(ตอนนี้เป็น ตอนสุดท้ายของเล่ม 1 แล้วครับ)

 

พอลืมตาตื่นขึ้นมา

ผมก็มองเห็นตัวละครตัวกลม ๆ สีชมพูที่เหมือนตัวละครในเกมหนึ่งลาง ๆ

 

“เดี๋ยวเถอะ!! ช่วยหยุดทำ B-up ทีจะได้รึเปล่า!? ถ้าโดนทำแบบนี้เราก็เสียอารมณ์นะรู้มั้ย!?”  

(ท่าของเคอร์บี้ใน Super Smash Bros)

 

“ขอปฏิเสธค่ะ เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าทำ B-up มันจะทำให้คู่ต่อสู้อารมณ์เสียน่ะ”

 

ยัยพวกนี้…ทำไมถึง…?

 

“แหม คุณเมดผมขาวคนนี้นี่ เก่งไปอีกแบบเลยสินะคะเนี่ย! รู้ดีซะด้วยว่า Up-B ของเค*ร์บี้มันน่ารำคาญขนาดไหน”

 

อยู่ต่อหน้าคนที่กำลังจะม่องเท่งเพราะพลังเวทย์หมดแท้ ๆ

ยังมีหน้ามานั่งเล่น Super Sm**h Bros กันอยู่อีกเรอะ…?

 

พอผมพยายามมองให้ดี ๆ ผมก็เหมือนจะเริ่มเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น

นั่นคือเหล่าหน่วยเงาทั้ง 12 คน ที่กำลังนั่งเล่น Super Sm**h Bros อยู่ในห้องโถงใหญ่

 

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเมดผมขาวของผม (ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อสโนว์) มานั่งเล่นด้วยกันเป็น 13 คนอีก

 

“……”

 

ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังนอนปางตายจากพลังเวทย์ที่ใกล้หมดอยู่ข้าง ๆ

 

[เกะๆๆๆๆๆๆๆๆ โคเกะๆๆๆๆๆๆๆ โคเกะโคกะ….]

 

“……”

 

[เกะๆๆๆๆๆๆๆๆ โคเกะๆๆๆๆๆๆๆ โคเกะโคกะ…–]

 

“ก็บอกว่า!! ให้หยุดกด BA ซ้ำ ๆ ในหน้าเลือกตัวละครให้มันมีเสียงย้ำ ๆ แบบนี้ไง!!”

 

“ขอปฏิเสธค่ะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้ากดปุ่มให้มีเสียงตัวละครซ้ำ ๆ มันจะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดค่ะ”

 

เมดของเรา กำลังใช้วิธีโจมตีทางจิตอย่างสกปรกอยู่ล่ะ

 

ไอ้เสียง [เกะๆๆๆๆๆๆๆ โคเกะๆๆๆๆๆๆ โคเกะโคกะ…] เนี่ย ทำให้ผมได้สติขึ้นมาเลยทีเดียว

 

“ท่านพี่คะ…โล่งอกไปที…”

 

ไม่รู้ว่าเพราะคอยดูแลจนไม่หลับไม่นอนรึเปล่า

ซันโจ เรย์ที่กำลังยิ้มพร้อมกุมมือของผมไว้ ถึงได้ตาบวมนิดหน่อย

 

ในตอนที่เราเจอกันครั้งแรก แววตาของเธอมันเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็ง 

แต่ในตอนนี้ ดวงตาของเธอกลับดูอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ

 

ต้องเรียกว่าเป็นดั่งหญิงสาวในอุดมคติเลยรึเปล่านะ

 

สาวสวยผมดำยาวที่ดูสมบูรณ์แบบมองมาที่ผมด้วยแววตาที่ดูชื้นเล็กน้อย

 

ถึงซันโจ เรย์ ในเกมจะให้ความรู้สึกที่เป็นคนสันโดษก็เถอะ 

แต่ก็กะแล้วเชียว พอได้เห็นพี่ชายที่กำลังจะตายอยู่ตรงหน้า เธอก็กลับดูอ่อนโยนเอามาก ๆ

 

ซู่… ซู่…

 

ลาพิสที่นอนอยู่แถว ๆ ขาของผม หายใจแรงมาก ผมทองที่แผ่ไปบนฟูกนั้น ราวกับพรมสีทองไม่มีผิด

 

เธอใช้ขาของผมเป็นหมอนรอง และบ่มพึมพำออกมา ราวกับเป็นสิ่งที่ถูกนำไว้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เลย แต่ถึงลาพิสจะเป็นอย่างนั้น ก็บอกได้เลยว่าเรย์เองก็ทัดเทียมกันสมกับที่เป็นนางเอกเหมือนกันเลยทีเดียว

 

“เกี่ยวกับตระกูลซันโจน่ะ…ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ….ไม่อยากให้ต้อง…มาเกี่ยวข้องเลยค่ะ”

 

เธอพูดแบบไม่เป็นจังหวะ

 

ผมพยายามลุกขึ้น ในขณะที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ทั้งตัว มันรู้สึกหนักหนาเอามาก ๆ —

 

เรย์จึงตกใจและรีบเข้ามาพยุงผม

 

“ที่ทำไปน่ะ ก็เพื่อจะปกป้องฉันใช่มั้ยล่ะ?”

 

เรย์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

 

เธอคงคิดอยู่ซักพักนึง แล้วจึงพยักหน้าให้

 

“ที่งานอาหารเย็นนั่นคงจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่คงจะเกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่ที่สโนว์เริ่มจับตาฉันแล้วสินะ จุดประสงค์ก็คงเป็น [จะกำจัดซันโจ ฮิอิโระ ในระหว่างที่เรียนอยู่ในโรงเรียนยังไง…]…ใช่มั้ยล่ะ?”

 

“…ค่ะ”

 

วันเข้าเรียนก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วยสิ ก็คงต้องถึงเวลาที่จะพูดถึงฮิอิโระแล้วนั่นแหละนะ

 

ถึงพวกนั้นจะอยากส่งมือสังหารมาที่โรงเรียน แต่การที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากเรย์ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าฆ่าผมโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเรย์ พวกนั้นก็จะถูกหาว่าทำอะไรโดยพลการ ทำให้ตำแหน่งในตระกูลซันโจจะแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

 

ดูแล้วพวกตระกูลซันโจก็คงต้องการ [เงิน] และ [อำนาจ] นั่นแหละ ยิ่งพวกตระกูลสาขาที่มีการแก่งแย่งชิงดีกันแล้วด้วย และไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อยากจะให้มือตัวเองเปื้อนเลือดแหละนะ

 

เพราะแบบนั้น พวกนั้นเลยวางแผนที่จะฆ่าผมโดยขอความเห็นจากเรย์นั่นเอง

 

ถ้ามียัยแก่แบบนั้นเข้ามาหาแล้วบอกว่าให้ฆ่าพี่ชายตัวเองซะ เป็นผม ผมก็คงร้องไห้เหมือนกัน

 

เรย์พยายามปกป้องฮิอิโระ… พี่ชายผู้ไร้ค่าคนนั้นจนถึงที่สุด 

 

แต่ในรูทของเรย์นั้น ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็จะต่อต้านฮิอิโระอยู่ดี

เธอจึงแผนที่จะให้พี่ชายของเธอตายอย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์มากที่สุด  

 

แม้เรย์เสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีตัวเอกที่จะคอยกอดเธอเอาไว้ ซึ่งโคตรจะซึ้งเลยล่ะ….แถมยังเป็นอะไรที่ล้ำค่ามาก ๆ ด้วย

 

แล้วก็ ในแผนลอบสังหารฮิอิโระของเรย์น่ะ มันเป็นอย่างกับเป็นทฤษฎีพีทาโกรั*เลย พวกแฟนคลับเลยพากันเรียกมันว่า [แผนฆาตกรรมหมากโชกิ] เลยทีเดียว

 

“โทษทีนะ เพราะฉันแท้ ๆ เลย”

 

“มะ…ไม่ใช่เพราะท่านพี่ซักหน่อยนะคะ! เพราะฉันมันไม่มีความกล้าเองต่างหากล่ะ….เพราะฉันหยุดพวกท่านป้าไว้ไม่ได้…เพราะงั้น…!”

 

“ขอบใจนะ”

 

ผมยิ้มให้กับเธอ

 

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเองเถอะ (ตัวหลัก) จะทำให้เธอมีความสุขได้แน่นอน”

 

“ท่านพี่…!”

 

เธอร้องไห้ออกมาและกอดผมไว้

 

ผมหันไปหาลาพิสในขณะที่กำลังยิ้มอยู่…แล้วเธอก็จ้องมาที่ผม

 

“ลาพิส ถ้าตื่นแล้วก็มาเปลี่ยนตัวกันทีสิ”

 

“หา? แล้วทำไมฉันจะต้องไปกอดนายด้วยล่ะ?”

 

“กลับกันเลยต่างหากเล่า!! เธอต้องมากอดเรย์ต่างหาก!! คิดตามปกติก็น่าจะเข้าใจได้อยู่แล้วรึเปล่า!?”

 

“มะ…ไม่เข้าใจนะ…”

 

“ให้ตายสิ”

 

อาจารย์ของผมเดินเข้ามาหาผมพ้รอมดาบยาวและรอยยิ้มบนใบ้หน้า

 

“ไม่คิดเลยว่าจะถูกเรียกมาเพื่อให้เก็บกวาดให้นะเนี่ย ดูเหมือนว่าฮิอิโระจะไม่ค่อยให้ความเคารพกับอาจารย์ซะเลยนะคะ”

 

อาจารย์ของผมวางดาบยาวลงบนพื้น จากนั้นก็ แปะๆ หัวผมเบา ๆ

 

“แต่ก็ ทำได้ดีมากแล้วล่ะค่ะ เก่งมาก ๆ แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะคะ”

 

“ไม่ล่ะ ก็จริงอยู่ที่ว่าผมพูดก่อนจะไปร้านอาหารว่า [ไปทานข้าวด้วยกันเถอะ!!] แล้วก็ดันพาไปเจอกับพวกคนไม่ดี…แต่อาจารย์ที่รอมาช่วยตอนวินาทีสุดท้ายก็ไม่โหดร้ายเหมือนกันนี่?”

 

“HAHAHA พูดเรื่องอะไรกันน่ะ”

 

ยัยนี่…ทั้งที่ตื่นเต้น แถมยังมาปรากฎตัวในช็อตที่ดีที่สุดแท้ ๆ นะ

 

“จะว่าไปแล้ว ฮิอิโระเองก็ใช้ฉันเหมือนกันนี่”

 

ลาพิสวางข้อศอกลงบนฟูกและพิงหน้าลงบนศอก

 

“ไม่ใช่ว่าอยากให้ตระกูลซันโจรู้หรอกเหรอ? ถึงใช้ชื่อลาพิส คลูเอ ลา ลูเมตเป็นเบื้องหลังของตัวเองน่ะ…เพราะงั้นถึงได้บอกว่าอย่าห้ามใช้อุปกรณ์เวทย์ เพื่อไม่ให้เข้าร่วมการต่อสู้แต่แรกและมาปรากฎตัวตอนสุดท้ายไม่ใช่เหรอ?  ในตอนนั้น นายคิดไปถึงขนาดไหนกันเนี่ย ฉันนี่ไม่รู้เลยล่ะ”

 

“HAHAHA พูดเรื่องอะไรกันน่ะ”

 

ผมกับอาจารย์มองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้มแล้วก็โอบไหล่กัน

 

“”HAHAHAHAHAHAHAHAHAHAHA!!””

 

“ไอ้อาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้นี่…แต่ก็เอาเถอะ”

 

ลาพิสพึมพำกับตัวเอง

 

“ก่อนอื่นก็ควรจะขอโทษกันก่อน…จริง ๆ นายคงไม่อยากจะให้ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยล่ะสินะ…”

 

“เปล่านะ ก็ตั้งใจจะลากเข้าไปเกี่ยวเลยแหละ? อะไรเนี่ย ทำไมต้องพึมพำแบบนั้นล่ะ พูดดัง ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?”

 

“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่ได้ยินเลยนะ!!”

 

ถ้าเป็นธงอื่นที่ไม่ใช่ธงยูริล่ะก็ ผมพร้อมจะหักทิ้งให้หมดนั่นแหละ (ความตั้งใจเด็ดเดี่ยว)

 

“แต่ก็นะ แบบนี้ตระกูลซันโจคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งอะไรไปอีกซักพักแล้วล่ะมั้ง”

 

ผมค่อย ๆ ปล่อยตัวเรย์ และยิ้มออกมา

 

“สนุกกับชีวิตโรงเรียนให้เต็มที่ล่ะ โดยเฉพาะเรื่องความรักน่ะ เรื่องเรียนน่ะจะยังไงก็ได้ แต่ตามหาเนื้อคู่  (เด็กผู้หญิง ถ้าให้ดีก็เป็นตัวเอกด้วย) ให้เจอแล้วก็มีความสุขด้วยกันซะนะ”

 

“อะ…ขะ…คะ…?”

 

“นายท่านคะ”

 

“เหวอ!?”

 

จู่ ๆ เมดผมขาว…สโนว์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมและก้มหัวลง

 

“ขอบพระคุณ…มากนะคะ…ขอบคุณ…จริง ๆ….”

 

ผมโบกมือให้กับเธอที่กำลังร้องไห้

 

“ฉันเองก็มีสิ่งที่ฉันอยากจะปกป้อง เพราะงั้นเธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก แล้วก็ก่อนที่จะมาก้มหัวให้ฉันน่ะ เธอไปขอโทษคู่ต่อสู้ที่โดนเธอกด BA รัว ๆ ตอนอยู่หน้าเลือกตัวละครก่อนเลยไป”

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มออกมาแบบเงียบ ๆ

 

“คุณฮิอิโร้!! รีบมาเล่น Super Sm**h Bros กันเถอะค่าาาาา!! ฉันรู้วิธีทำให้คู่ต่อสู้หงุดหงิดได้แล้วล่ะค่า!!”

 

ผมยิ้มเจื่อน ๆ ตอนที่เหล่าหน่วยเงามองมาที่ผม

ก่อนที่จะรู้ตัว ผมก็ชินกับความวุ่นวายในตอนนี้ไปซะแล้ว

 

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปซักพัก  

ผมต้องใช้เวลาพักฟื้นจากการหมดพลังเวทย์ ดังนั้นก็เลยยังไม่มีการฝึกกับอาจารย์

 

และในที่สุดวันเข้าเรียนของผมก็มาถึง

 

ต้นซากุระต้นใหญ่

 

ผมที่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบใหม่ มองเห็นเธอคนนั้นอยู่ใต้ต้นซากุระ

 

ท่ามกลางดอกซากุระที่่กำลังโปรยปราย

เธอจ้องมองกลับมาที่ผม

 

เธอและผม — ตัวเอกและตัวเกะกะได้จ้องตากันและกัน

 

“จากนี้นี่แหละ”

 

ผมประกาศต่อเธอ

 

“จากนี้นี่แหละคือของจริง สินะ”

 

จากนั้นเสียงก็เบาลง

 

“สึกิโอริ ซากุระ?”

 

เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย–จากนั้นก็หันหลังให้กับผม

 

ผมที่มองดูเธอเดินจากไปทั้งแบบนั้น จากนั้นผมก็ยิ้มออกกลางดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายและต่อหน้าโรงเรียนเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่

 

ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้วสินะ

 

จากนี้ — บทโรงเรียนมันจะเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้นี่แหละ