ตอนที่ 7 เรือนฉือซิน

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 7 เรือนฉือซิน

เจียงอันเฉิงทำเขม่นตาใส่เจียงจั้นหนึ่งที “ถ้าเจ้าไปสภาพนี้ ขายหน้าเป็นแน่”

เจียงจั้นลูบศีรษะ

ผมก็ไม่หยุ่งเหยิงนี่ มันน่าขายหน้าตรงไหน

เจียงซื่อขำและพูดกับเจียงจั้น “พี่รอง ข้าอยากกินก้วนทังเปา[1] ร้านไช่จี้”

ก้วนทังเปาร้านไช่จี้เป็นร้านเก่าร้านแก่ที่มีมาแต่โบราณ ห่างจากจวนตงผิงปั๋วออกไปอีกสองถนน อยู่ใกล้กับชุมชนคังเต๋อที่จวนอันกั๋วกงตั้งอยู่

เมื่อชาติก่อน เรื่องที่จี้ฉงอี้กับเฉี่ยวเหนียงตกน้ำไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก จวนอันกั๋วกงสามารถคลี่คลายเรื่องเน่าเฟะนี้ไปได้อย่างง่ายดาย แล้วก่อนและหลังงานสมรสของสองตระกูลนี้ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คาดเดาไปว่าต้นเหตุทั้งหมดนั้นมาจากนาง

ในตอนนั้น นางยังอายุน้อย และเป็นเด็กไร้เดียงสา นางคิดเพียงว่า เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น ยังไงก็อยากออกเรือนและได้เข้าไปอยู่ในตระกูลใหญ่ๆ แต่ภายหลัง นางถึงมาสัมผัสได้ว่า การถูกคนเอารัดเอาเปรียบก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี

หลังจากผ่านพ้นความวุ่นวายในค่ำคืนนั้นไป ตอนนี้เรื่องของจี้ฉงอี้ยังส่งมาไม่ถึงจวนตงผิงปั๋ว แต่มันได้กระจายไปทั่วชุมชนคังเต๋อเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ พี่รองกำลังไปซื้อก้วนถังเปาที่ร้านไช่จี้ เขาจะต้องได้ยินข่าวนี้เป็นแน่

“น้องสี่อยากกินก้วนทังเปาหรือ ข้าเองก็อยากกินเช่นกัน งั้นเจ้ารอข้าเดี๋ยว ข้าจะไปซื้อเดี๋ยวนี้ล่ะ” เจียงจั้นไม่พูดถึงเรื่องที่จะไปเรือนฉือซินอีก เขาปัดฝุ่นบนตัวเสร็จ ก็เดินออกไปทันที พอเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เดินกลับมายิ้มให้เจียงอันเฉิง

เจียงอันเฉิงขมวดคิ้งงงวยในทันใด “อะไร”

เจียงจั้นแบมือออก “ช่วงนี้ข้าขัดสนเล็กน้อย ท่านพ่อจ่ายให้ก่อนได้หรือไม่ขอรับ”

“ไสหัวไป!” เจียงอันเฉิงกัดฟันกล่าวออกไปดังนั้น แต่ก็หยิบเศษเงินออกจากเหอเปาที่แขวนตรงเอวออกมาให้เจียงจั้น

เจียงจั้นวิ่งพรวด อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตรงประตูเรือนก็หันมาแล้วตะโกนว่า “รอข้านะน้องสี่”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนทะเล้น ส่วนสายตานั้นสดใสกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก นั่นเป็นท่าทางที่เจียงซื่อไม่ได้เห็นมานาน

“ข้าจะรอพี่รองอยู่ที่เรือนไห่ถังเจ้าค่ะ”

แล้วเจียงซื่อกับเจียงอันเฉิงก็เดินไปเรือนฉือซินด้วยกัน

สาวรับใช้คนโตสุดอาฝูน้อมทักทั้งสองคน “นายท่าน คุณหนูสี่ เหล่าฮูหยินกำลังพบแขกเจ้าค่ะ ขอให้บ่าวเข้าไปรายงานก่อนนะเจ้าคะ”

พบแขกแต่เช้าเลยหรือ เจียงอันเฉิงแสดงสีหน้าสงสัย

เจียงซื่อสูดลมหายใจผ่านจมูกเบาๆ เพราะมีกลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมา

กลิ่นนั้นหอมชัดเจนและมีความละเอียดอ่อนมาก ไม่ใช่กลิ่นที่พบได้ทั่วไป เจียงซื่อยืนอยู่ด้านนอกเพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่านั่นคือกลิ่นจากดอกพุด

กัวซื่อ ฮูหยินของซื่อจื่อแห่งอันกั๋วกง ผู้เคยเป็นพี่สะใภ้ของนาง เป็นคนชอบกลิ่นดอกพุดมาก

ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ยืนอยู่ตรงนี้ อาจไม่ได้กลิ่นหอมจากตัวของคนที่อยู่ข้างในได้เลย แต่เจียงซื่อไม่เหมือนใคร

ประสาทการรับกลิ่นของนางค่อนข้างไว ภายหลังที่เร่รอนไปถึงหนานเจียง ด้วยความที่มีใบหน้าคล้ายกับหลานสาวของผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียว นางจึงใช้ชีวิตเป็นหญิงคนนั้นเรื่อยมา

ผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียวนั้น หากดูจากใบหน้าแล้ว แทบดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนสูงอายุ และยังเป็นคนที่มีเรื่องชวนให้รู้สึกน่าอัศจรรย์มากมาย ตามที่นางมีพรสวรรค์เรื่องการรับกลิ่น ผู้อาวุโสยังได้สอนวิชาประหลาดให้กับนางอีกหนึ่งแขนง อย่าว่าแต่นางสามารถแยกแยะกลิ่นหอมจากร่างกายของแต่ละคนได้เลย หากมีลมพัดผ่านคราหนึ่ง เพียงได้สัมผัสกลิ่นจากลม แม้จะเล็กน้อยมาก นางก็สามารถรู้ได้เลยว่าฝนกำลังจะตกหรือไม่

เมื่อรู้ว่ากัวซื่อ ฮูหยินของซื่อจื่อแห่งอันกั๋วกงอยู่ข้างใน เจียงซื่อก็โล่งอก

เวลาผ่านไปไม่นาน สาวรับใช้อาฝูก็เดินกลับมากล่าวต่อเจียงอันเฉิง “นายท่านใหญ่ เหล่าฮูหยินให้มาเชิญเจ้าค่ะ”

สายตาของนางตกอยู่ที่เจียงซื่อ และแฝงไว้ด้วยความสับสนหลายอย่าง “คุณหนูสี่ คุณหนูเข้าไปจิบชาร้อนที่ห้องรับรองด้านข้างก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ท่านพ่อ งั้นลูกรอด้านนอกนะเจ้าคะ” เจียงซื่อย่อตัวกับเจียงอันเฉิง

เจียงอันเฉิงเดินตามอาฝูเข้าไป เพียงมองเข้าไป ก็เห็นเฝิงเหล่าฮูหยินและสตรีอีกท่านหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

สตรีผู้นั้นอายุราวสามสิบ เป็นคนค่อนข้างสะสวย มีดวงตาที่ดูเป็นคนฉลาด

เจียงอันเฉิงยิ่งงงงวยไม่เข้าใจ

แขกที่ท่านแม่พบอยู่เป็นผู้หญิงงั้นรึ แล้วอนุญาตให้เขาเข้ามาทำไมกัน

“ท่านนี้คือนายท่านปั๋วใช่หรือไม่” หญิงสาวลุกขึ้นยืน

เฝิงเหล่าฮูหยินพยักหน้า “ใช่ พ่อของคุณหนูสี่น่ะ เหล่าต้า[2] ท่านนี้ คือฮูหยินซื่อจื่อแห่งอันกั๋วกง ที่มาในวันนี้ ก็มาเพื่อพูดคุยเรื่องงานสมรสน่ะ”

“กำหนดวันเสร็จแล้วมิใช่หรือ”

เฝิงเหล่าฮูหยินหันมองกัวซื่อหนึ่งที

กัวซื่อแสดงสีหน้ารู้สึกผิด “เมื่อคืนนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ท่านพ่อกับท่านแม่อยากจะรับคุณหนูสี่เข้าจวนให้เร็วขึ้นเจ้าค่ะ…”

“เพราะเหตุอันใด” เจียงอันเฉิงเผยสีหน้าเข้มขรึม

งานสมรสที่กำหนดวันไว้แล้ว หากเลื่อนเข้ามา มักทำให้เกิดกระแสที่ไม่ดีตามมา มันไม่มีผลกระทบต่อฝ่ายชาย แต่จะมีผลกระทบต่อฝ่ายหญิง

แม้ว่ากัวซื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่ก็รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนยังไงก็ปิดไม่อยู่ นางจึงเอ่ยอย่างทำตัวไม่ถูก “น้องสามไม่รู้กาลเทศะ คืนก่อนแอบหนีไปเล่นน้ำที่ทะเลสาบมั่วโยว แล้วพลัดตกลงไปในน้ำโดยไม่ทันระวัง…”

ไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกพูดถึงในทางไหน จวนกั๋วกงจะไม่ยอมรับเรื่องที่น้องชายสามกระโดดน้ำฆ่าตัวตายกับผู้หญิงเด็ดขาด เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างถึงที่สุด

เจียงอันเฉิงพูดแทรกด้วยสีหน้าที่หน้าดำคล้ำเครียด “คุณชายสามจวนของท่านตกน้ำ เกี่ยวข้องกับการเลื่อนงานสมรสเร็วขึ้นอย่างไร อย่าบอกนะว่า เขาเหลือลมหายใจสุดท้าย แล้วอยากให้บุตรสาวข้าแต่งเข้าไปให้เป็นเรื่องมงคล”

“นายท่านปั๋วเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ น้องสามเพียงแค่ตกใจบ้าง แต่มิได้เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ” กั๋วซื่อเกิดความไม่พอใจขึ้นภายในใจ

“แล้วเหตุใดถึงต้องเลื่อนงานสมรสให้เร็วขึ้นเล่า” เจียงอันเฉิงยังคงถามจี้

ลูกๆ ทั้งสามคนสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นการสมรสเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะสะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด

น้ำเสียงบีบบังคับให้จนมุมของเจียงอันเฉิงสร้างความไม่พอใจกับกั๋วซื่อเป็นอย่างมาก แม้ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย “น้องสาม แม้มิได้เป็นอะไรมาก แต่คืนวันที่ตกน้ำยังมีสตรีอีกท่านหนึ่งตกไปด้วย… เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนินทาจากผู้อื่น ท่านพ่อกับท่านแม่ได้หารือไว้ว่าอยากให้คุณหนูสี่แต่งเข้าไปเร็วขึ้น…”

“สตรีอีกท่านหนึ่ง” สีหน้าของเจียงอันเฉิงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่เกาะจนแข็งตัว “หญิงนั้นคือผู้ใดกัน”

ความเซ้าซี้ของเจียงอันเฉิงทำให้กัวซื่อเริ่มโมโห เมื่อนึกถึงท่าทีที่อนุญาตแล้วของเหล่าฮูหยินแห่งตงผิงปั๋วเมื่อครู่ นางเลยพูดออกไปตรงๆ “ข้าขอพูดตรงๆ เลยนะเจ้าคะ น้องสามรู้จักกับหญิงคนนั้นมาก่อน แต่นายท่านปั๋ววางใจได้ เขาแค่ไม่รู้จักกาลเทศะ หลังจากนี้ ท่านพ่อกับท่านแม่จะดูแลอบรมให้เข้มงวดกว่านี้เจ้าค่ะ ส่วนหญิงคนนั้น…”

“ข้าขอยกเลิกงานสมรส!” เจียงอันเฉิงโพล่งออกไป และไม่อยากฟังต่อ

กัวซื่อถึงกับชะงัก

นางฟังผิดไปหรือไม่ เมื่อกี้นายท่านตงผิงปั๋วว่าอะไรนะ

ยกเลิกงานรสมรส

กัวซื่อรู้สึกเพียงน่าขำสิ้นดี

การที่จวนตงผิงปั๋วได้ดองกับจวนอันกัวก๋ง ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ได้มาง่ายๆ แล้วตงผิงปั๋วก็พูดออกมาว่าจะยกเลิก ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ

“นายท่านปั๋ว ได้โปรดอย่าเพิ่งใจร้อนไป รอให้ข้าพูดจบเสียก่อน——”

“ยกเลิกงานสมรสเสีย!” เจียงอันเฉิงยังคงพูดอย่างเด็ดขาด

จะให้รอสิ่งใดอีก คำพูดจากปากของหญิงคนนี้จะคายดอกพิกุลออกมาได้หรือยังไง

“เหล่าฮูหยิน ท่าน——” กัวซื่อหันหน้าเข้าหาเฝิงเหล่าฮูหยินอย่างทำอะไรไม่ถูก

คิดไม่ถึงเลยว่าตงผิงปั๋วจะเป็นคนหัวเด็ดตีนขาดถึงเพียงนี้ คนอย่างนี้น่ะหรือ ที่บังเอิญมีโอกาสช่วยชีวิตพ่อสามีไว้ได้ ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุนั้น ก็คงไม่มีงานสมรสนี้เกิดขึ้นแน่

ยังดีที่เหล่าฮูหยินตงผิงปั๋วเป็นคนรู้เหตุรู้ผล งานสมรสจะยกเลิกหรือไม่ นายท่านปั๋วต้องฟังเหล่าฮูหยินอยู่ดี

“เหล่าต้า เจ้าฟังฮูหยินซื่อจื่อให้จบก่อน การดองกันของสองตระกูลนั้นเป็นเรื่องใหญ่ จะยกเลิกง่ายๆ อย่างนี้ได้อย่างไรกัน” เฝิงเหล่าฮูหยินกล่าวเสียงเข้ม

“ก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ ข้าถึงไม่อยากให้ลูกสาวของข้าตกไปอยู่ในกองไฟ!”

“ท่านพูดเกินไปแล้วกระมัง หญิงคนนั้น อย่างมากก็เป็นได้แค่อนุภรรยา ไม่มีวันกระทบถึงตำแหน่งนายหญิงสามของคุณหนูสี่เป็นแน่”

“ข้าจะยกเลิก!” เจียงอันเฉิงตอบกลับกัวซื่ออีกครั้ง

กัวซื่อเอ่ยเรียบๆ “นายท่านปั๋ว เรื่องนี้คงต้องถามความเห็นจากเหล่าฮูหยินอีกทีหรือไม่”

เจียงอันเฉิงหัวเราะเย็นชา “ฮูหยินซื่อจื่อเกิดในฐานะตระกูลผู้ดี คงได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสมรสนั้นคือสิ่งใด”

“ก็ย่อมเป็นคำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อเจ้าค่ะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ข้าเป็นพ่อ ข้าต้องการยกเลิกงานสมรสแล้วมีปัญหาตรงไหนรึ”

[1] ก้วนทังเปา หมายถึง ซาลามีซุป

[2] เหล่าต้า หมายถึง การเรียนกบุตรชายคนโต