ตอนที่ 12 อันนี้มันไม่มีเหรอ

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

ฉันเข้าไปในเต็นท์พร้อมกับหม้อที่มีรอยบุบที่เต็มไปด้วยน้ำจากลำธาร

 

ที่มุมหนึ่งของเต็นท์มีเตาเล็ก ๆ สำหรับต้มชาและเป็นเตาผิงสำหรับหน้าหนาวตั้งอยู่

 

ฉันจุดไฟที่เตา ตั้งหม้อและใส่ดอกแดนดิไลออนที่แห้งสนิทแล้วลงไป

 

เพียงแค่ไม่กี่นาทีน้ำในหม้อก็เดือด ชาแดนดิไลออนที่ทั้งดีต่อสุขภาพแถมยังอร่อยก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

 

ชาแดนดิไลออนมีกลิ่นที่เหมือนกับชาเขียวและอร่อยมาก

 

ผู้หญิงคนนั้นจะชอบชาที่ฉันต้มหรือเปล่านะ?

 

ฉันจ้องหม้อที่กำลังเดือดอย่างกังวล

 

‘ถ้าเธอบอกว่าไม่อร่อย ฉันก็แค่ดื่มมันให้หมดก็พอ’

 

ปฏิเสธของดีแถมยังอร่อยด้วย ก็มีแต่เสียกับเสีย

 

หลังจากที่ฉันเทชาแดนดิไลออนลงแก้วเสร็จ ฉันก็ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย

 

เมื่อไหร่ผู้หญิงคนนั้นจะมา?

 

ในขณะที่ฉันกำลังหงุดหงิดกับชาที่เย็นแล้วอยู่ เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกเต็นท์

 

“คยออุลช่วยออกมาหน่อยได้ไหม?”

 

“โอเค”

 

ฉันเดินออกไปจากเต็นท์โดยที่ถือชาสองแก้วไว้ในมือ

 

ในมือของหญิงสาวถือของที่ฉันไม่คุ้นเคยไว้หลายอย่าง

 

“ดูสิ พี่ซื้ออุปกรณ์สำหรับทำบาบีคิวมาเยอะเลย”

 

“บาบีคิว?”

 

“ใช่ พี่คิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยหากย่างเนื้อในขณะที่ฟังเสียงจากลำธารไปด้วย”

 

“อ่า…”

 

ถึงแม้เธอจะมีนิสัยแปลก ๆ แต่เธอก็รู้จักความโรแมนติก

 

ถ้ามันทำให้เธอพอใจ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด

 

“ช่วยพี่เอามันไปตั้งไว้ใกล้ ๆ กับลำธารได้ไหม?”

 

“โอเค แต่ว่าชามันเย็น…”

 

“โอ๊ะ จริงด้วย! งั้นเรามาดื่มชากันก่อนเถอะ”

 

เธอหยิบแก้วในมือฉันไปหนึ่งใบ

 

ท่าทางที่เหมือนกับนักผจญภัยที่ดื่มน้ำร้อนได้โดยไม่ต้องเป่าน่าประทับใจมาก

 

“เป็นไงบ้าง…?”

 

ฉันมองหญิงสาวในขณะที่เอาแก้วชนปากไว้ ความรู้สึกกังวลและความคาดหวังของฉันผสมปนเปกันไปหมด

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมาชิมชาที่ฉันต้ม

 

“อืม…รสชาติเหมือนถั่วและหวาน คยออุลชงชาเก่งจริง ๆ เลย”

 

“จริงเหรอ?”

 

ฉันก็นึกว่าเธอเป็นแค่แม่มดโง่

 

เธอรู้วิธีชื่นชมรสชาติของชาด้วยสินะ?

 

ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้และดื่มชาต่อ

 

“อืม”

 

แดนดิไลออนอร่อยจริง ๆ เลย

 

ในขณะที่ฉันกำลังปิดตาและลิ้มรสชาติของชาอยู่ หญิงสาวก็ร้องเสียงหลงแปลก ๆ ออกมา

 

“ฮะ? คยออุล นี่มัน…”

 

“ฮืม?”

 

หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างกับกระต่ายเขา มือของเธอก็อยู่ไม่เป็นสุข

 

ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง

 

“ทำไมมันถึงมีเอฟเฟคโด๊ปล่ะ…?”

 

โด๊ป?

 

สิ่งที่นักกีฬาชอบแอบทำก่อนเริ่มแข่งน่ะเหรอ?

 

ในขณะที่ฉันกำลังเอียงศีรษะด้วยความสบสน ฉันก็สังเกตุเห็นว่ามีคนกำลังมาจากป่าที่อยู่ใกล้ ๆ

 

ตุ้บ— ตุ้บ—

 

ด้วยหูที่ประสาทไวของฉัน ฉันก็ได้ยินเสียงเท้าที่หนักแน่นของสัตว์สี่ขา

 

เสียงฮึดฮัดเป็ยระยะ ๆ ของมันทำให้ฉันแน่ใจว่ามันคือสัตว์ที่ทรมานฉันมานานหลายปี

 

ฉันต้องรีบหนีแล้ว

 

แต่ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?

 

ฉันกระทืบเท้าและตะโกนเรียกเธอด้วยความตื่นตระหนก

 

“ม-หมู! หมู!”

 

“หมู? พี่ก็ผอมอยู่นะ ล่ะมั้ง…?!”

 

“ไม่ใช่คุณ! ม-หมูป่าดุร้ายต่างหาก…!”

 

บางทีคำอธิบายของฉันมันคงจะแย่มาก ผู้หญิงคนนั้นถึงได้อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

เธอเอาแต่ลูบท้องของตัวเองและมองลงไป

 

“เอ่อ ถึงพี่จะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ต้องเรียกว่าหมูป่าสักหน่อย…”

 

เล่นอะไรของเธอในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ขนาดนี้เนี่ย?

 

ถึงแม้ฉันจะโมโห แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ฉันจึงรีบจับมือของหญิงสาวและพาเธอไปที่หลบภัยที่อยู่ในเต็นท์

 

‘แย่แล้ว’

 

ที่หลบภัยสามารถเข้าไปได้แค่คนเดียว

 

แค่หนึ่งในพวกเราเท่านั้น ไม่เธอก็ฉันที่จะได้เข้าไป

 

ในสถานการณ์ที่บ้าคลั่งนี้ ฉันเปิดฝาของที่หลบภัยและดันหัวของหญิงสาวเข้าไปข้างใน

 

“รีบเข้าไปเร็วเข้า!”

 

“เอ่อ โอเค?”

 

หญิงสาวเข้าไปในที่หลบภัยโดยไม่ต่อต้าน

 

ในจังหวะที่ฉันกำลังปิดฝา เธอก็ยื่นหัวออกมาและโดนฝากระแทก

 

ตุ้บ—!

 

มันเสียงดังมาก แต่เธอก็กระพริบตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคยออุล?”

 

“หมูป่ากำลังมา!”

 

หมูป่ากำลังเข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว

 

ฉันไม่แน่ใจระยะทางที่แน่นอน แต่น่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณสามร้อยเมตร

 

เมื่อระยะห่างระหว่างหมูป่าลดลง ร่างกายของฉันก็ยิ่งสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“หมูป่าเหรอ? พี่ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”

 

“ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตร”

 

“สามร้อยเมตร?”

 

ดวงตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่หูที่อยู่บนหัวของฉัน

 

ราวกับกำลังตอบสนองต่อการจ้องของเธอ หูของฉันมันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

 

“ว้าว การได้ยินของคยออุลดีขึ้นมากขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

แม้แต่ในสถานการณ์ที่วิกฤต เธอก็ยังตรวจสอบร่างกายที่เปลี่ยนไปของฉันไม่เลิก

 

เธอเป็นแม่มดบ้าจริง ๆ ด้วย

 

ด้วยความโกรธนิดหน่อย ฉันใช้แรงทั้งตัวกดหัวของเธอลงไป”

 

“หลบอยู่ในนี้จนกว่าหมูป่าจะไป ส่วนฉันจะขึ้นไปหลบอยู่บนต้นไม้”

 

“เดี๋ยวก่อนสิคยออุล”

 

เธอลุกขึ้นยืนทันที โดยที่ไม่สนใจแรงกดของฉันเลย

 

ถังหลบภัยมีขนาดใหญ่มากจนร่างกายส่วนบนของเธอออกมาไม่สุด

 

“ม-มีอะไร? ตอนนี้มันอันตราย…”

 

“ไม่เป็นไร พี่แข็งแกร่งกว่าหมูป่าซะอีก”

 

“จริงเหรอ…?”

 

หมูป่าในโลกนี้มันแข็งแกร่งพอ ๆ กับช้างเลยนี่นา

 

ฉันมองเธอขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยความแปลกใจพร้อมกับตระหนักได้ว่า

 

‘จริงด้วย’

 

อาจจะเป็นเพราะฉันถูกหมูป่ารบกวนมานาน

 

ฉันจึงลืมไปเลยว่าเธอเป็นใคร

 

ฉันจับเสื้อผ้าของตัวเองด้วยความเขินอาย ส่วนเธอก็กระโดดออกมาจากที่หลบภัย

 

“ถ้าหมูป่ามันออกมา เดี๋ยวพี่จะจับมันเอง เพราะงั้นไม่ต้องกังวลและมาเริ่มปาร์ตี้บาบีคิวของเรากันดีกว่า”

 

“จริงเหรอ…?”

 

“จริงสิ แค่พี่สะบัดแขนก็จัดการหมูป่าได้แล้ว”

 

ล้มหมูป่าที่แข็งแกร่งเท่ากับช้างได้แบบนั้น

 

เธอแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

 

ความจริงที่ว่าฉันถูกจับไปโดยคนที่แข็งแกร่งกว่าหมูป่าที่ทรมานฉันมานานหลายปีทำให้ฉันรู้สึกกลัว

 

ฉันทำได้แค่พยักหน้าตอบเธอเบา ๆ

 

“อืม…”

 

——————————————————————————————————————————

 

ข้างลำธารที่มีน้ำไหล ฉันติดตั้งอุปกรณ์สำหรับทำบาร์บีคิวที่หญิงสาวนำมา

 

ฉันใส่ถ่านลงไปในเตาที่เพิ่งซื้อมา จุดไฟ และวางเนื้อลงบนตะแกรง

 

ฉ่า— ฉ่า—

 

แค่มองเนื้อที่กำลังสุกก็ทำให้ฉันน้ำลายไหลแล้ว

 

ฉันตัดสินใจกินแค่ให้เท่าหนึ่งหมื่นวอนเท่านั้น

 

เพื่อที่จะทำแบบนั้น ฉันจำเป็นต้องรู้ราคาเนื้อก่อน

 

“คือว่า เนื้ออันนี้คือเนื้ออะไรเหรอ?”

 

“อันนี้เหรอ? เนื้อนารุน่ะ”

 

“…นารุ? มันคืออะไรเหรอ?”

 

ฉันไม่เคยได้ยินสัตว์ที่ชื่อนารุมาก่อนเลย ชาติก่อนก็ไม่เคยได้ยิน

 

บางทีอาจจะเป็นเนื้อสัตว์ที่มีแค่ในโลกนี้

 

“คยออุลไม่เคยกินเนื้อนารุเหรอ…?”

 

หญิงสาวมองลงมาที่ฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

เนื้อที่เธอถือด้วยที่คีบตกลงไปบนตะแกรง

 

“ไม่เคยเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้กินมัน”

 

“งั้นเหรอ? พี่เอามาเยอะเลย เพราะงั้นวันนี้เรามากินมันให้พุงกางกันไปเลย โอเคไหม?”

 

“โอเค…”

 

ทำไมเธอถึงตกใจกับเรื่องที่ฉันไม่เคยกินเนื้อนารุมากขนากนั้นกัน?

 

ถึงแม้จะสังสัย แต่ฉันก็ไม่สามารถบังคับให้ตัวเองคิดหาเหตุผลต่อหน้าเนื้อได้

 

ฉันนั่งบนเก้าบาร์บีคิวที่หญิงสาวนำมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอเนื้อสุก

 

“กินนี่สิคยออุล”

 

เธอวางเนื้อลงบนจานของฉัน

 

ยังไม่สุกเลย เนื้อยังสีแดงดิบอยู่เลย

 

“มันยังไม่สุกไม่ใช่เหรอ…? คุณทนอาหารเป็นพิษจากเนื้อดิบไหวเหรอ…?”

 

หรือว่าเนื้อนารุจะคล้าย ๆ กับเนื้อวัว?

 

หรือผู้หญิงคนนี้กำลังแกล้งฉันอยู่?

 

ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย ฉันจึงเงยหน้ามองเธอ

 

“ไม่เป็นไร เนื้อนารุสามารถกินดิบได้”

 

“จริงเหรอ…?”

 

บางทีเพราะเธอตกใจเรื่องที่ฉันไม่เคยกินเนื้อนารุมาก่อน เธอจึงฝืนยิ้มออกมา

 

“ใช่ มันอร่อยมากเลย ลองกินดูสักคำสิ”

 

“อืม”

 

เมื่อฉันจิ้มเนื้อด้วยส้อมที่เธอให้ฉันมา น้ำจากเนื้อก็ไหลเยิ้มออกมา

 

‘ว้าว’

 

ตั้งแต่ที่ฉันมาโลกนี้ ฉันเคยกินเนื้อที่น่าทึ่งแบบนี้บ้างหรือเปล่านะ?

 

เมื่อลองคิดย้อนดู ฉันก็นึกเรื่องทำนองนั้นไม่ออกเลย

 

ฉันตัดสินใจจำวันนี้เป็นวันที่สำคัญ และดันเนื้อเข้ามาในปากของฉัน

 

งั่ม—

 

ฉันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจหลังจากที่กัดไปเพียงคำเดียว

 

หูและหางของฉันชูขึ้น และสั่นด้วยความตื่นเต้น

 

“……!”

 

ร่างกายของฉันกระตุกไปทั้งตัวด้วยความอร่อยของเนื้อที่ฉันลืมไปแปดปีแล้ว

 

“เป็นไง? อร่อยใช่ไหมล่ะ?”

 

“อร่อยมาก ๆ เลย…!”

 

นี่ฉันได้รับอนุญาตให้กินเนื้อที่สุดยอดแบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

 

ฉันลังเลที่จะกินเนื้อที่หญิงสาวนำมาให้มากขึ้น เลยทำเพียงแค่จ้องมองหญิงสาวอย่างระมัดระวัง

 

“คยออุลไม่ต้องระมัดระวังขนาดนั้นหรอก เนื้อมันไม่ได้แพงมากนักหรอก เพราะงั้นกินเท่าที่อยากกินได้เลย และจำได้ไหมว่าตอนนั้นคยออุลก็เลี้ยงเบอร์เกอร์พี่ด้วย”

 

“อ-โอเค…”

 

ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร

 

ฉันเคยเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์และชงชาแดนดิไลออนให้เธอ ดังนั้นแค่กินเนื้ออีกชิ้นสองชิ้นก็คงจะไม่เป็นไร

 

ฉันกินเนื้อเข้าไปเพิ่มโดยทิ้งความกังวลไว้ด้านหลัง

 

“งั่ม”

 

ฉันลองกินหลายแบบมาก ทั้งทานเนื้อแบบเพียว ๆ ลองทานโดยโรยเกลือ และลองทานกับซอสปรุงรสที่ฉันไม่เคยเห็น

 

เนื้อนารุเป็นเนื้อที่ไม่ว่าจะปรุงแบบไหนก็อร่อย

 

“กินผักด้วยสิคยออุล”

 

“โอเค งั้นฉันควรไปเอาแดนดิไลออนมากินด้วยดีไหม?”

 

ใบของดอกแดนดิไลออนก็รสชาติดีเหมือนกัน

 

ในขณะที่ฉันกำลังรีบวิ่งไปเก็บดอกแดนดิไลออน หญิงสาวก็เข้ามาขวางทางของฉัน

 

“เอ่อ…วันนี้เรากินกันแค่เนื้อเถอะ”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“พี่ก็แค่อยากกินแต่เนื้อน่ะ”

 

เธอรีบเอาผักออกไปจากโต๊ะ

 

เหลือไว้เพียงแค่ซอสปรุงรสและก็เกลือ

 

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงได้กินแต่เนื้อสัตว์ที่แสนอร่อย

 

งั่ม

 

ฉันคิดในขณะที่ปรุงเนื้อนารุสุกด้วยซอสเกลือ

 

มันคงจะอร่อยกว่านี้ถ้าจิ้มกับซัมจัง

 

“คือว่า ให้ฉันทำซัมจังดีไหม?”

 

“ซัมจัง? คืออะไรเหรอ?”

 

“เอ๋…”

 

เธอไม่รู้ว่าซัมจังคืออะไรงั้นเหรอ?

 

หรือว่าที่โลกนี้จะไม่มีซัมจัง?

 

ฉันมองเธออย่างตกใจ

 

“คุณไม่รู้จักซัมจังเหรอ…?”

 

“เอ่อ ไม่เลย เครื่องปรุงรสจากประเทศอื่นเหรอ?”

 

“แค่ก”

 

ในโลกนี้ไม่มีอยู่จริง ๆ ด้วย

 

ดูเหมือนว่าฉันต้องแนะนำรสชาติจากบ้านเกิดของฉันให้เธอรู้จักซะแล้ว

 

“รอแปปหนึ่ง!”

 

“โอเค!”

 

เกลือ ทเว็นจัง น้ำมันงา กระเทียม และอื่น ๆ

 

ฉันผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกันและรีบวิ่งไปหาเธอพร้อมกับส่วนผสม

 

“นี่คือซัมจัง คุณไม่เคยเห็นมันมาก่อนจริง ๆ เหรอ?”

 

“เอ่อ ไม่เลย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่ได้เห็น”

 

เธอกำลังกังวลว่าซอสที่เธอไม่เคยเห็นนี้จะไม่อร่อยสินะ?

 

กังวลโดยไม่จำเป็น

 

“มันอร่อยจริง ๆ นะ”

 

ฉันยื่นซัมจังไปหาเธอด้วยสีหน้ามีชัย

 

บางทีตอนนี้มันคงจะไม่เป็นไรหรอกหากฉันกินเนื้อสัตว์เพิ่มอีกสักหน่อย