บทที่2ตอนที่1

แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วเมืองอาร์คาซัม

ผู้คนในเมืองต่างเริ่มวันใหม่ในเช้าที่สดใส

ถนนในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนและพวกเขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพตน

ชายหนุ่มคนหนุ่มกำลังเดินอยู่บนถนนที่มีคนพลุกพล่าน

ชื่อของเขาคือโนโซมุ・เบลาตี้

นักเรียนของสถาบันโซลมินาติซึ่งตอนนี้ ขึ้นปี 3 เป็นที่เรียบร้อย

เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่อาจารย์ได้จากไป  

「ถึงอย่างงั้น…………………ก็ผ่านมาได้ด้วยดี」

การเผชิญหน้ากับชิโนะในสองวันสุดท้ายก่อนวันสอบปลายภาคและเป็นคำขอสุดท้ายของอาจารย์ทำให้เขาต้องฝืนต่อสู้จนได้รับบาดแผลมากมายและการสอบก็ยากกว่าที่คิด

พละกำลังไม่เหลือในการสอบซ้อมการต่อสู้ ข้อสอบข้อเขียนก็ไปได้ไม่ค่อยดีเพราะเขายังคงคิดถึงชิโนะอยู่ ผลลัพธ์คือจบไปที่สอบย่อยเพิ่มอีกสามอย่าง

「เพราะแบบนั้นก็เริ่มต้นจากจุดต่ำสุดเหมือนเดิม…เฮ้อ อย่างน้อยก็ผ่านมาได้แหละนะ」

อย่างไรก็ตามจำนวนการสอบเพิ่มเติมมันเป็นเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสถาบัน

ด้วยเหตุนี้จึงได้มาเริ่มต้นใหม่ที่ห้อง 10 อีกครั้ง เกรดในปีที่แล้วก็ต่ำเพราะผมดรอปกลางคันด้วย

(ตอนนี้ควรจะเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีจะดีกว่า…พลังของดราก้อน สเลเยอร์…มันยิ่งใหญ่เกินไป)

ใช่แล้วเขาได้ปลดปล่อยพลังของดราก้อนสเลเยอร์ในตอนสู้กับชิโนะ และเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดจนเผลอไปปลดพันธนาการนั่นอีกรอบด้วยความไร้เหตุผล

ในตอนที่ขึ้นปี 3 เขาพยายามจะควบคุมพลังนั่นที่กระท่อมของชิโนะแต่ว่าไม่สามารถควบคุมได้เลย

แม้ว่าพลังที่ปลดปล่อยจะเพิ่มความสามารถทางกายภาพอย่างมาก แต่พลังมันแข็งแกร่งเกินไปมันเสริมพลังทุกอย่างให้กับเทคนิคทั้งหมดซะจนน่ากลัว หากพลาดใช้กับนักเรียนด้วยกันเองผมอาจจะเผลอฆ่าพวกเขาทิ้งก็ได้

「หินที่กลายเป็นผุยพงหลังจากใช้เจ้านั่น แค่นึกก็กลัวจะพลาดไปทำคนอื่นแล้ว」

(และก็……เจ้าหมอนั่น)

เขานึกถึงเทียแมท ราชันย์มังกรที่อยู่ภายในตัวของเขา ทุกครั้งที่เขาปลดปล่อยพลังออกมา มันก็จะคอยอาละวาดอยู่ภายในร่างกายของเขา พยายามจะควบคุมร่างกายนี้

ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับมันในโลกแห่งจิตวิญญาณและประสบความสำเร็จจนได้รับพลังของมันมา ดังนั้นเพราะเขาจัดการมันได้จึงจะไม่ถูกมันควบคุมในทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังได้เพียงแค่สองนาที นั่นคือลิมิต

แม้สองนาทีจะเป็นเวลาที่โนโซมุควบคุมได้หลังจากปลดปล่อยออกมา หากปล่อยออกมาโดยควบคุมไม่ดีร่างกายอาจจะแหลกสลายและจิตวิญญาณคงจะพังทลาย

「ยังไงดีละต่อจากนี้จะเอายังไงดี」

ทั้งเรื่องของสถาบัน ทั้งเรื่องของเทียแมท ทั้งเรื่องของลิซ่า

ข้าได้พบกับลิซ่าก็หลายครั้งแต่เธอยังคงเกลียดขี้หน้าข้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

โนโซมุไม่สามารถที่แม้แต่จะพูดหรือฟังเหตุผลที่เธอโกรธเขาได้

(…………เฮอะ……ข้าเองยังจะหนีอีกงั้นเหรอ)

โนโซมุยังไม่คงก้าวข้ามความรักครั้งนี้ไปได้ ยังไงก็ตามเขายังคงวิ่งหนีต่อไปด้วยความกลัว แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนเขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังหนีความเป็นจริง

สิ่งที่ชิโนะบอกกับเขามันยังฝังอยู่ในจิตใจและมันก็จะหยั่งรากลึกไปในจิตใจของเขา

ปี 3 ห้อง 10 โนโซมุเบลาตี้ ก็ยังคงได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดิม

「แม่งยังอยู่นี่อีกเหรอวะ」「เพราะมันแท้ๆพวกเราเลยโดนหางเล่ห์ไปด้วย」「หมอนั่นมันทำสอบย่อยสามครั้งเลยนี่หว่า ดิ้นรนชิบหาย」

เมื่อข้าเข้าห้องมาก็ยังคนได้ยินคำกรนด่ามากมาย ข้าไม่สนใจและหยิบหนังสือขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมเรียน

หลังจากนั้นเอง

「เฮ้ยมาร์วันนี้ไปร้านนั่นกันเถอะ ข้าอยากได้นังคนนั้นวะ」

「นี่แกเล็งลูกเจ้าของร้านงั้นเหรอ? แกทำไม่ได้หรอก หยุดซะเถอะ」

「…………พวกแกไม่เบื่อบ้างเหรอ……」

เป็นมาร์ที่เข้ามาทางนี้นั่นเอง

เห็นได้ชัดกำลังคุยถึงร้านที่จะไปหลังเลิกเรียน แต่มาร์ดูไม่ค่อยเต็มใจนัก

「เฮ้ยมาร์เป็นอะไรไปวะ? รู้สึกไม่ดีตรงไหนปะเนี่ย」

「ใช่ๆ ช่วงนี้แกดูเงียบๆนะ」

「…………หนวกหูวะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ」

มาร์เดินไปยังที่นั่งระหว่างทางก็มองมาทางนี้

「อะเอ่อ……」

มาร์มองมาที่โนโซมุ ดวงตาของเขามีท่าทางจริงจังมาก ราวกับเขาแยกแยะบางอย่างออก ดวงตานั่นไม่ใช่แววตาที่ดูถูกเหมือนอย่างเคย

「ทุกโคนนนนน~~。โฮมรูมตอนเช้าจะเริ่มแล้วน้าาาาา~~~~」

ตอนนั้นเอง อาจารย์อันริก็เข้ามาในห้อง นักเรียนต่างพากันนั่งที่ แม้คาบเรียนตอนเช้าจะจบแล้วแต่มาร์ก็ยังคงคิดเกี่ยวกับโนโซมุไม่ตก

◇◆◇

ชายคนนั้น ตามปกติ เพราะปกติมันก็อยู่ห้องนี้ แต่ว่าความสงสัยข้ายังไม่หายไป

ทำไมมันถึงกดตัวเองให้ต่ำลง? ด้วยความสามารถระดับนั้นมันไปห้องที่สูงกว่านี้เลยก็ได้

การต่อสู้ปลายภาคนั่นมันล้มข้าได้ด้วยซ้ำ

ข้าแพ้ให้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเขาขาดสติไปแม้แต่นิดในตอนนั้นข้าคงถูกฆ่าตายไปแล้ว

ข้านะมีความสามารถทางกายภาพที่ดีจนได้อยู่ถึงห้อง 4เลยนะ

 แล้วทำไมคนอย่างหมอนั่นที่อยู่ห้อง 10 กลับเอาชนะข้าได้?  

「ก่อนหน้านี้ดูเหมือนหมอนั่นจะเจ็บหนักก่อนเข้ารับการต่อสู้จำลองด้วย」

「ก็มันโง่นี่~~。ไปชนกับรถม้าเองแบบนั้น」

 ……บาดเจ็บงั้นเหรอ? หมอนั่นอะนะ? แม้จะบาดเจ็บแต่ได้ถึงขนาดนั้นเลยนะ?

ความรู้สึกสับสนเต็มหัวไปหมด ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็แค่การต่อสู้จำลอง ตอนที่หมอนั่นโดนดาบของข้ามันไม่ได้เจ็บหนักเลยนิ หมอนั่นมาเรียนตามปกติด้วยซ้ำ

 ก่อนหน้านี้หมอนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเข้าสอบปลายภาคด้วยนี่?

ข้าคิดว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

◇◆◇

หลังจากเลิกเรียนคาบเช้าก็เริ่มพักกลางวัน นักเรียนในช่วงนี้มักจะใช้ช่วงเวลาสงบๆกับเหล่าสหาย

 

โนโซมุกำลังมองหาทางที่จะไปซื้อมขนมปังกินอยู่

อย่างไรก็ตามสถาบันนี่มีห้องอาหารขนาดใหญ่พอสมควร นักเรียนที่ซื้อของก็เยอะพอๆกัน แต่สิ่งของที่คนส่วนใหญ่ต้องการมันดันไม่พอ มันเป็นสภาพสงครามศึกชิงขนมปังนั่นละ

นอกจากนี้มันยังมีคนที่จริงจังถึงขั้นที่ว่าใช้เวทย์บินไปซื้อของกินเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามของที่ไม่ค่อยมีคนนิยมก็มักจะหาซื้อได้ง่าย

โนโซมุไปซื้อขนมปังที่ไม่ค่อยมีคนกินและเดินไปทางตึกเรียนที่กำลังก่อสร้าง

 

 

เมื่อมองไปยังสวนก็พบกับสาวสวยสองคนที่กำลังนั่งทานอาหารกันอยู่

โนโซมุรู้จักทั้งสองเพราะเป็นคนดัง

 

 

คนแรกคือไอริสดิน่า・ฟรานซิส

 

ผมสีดำขลับยาวถึงเอวตัดแต่งจนสวยงาม ดวงตาสีดำทมิฬที่มีความสวยงามเหมือนกับเส้นผม

เธอเป็นนักเรียนปี 3 เช่นเดียวกับโนโซมุมีฉายาว่า “เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬ(คุโระคามิฮิเมะ)”และเป็นนักเรียนชั้นแนวหน้าที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม

 

ส่วนอีกคนคือ ทิม่า・ ไลม์

 

เช่นเดียวกับไอริสดิน่า เธอเป็นนักเรียนปี 3 เช่นเดียวกับข้า เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากจนถูกเรียกว่า “ผู้ใช้ธาตุทั้งสี่”

เธอมีผมน้ำตาลยาวถึงไหล่และดูไม่ยาวมากนักเหมือนไอริสดิน่า

 

เธอเป็นคนที่มีพลังเวทย์มหาศาลและพลังเวทย์นั่นก็อยู่ในระดับตำนานเลยทีเดียว

นอกจากนี้ความสามารถของเธอที่ว่าคือ “การสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่”ซึ่งตัวเธอถนัดธาตุทั้งสี่อยู่แล้วยิ่งยกระดับมันขึ้นไปอีก

 

พวกเธอเป็นตัวแทนของนักเรียนปี 3 ที่อยู่ แรงค์ A ซึ่งมีไม่กี่คนในโรงเรียนนี้

 

อย่างไรก็ตามแรงค์ของโนโซมุคือ D- ไม่ต้องพูดถึงปี 3 เลย ต่ำกว่า ปี 2 อีก

 

「โนโซมุคุงงง~~~เจอตัวแล้ววววล่ะ~~~~」

 

(สะเสียงนี่มัน)

 

เมื่อผมหันไปมองก็เจอกับอาจารย์อันริและอาจารย์นอร์นเข้ามาหา

อันริโบกมือให้เหมือนเด็กๆส่วนนอร์นก็หัวเราะใส่เธอ

 

「โนโซมุคุงทานข้าวกลางวันรึยังจ้ะ~~?ถ้าไม่รังเกียจละก็มาทานด้วยกันม้า~~」

 

「ขอโทษด้วยนะโนโซมุ อันริอยากจะทานข้าวกับนายจริงๆ ดังนั้นไปด้วยกันหน่อยได้ไหม」

 

อันริและนอร์นยิ้มและมองมาทางนี้ด้วยท่าทางเชิญชวน เป็นรอยยิ้มอันแสนงดงามจากสาวงามทั้งสอง แต่นอกเหนือจากรอยยิ้มนั่นแล้วข้ารู้สึกตะหงิดๆแปลกๆ

 

(อาจารย์อันริ……………………นี่คุณยังไม่คิดจะยอมแพ้อีกเหรอครับ……)

 

รอยยิ้มของอาจารย์อันริทำให้ข้าเหงื่อตก แต่โนโซมุไม่สามารถทำอะไรได้และถูกพาตัวไป

◇◆◇

สถานที่ๆถูกพาไปก็คือห้องพยาบาลที่นอร์นทำงานอยู่นั่นเอง

 

ในความเป็นจริงข้าก็โดนหิ้วมาที่นี่บ่อยๆโดยอาจารย์อันริหรอก แต่ว่าหลังจากขึ้นปี 3 แล้วก็พึ่งได้มาเป็นครั้งแรก

 

「นี่ โนโซมุคุง ทำไมถึงได้แผลเยอะขนาดนั้นก่อนการสอบปลายภาคงั้นเหรอ~~~~」

 

「เอ่อก็อย่างที่ข้าเคยพูดไปแล้ว อาจารย์อันริ「ตกบัดไดสิน้าา จะใช่แน่เหรอ~~?」……อะครับ」

 

หลังจากทานข้าวกลางวันอาจารย์อันริก็กดดันไม่หยุด

 

เธอถามเกี่ยวกับบาดแผลของข้าที่ได้จากการดวลกับชิโนะในเดือนที่ผ่านมา

 

「โกหกมันไม่ดีน้าาาา~~。เพราะบาดแผลเหล่านั้นน่ะน้ามันมาจากดาบทั้งนั้นเลย ถ้าเธอได้แผลแบบนั้นมาฉันที่สังเกตเห็นก็สงบใจไม่ได้หรอกน้า」

 

「…………」

 

「อย่างที่อันริพูดนั่นแหละโนโซมุ อย่างทีคิดแผลนั่นมาจากดาบล้วนๆเลย แผลแบบนั้นฉันเองก็มองข้ามมันไม่ได้หรอกนะ」

 

「……………………」

 

โนโซมุ ไม่สามารถตอบอะไรได้ เขาไม่สามารถพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชิโนะและพลังของดราก้อนสเลเยอร์ได้

 

ยังไงก็หนีไม่พ้น ข้าเองก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี ภายในเดือนเดียวแผลเยอะขนาดนั้น

 

「…………เป็นอะไรที่พูดไม่ได้ครับ ถึงแม้จะโดนตำรวจมาสอบปากคำข้าก็พูดไม่ได้?」

 

ผมเกลียดตัวเอง ผมไม่สามารถบอกความจริงออกไปได้

 

「ไม่ใช่แบบนั้นหรอก~~! พวกเราก็แค่เป็นห่วงงง~~~~~~!!」

 

「ใช่แล้ว! ฉันกับอันริเป็นห่วงนายมากเลยนะ!!」

 

(เฮอะ หนีอีกแล้ว เกลียดจริงๆไม่ได้อยากจะทำแบบนี้เลย……)

 

「…………ขอโทษนะครับ……ไม่อยากจะพูดจริงๆ」

 

「ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกเราเองก็ก้าวก่ายมากเกินไปด้วยละนะ」

 

บรรยากาศมาคุตลบอบอวลไปทั่วห้อง

 

「…………เน่เน่~~、โนโซมุคุง เธอไม่เชื่อใจพวกเราเหรอ?」

 

อาจารย์อันริถามออกมาด้วยท่าทางเศร้าๆ ท่าทางของเธอทำให้ข้าเจ็บปวด

 

(นี่ข้าจะหนีแบบนี้ไปถึงเมื่อไร)

 

โนโซมุสมเพชตัวเอง ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้สักที เขาที่โดนกดขี่มาตลอดจะมาได้รับความอ่อนโยนแบบนี้

 

(…………ไม่อยากเห็นใบหน้าแบบนั้นเลย………………ข้าก็มีเรื่องที่พูดไม่ได้เหมือนกัน……เพราะฉะนั้นขอร้องละช่วยคุยเรื่องที่พอคุยได้ด้วยเถอะ)

 

ใบหน้าเศร้าสร้อยของอาจารย์ผุดขึ้นมา ใบหน้าของข้าที่ราวกับทับซ้อนกับอาจารย์คนนั้น ไม่สามารถปลดปล่อยความรู้สึกอันแท้จริงได้

 

「ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจครับ แต่ว่าแม้อาจารย์ทั้งสองจะห่วงข้าก็เถอะครับ…………ข้ารู้สึกมีความสุขมากๆเลยล่ะ……ปกติแล้วข้าก็กินข้าวกลางวันคนเดียวมาตลอด」

 

โนโซมุเริ่มปล่อยตัวเองไปตามความรู้สีกอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น เขาไม่อยากเห็นอันริซ้อนทับกับชิโนะ

 

「ตอนนั้นเอง ข้าก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมากมายมากจนตอนนี้ข้าไม่สามารถจัดระเบียบความคิดได้เลย」

 

เขาจ้องหน้าไปยังทั้งสองพร้อมกับค่อยๆพูดออกไป

 

「แต่ว่า ข้าน่ะได้เรียนรู้บางอย่างที่สำคัญมากๆที่จะก้าวเดินต่อไป…………นั่นละคือสิ่งที่ข้าควรจะทำ…………ต้องขอโทษด้วยแต่ตอนนี้ ข้าพูดได้แค่นี้จริงๆครับ」

 

โนโซมุโค้งคำนับจากหัวใจ ข้าโกรธตัวเองที่อ่อนแอที่พูดได้แค่นี้ แต่ถึงอย่างงั้น ข้าก็พยายามจนถึงที่สุดแล้ว

 

「…………เข้าใจแล้ว จนกว่าจะถึงตอนนั้นวันที่นายพร้อม พร้อมจะบอกความจริงทุกอย่าง ฉันกับอันริจะรอจนถึงวันนั้น」

 

「………………แต่ว่าาาาาาาา~~」

 

「ฉันรู้น่าว่าเธอกังวล แต่ตอนนี้ให้เขาได้อยู่กับตัวเอง ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป」

 

「……………………เข้าใจแล้ว……」

 

ดูเหมือนว่าเธอจะกล่อมอันริได้สำเร็จ แต่เธอที่ยังกังวลก็มองมาทางโนโซมุ

 

「ขอโทษนะครับอาจารย์อันริ」

 

「…………เข้าใจแล้วล่ะน่า~~。โนโซมุเองก็ผ่านช่วงลำบากของชีวิตมาสิน้า~~~~。~ขอโทษด้วยน้าาา~。ที่พยายามถามแบบนี้น่ะ~~」

 

「เอะ……แต่ข้าดีใจจริงๆนะครับที่เป็นห่วง」

 

「อาจารย์นอร์นเองก็เช่นกันนะครับ」

 

「อืม ฉันเข้าใจ พวกเราเองก็รีบร้อนเกินไปหน่อย ฉันรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับนาย แต่พวกเราไม่รู้จะทำยังไงก็เลย」

 

บรรยากาศโดยรอบเริ่มเบาบางลง ทั้งสามต่างยิ้มให้กันและกัน

 

「ถ้างั้นมาทานข้าวเที่ยงกันต่อเถอะ ก่อนคาบเรียนจะเริ่มและข้าเองก็ไปสายไม่ได้ด้วยสิ ไม่เหมือนกับอาจารย์」

 

「ฟุฟุ นั่นสินะ~~。รีบๆทานกันเถอะ~~」

 

「อ่า นั่นสินะ ฉันเองก็ยังไม่ได้ยินข้าวแต่เช้าเลย ท้องร้องละเนี่ย」

 

ทั้งสามต่างหยอกล้อกันบรรยากาศโดยรอบเริ่มสงบและทั้งสามก็ทานอาหารกลางวันที่เหลือ

 

อย่างไรก็ตามตอนนั้นเองมีเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องพยาบาล

 

「ขอโทษด้วยนะ อาจารย์นอร์นมีคนเจ็บ ช่วยรักษาแผลให้หน่อยได้ไหม?」

 

เป็นสาวสวยผมสีดำขลับพุ่งเข้ามาพร้อมกับดวงตาสีดำสนิท

 

 ไอริสดิน่า・ฟรานซิส โผล่เข้ามาเธอแบกคนเจ็บเข้ามาด้วย