บทที่ 10 – ร่วมมือ

 

นับตั้งแต่ที่ถูกคนแปลกหน้าหาเรื่องก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว มิวอาศัยอยู่บ้านของคาโอรุที่โคตรจะหรู

แน่นอนว่าเพราะเป็นบ้านคนรวยเลยมีช่องทางให้อ่านข่าวเยอะ และตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้มิวก็ได้ศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้

เธอถึงได้ข้อสรุปว่า ‘โลกนี้อาจจะเป็นโลกเดิมที่เธอเคยอยู่’ นั่นแน่นอนว่าเป็นแค่เรื่องอาจจะเพราะในขณะหาข้อมูลเธอก็ได้ความรู้ใหม่มาด้วย

นั่นคือข้อสันนิษฐานที่ว่าโลกเรานั้นมีสิ่งที่เรียกว่า ‘โลกคู่ขนาน’ อยู่จริงๆ มันพิสูจน์ได้เมื่อประตูบานแรกของบอร์เดอร์ปรากฏขึ้น

ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ออกมาพยายามศึกษาค้นคว้า จนได้รับคำตอบว่าโลกหลังประตูก็คือโลกคู่ขนานที่เกิดจากความน่าจะเป็น

ดังนั้นมิวจึงไม่กล้าฟันธงว่านี่เป็นโลกเดิมของเธอเท่าไหร่นัก เพราะอย่างไรซะก่อนที่เธอจะถูกผนึกไป โลกที่เธออยู่ก็เป็นโลกแฟนตาซีแท้

แต่ก็ไม่มีประวัติศาสตร์แบบนั้นเหลืออยู่เลย จึงไม่อาจสรุปได้ว่ายังไงกันแน่.. แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นไว้ก่อน

เพราะโลกในตอนนี้คือโลกใบใหม่ ต่อให้เป็นโลกเดิมของเธอ มันก็ยังเป็นโลกที่เธอไม่รู้จักไปแล้วในตอนนี้

เมืองแห่งท้องทะเลแห่งนี้.. เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นดับต้นๆ ของโลกภายในระยะเวลาไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ

ในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มากมาย… ผู้คนในเมืองนี้แม้มาจากหลายเชื้อชาติก็ตาม

แต่ขอแค่อยู่ในเมือง อยู่ในโดมขนาดใหญ่นี้คำพูดทุกอย่างที่พูดออกมาจะถูกแปลงเป็นข้อมูลชุดความคิดส่งตรงถึงการรับรู้ของอีกคนทันที

ว่าง่ายๆ ก็คือระบบแปลภาษาทุกประเทศอีกทั้งยังมีความแม่นยำและยืดหยุ่นหลากหลายกรณีมากๆ

แม้จะไม่ใช่ส่งความคิดเข้าหัวโดยตรงเหมือนที่มิวเคยเจอครั้งยังเป็นมังกร แต่ก็แทบไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก

แน่นอนว่านอกจากไอ้ที่ว่าก็ยังมีสิ่งต่างๆ ที่ไฮเทคและก้าวล้ำกว่านั้นอีกหลายอย่าง อันที่จริงเมืองที่ล้อมรอบหอคอยทั้งหกเมืองล้วนมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าที่อื่นทั่วโลกเนื่องจากเป็นสถานที่บ่มเพาะของทรัพยากรและอื่นๆ

แม้แต่องค์กรที่ลงทุนกับบอร์เดอร์ยังมาตั้งรกรากอยู่ภายในเมืองแห่งนี้เลย เมืองเหล่านี้จึงนับว่าเป็นศูนย์กลางของโลกใบใหม่เลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าเพราะเป็นแบบนั้นนั่นเองมิวถึงได้นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับแม่ของคาโอรุ เธอมีชื่อว่า ‘คาเอะ’ เธอมองมาที่มิวด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับยื่นมือมา

“เป็นไง เป็นข้อเสนอที่ดูไม่เลวไปเลยใช่ไหมล่ะ?”

มิวคิ้วกระตุกเล็กน้อย เธอก็คิดอยู่ในใยว่าทำไมครอบครัวนี้ถึงใจดีกับเธอนัก ให้ที่อยู่ให้ที่ซ่อน ทั้งที่ก็ไม่ได้มีพล็อตแบบเป็นผู้มีพระคุณให้คาโอรุ

เพราะตามปกติที่จะมาสูตรนี้ มิวต้องช่วยชีวิตคาโอรุจากก้นทะเลลึกครอบครัวเลยตอบแทนบุญคุณอะไรแบบนั้น

แต่ประเด็นคือมิวไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยสักนิด ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าไม่ใช่อีกฝ่ายใจดีเกินมนุษย์ให้ที่พักคนแปลกหน้าไม่รู้ที่มาที่ไป

ไม่ก็มีแผนบางอย่างอยู่ในใจ.. ซึ่งจะแบบไหนก็ดูเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมิวไม่ยักกะจำได้ว่าไปทำอะไรน่าสนใจเอาไว้จนเข้าตาคนคนนี้

ส่วนเหตุผลที่ว่าใจดีช่วยคนแปลกหน้านี่ยิ่งแล้วใหญ่ ครอบครัวของคาโอรุเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย อาจจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อยสำหรับการพูดถึงแบบนี้

แต่ว่าคนรวยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใสสะอาดขนาดนั้น ยิ่งเป็นในยุคแบบนี้แล้วละก็นะ.. มิวที่อ่านศึกษาสถานะทางสังคมในปัจจุบันที่ผิดเพี้ยนจากสามัญสำนึกเธอไปพอสมควรยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้

จนกระทั่งเมื่อหลายวันก่อนที่เธอเปิดไปพบข่าวตัวเอง

“หญิงสาวปริศนารับการโจมตีไร้ลักษณ์ขององค์หญิงไร้เสียงได้!!!”

“อาจจะเกี่ยวข้องกับอดีตอันลึกลับขององค์หญิงไร้เสียง!”

มิวได้แต่งงว่า.. ตนเองไปทนการโจมตีของอีกฝ่ายเมื่อไหร่ แต่ก็พอนึกขึ้นได้ว่าตอนประจันหน้ากันจู่ๆ ก็เกิดแรงระเบิดขึ้นด้านข้างเธอ

“หรือว่านั่นเป็นการโจมตีของผู้หญิงคนนั้น?.. พึ่งเคยเจอกันก็ยังมาหาเรื่องกันเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ค่อยถูกด้วยเลยแฮะ”

มิวเหมือนพึ่งเข้าใจ.. พอมานึกดูก็น่าจะใช่ แต่ที่ไม่เป็นอะไรน่าจะเพราะมีอัตลักษณ์บางอย่างที่กันการโจมตีได้อยู่เหมือนกับตอนที่มิวเจอกับผู้กล้าน่ะ

มิวจำได้ว่าขนาดดาบที่ทรงพลังที่สุดในโลกยังฟันเธอไม่เข้าเลย นับประสาอะไรกับคลื่นช็อคเวฟของคนธรรมดา

เธอถึงได้พอเข้าใจได้ว่า..อีกฝ่ายอาจจะคิดแบบเดียวกันกับพวกนักข่าวที่จ้องหาตัวมิวเองก็ได้

และก็เป็นอย่างที่มิวคาดวันต่อมา.. คาเอะแม่ของคาโอรุปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามิวพร้อมยื่นข้อเสนอบางอย่างให้

“เมื่อกี้.. คุณว่ายังไงนะ?”

“อย่างที่ดิฉันได้บอกพี่ไปนั่นแหละค่ะ..”

“ไม่สิๆ แล้วทำไมคุณถึงเรียกฉันว่าพี่ด้วยล่ะเนี่ย”

สังเกตจากตาเปล่ามิวยังรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่าสามสิบไปแล้ว ส่วนเธอต่อให้รวมอายุกับอดีตชาติก็น่าจะไม่ถึงสามสิบนะ

แน่นอนว่าไม่นับช่วงที่เธอถูกผนึกไป เพราะมิวไม่รู้ว่าตัวเองนอนไปกี่ปี.. พอถูกคนอายุมากกว่าเรียกพี่มันจึงอดไม่ได้ที่จะสับสน

อีกอย่างลูกของเธอก็เรียกมิวว่าพี่เหมือนกัน.. ความสัมพันธ์มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอกเหรอ

“ไม่เอาน่าพี่.. พี่อายุเยอะกว่าฉัน ฉันก็เลยเรียกพี่ไง.. อีกอย่างไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้เราคุยธุรกิจกันก็ต้องคุยกันอย่างเท่าเทียมสิ”

“หมายความว่าไง..?”

“ก็หมายความว่าถ้าเราไม่สถานะเท่ากันการดีลมันจะไม่ยุติธรรมไงพี่”

“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึงที่คุณบอกว่าฉันอายุเยอะกว่านี่คือ..?”

อาจจะเพราะท่าทางที่เป็นกันเองของเธอ แล้วก็ทักษะในการพูดคุยตีสนิทของคาเอะเลยทำให้ความรู้สึกเกร็งของมิวหายไปเช่นกัน

อย่างไรซะ ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยเผชิญหน้าอะไรแบบนี้มาก่อน.. แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องชมคาเอะที่เป็นคนคุยง่าย

ไม่สิ ถ้าเธอไม่เป็นคนแบบนี้ทุกวันนี้เธอคงไม่รวยขนาดนี้มากกว่าเลยล่ะ..

“ตามปกติมันไม่เป็นเรื่องที่ฉันจะบอกใครหรอก แต่ถ้าพี่อยากรู้ก็คือ.. ฉันเองก็เป็นผู้ใช้อารยธรรมน่ะ.. ถึงจะมีเนมแค่ระดับบารอนเนสก็เถอะ”

“แต่ฉันเป็นผู้ใช้อารยธรรมแฟนตาซีที่เรียกว่า ‘เนตรปีศาจ’ น่ะ”

พอเธอพูดไปแบบนั้นดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็เปลี่ยนสีเป็นสีดำทมิฬต่อหน้ามิว.. แน่นอนว่ามิวเองก็ศึกษาเรื่องระดับของเนมมาไว้เช่นกัน

เนมแบ่งออกเป็นหลักๆ อยู่ 6 ระดับ.. ที่รู้จักในตอนนี้น่ะนะ เพราะมีการคาดเดาว่าอาจจะมีระดับที่สูงที่สุดอีกระดับหนึ่งด้วย

โดยเนมจะแบ่งระดับตามบรรดาศักดิ์ตามระบบขุนนางอังกฤษ แบ่งจากต่ำไปสูงเลยคือ บารอน, ไวน์เคาต์, เอิร์ล, มาควิสและดยุค..

ระดับที่สูงที่สุดของ พริ้นเซส (Princess) หรือพริ้นส์ (Prince) หรือก็คือองค์หญิงกับองค์ชายนั่นแหละ

เนมก็เป็นเหมือนแรงค์ความแข็งแกร่งในการใช้อารยธรรมที่เชี่ยวชาญ.. แน่นอนว่าสำหรับบรรดาศักดิ์ระดับขุนนางอย่างห้าอันดับแรก

‘สามารถเลื่อนขั้นได้’ ด้วยวิธีการบางอย่างที่ไม่มีใครรู้แน่ชัด.. แต่จะมีแค่พริ้นเซสหรือพริ้นส์เท่านั้นที่จะไม่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปได้

แน่นอนว่าเป็นแค่ทฤษฎีละนะ เพราะการเลื่อนระดับเนมมีให้เห็นน้อยมาก สาเหตุที่พวกเขาเดาว่าไม่สามารถเลื่อนเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงได้นั่นก็เพราะ..

องค์ชายหรือองค์หญิงล้วนเป็นคำที่ไว้เรียกขานกับเชื้อพระวงศ์เท่านั้นนั่นเอง ต่างจากขุนนางที่สามารถเลื่อนขั้นได้ตามผลงานที่ตนเองสร้าง

..ส่วนอันดับสุดท้ายว่ากันว่าน่าจะมีเพียงหนึ่งเดียว.. ‘ผู้สืบทอดราชบัลลังก์’ เนมที่ถูกคาดว่าอาจ ‘มีอยู่จริง’

แต่ก็นะแค่อาจจะ..

ซึ่งแม่ของคาโอรุอย่างคาเอะนั้น นับว่ามีเนมที่อ่อนด้อยที่สุดในบรรดาผู้มีเนมทั้งหมดเพราะเป็นแค่บารอนนั่นเอง

“เนตรปีศาจของฉันสามารถมองเห็นภาพที่เลือนรางของบางอย่างที่ฉันคิดไม่ถูกได้น่ะค่ะ.. เช่นว่าในแวบแรกฉันคิดว่าพี่เป็นเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาว”

“แต่เนตรนี้ก็แสดงภาพอันเลือนรางมาเตือนว่ามันไม่ถูกต้อง.. ฉันเลยทดลองเพิ่มเข้าไปอีกสามสี่รอบก็เลยได้รู้ว่าพี่น่าจะมีอายุมากกว่า 40 ปีน่ะ”

“อ้ะ.. แต่ไม่ต้องห่วงพลังเนตรของฉันบอกได้แค่เรื่องที่ไม่ซับซ้อนอย่างตัวเลข.. ไอ้การใช้ในการเดาความคิดคนอื่นหรืออะไรมากกว่านั้นทำไม่ได้ค่ะ”

“นอกจากนี้เนตรของฉันก็ไม่สามารถใช้กับสิ่งที่เลือนรางเกินไปได้ค่ะ พูดง่ายๆ คือต่อให้ฉันจะใบ้อีกกี่รอบฉันก็ไม่มีทางรู้แล้วล่ะว่าพี่มีอายุเกิน 40 ไปเท่าไหร่หรือมาจากไหนอะไรยังไงน่ะ”

เธออธิบายยืดยาว.. แน่นอนว่าที่เธอต้องพูดแบบนี้เพราะกลัวว่ามิวจะเข้าใจผิดว่าเธอรู้ความลับของมิวอะไรแบบนั้น

สำหรับคาเอะแล้วนั้นไม่ได้คิดว่าเรื่องราวของมิวมันง่ายอย่างที่เธออธิบายกับลูกสาวตัวเองหรอก แต่ถึงแบบนั้นตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูจากอีกฟากของประตู

จะอะไร.. เธอก็รับได้ขอแค่ได้ร่วมธุรกิจกับเธอ

“เอาล่ะ.. พูดมาถึงขั้นนี้แล้วฉันจะของพูดกับพี่อีกรอบนะคะ”

“มาร่วมมือกันสร้าง.. ‘บอร์ดภารกิจ’ กิลด์ผจญภัยแบบในโลกแฟนตาซีกันเถอะค่ะ!ฉันอยากให้พี่มาเป็นหน้าตาของร้าน”

“พี่ที่รับการโจมตีขององค์หญิงที่ทรงพลังที่สุดในโลกในตอนนี้ได้แบบพี่น่ะ!”