ตอนที่ 7.2 งานชุมนุมเพื่อหาประสบการณ์ครั้งใหญ่ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลันหลิงเอ๋อร์หันศีรษะไปจ้องมองศิษย์พี่ของนางและพบว่าขาของเขาไม่ขยับแต่อย่างใด

อันที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่เป้าหมายที่ศิษย์พี่คาดหวังจะไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์…

“ศิษย์น้องหญิงเวลานี้ฐานพลังของเจ้ายังค่อนข้างต่ำ เช่นนั้นก็ควรไปกับคนส่วนใหญ่” หลี่ฉางโซ่วพยายามเกลี้ยกล่อมนางผ่านการส่งข้อความเสียงในขณะที่หลันหลิงเอ๋อร์หยักยิ้มมุมปากของนางเล็กน้อยและยังคงนิ่งอยู่กับศิษย์พี่ของนาง

พวกเขาฟังผู้อาวุโสเก่อที่ยังคงตะโกนต่อไปว่า “ผู้ที่คิดจะมุ่งหน้าไปยังเขตแดนอาคเนย์ของดินแดนเทวะมัชฌิมาเพื่อไล่เข่นฆ่าปีศาจต่างๆ จงก้าวไปรออยู่ทางด้านขวา พวกเจ้าที่เลือกภารกิจนี้จะต้องมีฐานพลังอย่างน้อยที่ขอบเขตหลอมรวมปราณขั้นแปด”

คราวนี้บรรดาศิษย์นับสิบต่างเคลื่อนไหว พวกเขาทุกคนล้วนมีฐานพลังที่ค่อนข้างสูงซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพ

และด้วยวิธีเช่นนี้ ท่ามกลางเสียงตะโกนสั่งอย่างต่อเนื่องของผู้อาวุโสเก่อ บรรดาศิษย์ที่เลือกจุดหมายปลายทางแต่ละคน ต่างก็ได้ย้ายไปรอในพื้นที่ตามที่กำหนดเอาไว้

จากนั้นผู้อาวุโสเก่อก็ประกาศจุดหมายปลายทางเพิ่มเติมซึ่งจำเป็นต้องมีระดับฐานพลังขั้นต่ำที่สูงขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ผู้อาวุโสเก่อประกาศออกมาว่าฐานพลังขั้นต่ำคือขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นสอง เวลานั้นหลันหลิงเอ๋อร์ก็หันไปมองศิษย์พี่ของนางอย่างไม่พอใจ

ฐานพลังของนางคือขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นสอง

“ศิษย์พี่เจ้าคะ ท่านคิดจะไปที่ใด”

หลี่ฉางโซ่วยังคงแย้มยิ้มโดยไม่เอ่ยตอบสักคำ

ในไม่ช้าก็เหลือเพียงยี่สิบสามคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่เคลื่อนย้ายในขณะที่เหลือเพียงจุดหมายสองแห่งที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา

ในบรรดายี่สิบสามคนเหล่านี้ นอกเหนือจากคู่ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยู่ตรงมุมแล้ว ที่เหลือก็เป็นเหล่าอัจฉริยะระดับต้นกล้าอมตะจากยอดเขาต่างๆ คนเหล่านี้ล้วนได้รับการคัดเลือกจากบรรดาศิษย์ในรุ่นนี้ทั้งหมดซึ่งพวกเขาต่างได้รับการดูแลเป็นพิเศษและฝึกบำเพ็ญอย่างเข้มข้น นอกจากนี้พวกเขาทั้งหมดยังเป็นศิษย์อันดับต้นๆ ในบรรดาศิษย์ทั้งหมด

แล้วจู่ๆ ผู้อาวุโสเก่อก็เหลือบมองไปทางหลันหลิงเอ๋อร์แล้วตะโกนออกมาว่า “ผู้ที่คิดจะมุ่งหน้าไปยังเกาะหลินอวิ๋นในทะเลบูรพาให้เข้าไปรออยู่ภายในห้องโถง พวกเจ้าจะต้องครองฐานพลังอยู่ที่ขั้นเก้าขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพเป็นอย่างน้อย”

ในบรรดายี่สิบคนที่เหลือเหล่านี้ มีสิบเจ็ดคนที่เคลื่อนไหวไปพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทุกคนล้วนแผ่กลิ่นอายลมปราณของตัวเองออกมาซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในขั้นที่สองหรือสามของขอบเขตคืนกลับอนัตตา!

มีเสียงร้องอุทานด้วยความชื่นชมมากมายอยู่โดยรอบในขณะที่ศิษย์ทั้งสิบเจ็ดคนนั้นได้บินเข้าไปในหออย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้เหลือเพียงหกคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม บรรดาศิษย์ทุกคนล้วนหันไปมองหญิงสาวผู้หนึ่งที่สวมชุดกระโปรงเทพธิดาสีแดงเพลิงและสะพายกระบี่ขนาดใหญ่เอาไว้ที่ด้านหลังของนางอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวผู้นั้นหลับตาลงขณะที่ยังคงนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิมของนางดุจเทพธิดาที่มาจากต่างโลก ดั่งเซียนจากเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะมีคำพูดไม่กี่คำล่องลอยอยู่รอบกายนางว่า ‘จงอยู่ให้ห่างๆ ข้า’

นางเป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักตู้เซียนที่โด่งดังที่สุด เพราะไม่เพียงแต่นางจะมีรูปโฉมงดงามอย่างเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่นางยังมีรูปกายสุดแสนเลิศล้ำไร้ที่ติ ทั้งยังมีศักยภาพในการฝึกบำเพ็ญอย่างน่าทึ่ง และในขณะนั้นนางก็แผ่กลิ่นอายลมปราณของนางออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า นางอยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสี่

นางเข้าร่วมสำนักมานานกว่าหกสิบปีแล้ว ศักยภาพในการฝึกฝนเฉกเช่นนางย่อมล้ำค่าอย่างยิ่งในสำนักตู้เซียน นางยังได้กราบปรมาจารย์ยอดเขาพิชิตสวรรค์เป็นอาจารย์มาตั้งแต่ต้นอีกด้วย

โหย่วฉินเสวียนหย่าต้องการไปดินแดนเทวะอุดรด้วยหรือ ไม่เลว

ที่ตรงมุมห้อง หลี่ฉางโซ่วเผยรอยยิ้มบางออกมา การเดินทางพร้อมด้วย ‘ตัวดึงดูดตา’ เช่นนี้จะทำให้เขาได้รับความสนใจน้อยลง

หลันหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็สูดจมูกอยู่สองสามอึดใจ ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย

ดวงตาของนางพลันหันไปมองรอยยิ้มของหลี่ฉางโซ่ว และในเวลาเดียวกันนั้น นางก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงเทพธิดาสีแดงเพลิงขยับไหวไปมา

แน่นอนว่าย่อมมีบางอย่าง!

จากนั้นนางก็ได้ยินการสนทนาเบาๆ เล็กน้อยบางอย่างท่ามกลางเหล่าฝูงชนนั้น

“ศิษย์พี่หญิงเสวียนหย่าคิดจะไปเก็บสมุนไพรจากดินแดนเทวะอุดรหรือ”

“ศิษย์พี่หญิงเสวียนหย่ากำลังจะไปยังดินแดนเทวะอุดร ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หยวนชิงจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน”

“คาดไม่ถึงหรืออย่างไร ที่ศิษย์พี่หยวนชิงยังไม่ขยับเพราะเขากำลังรอให้ศิษย์พี่หญิงเสวียนหย่าตัดสินใจและเคลื่อนไหวอยู่”

“จงระวังคำพูดและใจของเจ้าเอาไว้ อย่าได้ไปล่วงเกินสองอัจฉริยะที่มาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์เหล่านี้”

ในอากาศเวลานี้ผู้อาวุโสเก่อขมวดคิ้วและมองดูคู่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลี่ฉางโซ่วและหลันหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะค่อยๆ ส่ายศีรษะเล็กน้อยและยังคงตะโกนเสียงดังต่อไปว่า “ผู้ที่คิดจะมุ่งหน้าไปยังป่าสมบัติโกลาหลในเขตแดนอาคเนย์แห่งดินแดนเทวะอุดรให้เข้าไปรอในห้องโถง ขอบอกก่อนว่าที่นั่นอันตรายมากบรรดาศิษย์ก็มักจะได้รับบาดเจ็บภายใน พวกเจ้าต้องมีฐานพลังอยู่ที่ขั้นเก้าขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพ”

ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงก็พลันลืมตาขึ้น ดวงตาหงส์ของนางดูแจ่มชัด จากนั้นนางก็ล่องลอยเข้าไปในห้องโถงเบาๆ ชุดกระโปรงของนางพลิ้วไหวไปตามสายลมราวกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานตระการตา

และที่ด้านหลังของนาง ก็ตามมาด้วยผู้บำเพ็ญเยาว์วัยผู้หนึ่งที่ดูอ่อนโยน นุ่มนวล และสูงส่ง ในชั่วเวลานั้น เขาแผ่กลิ่นอายลมปราณออกมาซึ่งอยู่ที่ขั้นห้าขอบเขตคืนกลับอนัตตา!

ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังร่างสีแดงเพลิงที่อยู่ตรงหน้า เขาย่อมหาใช่ผู้ใดไม่ นี่คือ ‘ศิษย์พี่หยวนชิง’ อย่างแน่นอน

ฉับพลันนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ก้าวไปในห้องโถงพร้อมๆ กัน และในเมื่อบัดนี้มีทั้ง โหย่วฉินเสวียนหย่าและหยวนชิงเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากฝูงชน ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเขาซึ่งทำให้เขาสบายใจอย่างยิ่ง

ทว่าเมื่อเขาก้าวไปได้เพียงสองก้าว ฉับพลันนั้นความเย็นยะเยือกที่ไม่อาจอธิบายได้ก็คืบคลานมายังกระดูกสันหลังของเขา ขณะนี้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคู่หนึ่งมองตามร่างของเขาไปราวกับเงา…

“ศิษย์พี่ เหตุใดจู่ๆ ท่านจึงคิดที่จะไปยังดินแดนเทวะอุดรเจ้าคะ”

หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงลมหนาวที่พัดผ่านด้านหลังของเขา ทันใดนั้นเขาก็หยุดลงแล้วหันศีรษะไปกล่าวตอบหลิงเอ๋อร์ด้วยน้ำเสียงต่ำแต่หนักแน่นว่า “ข้าจะไปเก็บสมุนไพร”

“ศิษย์พี่เจ้าคะ? สมุนไพรที่บ้านพักของเรายังไม่พอสำหรับศิษย์พี่หรือเจ้าคะ ท่าน…”

“ยอดเขาหยกน้อย หลิงเอ๋อร์” บัดนั้นพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นในอากาศ ผู้อาวุโสเก่อขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งคู่นี้ว่า “พวกเจ้ายังประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรมในการออกไปหาประสบการณ์นอกสำนักครั้งนี้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ เข้าร่วมเจ้าค่ะ” หลันหลิงเอ๋อร์รีบเงยหน้าขึ้นตอบ ครั้นเมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาของทุกคนกำลังจับจ้องนางอยู่ ทันใดนั้นใบหน้างดงามของนางจึงขึ้นสีเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าสีหน้าท่าทีเย็นชาของนางเมื่อไม่กี่อึดใจก่อนนั้น พลันเปลี่ยนเป็นดูอบอุ่นอย่างมากราวกับว่ามันเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ

หลันหลิงเอ๋อร์รีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ทำให้ท่านผู้อาวุโสต้องเป็นกังวลแล้ว ฐานพลังของศิษย์ยังต่ำนัก ดังนั้นจึงยังไม่อาจตัดสินใจได้ แต่ยามนี้ข้าตัดสินใจที่จะติดตามศิษย์พี่ทั้งชายหญิงของข้าไปยังชายฝั่งทะเลบูรพาเจ้าค่ะ”

ผู้อาวุโสเก่อพยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มเมตตาอ่อนโยนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เช่นนั้นไปแล้วก็รีบกลับมา จงอย่ารอช้าได้เวลาออกเดินทางแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

หลันหลิงเอ๋อร์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปมองศิษย์พี่ของนาง ทว่าเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว!

“จริงๆ เลย…เหตุใดเขาถึงต้องไปในที่อันตรายเช่นนี้ด้วยนะ”

นางเม้มริมฝีปากพลางกล่าวกระซิบว่า “เขาไม่แม้แต่จะบอกให้ข้าดูแลตัวเองด้วยซ้ำ! ฮึ ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะศิษย์พี่หน้าเหม็น!”

และเมื่อนางหันกลับมา สีหน้าท่าทีของหลันหลิงเอ๋อร์ก็กลับคืนสู่ปกติขณะที่เดินไปยังเหล่าฝูงชนที่อยู่ห่างออกไป

……

ภายในห้องโถง บัดนี้มีดวงตามากกว่าสิบคู่จับจ้องมายังหลี่ฉางโซ่วซึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง พวกเขาส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นผู้ใด

ขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วก็แผ่กลิ่นอายลมปราณของเขาออกมาเบาๆ…

นั่นคือขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นเก้าซึ่งนับได้ว่าเป็นศิษย์ที่อยู่ในระดับปานกลางท่ามกลางบรรดาศิษย์รุ่นนี้

…………………………………………………………………………………