[ หมดธุระรึยัง? งั้นแกก็ออกไปซะ ]

[ เอ่อ จริงๆผมก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันขอรับ ~ . . อ่าาใช่แล้ว ท่านฮาโรลด์ขอรับ ว่าแต่ท่านกำลังจะทำอะไรต่อรึขอรับ ? ]

[ อะไรอีกล่ะ . . จู่ๆก็ถามออกมา แต่ว่ามันก็ไม่มีความจำเป็นสักหน่อยที่ข้าจะต้องบอกมันกับแก ]

[ ก็ .  . กระผมกำลังสงสัยว่าวันนี้ท่านจะไปฝึกซ้อมทักษะดาบรึปล่าวขอรับ ? ]

 

ขณะมองเซ็นที่เริ่มแสดงท่าทางมีพิรุธ นั้นเพราะสายตาของเขาที่เริ่มจะมองไปทั่วห้อง ฮาโรลด์ได้แต่เอียงคอสงสัยอยู่ภายในใจ

จริงๆ ถ้าไม่ได้สนทนากับเซ็นอยู่นี่ เขาก็คิดจะรอให้อาหารที่กินเข้าไปจนเต็มพุงเริ่มย่อย จึงค่อยออกไปยังสถานที่ประจำเพื่อฝึกฝนทักษะของเขาต่อ แต่ว่านั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเซ็นซักหน่อย

 

[ แล้วมันยังไง ? ]

[ ถึงกระผมจะปิดเป็นความลับมาโดยตลอด แต่ว่าจริงๆแล้วกระผมน่ะ !! กระผมนั้นมีความสนใจในทักษะดาบเหมือนกับนะขอรับ ดังนั้น กระผมกำลังคิดว่าอยากจะขอติดตามท่านฮาโรลด์ไปชมท่านกวัดแกว่งดาบด้วยน่ะขอรับ ]

 

“ถ้างั้นแกก็ควรจะไปเป็นทหารสิวะ” เขาได้แต่แย้งคำพูดนี้อยู่ในใจ ก็นะ ถึงแม้ฮาโรลด์จะมีสมรรถภาพทางร่างกายถือว่าสูงแต่ว่าเขาก็ยังเป็นแค่มือสมัครเล่น และที่สำคัญ อันสิ่งที่เขากำลังฝึกนั้นมันคงจะเรียกว่าเป็นแค่การฝึกด้วยตัวเองซะส่วนใหญ่

ก่อนหน้านี้ คาซูกิเองสงสัยในระดับฝีมือของเขาอยู่เหมือนกัน เขาจึงเรียกให้เหล่าทหารมาเป็นคู่ซ้อมกับเขา แต่ทว่า. . อาจเพราะกลัวว่าจะทำให้ฮาโรลด์บาดเจ็บ เหล่าหทารทั้งหมดที่ถูกเกณท์มาซ้อมด้วยต่างเอาแต่ป้องกัน พวกเขาไม่แม้จะโจมตีเข้ามาเลยซักครั้งเดียว

เอาเถอะ ก็เข้าใจอยู่ที่พวกเขาจะทำแบบนั้น แต่ว่าสำหรับฮาโรลด์ การที่ไม่มีคู่ฝึกซ้อมด้วยนี้เป็นปัญหาทีเดียว

เขาจึงคิดว่าจะลองถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขา แต่ว่าพวกเขาทั้ง 2 ผู้ที่ห่วงฮาโรลด์มากกว่าอะไรดี คงจะวุ่นวายหาอะไรที่เรียกว่าอาจารย์มาสอนเขาเป็นแน่ และเขาก็ไม่อยากที่จะถูกสงสัยว่าที่เขาอยากจะเรียนทักษะดาบนั้นก็เพื่อที่จะเอาไว้ใช้ในการต่อสู้จริงๆด้วยสิ

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาควรที่จะค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า เขาคิดว่ามันยังดีอยู่ที่ว่าวันนี้เขาได้พบคู่ซ้อมดาบด้วยแล้ว

 

[ อ้อ งั้นข้าจะแสดงให้แกได้ชมเอง . . จากที่นั่งชั้นพิเศษเลย ]

[ เอ่ออ ท่านฮาโรลด์ขอรับ ? ทำไมท่านหยิบดาบมา 2 เล่มล่ะ ? ก็จริงอยู่ที่ว่าผมสนใจ . . แต่มันไม่ได้หมายความว่ากระผมจะอยากมีประสบการณ์นะขอรับ เดี่ยวสิครับ เอาจริงรึขอรับ ? จู่ๆจะให้กระผมมาเป็นคู่ต่อสู้แบบนี้ . . . ]

[ เลิกพล่ามซักที ]

[ ด , ได้โปรด ขอเวลากระผมซักหน่อยยยยยย . . ! ]

 

ในขณะเซ็นกำลังถูกลากคอออกไป พร้อมกับเสียงร้องที่เริ่มจะห่างออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุด เอริกะก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย เธอจึงก้าวออกมาในห้องของฮาโรลด์ที่ตอนนี้เหลือเพียงความเงียบ

ถือว่ายังโชคดี ที่เธอไม่ถูกสังเกตุเห็นในขณะที่กำลังกลับห้องพักของตนเอง และเธอเองก็ไม่สามารถที่จะสงบอารมณ์ของตนลงได้เลย ที่ตอนนี้มันปั่นป่วนไปหมด

เธอได้แต่คิดถึงกับคำพูดเหล่านั้นที่ตัวของฮาโรลด์เองเป็นคนพูดออกมา

หญิงรับใช้ที่เธอคิดว่าถูกสังหารนั้น ตอนนี้ยังมีชีวิต

และเพื่อที่จะทำให้พวกเธอปลอยภัยที่สุด เขาถึงกับยอมทนทุกข์ทรมานจากคำครหา แม้กระทั้งจงใจให้คู่หมั้นของเขา(เอริกะ)เกลียด และสิ่งที่เขาทำลงไปแบบนั้นก็เพราะเป็นแผนบางอย่างเพื่อปกป้องเอริกะและซูเมะรากิ

เอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ทั้งหมดหรอกนะว่ามันคือความจริง เธอยังคิดว่าฮาโรลด์และเซ็นอาจจะจัดฉากขึ้นมา

แต่ว่า เรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นั้นมันฟังดูน่าเชื่อถือมาก โดยเฉพาะ ท่าทีของเขาที่พยายามสุมไฟให้ความเกลียดของเธอสูงมากขึ้น และพฤติกรรมของเขาที่ใบ้ให้เห็นถึงว่าเขานั้นเริ่มต้นศึกษาเรื่องของยา

อะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องเท็จกันแน่ “ทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงฮาโรลด์ได้นะ” แม้ใจจริงของเธอจะอยากหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเพียงใดเอริกะก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับมันได้เลย

มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับหลงอยู่ในหมอกอย่างไร้ทิศทาง และคนที่ปลุกเธอให้ตื่นจากความรู้สึกเหล่านั้นคือ จูโนะ ผู้ที่กลับมาหลังจากเสร็จธุระของเธอ

 

[ ท่านเอริกะค่าา~ อยู่รึปล่าว ? ]

 

สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงเคาะประตูเบาๆ คือน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยที่เธอมักจะใช้อยู่เป็นประจำได้ยินมาจากอีกฝั่งของประตู

และเสียงนั้น ทำให้ใจของเอริกะเริ่มจะเย็นลงสักหน่อย

 

[ . . . .  . ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ เข้ามาได้เลย ]

[ ขอประทานโทษนะค่า~ ]

 

เช่นเคย เธอยังคงอยู่ในชุดทำครัวอย่างทุกๆวัน ไม่ว่าจะวันไหนโอกาสไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย 

จูโนะผู้ที่ความรู้สึกไวอยู่แล้ว จึงง่ายที่เธอจะรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไปในใจขอเอริกะ

 

[ เอ๋~ มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นรึคะ ? ตอนที่ดิฉันไม่อยู่เนี้ย~ ]

 

ถึงแม้ว่าจะขึ้นต้นด้วยประโยคคำถาม แต่จูโนะนั้นมั่นใจเป็นอย่างมากที่ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเอริกะแน่ๆ และสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจนั้นมันต้องเป็นอะไรเกี่ยวกับฮาโรลด์ชัวๆ

ด้วยคำพูดที่เฉียบคมของจูโนะ มันทำให้ร่างของเอริกะถึงกับตัวแข็งทื่อ

เธอได้แต่ลังเลที่จะบอกจูโนะหรือไม่ เกี่ยวกับทุกๆสิ่งที่เธอได้ยินมาโดยไม่ปิดบังอะไร

ถ้าหากเนื้อหาที่ฮาโรลด์พูดออกมานั้นเป็นความจริง และเพื่อไม่ให้ความตั้งใจของฮาโรลด์เสียปล่าว เธอจึงคิดว่าเธอควรเงียบเอาไว้จะดีกว่า ในเมื่อฮาโรลด์เองก็ยอมสูญเสียหลายๆอย่างแม้กระทั้งแบกรับคำครหาเหล่านั้นเพื่อให้หญิงรับใช้และลูกของเธอปลอดภัย

แต่ว่าสำหรับซูเมะรากิ แม้ว่าผลมันจะเป็นเช่นไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องยืนยันเกี่ยวกับความจริงให้ได้ นั้นก็เพื่อให้แน่ใจว่าฮาโรลด์นั้นเป็นคนประเภทใดกันแน่

 

[. . .  จูโนะ กรุณาฟังนะคะ ]

 

หลังจากังวลเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก เอริกะตัดสินใจที่จะบอกมันเกี่ยวกับจูโนะ แต่ว่า ยังไม่ใช่ทั้งหมด

มันเพียงข้อมูลนิดหน่อยเกี่ยวกับเซ็นที่ผลักเธอเข้าไปในห้องของฮาโรลด์ และพูดถึงเรื่องที่ 2คนนั้นคุยกันเกี่ยวกับข่าวลือของ 2แม่ลูกที่ควรจะตายไปแล้ว แต่กลับยังมีชีวิตอยู่

แม้ว่าเธอจะยังคงเก็บเรื่องราวอีกมากมายเอาไว้ แต่เรื่องที่กล่าวออกมานั้นก็มากพอที่จะทำให้จูโนะถึงกับเลิกคิ้วของเธอขึ้นได้เลย

 

[ เพราะเรื่องนี้ ฉันถึงอยากจะตรวจสอบมันให้แน่ชัดเกี่ยวกับคลาร่าและคลอเล็ตยังมีชีวิตอยู่รึไม่ค่ะ ]

[ เข้าใจแล้วค่า~ ดิฉันจะไปเตรียมการในการตรวจสอบมันทันทีค่า~ ]

 

แม้ว่าจูโนะเธอจะพึ่งกลับมาจากในเมือง แต่มันก็จำเป็นที่เธอจะต้องกลับไปอีกครั้ง แม้ว่าจูโนะเองจะไม่ควรไปไกลจากตัวคฤหาสน์มากเกินไปนัก แต่ว่าเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องแจ้งให้แก่เหล่าสายลับทราบเพื่อที่จะไปตรวจสอบความจริงที่หมู่บ้านบร๊อช

และในขณะที่จูโนะกำลังไปที่เมือง พลางคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากเอริกะ เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดสังเกตุ

 

(เอ๋ ~ เป็นไปได้ด้วยหรือที่ท่านฮาโรลด์จะไม่สังเกตุถึงบุคคลที่ 3 ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในห้องในเวลานั้น ? )

 

ฮาโรลด์ผู้ที่สามารถรู้สึกถึงการคงอยู่ของจูโนะได้อย่างง่ายๆ ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นสายลับโดยแท้ มันเป็นไปได้ด้วยรึที่จะมองข้ามการคงอยู่ของเอริกะ ทั้งๆที่เธอไม่มีความสามารถที่จะลบตัวตนของเธอเองแท้ๆ

สำหรับคำตอบนั้น จูโนะคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้

เป็นไปได้อย่างมากที่ฮาโรลด์นั้นจะต้องใจปล่อยข้อมูลเหล่านี้ออกมาให้กับเอริกะเอง ผู้ที่เป็นคนของซูเมะรากิ แล้วทำไมเขาถึงจงใจปล่อยข้อมูลเหล่านี้ออกมา? ทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้เขากลับปกปิดมันไว้ไม่ให้คนรอบๆกลายรู้เลยสักคน แม้ว่าจะคิดอย่างไรเธอก็ยังไม่รู้ถึงเหตุจูงใจของฮาโรลด์ที่กระทำแบบนี้ได้

ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นจริง แสดงว่าตอนนี้ เธอก็กำลังเคลื่อนไหวตามสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการจะให้เป็นน่ะสิ เมื่อคิดได้เช่นนั้น จูโนะรู้สึกสลดใจเกี่ยวกับมันหน่อยๆ

 

(ทั้งที่อายุแค่นี้ เขากับสามารถทำให้คนหนึ่งอย่างดิฉันหวาดกลัวได้ขนาดนี้ ~ ถ้าหากเขาโตขึ้น ด้วยความฉลาดแยบยลขนาดนี้จะทำให้เขาโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหนกันนะ ~)

 

เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือความรู้สึกคาดหวังหรือกลัวต่อคนผู้นี้ในภายภาคหน้า ถ้าหากเขากลายมาเป็นมิตร มันก็ไม่มีใครอีกแล้วที่จะน่าเชื่อถือไปกว่าเขาอีกแล้ว

ไม่เพียงแค่สติปัญญาของเขา ทั้งๆที่อายุเพียงแค่นี้ เขากับมีทักษะดาบที่สูงมาก แม้คำพูดที่ว่า “อัจฉริยะ” มันยังฟังดูน้อยเกินไปเลยสำหรับเขา

แต่ว่า . . ถ้าหากเขากลายมาเป็นศัตรู ไม่ต้องคิดไห้มากความเลย เขาจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวคนหนึ่ง ดังนั้นถ้าหากเขาถูกฆ่าซะตั้งแต่ยังเด็กแล้วล่ะก็. . . ทางซูเมะรากิเองก็จะสามารถลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นไปได้อย่างมากมายเลยเชียวล่ะ

เขาคงจะกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่แน่ๆสำหรับซูเมะรากิถ้าคิดเช่นนั้น

และจากพฤติกรรมของฮาโรลด์เอง มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้จูโนะตัดสินไปเช่นนั้น

“เพราะพฤติกรรมนั้นมันจะไม่เหมือนเด็ก . . แต่ก็รู้สึกละอายใจที่จะบอกว่าเป็นผู้ใหญ่ “ มันคงก้ำๆกึ่งๆนั้นแหละ

เพราะมันอยู่ในระดับนั้น จูโนะจึงนึกภาพไม่ออกเลยที่จะเห็นฮาโรลด์แสร้งทำเป็นวิ่งเล่นของเล่นไปรอบๆพร้อมทั้งดำเนินแผนการณ์ต่างๆโดยที่ทาซูคุจะไม่รู้ถึงเหตุจูงใจของเขา

แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ฮาโรลด์เล็งเอาไว้ มันอาจจะเป็นแผนของบุคคลที่ 3 ก็เป็นได้

และสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของฮาโรลด์นั้นคือการจัดการเกี่ยวกับค่าของความนิยมในตัวเขาและการยึดติดอย่างไม่ลืมหูลืมตากับเนื้อเรื่องของเกมส์จนเกินไป นั้นมันทำให้เขาละเลยในสิ่งที่คนรอบๆตัวประเมิณเกี่ยวกับตัวเขา แม้เขาเองจะเข้าใจดีว่าพฤติกรรมของเขานั้นมันไม่ใกล้เลยครับเด็กคนอื่นๆในวัยใกล้เคียงนัก แต่จะให้เขามัวแต่สนใจกับมันและคอยแกล้งทำเป็นเด็กอยู่แบบนั้นมันก็ . . 

เขาก็คงไม่มีเวลาว่างไปทำอะไรอย่างอื่นกันพอดี

หรือก็คือ มันเป็นเพราะสถานการณ์มันพาไป

แต่ถ้าตอนนี้ ถ้าเขาทราบดีว่าคนรอบๆตัวเขาต่างประเมิณตัวเขาไว้ในแบบใด เขาคงจะดำเนินแผนการณ์โดยการหลบเลี่ยงเรื่องเหล่านี้เอาไว้ เพราะถ้าหากเขาคิดที่จะหลบเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์พัฒนาการมาในลักษณะแบบนี้ เขาก็ย่อมทำได้

แล้วก็ แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกๆที่จู่ๆเอริกะและจูโนะก็เข้ามาพักอาศัยด้วย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผิดพลาดร้ายแรงสำหรับเขาที่ไม่ได้ตรวจสอบเป้าหมายของเอริกะและจูโนะอย่างถี่ถ้วน 

ถ้าหากต้องการคำอธิบายแล้วล่ะก็ คงเป็นเพราะความละเลยของตัวฮาโรลด์เอง จริงๆเพราะเขารู้อยู่แล้วในเนื้อเรื่องของเกมส์ว่าเอริกะนั้นเกลียดความอยุติธรรมและยึดติดกับความซื่อตรง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าเธอและผู้ดูแลของเธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะสายลับ 

ถ้าหากเขาเอาใจใส่ในการเคลื่อนไหวของเอริกะและจูโนะให้ดีๆ เขาก็คงจะทราบได้แล้วว่าข้อมูลเกี่ยวกับคลาร่าและลูกสาวของเธอยังมีชีวิตนั้นดูเปิดเผยแล้ว และอย่างน้อย โอกาสที่สถานการณ์มันจะกลายเป็นเช่นนี้คงจะไม่มากนัก

นี่คือผลลัพธ์อย่างงดงามเพราะเลือกจะไม่สนใจปัจจัยต่างๆเหล่านี้ และอีกครั้งที่ฮาโรลด์ถูกบังคับให้เลือกเหตุการณ์ที่จะต้องไปยังดินแดนซูเมะรากิ

เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อผ่านไปเกือบจะ 3 อาทิตย์ที่เอริกะรู้ว่าคลาร่ายังคงมีชีวิตอยู่ หรือก็คือ เดือนกว่าๆผ่านไปแล้วที่เอริกะเริ่มมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ มันเป็นคำสั่งที่มาจากพ่อของฮาโรลด์ เฮย์เดน

 

[ กระผมควรจะไปที่คฤหาสน์ซูเมะรากิ ? ]

 

เช่นวันก่อนๆ หลังจากเฮย์เดนเรียกฮาโรลด์มายังห้องทำงานของเขา เรื่องที่เขาพูดออกมาในเชิงคำสั่งนั้นเกี่ยวกับที่ว่าเขานั้นต้องการจะให้ฮาโรลด์ไปเป็นคนส่งเอริกะ ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบาย เพื่อกลับไปยังซูเมะรากิ แล้วเขายังต้องการให้ฮาโรลด์อยู่ที่นั้นเพื่อสานสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เฮย์เดนคิดว่าที่สุขภาพเธอไม่ค่อยดีนั้นคงเป็นเพราะคิดถึงบ้าน

 

[ ใช่แล้ว เพราะพ่อไม่สามารถไปด้วยได้ในเวลานั้น แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องแสดงความนับถือ ]

(ความนับถืองั้นรึ ? แกก็แค่ต้องการให้คนรอบๆเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเอริกะนั้นเป็นที่ยอมรับโดยกายให้ผมไปด้วยกับเธอก็แค่นั้น . .  .)

 

จริงๆมันก็ถูกประกาศอย่างเป็นทางการแล้วในดินแดนสโตร์กที่ว่าเอริกะนั้นคือคู่หมั้นของฮาโรลด์ เพราะเหตุนี้ ความรู้สึกของประชาชนในดินแดนที่มีต่อเอริกะจึงเป็นไปในทางสงสารซะส่วนใหญ่

ซึ่งตัวฮาโรลด์เองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่ความนิยมในตัวเขานั้นไม่มีอยู่เลย แม้จะอยู่ในคฤหาสน์เองก็ตาม และเขาก็ไม่มีความมั่นใจเลยซักนิดที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชื่อเสียงเหล่านี้ให้กลับมาในทางบวกได้

 

[ เข้าใจแล้วขอรับ ถ้ากระนั้น คงจำเป็นที่จะต้องรีบเตรียมการเพื่อการเดินทางครั้งนี้ ]

[ ฮ่า ๆ ๆ พ่อก็หลงคิดไปว่าลูกจะกังวลเสียอีก ดูเหมือนว่าลูกจะใกล้ชิดกลับเธอมากกว่าที่คิดนะเนี้ย ]

 

เอาจริงๆ มันไม่ใช่เพราะแบบนั้นซักหน่อย อันดับแรก เอริกะนั้นขังตัวเองอยู่คนเดียวในห้องเกือบจะตลอดเวลา เพราะงั้น เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะเข้าใกล้เธอได้เลย แต่ดูเหมือนว่าเฮย์เดนเขาจะคิดเองเออเองผิดไปไกลโข แต่นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคาซูกิ

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะอยากดูถูกเกี่ยวกับระบบความคิดของพ่อของเขา แต่ดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับไอ้ปากขี้อารมณ์เสียนี้จะยอมเชื่อฟังคำสั่งในขณะที่อยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แล้วสำหรับเฮย์เดนที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี การเดินทางไปซูเมะรากิในครั้งนี้คือโอกาส “คงต้องลองดูสักตั้ง” และแล้ว ไฟในตัวเขาได้ถูกจุดขึ้นมาอย่างเงียบๆ

แม้ภายในใจของเขาจะร้อนรนเพราะคำสั่งที่สั่งมาอย่างกระทันหัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงปรับอารมณ์มาทะนงตัวดังเดิม นั้นเพราะเขาพบหนทางเพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้แล้วแม้ว่ามันจะยังเต็มไปด้วยปัญหาก็ตาม

หรือกล่าวคือ มันเหมือนดั่งก้าวเท้าเข้าไปสู่ดงระเบิดดีๆนี่เอง ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องใช้สติให้มากกว่าทุกทีก่อนที่จะลงมือเคลื่อนไหว

แม้ว่านั้นจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ฮาโรลด์ได้ลืมไปซะสนิทในตอนนั้น เขาจึงไม่รู้เลยว่าเพราะการเคลื่อนไหวของเขาในครั้งนี้นั้นจะทำให้เขาปักธงเดธแฟล็กอันใหม่ขึ้นมา . .