ตอนที่ 9 โลลิแสดงความกตัญญูต่อพี่หมี

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

09 แสดงความกตัญญูต่อพี่ชาย

การยกเลิกคำสั่งห้ามภาพสะท้อนเวทมนตร์กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ดูเหมือนจะส่งผลต่อชีวิตฉัน

“อะ คุณหนู ตั้งแต่เวลานี้ไม่ได้นะคะ”

หรือ

“คุณหนู ภาพสะท้อนนั่นไม่ได้รับอนุญาตค่ะ”

และ

“คุณหนู ไม่ได้นะคะ”

ทั้ง

“คุณหนู”

ฉันเข้าใจจุดประสงค์ได้เพียงแค่ได้ยินเสียง ค๊าค๊า ปิดแล้ว

――ยังไงก็ตาม ริโนกิสมีกฎระเบียบมากมาย

พูดให้ถูกคือ ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งจากพ่อแม่ของฉัน แต่… มีภาพสะท้อนมากมายที่ไม่ให้ดู

――การสำรวจเกาะลอยฟ้าถูกห้าม

นักผจญภัยที่กระตือรือร้น ทำการค้นหาเกาะลอยฟ้าที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ และป่าเถื่อน แต่มอนสเตอร์มักจะปรากฏขึ้นจึงมีฉากสิ่งมีชีวิตตาย หรือบางครั้งก็มีคนตาย

บอกตรง ๆ เลยว่าอยากดูสุด ๆ

ฉันอยากเห็นฉากเลือดสาดกระเซ็นและการสังหารหมู่มาก

――ต่อไปเป็นละครทั่วไปเกี่ยวกับความรัก

ชายหญิงจู๋จี๋กัน ฉันอยากเจอเธอ ฉันไม่อยากเจอเธอ、 ฉันอยากเจอเธอเพียงชั่วพริบตา、 ฉันอยากจะสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ、 อันไหนสำคัญกว่ากัน ที่ทำงานหรือฉัน、 อย่าต่อสู้กันเพื่อฉัน ภรรยาซึ่งไม่พอใจกับสามีที่เย็นชาของเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกตัวว่าเขาเป็นชายหนุ่ม คนส่งของที่มีร่างกายแข็งแรง

ละครที่พรรณนาถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่น่ารำคาญ กับความรักและความเกลียดชัง ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมาก แต่เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับฉัน

เพราะมีแรงกระตุ้นต่อเด็กมากเกินไป

ม๊า ถึงจะถูกห้ามหรือไม่ ฉันก็ไม่คิดที่จะดูแม้แต่นิดเดียว

แค่ได้ฟังเรื่องราวก็หงุดหงิดจนอยากจะต่อยให้ร่วงทีละคนแล้ว

ถ้าชอบมากก็คุยตรง ๆ ซะสิ

ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เอื้ออำนวยให้จับกดไปเลย

อย่าอึก ๆ อัก ๆ

แค่บอกว่าฉันรักคุณ

ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่าในละคร ในบางครั้งก็ตั้งค่าให้ผ่านไปหลายปี แค่นั้นก็ทำให้ฉันพอแล้ว นอกจากนี้ถึงจะเป็นชายแก่ ถึงแก่ตัวแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความใคร่

แค่ได้ยินเรื่องจากริโนกิสก็ทำให้ฉันหงุดหงิดแล้ว

ยังไงก็ตามดูเหมือนเธอจะชอบละครประเภทนี้มาก เธอเล่าเรื่องราวความรักมากมายราวกับเด็กสาวช่างฝัน

คาดไม่ถึงจริง ๆ

และผลจาการแสดงความรู้สึกที่แท้จริง「ยุ่งยากน่าหงุดหงิด」ออกไปตรง ๆ ริโนกิสยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดว่า「ม๊า ไม่ว่าเด็กสี่ขวบจะโตแค่ไหน ก็ยังแค่สี่ขวบสินะคะ ก็ไม่แปลกที่จะไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของหัวใจผู้ใหญ่ ที่ไม่สามารถบอกรักตามความรู้สึกตรง ๆ ได้」ฉันได้รับช่วงเวลาอัปยศกลับมา

ฉันจะไม่ลืมความแค้นนี้

――นอกจากนั้น ยังมีสิ่งที่เรียกว่า「ทิวทัศน์งดงาม」ที่สะท้อนถึงทัศนียภาพที่มีอยู่ในโลก

เป็นหนึ่งในไม่กี่ภาพสะท้อนที่ฉันได้รับอนุญาตให้ดู บางครั้งก็มีสัตว์อสูรซึ่งค่อนข้างน่าสนใจปรากฏตัว อย่างเทอโรซอร์ที่บินอยู่ตรงนั้น……ที่ไม่รู้ว่าตัวฉันตอนนี้จะสามารถชนะได้ไหม

สักวันหนึ่งสิ่งที่ฉัน・รู้จักก็อาจจะปรากฎขึ้นบนภาพสะท้อนเช่นกัน

――และสุดท้ายคือ สารคดีท่องเที่ยวดินแดนลิสตัน

ชายวัยกลางคนหน้าตาฉูดฉาดเดินผ่านชนบทของดินแดนลิสตันที่ปกครองโดยพ่อแม่ของฉัน เยี่ยมชมร้านอาหารและร้านค้าในพื้นที่……ควรเรียกว่าเป็นภาพสะท้อนการเดินทางที่ถูกจัดพล็อตไว้ใช่ไหม

เมื่อดูแล้วก็รู้สึกสนุกอย่างน่าประหลาด แม้หน้านักแสดงจะฉูดฉาดก็ตาม

นอกจากนั้น ยังมีภาพสะท้อนรายการเพลงและการเต้นระบำเป็นครั้งคราว

ดูเหมือนว่าประวัติของภาพสะท้อนเวทย์มนตร์และแผ่นคริสตัลเวทย์มนตร์นี้ยังสั้นอยู่เพราะพึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นมาได้ไม่นาน

ภาพสะท้อน――ยังมีไม่กี่รายการ บางรายการออกอากาศในช่องต่าง ๆ พร้อมกันด้วย……สิ่งที่ริโนกิสเรียกว่า「รายการในช่วงเวลาการแข่งขัน」ไม่ได้มีแค่หนึ่ง

ทว่าก็มีเพียงสองช่องเท่านั้น

เนื่องจากมีเพียงไม่กี่รายการที่ออกอากาศ จึงมีการออกอากาศซ้ำหลายครั้ง และเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีภาพสะท้อนใหม่ตลอดทั้งวัน

และรายการที่ฉันได้รับอนุญาตให้ดูก็มีเพียงไม่กี่รายการเท่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งแม้ว่าจะมีจำนวนแหล่งข้อมูลที่เรียกว่าภาพสะท้อนเวทมนตร์เพิ่มขึ้นมา แต่ชีวิตของฉันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

เนื่องจากมีเพียงไม่กี่รายการที่สามารถดูได้ และในจำนวนรายการนั้นก็มีการออกอากาศซ้ำหลายรายการ

ฉันดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป ส่งพ่อแม่ในตอนเช้า ทำซาเซนเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายทุกวัน และเดินเล่นในสวน

การรับวัฒนธรรมภาพสะท้อนเวทมนต์เข้ามาในการใช้ชีวิตต่อสู้กับโรคร้ายจึงไม่รบกวนอะไร

เพราะมีข้อจำกัดมากมายที่ทำให้ดูได้ไม่มากนัก

――อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงคิดว่ามันมีประโยชน์

สำหรับฉันที่ขาดความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอก นี่คือแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด

ฉันอยากจะขอบคุณพี่ชายจริงๆ ที่มอบให้ฉัน

ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำอะไร

ตั้งแต่ที่พี่นีลกลับมาที่คฤหาสน์ เขาก็ฝึกฝนวิชาดาบมาตลอด

โดยมีลินเนตต์ สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชายเป็นคู่ซ้อม เขาแกว่งดามไม้และถูกสับทุกวันทุกวัน

ค่อนข้างเป็นฉากการฝึกที่เข้มงวดสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก

ใช่ ถ้าจะทำ ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่อย่างงั้นมันจะไม่ช่วยอะไรเลยเมื่อถึงเวลาสำหรับการต่อสู้ที่แท้จริง

ไม่ใช่ธรรมเนียมในฐานะขุนนาง แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำในฐานะนักรบ และถ้าจะให้เหมาะมากกว่านี้อีกนิด……ไม่ไม่ ยังเร็วเกินไปสำหรับเด็กอายุหกขวบที่จะฝึกฝนขั้นต่อไป

เมื่อได้เดินเล่นตามกิจวัตรประจำวัน ฉันมักจะหยุดดูพี่นีลฝึกเสมอ

ถ้าให้ฉันพูดตรง ๆ คงบอกว่ามาอยู่ที่นี่เพราะไม่มีทางเลือกมากกว่า

“――อยากรู้ว่าจะไหวไหม”

หลังจากเฝ้าดูอยู่พักหนึ่งจนพี่ชายถูกซัดเละจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว เพราะเหนื่อยจนหายใจไม่ทัน

ฉันใช้ช่วงเวลาเล็กน้อยนั้นส่งเสียงเรียกออกไป

พี่ชายยังอายุแค่หกขวบ

ร่างกายยังไม่เติบโตพร้อมดี ยังขาดอีกหลายอย่าง

ลินเนตต์ดูเหมือนจะยั้งมือไว้ให้แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังเป็นคู่มือที่เข้าไม่ถึง

――ม๊า ถึงฉันจะสามารถจัดการเธอได้ด้วยนิ้วเดียว

แต่แม้ฉันจะสามารถจัดการได้ด้วยนิ้วเดียว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำตอนนี้ ฉันไม่สามารถทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลได้ ดังนั้นอย่าดีกว่า

“โอนี่ซามะ ดาบไม่ได้มีไว้ตี แต่มีไว้วาดตัดและแทงด้วยใบดาบ ไม่เช่นนั้นใบดาบจะบิ่นได้”

พี่ชายที่กวัดแกว่งดาบไม้สุดกำลังด้วยร่างกายเล็ก ๆ ถือว่าค่อนข้างเคลื่อนไหวได้ดีสำหรับอายุเท่านี้

นอกจากนี้ยังใช้งานร่างกายที่ยังขาดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้อย่างคล่องแคล่ว พลังที่เพิ่มขึ้นคงจะมาจากการทุ่มน้ำหนักทั้งตัว

เป็นสไตล์การโจมตีแบบหนักหน่วง แต่ไม่สามารถโจมตีแบบต่อเนื่องได้

ฉันไม่รู้ว่าเขามุ่งเป้าไปที่เทคนิคการต่อสู้ที่สามารถจบการต่อสู้ในครั้งเดียว หรือมาจากการพยายามชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในตอนนี้ แต่ดูจากผลลัพธ์แล้ว ถึงจะไม่จำเป็นแต่ก็ช่วยไม่ได้

ชี้ให้สักหนึ่งคำใบ้ก็น่าจะพอ

“คะ คุณหนู…….. !”

เมื่อฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้รถเข็น ทั้งริโนกิส ทั้งพี่ชาย แม้แต่ลินเนตต์ที่ยังไม่รู้จักฉันดีพอ ทุกคนต่างตกใจ

ไม่สิ ริโนกิสเธอรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันยืนได้ด้วยตัวเอง เพราะฉันสามารถไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนได้ด้วยตัวเองแล้ว ทำไมเธอถึงตกใจกันล่ะ

ฉันหยิบดาบไม้ที่พี่ชายถืออยู่

……ฉันรู้สึกว่าถึงแม้จะสั้นและเบาสำหรับเด็ก แต่ก็ยังหนักสำหรับฉัน ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป

“ตั้งดาบแนวนอน”

“เอ๊ะ อะ คะ ค่ะ……”

ลินเนตต์มีอาการสับสน แต่ถึงจะงง ๆ อยู่ เธอก็ถือดาบไม้ของตัวเองในแนวนอนตามที่ฉันบอก

“ดาบไม่ได้มีไว้ตี ――”

ฉันยกดาบไม้ขึ้นเหนือหัว

เพราะร่างกายที่ทั้งอ่อนแอ และตัวเล็กกว่าพี่ชาย ฉันจึงมีขีดจำกัดที่สามารถเหวี่ยงดาบได้ตามใจนึกได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เพราะแบบนั้น ตั้งใจดูให้ดีล่ะ

ถือดาบด้วยสองมือ ยกขึ้นตรง ๆ เพื่อให้สามารถฟันลงมาตรง ๆ

กลั้นลมหายใจของตัวเอง กระตุ้น「คิ」 พุ่งไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างเงียบ ๆ

” ――ฆ่า”

ตัด

มีเสียงไม้กระทบไม้

ฉันฟันลงอย่างมั่นคง และเมื่อดึงมือเพื่อที่จะตัด――ดาบไม้ที่ควรจะอยู่ในมือทั้งสองข้างของฉันหายไป

…….ฮึ่ม…….

แม้ว่าจะใช้「คิ」เข้ามาช่วยแล้ว แต่แค่จะเหวี่ยงดาบให้จบในครั้งเดียวยังทำไม่ได้ ร่างกายนี่มัน

ดาบไม้ที่ฉันฟันลงไป กัดลึกลงบนท้องดาบไม้ที่ลินเนตต์ถือตั้งท่าอยู่แล้วหยุดลง

ใบดาบไม้ที่ไร้ความคมดูเหมือนจะถูกตัดลงไปได้มากกว่าครึ่ง

ถ้าฉันถือไว้แน่นกว่านี้ ฉันก็น่าจะตัดมันได้ ฉันพลาดอย่างสมบูรณ์กับความอ่อนแอของแรงบีบที่น้อยเกินไป

ม๊า สำหรับฉันตอนนี้ แค่นี้อาจเพียงพอแล้ว

ฉันไม่เก่งเรื่องอาวุธตั้งแต่แรก

“….อุก”

ร่างกายซึ่งทุ่มกำลังลงไปเต็มที่จู่ ๆ ก็รู้สึกหมดแรงและเกือบจะล้มลง

ดูเหมือนว่าแค่การเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียว ร่างกายก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว แม้แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของฉันก็แย่มาก จะนับประสาอะไรกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ก่อนที่ฉันจะล้มลงพื้น ริโนกิสก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้ามากอดฉันจากด้านหลังพากลับไปนั่งที่รถเข็น ไม่ไหว แย่มาก ฉันดื้อมากเกินไป

ฉันพ่นลมหายใจออกหนึ่งครั้ง ในขณะที่รู้สึกเหนื่อยไปทั้งตัว

“โครงสร้างของอาวุธนั้นสมเหตุสมผลมาก เนื่องจากรูปทรงของอาวุธเกิดจากการทุ่มเทความเชี่ยวชาญเพื่อเป้าหมายที่ได้มาจากการแสวงหาประสิทธิภาพนานนับปี …..แฮ่ก

หนูไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ดาบเลย ถ้าจะทำเพียงไล่ตามเพื่อฟาดด้วยกำลังเพียงอย่างเดียวเหมือนโอนี่ซามะในตอนนี้ แบบนั้นใช้อาวุธทื่อ ๆ ก็ได้ค่ะ…..อึก”

ยังไงก็ตามความจริงที่ว่าร่างกายของฉันไม่พร้อมก่อนหน้านั้นก็เป็นปัจจัยใหญ่เช่นกัน

แต่เมื่อร่างกายยังไม่พร้อม ดังนั้นการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะข้อดีและข้อเสียของอาวุธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นวิธีการสามารถช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นนอกเหนือจากร่างกาย

รู้จักอาวุธของตน

นั่นก็เป็นศิลปะการป้องกันตัวเช่นกัน

ที่เหลือขึ้นอยู่กับว่าต้องการจะทำอะไรในอนาคต ดังนั้นฉันจะไม่พูดอะไรซอกแซก

…….นอกเหนือจากนี้ร่างกายของฉันก็รู้สึกไม่ดีมากขึ้น หายใจถี่ขึ้น……

“ขอโทษที่รบกวนนะคะ……แฮ่ก ริโนกิสไปกันเถอะ”

ฉันกล่าวลาพี่ชายกับลินเนตต์ที่ยังยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ และออกจากที่นั้นไป

ถึงอย่างนั้นร่างกายนี่ก็อ่อนแอสิ้นดี

การบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวโดนมี「คิ」เป็นแกนหลัก กลับกลายเป็นภาระหนักมากกว่าจะช่วยแบ่งเบา

ไม่สิ ต้องพูดว่าระดับความอดทนต่ำเกินไปจะถูกกว่าไหม

ระดับการใช้งานจริงจำกัดเกินไป แต่ก็อาจจะดีก็ได้

ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้

――บ้าจริงเลย ทั้งที่คิดว่าตอนฝึก「คิ」ไม่มีปัญหาอะไรแล้วแท้ ๆ

แต่ว่าคงยากเกินไปสำหรับเด็กปกติ

ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทุกข์ยากของเนียก่อนที่ฉันจะเข้ามา