ตอนที่ 14 ทำไมฉันถึงเป็นผู้นำล่ะ

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

ในขณะที่ฉันหลบซ่อนอยู่ในที่ลี้ภัย หูของฉันก็ได้ยินเสียงของคนพูดคุยกัน

 

และหนึ่งในเสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฉันรู้จัก

 

“คนที่กินพรเข้าไปอาศัยอยู่ที่นี่เหรอ…?”

 

“สำหรับตอนนี้ ก็ใช่…”

 

คนที่พวกเขาบอกว่ากินพรเข้าไปและอาศัยอยู่ที่นี่คือใครกัน?

 

ถึงแม้ฉันจะงุนงง แต่ปากของฉันก็ยังคงปิดสนิท

 

ฉันคิดที่จะหลบซ่อนอยู่ตรงนี้ต่อไปอย่างเงียบ ๆ และรอให้พวกเขาเดินจากไป

 

ได้โปรดอย่าเจอฉันเลย

 

ในขณะที่ฉันกำลังภาวนาอยู่ในใจ คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเต็นท์ของฉัน

 

โชคยังดีที่พวกเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้าบ้านของคนอื่นตามใจชอบ

 

“คยออุล พี่ขอเข้าไปได้ไหม?”

 

“……”

 

“คยออุล?”

 

ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงพาคนเหล่านั้นมาที่นี่?

 

ฉันไม่รู้เหตุผล ฉันจึงไม่ตอบ

 

ฉันรอให้พวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วก็มีใครบางคนเดินมาตรงที่ฉันซ่อนอยู่

 

“คยออุลอยู่ในนี้เหรอ?”

 

ปึง— ปึง—

 

ผู้หญิงคนนั้นเคาะกำแพงด้านนอกของที่ลี้ภัย

 

รู้ว่าฉันอยู่ในนี้แต่ก็ยังถาม น่ารังเกียจที่สุด

 

แต่ฉันยังไม่ได้ส่งเสียงเลย เธอหาฉันเจอได้ไง?

 

ฉันกลั้นลมหายใจที่กำลังจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธเอาไว้ จากนั้นฉันก็เปิดฝาที่ลี้ภัยและชะโงกหัยออกไปเล็กน้อย

 

“คยออุลอยู่นี่เองเหรอ?”

 

“ใช่…”

 

หญิงสาวแสร้งทำเป็นตกใจราวกับเธอไม่รู้จริง ๆ

 

การแกล้งทำเป็นไม่รู้ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วของเธอเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมาก

 

“คยออุลซ่อนตัวทำไมเหรอ? มีหมูป่ามาในตอนที่ไปแล้วเหรอ?

 

มีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าหมูป่ามาน่ะสิ

 

ฉันมองหญิงสาวและทำหน้าบึ้งตึง

 

“ฉันก็แค่เล่นกับตัวเอง…”

 

“เล่นกับตัวเอง…?”

 

“ใช่ ข้างในที่ลี้ภัยเย็นสบายมาก”

 

คำตอบของฉันมีอะไรแปลกหรือเปล่า?

 

เธอมองไปที่หูที่อยู่บนศีรษะของฉัน

 

“เพราะคยออุลเป็นแมวเหรอ?”

 

“แมว?”

 

“ม-ไม่ใช่นะ พี่ก็แค่คุยกับตัวเองน่ะ”

 

หญิงสาวฝืนยิ้มและโบกมืออย่างงุ่มง่าม

 

เห็นได้ชัดเลยว่าเธอคิดเรื่องแปลก ๆ อยู่ แต่เนื่องจากฉันไม่มีพลังในการอ่านใจ ฉันจึงปล่อยไป

 

เพราะสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่ากำลังอยู่ข้างนอกเต็นท์

 

“ทำไมด้านนอกถึงมีคนเยอะ…?”

 

ฉันรู้จักกับหญิงสาวที่อยู่ในเต็นท์ แต่ฉันไม่รู้จักอีกสามคนที่อยู่ด้านนอกเลย

 

คนเหล่านั้นมาทำอะไรในป่าลึกที่อยู่ในภูเขากัน?

 

ฉันมองไปที่เธออย่างงุนงง

 

“คือว่า…พวกคนด้านนอกที่คยออุลเห็น พี่ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนของคยออุลนะ แต่ว่าช่วยสละเวลาสักเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม?”

 

เธอถามเหมือนฉันเลือกได้ แต่ฉันก็รู้ว่าฉันเลือกไม่ได้

 

ฉันพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

 

“โอเค…”

 

————————————————————————————

 

คังจินโฮตรวจสอบเต็นท์จากระยะไกล

 

เขาเคยได้ยินเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของเด็กมาแล้ว แต่เขาไม่นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะเลวร้ายมากขนาดนี้

 

เขาอยากจะพาตัวเด็กไปที่กิลด์โดยทันที แต่เขาก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของยอรึม เขาจึงล้มเลิกความคิดนี้ทันที

 

‘เธอไม่ชอบได้ของฟรีสินะ’

 

บอกไม่ชอบก็คงจะไม่ถูก เธอแค่กลัวมากกว่า

 

เธอไม่เคยได้รับของฟรีจากน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองเลย

 

ชิ

 

ในขณะที่คังจินโฮยืนกอดอกและเดาะลิ้นของตัวเอง เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมาจากเต็นท์

 

หูและหางของตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวผู้มาเยือนอย่างกระทันหัน เธอเลยกำเสื้อของเธอและมองลงพื้น

 

มันเป็นภาพที่น่าปวดใจมากเมื่อได้เห็นเธอมองไปรอบ ๆ อย่างกังวลใจและรีบหลบสายตาของตัวเองทันทีเมื่อสบตากับคนอื่น

 

‘แย่เกินไปแล้ว’

 

กิลด์ต้องเป็นคนรับผิดชอบที่ทำให้เด็กกลายเป็นแบบนี้

 

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คังจินโฮรู้สึกกระอักกระอ่วน

 

“สวัสดีคยออุล ฉันชื่อเอนเซีย บลูเมย์”

 

หมาป่าหญิง โค้งตัวให้คยออุลและแนะนำตัวเองว่าชื่อเอนเซีย

 

ดูเหมือนเธอจะเรียนรู้มารยาทของเกาหลีมาแล้ว เธอวางมือไว้ตรงท้องเพื่อแสดงความเคารพ

 

คยออุลมองไปที่หูและหางของผู้หญิง และคิดว่าเธอเองก็คงจะโดนยอรึมดัดแปลงร่างกายเหมือนกัน

 

ถึงแม้เธอจะกลัว แต่ความรู้สึกที่เหมือนเป็นพวกเดียวกันทำให้เธอพูดออกมา

 

“ฉ-ฉันชื่อจอง…คยออุล…”

 

ฮาน คยออุล

 

ยอรึมหลับตาของเธอเมื่อรับรู้ว่าคยออุลใช้ชื่อที่เธอตั้งให้

 

นี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าต่อให้ตายไปก็ไม่รู้สึกเสียใจแล้ว

 

ยอรึมตัดสินใจที่จะเสพช่วงเวลาที่แสนสั้นนี้ต่อ

 

“คุณชื่อจอง คยออุลใช่ไหม?”

 

“ไม่ ไม่ใช่ ฉันชื่อฮัน คยออุล…”

 

‘จอง’ คือชื่อของเธอเมื่อชาติที่แล้ว

 

คยออุลรู้สึกหนักใจเมื่อเธอต้องทิ้งชื่อในอดีตไป แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่เหมาะกับร่างกายในปัจจุบันของเธอ

 

คยออุลตัดสินที่จะใช้ชื่อที่ยอรึมตั้งให้อย่างไม่เต็มใจ

 

“โอเค ฮันคยออุล ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ฉันขอถามคุณสักสองถึงสามคำถามได้ไหม?”

 

“คำถาม…?”

 

“ใช่ ฉันมีสิ่งที่ต้องยืนยัน”

 

สิ่งที่ต้องยืนยัน

 

ยอรึมเป็นคนบอกให้เธอมาถามเหรอ?

 

คยออุลกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ

 

“แค่ไม่กี่คำถาม ขอร้องละค่ะ…”

 

“ก็ได้…”

 

“โอเค คำถามแรก ก็ไม่มีอะไรมากแต่คุณอาศัยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”

 

ยอรึมรู้อยู่แล้วว่าฉันอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะงั้นทำไมเธอถึงถามคำถามนี้กัน?

 

คยออุลรู้สึกงุนงง

 

จากนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอ

 

‘พวกเขากำลังทดสอบว่าฉันจะโกหกหรือเปล่า!’

 

พวกเขาถามคำถามที่พวกเขารู้อยู่แล้วเพื่อดูว่าเธอจะพูดความจริงหรือเปล่า

 

คยออุลประหลาดกับกลยุทธ์อันชาญฉลาดของยอรึม

 

“คุณอาศัยอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”

 

“ส-สามปี…”

 

“สามปี?”

 

เอนเซียแอบเหลือบมองยอรึมที่ยืนอยู่ด้านหลังของคยออุล

 

เธอจำได้ว่ายอรึมบอกว่าเด็กคนนี้มีอายุแปดขวบ

 

‘สามปีก็หมายความว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เธอห้าขวบ…’

 

เป็นไปได้ด้วยเหรอที่เด็กเผ่ามนุษย์จะสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวคนเดียว?

 

เอนเซียตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ เพื่อยืนยันความจริง

 

ทรายที่อยู่ใกล้ ๆ แคมป์ไฟดำปี๋ไปหมด

 

มันคงเป็นขี้เถ้าที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

 

เช่นเดียวกับแคมป์ไฟ เครื่องมืออื่น ๆ ก็มีล่องลอยว่าถูกใช้มาเป็นเวลานานเช่นกัน

 

ในบรรดาสิ่งเหล่านั้น ร่องรอยที่บอกได้มากที่สุดก็คือเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงคนนี้

 

เสื้อผ้าของเธอฉีกขาดแบบสุ่มและเปื้อนไปด้วยความหยาบของธรรมชาติ

 

ราวกับว่าเธอกำลังโอบกอดธรรมชาติเอาไว้

 

‘เป็นไปไม่ได้’

 

แม้แต่มนุษย์สัตว์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็ยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวคนในตอนที่อายุห้าขวบได้

 

เธอผิดหวังกับความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิง แต่ความเป็นจริงแล้ว เด็กผู้หญิงกำลังซ่อนความดุร้ายของเธอไว้ข้างในต่างหาก

 

ราชาในยุคนี้มีคุณสมบัติมากกว่าราชาองค์ใด ๆ ในอดีต

 

‘เธอเนี่ยแหละคือจักรพรรดิ! จักรพรรดิของเหล่ามนุษย์สัตว์!’

 

หางของเอนเซียเริ่มสายไปมาอย่างเมามัน

 

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอก็ยังคงเฉยเมยอยู่

 

ในฐานะตัวแทนของเหล่ามนุษย์สัตว์ เธอต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

 

“อืม…คุณสมบัติของคุณอาจยังไม่ครบถ้วน แต่ด้วยการฝึกเพิ่มอีกสักเล็กน้อย คุณสมบัติของคุณจะต้องพออย่างแน่นอน”

 

แม้ว่าคยออุลจะมีศักยภาพที่ดีเลิศ แต่เอนเซียก็จงใจซ่อนความตื่นเต้นของเธอเอาไว้ เนื่องจากเธอกลัวว่ามันจะไปทำให้คยออุลเกิดความเย่อหยิ่งในตัวเอง

 

คังจินโฮสังเกตเห็นเอนเซียพึมพำกับตัวเอง

 

‘มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนงั้นเหรอ?’

 

แล้วทำไมหางของเธอถึงได้ส่ายอย่างดุเดือดขนาดนั้นกัน?

 

คังจินโฮไม่เคยเห็นมนุษย์สัตว์ส่ายหางของตัวเองแบบนั้นมาก่อนเลย แม้แต่สุนัขในบ้านของเขาก็ยังไม่เคยส่ายหางแบบนั้นเลย

 

แม้ว่าหางของเธอจะส่ายไปมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสุนัขที่เขาเคยเห็นที่บ้าน แต่คังจินโฮก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้

 

เขารู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าตัวแทนของเหล่ามนุษย์สัตว์ใสซื่อยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้

 

มันดูไม่น่าเป็นไปได้ที่เด็กคนนั้นจะถูกมนุษย์สัตว์ทำร้าย

 

——————————————————————————————————————————

 

มนุษย์กิ้งก่าและหมาป่าสาวนั่งอยู่ตรงหน้าแคมป์ที่อยู่ตรงข้ามกับฉัน

 

ฉันเหนื่อยมากกับการถูกสอบปากคำ ฉันจึงเอาแต่มองพื้นอยู่นาน

 

“อาวุธหลักของคุณคืออะไร?”

 

“น-หนังสติ๊ก…”

 

“น-หนังสติ๊ก! ดั้งเดิมมาก! ดุร้ายจริง ๆ !”

 

มนุษ์กิ้งก่าฟาดหางยาว ๆ ของเขาลงพื้น

 

หมาป่าสาวก็ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นด้วยเหมือนกัน เธอส่ายหางเร็วมากจนเกิดภาพติดตา

 

“ถ้าคุณชอบการโจมตีระยะไกล งั้นธนูเป็นไง?”

 

“ธ-ธนูมันเจ็บมือ…”

 

“ใช่ คุณยังเด็กอยู่ งั้นคุณก็เริ่มจากคันธนูที่ดึงง่าย ๆ ก็แล้วกัน”

 

พวกเขาอยากให้ฉันฝึกยิงธนูงั้นเหรอ?

 

ทำไมล่ะ?

 

ฉันมองหญิงสาวที่มองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความสับสน

 

ฉันรู้ว่าเธอคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของสถานการณ์นี้

 

‘หยุดสักทีเถอะ ขอร้องละ’

 

ในขณะที่ฉันมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน เธอก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ

 

“พอกันแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ พวกคุณทั้งสองคน”

 

“พอแล้ว? แต่ฉันยังมีอีกหลายคำถามเลยที่อยากจะถาม…”

 

หางของหมาป่าสาวตกลง

 

แม้จะไรซึ่งกระแสดงออก แต่ก็สามารถอ่านอารมณ์ของพวกเขาผ่านหูและหางได้

 

“วันนี้เป็นวันที่คยออุลต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่ เธอต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้มีแรงฝึกอย่างหนักในภายหลัง”

 

“อ่า… โอเค…”

 

หมาป่าสาวก้มศีรษะและยืนขึ้น

 

มนุษย์กิ้งก่าก็ก้มหัวตามเธอ

 

“ผู้นำตัวน้อย ไว้พวกเราจะมาอีก!”

 

ตึง—! ตึง—!

 

มนุษย์สัตว์กิ้งก่าฟาดต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยหางของเขา

 

กิ่งไม้หลายกิ่งล่วงลงมาจากบนต้นไม้

 

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสติปัญญาของพวกเขาลดลงเนื่องจากผลข้างเคียงที่ถูกหญิงสาวดัดแปลงร่างกาย

 

น่าสงสาร

 

“ผู้นำ? ยังไม่ได้รับการยืนยันเลย…”

 

“เอ๋? จริงเหรอ? แต่เธอจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะ!”

 

“ง-เงียบ! เงียบ ๆ หน่อย!”

 

หมาป่าสาวรีบดึงมนุษย์กิ้งก่าออกไป

 

เมื่อพวกเขาห่างไกลออกไป หมาป่าสาวด็ตระโกนใส่ฉันด้วยเสียงที่ดังมาก

 

“พรุ่งนี้ฉันจะใหม่!”

 

“อ-โอเค…?”

 

พรุ่งนี้พวกเขาจะมาทำไม พวกเขาวางแผนอะไรไว้กันแน่?

 

ทำไมพวกเขาถึงได้พูดแต่สิ่งที่พวกเขาต้องการและจากไปอย่างเสียงดัง?

 

ด้วยสถานการณ์ที่น่าสับสน ฉันมองไปรอบ ๆ แต่ก็ได้ยินเพียงแค่เสียงตระโกนของมนุษย์กิ้งก่า มันเป็นเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินเลย

 

“ผู้นำ! จากนี้ไปคยออุลคือผู้นำ!”

 

“ผ-ผู้นำ…?”

 

ทำไมฉันถึงเป็นผู้นำล่ะ?

 

หรือเป็นเพราะฉันโดดเด่นที่สุดในบรรดาร่างกายที่ถูกดัดแปลงโดยหญิงสาว?

 

ฉันจ้องหญิงสาวด้วยดวงตาที่สั่นเทา

 

บางทีเธออาจจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เหนือยิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้

 

——————————————————————————————————————————