่ใหญ่’

เซียวฮูหยินหัวเราะขึ้นมา “พวกเจ้าพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันมาก ข้าจำได้ว่าน้องสาวของท่านโหวผิงอู่ สืออุนแต่งงานกับท่านอ๋องตงผิง เสียดายที่นางตายไปตอนให้กำเนิดบุตรคนที่สอง”

เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง

ในที่สุดนางก็รู้ตัวตนของชายหนุ่มแซ่เซียวแล้ว ที่แท้ก็เป็นโอรสแห่งท่านอ๋องตงผิง

โอรสแห่งท่านอ๋องตงผิงติดตามอยู่ข้างกายของท่านโหวผิงอู่ สืออุน อีกทั้งยังต้องการศีรษะของเยียนโส่วจ้าน ช่างประหลาดยิ่งนัก!

“อวิ๋นเกอ เจ้าคิดอันใดอยู่” เซียวฮูหยินเห็นสีหน้าของนางเหม่อลอย ดังนั้นจึงเอ่ยถาม

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด เขียนลงบนกระดาษ ‘ท่านอ๋องตงผิงมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนหรือไม่’

เซียวฮูหยินยื่นมือออกมาจิ้มหน้าผากของนาง “เจ้าเป็นหญิง สนใจเรื่องเหล่านี้เพื่ออันใด พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ ต้องถามท่านพ่อของเจ้า หลายปีนี้ ข้าเองก็ไม่สนใจเรื่องของแผ่นดินนัก เจ้ามาถามข้าเวลานี้ ข้าคงตอบไม่ได้”

อ่อ!

ใบหน้าเล็กของเยียนอวิ๋นเกอเคร่งขรึม

ทูตแห่งโอรสสวรรค์กำลังจะมาถึง ท่านแม่คงต้องหาเวลาว่างสนใจเรื่องใหญ่ของแผ่นดินเสียบ้าง

องครักษ์จากตำหนักบูรพาสามพันนายไม่ใช่เครื่องประดับ

เซียวฮูหยินหัวเราะขึ้นมา

“วางใจเถิด ข้ารู้อยู่แก่ใจ”

สองวันต่อมา เยียนโส่วจ้านพาองครักษ์กลับมาถึงจวนโหว

เซียวฮูหยินมอบจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงให้แก่เขา

เยียนโส่วจ้านอ่านเนื้อหาในจดหมายจนจบด้วยสีหน้าตึงเครียด

เขาจ้องมองเซียวฮูหยิน “ฮูหยินคิดอย่างไรต่อเรื่องนี้”

เซียวฮูหยินสีหน้าเรียบเฉย “ทูตยังมาไม่ถึง เนื้อหาในพระราชโองการไม่อาจรู้ได้ เวลานี้พูดถึงความคิดจะเป็นการเร็วเกินไป”

เยียนโส่วจ้านยิ้มอย่างมีนัย “คนอื่นอาจไม่รู้เนื้อหาในพระราชโองการ แต่ฮูหยินจะไม่รู้ได้อย่างไร เจ้าเป็นถึงพระราชธิดาแห่งองค์รัชทายาทจางอี้! ฝ่าบาทเป็นพี่น้องของเจ้า”

เซียวฮูหยินสีหน้าเย็นชา “ท่านโหวมีสิ่งใดก็พูดมาเถิด เหตุใดต้องเปิดแผลของผู้อื่น นับแต่วันที่ข้าแต่งงานกับท่าน คนของตำหนักบูรพาต่างออกจากเมืองหลวง ข้าจะมีข่าวได้อย่างไร”

“ฮูหยินไม่มีสายในพระราชวังหรือ?”

“ตอนที่เสด็จพ่อข้าเกิดเรื่อง ข้ายังเป็นเด็กหญิงที่ไม่รู้ประสีประสา จะมีสายได้อย่างไร ท่านโหวยกยอข้ามากเกินไปแล้ว ท่านโหวลองเชิงข้ามานานหลายปี เคยได้ผลลัพธ์หรือไม่ ข้าพูดอีกครั้ง เรื่องในเมืองหลวง ข้าไม่รู้ทั้งสิ้น”

เยียนโส่วจ้านงอนิ้ว เคาะโต๊ะเบาๆ

“ฮูหยินคงจะเข้าใจดี เจ้าและข้าเป็นสามีภรรยากัน มีเกียรติยศร่วมกัน สูญเสียร่วมกัน หากฮูหยินมีกำลังคนในเมืองหลวง แต่ไม่ยอมเรียกออกมา ทำให้ข้าต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำ หลังจากเรื่องจบข้าย่อมไม่เกรงใจฮูหยินอย่างแน่นอน”

เซียวฮูหยินหัวเราะเยาะ “ท่านโหวเคยเกรงใจข้าเมื่อใดกัน”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า “เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว ฮูหยินอย่าถือสา สิ่งสำคัญคือเวลานี้ ทูตแห่งโอรสสวรค์กำลังจะเดินทางมาถึง ฮูหยินไม่กังวลหรือ”

เซียวฮูหยินทำท่าทางจริงจัง “ท่านโหวกังวล ข้าก็กังวล ท่านโหวไม่กังวล ข้าย่อมไม่มีสิ่งใดต้องกังวล!”

เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้ว “ฮูหยินไม่มีสายในวังจริงหรือ”

เซียวฮูหยินพูดอย่างมั่นใจ “มือของข้ายืดไปได้ไม่ไกลเพียงนั้น ท่านอย่าลืม นับแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชบัลลังก์ ภายในพระราชวังถูกชำระล้างไปหลายรอบ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเลียนแบบฮ่องเต้องค์ก่อน คนในพระราชวังเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเล่า แม้ว่าตอนนั้นเสด็จพ่อ และเสด็จแม่จะมีการจัดเตรียมคนไว้ภายในพระราชวัง แต่ก็คงตายจนหมดแล้ว”

อ่อ!

คำพูดนี้ เยียนโส่วจ้านเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เซียวฮูหยินออกเรือน พาองครักษ์สามพันคนมาจากตำหนักบูรพา อีกทั้งไม่ได้รับการขัดขวางแต่อย่างใด เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความประหลาด

หลายปีมานี้ เยียนโส่วจ้านพยายามสืบแผนการในเมืองหลวงของเซียวฮูหยิน ดูว่านางมีสายในพระราชวังหรือไม่ แต่ล้วนไม่ประสบผลสำเร็จ

เซียวฮูหยินไม่เชื่อใจเขา!

แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อใจเซียวฮูหยิน

สามีภรรยามีบุตรด้วยกันสี่คน แต่กลับระแวงซึ่งกันและกัน

บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวเซียวฮูหยินคือเหล่าคนที่นำมาด้วยจากตำหนักวังบูรพาตงกงเสมอมา หรือล้วนเป็นบุตรขององครักษ์จากตำหนักวังบูรพาตงกง

แม้แต่หญิงทำคลอดล้วนนำมาจากเมืองหลวง

บ่าวรับใช้ของตระกูลเยียนไม่อาจเข้าใกล้ตัวของเซียวฮูหยินได้

เยียนโส่วจ้านครุ่นคิด ก่อนจะถามออกมาโดยตรง “ตามการรู้จักของฮูหยินที่มีต่อฮ่องเต้ เนื้อหาในพระราชโองการ มีภัยคุกคามต่อตระกูลเยียนมากน้อยเพียงใด”

เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ไม่รู้! อีกอย่าง ข้าไม่คุ้นเคยกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หากแต่ฮ่องเต้องค์ก่อน ข้าต้องเรียกว่าเสด็จลุง แต่ก่อนเคยพบเจอหลายครั้งตอนยังอยู่ตำหนักบูรพา เมื่อเสด็จพ่อสวรรคต ฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชบัลลังก์ ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานข้าให้ท่านโหว นับแต่นั้นข้าออกห่างจากเรื่องราวในเมืองหลวง ภายในพระราชวัง เรื่องราวทุกสิ่ง ข้าล้วนไม่รู้”

เยียนโส่วจ้านได้ยิน เขาหัวเราะขึ้นมา

เห็นได้ชัด เซียวฮูหยินไม่คิดจะให้ความร่วมมือกับเขา

เขาอย่าคิดจะรู้ข่าวภายในพระราชวังจากปากของเซียวฮูหยิน

เขายิ้มอย่างมีนัย พูด “หวังว่าฮูหยินจะไม่ปิดบังข้า”

“ท่านและข้าเป็นสามีภรรยากัน ข้าย่อมไม่ปิดบังท่าน”