ยอรึมมองไปที่ซอสที่คยออุลเป็นคนทำ
มันดูเหมือนเอาวัตถุดิบมาผสมกันมั่ว ๆ มันอร่อยจริง ๆ เหรอ?
เธอนึกถึงคยออุลที่ตั้งใจปรุงปลาซิวและก็ตัดสินใจลองซอสด้วยความกังวลใจเล็กน้อย
งั่ม—
“ฮืม…?”
มันอร่อยจนน่าแปลกใจ
ในช่วงเวลาที่ยอรึมกำลังชื่นชมซอส มานาในร่างกายของเธอก็พลุ่งพล่านอย่างควลคุมไม่ได้
‘ฮะ?’
มานาของเธอเพิ่มขึ้น มันขยายใหญ่ขึ้นเหมือนกับกล้ามเนื้อ
เอฟเฟคนี้สูงมากพอที่จะใช้ในดันเจี้ยนได้
เธอคาดการณ์ว่าผลเอฟเฟคน่าจะอยู่ได้ประมาณหนึ่งวัน
ถ้าเป็นแบบนี้ เธอคงปีนแรงค์ขึ้นไปได้อีกหลายระดับเลย
‘อะไรกัน…?’
เธอเคยเจอประสบการแบบนี้มาก่อนในตอนที่เธอดื่มชาดอกแดนดิไลออน
อาจเป็นไปได้ว่าอาหารที่คยออุลทำจะมีเอฟเฟคโด๊ป
‘แต่ตอนที่ฉันกินปลาซิวต้มเมื่อครั้งที่แล้ว ก็ไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ?’
ความแตกต่างระหว่างปลาซิวต้มกับการทำอาหารในครั้งนี้คืออะไร?
หลังจากครุ่นคิดแล้ว ยอรึมจึงได้ข้อสรุป
เอฟเฟคของอาหารที่เธอทำเพื่อ ‘เอาชีวิตรอด’ อาจแตกต่างจากการทำเพื่อ ‘พักผ่อน’
“คยออุลไปเรียนรู้วิธีการทำสิ่งนี้มาจากไหนเหรอ?”
“เรื่องนั้น เมื่อก่อนเคยมีคนสอนฉัน”
เคยมีคนสอน?
เคยมีคนอื่นอยู่กับคยออุลด้วยเหรอ?
ยอรึมรู้สึกโล่งใจแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าคยออุลไม่ได้โดดเดี่ยว
“คยออุล…มีเพื่อนไหม? เคยเจอใครมาก่อนหรือเปล่า?”
มันเป็นคำถามที่ไร้เดียงสา
ไม่นานหลังจากนั้น ยอรึมก็ตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง
“……”
ใบหน้าของคยออุลซีดลง
เธอหยุดเคี้ยวเนื้อในปากและมองลงไปที่พื้น
ยอรึมเสียใจที่พูดคำว่า ‘เพื่อน’
ด้วยความที่สมองเธอโล่งไปหมด เธอจึงโบกมืออย่างร้อนรน
“พี่เองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกัน”
“……”
เธอกำลังอยู่ในวัยที่อายเพราะไม่มีเพื่อน
จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะวัยไหนก็น่าอายเหมือนกันที่ไม่มีเพื่อน
มันเป็นคำถามที่เธอไม่ควรถามเด็กที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ยอรึมรู้สึกเสียใจกับคำพูดของตัวเอง
“เอ่อ คยออุล…?”
คยออุลมีพี่เป็นเพื่อนไง
ก่อนที่ยอรึมจะพูดคำนั้นออกไป คยออุลก็ชิงพูดก่อน
“ฉันมีเพื่อน…”
“จริงเหรอ?”
“ใช่…”
เพื่อนคนนี้ใช่คนที่สอนคยออุลทำซอสหรือเปล่า?
ยอรึมไม่แน่ใจ แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจที่คยออุลไม่ได้โดดเดี่ยว
“คยออุลช่วยแนะนำเพื่อนคนนั้นให้พี่รู้จักในภายหลังได้ไหม?”
“ด-ได้…”
คยออุลพยักหน้าให้ยอรึมและคิดกับตัวเอง
ในชีวิตก่อนเธอมีเพื่อนที่ดีมากมาย
แน่นอนว่าในชีวิตนี้ คยออุลไม่เคยมีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว
——————————————————————————————————————————
หลังจากที่กินบาร์บีคิวเสร็จแล้ว ยอรึมก็ทำความสะอาดและเดินไปหาคยออุล
คยออุลก็ทำความสะอาดที่เหลืออยู่อย่างขยันขันแข็ง
“คยออุล พี่จะไปที่กิลด์สักเดี๋ยวหนึ่ง ตอนที่พี่ไปแล้วช่วยพักผ่อนให้เพียงพอได้ไหม?
“อืม คุณหมายถึงการพักผ่อนใช่ไหม?”
“ใช่ อย่าฝืนตัวเองมากเกินไปและพักผ่อนให้เพียงพอ เข้าใจไหม?
“โอเค…”
ชาแดนดิไลออนกับซัมจัง
หลังจากที่รวบรวมของที่คยออุลทำเสร็จแล้ว ยอรึมก็มุ่งหน้าไปที่สำนักงานใหญ่ของกิลด์
ยอรึมตั้งใจที่จะรายงานความสามารถที่คยออุลมีให้กิลด์มาสเตอร์ได้รู้
ทักษะโด๊ป เป็นที่ต้องการแม้แต่กระทั่งกิลด์รุ่งอรุณเนื่องจากความหายากของมัน แต่การรายงานของเธอไม่ได้เกิดจากความโลภในทักษะนี้เพียงอย่างเดียว
ถ้าความสามารถของคยออุลเป็นที่รู้จัก หลาย ๆ คนคงพยายามติดต่อคยออุลแน่
ท่ามกลางคนพวกนั้น ต้องมีวายร้ายที่มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่มีทักษะเฉพาะตัวอยู่แน่
‘มาสเตอร์บอกว่าไม่ต้องประหยัดทรัพยากร’
มาสเตอร์จะต้องปกป้องคยออุลอย่างสุดความสามารถแน่นอน
หลังจากคิดจบแล้ว ยอรึมก็เคาะประตูห้องทำงานของกิลด์มาสเตอร์
ก๊อก— ก๊อก—
“มาสเตอร์ ขอเข้าไปได้ไหมคะ?”
“เข้ามาได้เลย”
เมื่อคังจินโฮที่เป็นกิลด์มาสเตอร์อณุญาต ยอรึมก็เปิดประตูและเข้าไป
แต่ยอรึมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมนุษย์สัตว์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของกิลด์มาสเตอร์
‘มนุษย์สัตว์…?’
ในบางครั้ง สิ่งมีชีวิตจากข้างในดันเจี้ยนก็ออกมา
ท่ามกลางมนุษย์สัตว์เหล่านั้น มีผู้หญิงที่มีหูหมาป่าและผู้ชายที่มีเนื้อหนังเป็นเกล็ดกิ่งก่า
เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมากที่จะมีมนุษย์สัตว์สองตนอยู่ในสำนักงานกิลด์
“หาที่นั่งได้เลย”
“ค่ะ”
ยอรึมสังเกตมนุษย์สัตว์ทั้งสองคนอย่างระมัดระวังในขณะที่เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ คังจินโฮ
โดยปกติแล้วเธอจะนั่งเผชิญหน้ากับเขา แต่เนื่องจากมนุษย์สัตว์นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอจึงนั่งลงตรงนี้
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ในขณะที่ยอรึมเหลือบมองคังจินโฮ ผู้หญิงที่มีหูหมาป่าก็เริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“คุณใข้พรแห่งเทพสัตว์ป่าไปแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ เราใช้มันเพื่อช่วยเด็กในกิลด์ของเรา”
เด็กในกิลด์ของเรา
คำนี้สื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไหล่ของยอรึมตั้งตรงขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
ใบหน้าของหญิงสาวหมาป่าเริ่มบูดบึ้ง
“ฉันตระหนักรู้ถึงกฏของโลกนี้ดี แต่มนุษย์สัตว์อย่างเราก็มีกฏที่ต้องทำตามอยู่เช่นกัน”
“เข้าใจได้ แต่ถ้าจะเอาตามกฎ คุณก็รู้ใช่ไหมว่าไอเทมที่ได้รับจากดันเจี้ยนจะเป็นของกิลด์ทั้งหมด?”
“ฉันตระหนักดี แต่พรแห่งเทพสัตว์ป่ามันแตกต่างตรงที่มันมีความสำคัญ”
พรแห่งเทพสัตว์ป่า
มันคือไอเทมที่ให้กำเนิดราชาแห่งมนุษย์สัตว์
สมบัติล้ำค่าดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้โดยมนุษย์สัตว์ แต่ถูกใช้โดยมนุษย์
มนุษย์สัตว์กิ่งก่าที่ก้าวร้าวกัดฟันของตัวเอง แต่คังจินโฮดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลย
“ฉันเข้าใจคุณค่าของมันดี แต่พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วเนื่องจากไอเทมถูกใช้ไปแล้ว”
“โดยปกติ คน ๆ นั้นจะถูกลงโทษตามกฎของมนุษย์สัตว์…”
“กฎ?”
“ใช่ ถ้าคนที่ไม่คู่ควรใช้พร…”
หญิงสาวหมาป่าลุกจากเก้าอี้ โดยที่ทุกคนในห้องต่างก็เข้าใจดี
กฎก็คือ ถ้าหากมีคนที่ไม่คู่ควรกินพรเข้าไป คน ๆ นั้นก็จะถูกประหารชีวิต
คังจินโฮเยาะเย้ยให้กับความกล้าของมนุษย์สัตว์
“ก็ลองดูสิ”
“อะไรนะ…?”
“ถ้าหากคุณคิดว่าคุณทำได้ ก็เชิญลองดูได้เลย”
ออร่าอันน่าเกรงขามที่อธิบายไม่ได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของคังจินโฮ
มนุษย์สัตว์ตัวน้อยรู้สึกกดดันจากความน่าเกรงขามของคังจินโฮ
“อยากเป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์สัตว์ทั้งหมด…?”
“แล้วคุณจะทำยังไงกับเรื่องนี้? ต้องการเริ่มสงครามกับเรางั้นเหรอ?
“……”
มนุษย์สัตว์เพศหญิงเงียบลง
ถึงแม้สมาชิกของกิลด์รุ่งอรุณจะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งคังจินโฮอยู่ที่อีกระดับหนึ่งเลย
แม้แต่ราชามนุษย์สัตว์คนก่อนก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้
หากไร้ซึ่งราชา มนุษย์สัตว์ก็ไม่มีทางสู้กิลด์รุ่งอรุณได้ ต่อให้พวกเขาพยายามแค่ไหนก็ตาม
“อา ฉันยังพูดไม่จบเลย ขอฉันพูดต่อได้ไหม?”
“เชิญเล่าต่อได้”
คังจินโฮลดออร่าอันเข้มข้นลง
มนุษย์สัตว์ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“โดยปกติ เราจะปฏิบัติตามกฎของเผ่าเรา แต่พวกเราไม่ต้องการระเมิดกฎของโลกใบนี้”
“และ?”
“พวกเราอยากพบคนที่ใช้พรเพื่อประเมินว่าคน ๆ นั้นสมควรเป็นราชาหรือเปล่า”
ความเหมาะสมในการเป็นราชา
นั่นไม่น่าเป็นไปได้เลย
คยออุลเป็นแค่เด็กธรรมดาในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา
ยอรึมอยากคัดค้านแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอจะพูดได้
ทั้งหมดที่เธอทำได้คือการสบตาของคังจินโฮอยู่อย่างเงียบ ๆ
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กคนนั้นไม่คู่ควร?”
“พวกเราจะฝึกเด็กคนนั้น ทักษะการเรียนรู้ของเด็กจะต้องสูงขึ้นแน่”
เผ่ามนุษย์สัตว์จะช่วยคยออุลควบคุมพลังของราชาสัตว์ป่า
มันเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง
จะเชื่อใจได้ยังไง?
“จะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ฆ่าเด็กในภายหลัง?”
“จำนวนประชากรของมนุษย์สัตว์มีอยู่น้อย พวกเราไม่อยากสร้างศัตรูรวมถึงมนุษย์โลกอย่างคุณด้วย”
“งั้นเหรอ”
ในฐานะชนกลุ่มน้อย พวกเขากลัวไปสร้างความโกรธแค้นให้มนุษย์โลก
คำกล่าวนี้น่าเชื่อถืออยู่พอควร
“ก็ได้ แต่ฉันจะไปพร้อมกับคุณ”
“ขอบคุณ”
พวกเขาโค้งตัวขอบคุณ
ยอรึมมองหญิงสาวหมาป่าโค้งคำนับและคิดกับตัวเอง
เธอควรมอบซัมจังให้มาสเตอร์
——————————————————————————————————————————
“อึ๋ย”
ฉันนอนลงบนเตียงกล่องและจ้องมองเพดาน
ฉันไม่รู้ว่าจะทำตามคำขอของหญิงสาวยังไง
—ช่วยแนะนำเพื่อนคนนั้นให้พี่รู้จักในภายหลังได้ไหม?
ขอให้ช่วยแนะนำเพื่อนที่ไม่มีอยู่จริง
ฉันโกหกไปแล้วว่ามี ฉันก็ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว
‘ฉันควรทำยังไงดี?’
ถ้าฉันยอมรับว่าฉันไม่มีเพื่อน ผู้หญิงคนนั้นจะแสดงออกยังไง?
ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอจะแสดงออกยังไง แต่ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องเยาะเย้ยฉันแน่
อาจเป็นไปได้ว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่มีเพื่อน
‘ฉันควรพูดว่าเพื่อนของฉันทั้งหมดตายแล้ว…’
เธอจะยอมเชื่อเหรอ?
ฉันพลิกตัว ซุกหน้าลงบนหมอนที่ทำจากเสื้อผ้าเก่า
กลิ่นแชมพูที่เธอทิ้งเอาไว้ เป็นสิ่งที่บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเคยนอนพักอยู่ตรงนี้และความจริงข้อนี้ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
ทำไมประสาทการรับกลิ่นของฉันถึงได้คมมากขนาดนี้?
ฉันส่ายขาขึ้นลงด้วยความรำคาญ หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายก้าวกำลังเดินมาทางฉัน
“ฮะ?”
ปกติที่นี่ไม่มีที่ที่คนมักจะมานี่นา
ทำไมถึงมีเสียงฝีเท้าเยอะจัง?
ฉันรีบวิ่งหนีเข้าไปในที่หลบภัยอย่างตื่นตระหนก
ขอร้องละ อย่ามาทางนี้เลย
ฉันปิดฝาของที่หลบภัยและภาวนาให้พวกเขาอย่าหาฉันเจอ
แต่คำขอของฉันก็ไม่เป็นผลเลย เสียงฝีเท้ายังคงมุ่งตรงมาทางฉัน
เสียงฝีเท้าของคนสี่คน
มันแย่ยิ่งกว่าการที่หมูป่ามาซะอีก