ตอนที่ 37 สาวน้อยในศูนย์รักษาราชวงศ์ - จบเล่ม2

ฮีลเลอร์สุดเมพโดนไล่ออกจากตี้ (สุดกาก) ผันตัวมาเป็น ดาร์กฮีลเอร์

บทที่ 2 ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์

ตอนที่ 37 สาวน้อยในศูนย์รักษาราชวงศ์

ณ อาณาจักร ฮาเซส

 

 ”แสงสว่างจักส่องไปทั่วทั้งทวีปของผองเรา”――เป็นหนึ่งในวาจาสัตย์ที่กล่าวโดยบรรพบุรุษผู้มีชื่อเสียงของประเทศที่กำลังเจริญเติบโต

 

รอบๆวังในใจกลางเมืองหลวงมีเขตพิเศษซึ่งเป็นเขตของขุนนางที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งประเทศนี้อยู่รายล้อม

 

 

ในมุมหนึ่งของเขตมีสถาบันส่วนกลางของประเทศที่ตั้งรวมกันอยู่และภายในนั้นมีอาคารขนาดใหญ่ที่มีกำแพงด้านนอกขาวบริสุทธิ์ มีตราสัญลักษณ์ของมือทั้งสองที่โอบอ้อมดวงอาทิตย์เอาไว้

 

ศูนย์รักษาราชวงศ์

 

เป็นสำนักงานใหญ่ของเหล่าฮีลเลอร์ในอาณาจักรฮาเซส

 

 

「อาจารย์เบ็กก้า(ベッカー) ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ」

 

ในห้องหนึ่งของอาคาร มีหญิงสาวผมสีฟ้าสวมแว่นตาพูดขึ้น

 

「มีอะไรงั้นเหรอยูมิน?」

 

ข้างหน้าเธอมีผู้ชายผมสีน้ำตาลและมีใบหน้าที่ดูอ่อนโยน

ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบดูแลตัวเอง ผมเพร่าเลยกระเซอะกระเซิงไปหมดเลย

 

ยูมินได้ถามคำถามที่ฟังแล้วชวนขนลุกออกมา

 

「เอ่อคือว่า…..มีใครที่สามารถใช้เวทย์รักษาระดับพิเศษได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์บ้างไหมคะ?」

「……?」

 

ชายคนนั้นเอียงคอเล็กน้อย

 

「เกี่ยวกับเรื่องไม่มีใบอนุญาตินั่นหมายความว่าไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการหรือไม่ก็สอบไม่ผ่านไม่ใช่เหรอครับ?」

「จะเป็นยังงั้นแน่เหรอคะ」

「ดังนั้นเป็นเรื่องยากนะครับที่จะเข้าถึงเวทย์รักษาระดับพิเศษได้โดยไม่มีใบอนุญาติ」  

「นั่นสินะคะ……」

「แต่ว่าถ้ามีคนแบบนั้นขึ้นมาจริงๆล่ะก็――」

 

แววตานั่นส่องประกายราวกับหาเหยื่อที่เหมาะสมได้

ยูมินยืนขึ้นและสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

「ถ้าคนๆนั้น……?」  

「มันต้องเท่มากแน่ๆเลยล่ะ!!」

 

โอ้ยไปไม่เป็นเลยค่า

 

「เท่งั้นเหรอคะ……」

「เท่สิ เพราะแบบนั้นมันน่าทึ่งใช่ไหมล่ะครับ? การได้เป็นฮีลเลอร์คลาสพิเศษได้ด้วยการศึกษาด้วยตัวเองน่ะ」

 

ชายคนนั้นมองมาทางนี้

อาจารย์คนนี้ก็มีมุมแปลกๆ

ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะไม่ได้เกลียดอะไรหรอก

 

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็แก้ไขท่าทางของตัวเองและหัวเราะออกมาอย่างสงบ

 

「เอ่อ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเจอคนแบบนั้นสักครั้งนะครับ แต่ว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอครับ? หากทำงานเป็นฮีลเลอร์โดยไม่มีใบอนุญาติ ก็น่าจะต้องโดดกำจัดไปนานแล้วนะครับ」

 

เวทย์รักษา

การศึกษา

ความรู้

ซัพพอร์ตนักผจญภัย

และการดูแลและบริหารจัดการศูนย์รักษาต่างๆล้วนเป็นงานหลักของศูนย์รักษาราชวงศ์

 

「แล้วมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอครับ?」

「ไม่หรอกค่ะ ก็แค่สงสัย」

 

ยูมินโบกมือปฏิเสธ

ก็แค่กังวลจนบอกไม่ถูกเพราะเหตุการณ์ที่สัตว์ประหลาดบุกย่านสลัมไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว

 

อันที่จริงอาจจะมีฮีลเลอร์อัจฉริยะที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดอยู่ก็ได้ ฉันคิดได้แบบนั้น แต่ว่ามันดูไร้สาระ แต่ว่าพูดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา

 

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ

กองทหารรักษาการณ์ของจักรวรรดิคอยควบคุมข้อมูล แต่ในตอนแรกนั้น ศูนย์กลางแทบไม่สนใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในสลัม

 

ชายคนนั้นหยิบซองจดหมายออกมาจากลิ้นชักราวกับนึกขึ้นได้

 

「จริงด้วย มีคำขอให้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้าน ไปได้ไหมยูมิน?」

「อีกแล้วเหรอคะ? อาจารย์นี่ใช้ให้ฉันทำแต่งานแบบนี้อีกแล้วนะคะ」

「ไม่เลยงานแบบนี้เองก็สำคัญนะการไปเยี่ยมเยียนประชาชนและคอยรักษาผู้คนก็เป็นงานที่ได้ประสบการณ์ดีๆอย่างหนึ่ง」

「ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะค่ะ……」

 

ก็ไม่ได้เกลียดการเยี่ยมบ้านหรอก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีข้อกังวลหลายอย่างและฉันก็ไม่สามารถรับมือกับมันได้มากพอ

ชายคนนั้นเรียกให้ยูมินทำงานแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงเธอ

 

「ยูมินกังวลเกี่ยวกับตัวอย่างเหรอ?」

「อืม……」

「ชั้นเองก็เช่นกัน เข้าใจดีเลยล่ะ แต่ว่าถ้าคิดมากไปก็ป่วยการ ไม่ต้องไปกังวลมากนักก็ได้」

「ขอบคุณมากเลยนะคะ」

「อันที่จริงมันมีเหตุผลที่ชั้นรับงานเยี่ยมบ้านครั้งนี้อยู่นะครับ」  

「……?」

 

เมื่อยูมินเอียงคอด้วยความสงสัย ชายคนนั้นก็หยิบกระดาษจากซองแล้วยื่นออกมาให้

 

「มันเป็นที่แนะนำเลยล่ะ ที่นั่นนะเป็นแหล่งที่ฮีลเลอร์มากมายมารวมตัวกัน」

「สถานที่ๆคนมารวมตัวกัน……」

 

ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะเจอคนที่เรามองหาอยู่ได้ไหม

ยูมินมองดูกระดาษที่เธอได้รับมา

 

 

ตอนที่ 38 ข้อเสนอ

ณ ศูนย์รักษาในเมืองที่ล่มสลาย

คริสน่านั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องรักษากล่าวด้วยท่าทางสงสัย

 

「คุณเซนอส ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่รู้เกี่ยวกับผู้บงการคดีโกเลม ก็คือชายที่เรียกตัวเองว่า“ผู้นำทาง”」

「งั้นเหรอ……」

 

เซนอสกอดอกและถอนหายใจ

ชื่อฟังแล้วคุ้นๆอยู่หรอก

เขาเป็นสมาชิกของกิลด์ใต้ดินที่โซเฟียเคยพูดก่อนหน้านั้น ว่าจะคอยช่วยเหลือคำขอต่างๆตามเงื่อนไข

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น การขายดาบที่เป็นสมบัติของดันเจี้ยนของแอสตรอน ไม่สิต้องบอกว่าที่ผมเอามาได้ก็ครอบคลุมในการสร้างบ้านให้กับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดแต่ทางนี้ไม่ได้ค่าแรงเลย

 

「”ผู้นำทาง”งั้นเหรอ? จะจำเอาไว้ก็แล้วกัน สักวันจะต้องไปทวงเงินมาให้ได้」

「อ่าาา แต่ว่ามันไม่ง่ายหรอกนะที่จะตามหาคนๆนั้น ฉันเองก็ไปตามที่แอสตรอนบอกแล้วก็ไม่เจอชายคนนั้นเลย ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย」

 

「ดูเหมือนว่าชายที่เรียกตัวเองว่า “ผู้นำทาง”กำลังทำงานวิจัยบางอย่างสินะคะ」

 

โซเฟียที่ยกมือก็พูดแบบนั้น

 

「เมื่อฉันลองขอให้น้องชายไปสำรวจกิลด์ใต้ดินดูเหมือนว่า “ผู้นำทาง” จะมาที่กิลด์ใต้ดินได้ไม่นาน แล้วอีกอย่าง ตัวตนของเขาไม่ชัดเจนพอค่ะ」

「ริงก้าเองก็ได้คำตอบคล้ายๆกัน」

「มันก็มีกฏเหล็กของพวกเราที่อยู่ในโลกใต้ดินที่จะไม่สอดเรื่องของกันและกัน ข้าเองก็คิดว่าข้อมูลที่เราได้รับค่อนข้างจำกัด」

「อืม……」

 

ถัดมาคริสน่าก็ยกมือขึ้น

 

「ทหารรักษาการณ์ออกเครื่องหมายว่า “ผู้นำทาง” เป็นบุคคลอันตราย แต่ความจริงที่ว่ามันลบร่องรอยจนไม่เหลือตัวตนให้ตามได้เลยนี่สิ」

「งั้นเหรอเนี่ย」

「แต่ว่าฉันรู้สึกว่าหมอนั่นน่าจะกลับมาในเร็วๆนี้แน่ค่ะ」

「อืม」

「อย่าพูดเออออโดยหวังจะได้โซเชียลเครดิตได้ไหม?」

「อะไรเล่า? ความคิดเห็นของเธอก็ดูจะเอาเโซเชียลเครดิตเหมือนกันนี่?」

「ไม่รอเดี๋ยวก่อน……」

 

เซนอสยืนขึ้นช้าๆ มองสลับกันระหว่างสาวๆที่อยู่ในห้องรักษา

 

「ทำไมต้องทำตัวห่างกันขนาดนั้นด้วยละเฟ้ย? มานั่งคุยกันใกล้ๆไม่ได้เหรอไง」  

 

คริสน่าลูบปากของเธอ

 

「อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางเลือกอื่นนี่คะ คุณเซนอสจากจุดยืนของฉันแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกนะคะที่จะมานั่งดื่มชาร่วมโต๊ะกับพวกโซเฟีย」

「นั่นเป็นบรรทัดฐานงั้นเหรอแล้วทำไมเธอถึงมาที่นี่ล่ะ」

「ฉันเองก็เป็นทหารรักษาการณ์ก็ต้องรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีส่วนเสียหาย จะบอกว่าให้ดิฉันไม่ต้องมารายงานคุณเซนอสเรื่องคดีงั้นเหรอคะ?」

「ปากเก่งจริงๆเลยนะคะ」

「งั้นจะมาทดสอบไหมละคะว่าปากเก่งอย่างเดียวรึเปล่า」

 

「อ่า เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเถอะ ถ้าจะสู้กันไปสู้ข้างนอก อย่างแรกวันนี้ชั้นเองก็เหนื่อยแล้วและร้านก็ปิดด้วย จะรับเฉพาะเคสสาหัสเท่านั้น」

 

เซนอสค่อยๆไล่พวกเธอออกจาศูนย์รักษา

คริสน่าหันกลับมาพร้อมกับจับลูกบิดประตู

 

「อ่านั่นสินะคะ ก่อนกลับ แอสตรอน ไม่ได้พูดเรื่องของคุณเซนอสให้ใครฟังยกเว้นดิฉันคนเดียว ฉันสงสัยว่าเรื่องของคุณเซนอสจะคงไม่อยากให้คนอื่นทราบสินะคะ?」

「อืม……」

「แล้วก็ครั้งนี้เองก็ด้วย คุณเซนอสทำความสำเร็จอันใหญ่หลวงอีกแล้ว――」

「ไม่ต้องเอาเรื่องความสำเร็จของฉันไปลงบันทึกเลยนะ เพราะมันเด่นเกิน ที่อยากได้ไม่ได้อยากได้ชื่อเสียงอยากได้เงิน~」

「ก็คิดไว้แล้วล่ะคะว่าจะพูดแบบนั้น ถ้างั้นหากเจอ “ผู้นำทาง” โปรดติดต่อกับทางเราทันทีเลยนะคะ」

 

ประตูก็ปิดลง

เมื่อเหล่าแขกกลับบ้านไปแล้ว พื้นที่อันแสนเงียบสงบก็กลับมา

 

「เน่ ท่านเซนอส ลิลี่ มีข้อเสนอค่ะ」

 

ลิลี่ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถ้วยชาในมือเธอ

 

「อะไรงั้นเหรอ?」

「ในเหตุการณ์ที่แล้วท่านเซนอสโดนมาค่อนข้างหนักเลยใช่ไหมคะ?」

「อ่า ก็นานๆทีจะได้ออกแรงขนาดนี้อะนะ」

「เพราะแบบนั้นแหละคะบางครั้งลิลี่พวกเราสองคนจะ……」

 

ลิลี่ถือถ้วยอยู่ก็เอามือปิดปาก

 

「เอ๊ะ?」

「ลิลี่น่ะ――」

「อาจารย์」

 

ทันใดนั้นเองโซเฟียก็กลับมาลิลี่ก็กลืนคำพูดที่จะพูดลงไปในลำคอ

เซนอสมองกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย

 

「มีอะไร ลืมของงั้นเหรอ?」

「ไม่หรอกไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ อันที่จริงฉันมีข้อเสนอเล็กน้อยและกำลังรอให้ริงก้ากับลีฟกลับไปก่อนค่ะ」

「ข้อเสนอ?」

「อาจารย์ เหตุการณ์ที่แล้วพวกเราค่อนข้างลำบากมากเลยใช่ไหมล่ะคะ?」

「อ่า ก็นานๆทีจะได้ออกแรงขนาดนี้อะนะ」

「เพราะงั้นทำไมพวกเราไม่ไปแช่ออนเซ็นกันบ้างล่ะคะ?」

「……ออนเซ็น?」

「ใช่แล้วค่ะ คิดว่าถ้าแช่น้ำร้อนอุ่นๆ เยอะๆ ก็คงทำให้อาจารย์หายเหนื่อยได้นะคะ」  

「เข้าใจแล้ว….ก็อาจจะดีก็ได้นะ」  

「สัญญาแล้วนะคะอาจารย์?」

 

ทันทีที่โซเฟียอารมณ์ดีออกไปเอง ริงก้าก็เข้ามา

ขณะที่กังวลด้านหลังเอง เธอก็แอบเข้ามา

 

「มีอะไรลืมของงั้นเหรอ?」

「ไม่ใช่หรอก อันที่จริง ริงก้ามีข้อเสนอดีๆ ก็เลยรอให้โซเฟียกับลีฟกลับไปก่อน」

「ข้อเสนอ?」

「ท่านเซนอสน่ะ เหตุการณ์ที่แล้วทำเอาค่อนข้างลำบากน่าดูเลยใช่ไหม」

「อ่า ก็นานๆทีจะได้ออกแรงขนาดนี้อะนะ」

「เพราะงั้นไปแช่ออนเซ็นกันเถอะ」

「ก็ไม่เลวนะ……」

「ยัตต้าาาาา ท่านเซนอส สัญญาแล้ว」

 

ทันทีที่ริงก้าออกไปพร้อมกับกระดิกหูด้วยความอารมณ์ดี ลีฟก็เข้ามา

 

「เซนอส จริงๆแล้วข้ามีข้อเสนอ――」

「ออนเซ็นสินะ?」

「อย่างที่คิดเลย ความรักที่เรามีให้กันและกันเนี่ยมันทำให้รู้ใจกันสินะ」

「ก็ไม่รู้หรอกนะจริงๆแล้วโดนเดจาวูมาสองรอบ ก็เลยพอจะเข้าใจความคิดเธอนะ……」

 

ทั้งสามชวนไปออนเซ็นแบบนี้ดีต่อใจแน่นอน?

เมื่อลีฟกลับไปประตูก็ถูกเปิดออกเป็นครั้งที่สี่

 

「คุณเซนอสดิฉันมีข้อเสนอคะ……」

「คริสน่าเธอเองก็เอากับเขาด้วยเหรอ!」

 

ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่ายัยนี่จะเข้าได้ดีกับพวกโซเฟียน่าดูเลยนะ

หลังจากกลับมาเยี่ยมถึงสี่ครั้ง ในที่สุดเซนอสก็เป็นอิสระและหันกลับไปหาลิลี่

 

「แล้วลิลี่มีเรื่องอะไรจะพูดเหรอ?」

「โม่วววววววววว……เสน่ห์แรงจริงๆนะคะ――」

 

ลิลี่งอลแก้มป่องแล้วกลับไปที่ห้องนอน

 

「……เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย……」

 

เมื่อชั้นตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากชั้นสอง

 

「คุคุคุ……ออนเซ็นงั้นเหรอคะ? ไม่ได้ไปมานานแล้วน้อ」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 39  หมู่บ้านออนเซ็นฟูแล่ม

หมู่บ้านออนเซ็นฟูแล่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งวันโดยนั่งรถม้าจากชานเมืองหลวงซึ่งเป็นที่ตั้งของสลัม

แม้ว่าจะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขา แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นออนเซ็นที่มีคนพลุกพล่านตลอดทั้งปีเพื่อมาแช่ออนเซ็นคลายความอ่อนล้า

 

「อาาาา รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลย……」

 

เซนอสที่เข้าแช่บ่อน้ำกลางแจ้งที่กว้างขวางบ่นออกมาแบบนั้น

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว และดวงดาวก็ส่องแสงอยู่เหนือหัว

 

เนื่องจากมีโรงแรมหรูหราหลายแห่งใจกลางเมืองแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปพักได้หากไม่มีบัตรประชาชน จึงต้องเลือกพักโรงแรมข้างนอกเมือง

ตัวอาคารค่อนข้างเก่าแก่แต่คนน้อยและสะดวกสบายมาก

บ่อชายก็ถูกสงวนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

「ดีใจที่ได้มานะเนี่ย……」

 

ความเหนื่อยล้าที่สะสมมามากมายค่อยๆมลายหายไปลงในน้ำร้อน

อาจเป็นครั้งแรกเลยที่ได้แช่บ่อออนเซ็นขนาดใหญ่เพียงคนเดียว

 

ตั้งใจจะตั้งเป้าเป็นดาร์กฮีลเลอร์ที่ไม่โดนเด่น แต่พอมาย้อนดูแล้ว ก็ใช้ชีวิตค่อนข้างจะเด่นพอตัว เซนอสในตอนนี้นั้นกำลังเพลิดเพลินกับความสงบที่ไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน

 

「อาจารย์คะ」

「เอ๊ะ?」

 

เซนอสที่ได้ยินเสียงแบบนั้นก็รีบเอามือดึงแก้มทันที

มองเห็นได้ยากเพราะไอน้ำมันเยอะ แต่มีใครบางคนยืนอยู่ตรงที่ล้างตัว

เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสั้นๆ เปิดเผยให้เห็นเรือนร่างสุดทรงเสน่ห์

 

「……ไม่มีทางโซเฟียเหรอ? นี่บ่อชายนะเห้ย」

「รู้อยู่แล้วค่ะ แต่ให้ฉันผู้นี้ได้ถูหลังของอาจารย์เถอะนะคะ คราวนี้เป็นการมาพักผ่อนของอาจารย์ด้วยค่ะ」

「ชั้นทำเองได้น่า」

「ไม่ได้นะคะของแบบนี้น่ะ」

 

โซเฟียเข้ามาในบ่อออนเซ็น

 

「เข้ามาหน้าตาเฉยเลยเว้ย」

「ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ไม่มีลูกค้าท่านอื่นเสียหน่อย」

「ชั้นจะขึ้นแล้ว เดี๋ยวมันจะเป็นข่าวเสียหายเอา เธอเองก็รีบกลับไปบ่อหญิงเดี๋ยวนี้เลย」

「ไม่เป็นไรหรอกคะ หลังจากที่อาจารย์เข้ามาที่นี่ดิฉันก็แอบเปลี่ยนป้ายห้องน้ำชายว่าเป็นทำความสะอาดอยู่เรียบร้อยแล้วค่ะ」

「แบบนี้ก็เท่ากับแช่กันสองต่อสองอะดิ……!」

 

「เพราะงั้นแล้ว ที่นี่มีแค่ดิฉันกับอาจารย์ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะคะ……」

 

โซเฟียยิ้มและยืนต่อหน้าเซนอส

ดูเหมือนว่าสัญชาติญาณของเซนอสจะร้องเตือนถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น  

 

อย่างไรก็ตาม โซเฟียเว้นระยะห่างนั่งข้างๆนิดหน่อย

 

「……จริงๆก็อยากจะรุกหนักกว่านี้หรอกนะคะ แต่ดิฉันไม่อยากให้อาจารย์เกลียดฉันคนนี้คะ」

「บางทีก็พูดอะไรเข้าท่านี่หว่า」

「ใช่แล้วเพราะตอนนี้ดิฉันอยู่กับอาจารย์ เออออออออออออออ๋」

「……」

 

อาจเป็นเพระาความร้อนจากน้ำร้อน ใบหน้าของโซเฟียแดงเล็กน้อย

 

「ล่าสุดน้องชายของฉันกับลูกน้องบอกว่าฉันเปลี่ยนไปอย่างมาก น่าจะเป็นเพราะได้เจอกับอาจารย์แหละค่ะ」

「อ่า ตอนเจอกันตอนแรกนั้นก็เอาเรื่องมาให้เลย」

「อืม……。อาจารย์ถึงจะบอกว่าแค่รักษาแผลให้ แต่อาจจะไม่ใช่แค่นั้นนะคะ อาจารย์ยังเปลี่ยนผู้คนรอบข้าง ไม่หรอก ไม่ใช่แค่ผู้คนเท่านั้น ดิฉันเคยฝันค่ะว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์หมาป่าและก็ออร์ค และฉันไม่เคยคิดว่าจะมีวันนั้นมาถึง แต่ว่าอาจารย์ก็ทำให้เกิดวันนี้ขึ้นมา――」

「พูดเวอร์เกินไป ชั้นมันก็แค่ดาร์กฮีลเลอร์」

 

เป็นฮีลเลอร์ก็ต้องรักษาแผล ฮีลเลอร์ชั้นสามรักษาแผล ฮีลเลอร์ชั้นสองรักษาผู้คน ฮีลเลอร์ชั้นหนึ่งจะต้องรักษาโลกที่เน่าเฟะนี่

คำพูดของอาจารย์แวบผ่านเข้ามาในใจครู่หนึ่ง

แต่ว่าชั้นน่ะยังไม่ถึงระดับนั้นเลย

 

「อืม ถึงแม้ว่าอาจารย์จะคิดแบบนั้นก็เถอะนะคะ แต่คนรอบข้างนั้นไม่ใช่หรอก คราวนี้จะขอจบไว้ด้วยการมานั่งแช่น้ำร้อนบ่อเดียวกันก่อนนะคะ คราวหน้าจะทำอะไรต่อดีน้า?」

「……」

 

หลังจากเงียบสักพักเซนอสก็พูดกับตัวเอง

 

「เน่ โซเฟีย」

「มีอะไรเหรอคะ?」

「เธอค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ชั้นเรื่อยๆแล้วนะ?」

「……โดนจับได้แล้วเหรอคะเนี่ย?ถ้าตื่นตัวขนาดนี้ตลอดดิฉันก็ไม่น่าเกรงใจแท้ๆ」

「เหอะยัยงี่เง่านี่ไอ้ชั้นก็แค่คิดว่าเธอจะเข้ามาเพราะมีเรื่องกลุ้มใจ……!」

 

「รอก่อนสิค้าาาาาาาาาา!」

 

ทันทีที่โซเฟียลุกออกจากบ่อ ชั้นก็ได้ยินเสียงที่ทางเข้าบ่อชาย

ในส่วนลึกของไอน้ำ มีคนที่นุ่งผ้าขนหนูตัวจิ๋วพร้อมกับกระดิกหูสัตว์อย่างรุนแรง

 

「โซเฟีย ไม่ยอมให้หนีหรอกนะ」  

「ชิ ริงก้า นี่บ่อชายนะคะคิดอะไรอยู่?」

「ไม่เลย เธอก็เหมือนกัน?」

 

ริงก้าเดินเข้ามาในบ่อออนเซ็น

 

「ร่างกายริงก้ามันร้อนผ่าวก็เลยมาที่นี่น่ะ」

「โกหกแน่นอนเลยคะ?」

「อ้าาาาา ริงก้าลื่นซะแล้วเพราะร่างกายมันร้อนผ่าว」

「โกหกสินะ!?」

 

ขณะที่พูดริงก้าก็กระโดดเข้าหาเซนอส

โซเฟียพยายามหยุดไว้

 

「หนอย อย่าเข้าใกล้อาจารย์นะคะ」

「ปล่อยนะ โซเฟีย ริงก้ากำลังหมดสติและจะล้มทับท่านเซนอส」

「ก็ยังสติดีอยู่นี่คะ」  

「พวกเธอเนี่ย ชั้นอยากแช่ออนเซ็นเงียบๆโว้ย」

 

「รอก่อน! อย่าลืมข้าไปทั้งคนสิ」

 

มีคนโผล่มาอีกแล้ว

ซึ่งก็คือลีฟหัวหน้าเผ่าออร์คที่เอามืดพาดเอวโดยไม่กลัวแม้จะโชว์เรือนร่าง

 

「เอโตะ….นี่เธอโผล่มาจากไหนกันเนี่ย?」

「ข้าซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำร้อนและรอเซนอส อย่างไรก็ตามข้าก็เผลอหมดสติไปเพราะขาดอากาศหายใจ จากนั้นก็ได้สติกลับคืนมาก็เห็นพวกเจ้ากำลังโวยวายกัน นี่ข้าบ้าเกินไปสินะเนี่ย」

「ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ผ้านี่เน้นส่วนจังเลยนะโว้ย?」

「เป็นไงล่ะเซนอส? ข้าก็มั่นใจหุ่นตัวเองพอตัวนะ」

「มองไม่เห็นเพราะมันมืด」

「ถ้างั้นจะให้ข้าเข้าไปใกล้ๆคงได้สินะ จะได้เห็นชัดๆเลยเป็นไง」

「ไม่ต้องเข้ามาใกล้ก็ได้นะเออ?」

 

「ไม่ยอมให้เข้ามาได้หรอกนะคะลีฟ」

「ถ้าเรื่องหุ่นล่ะก็ริงก้าน่ะแจ่มสุด」

 

ทั้งสามกอดรัดฟัดถูกันและน้ำร้อนก็สาดกระเซ็นไปทั่ว

 

「เห้ย ก็บอกแล้วไงว่าอยากแช่ออนเซ็นเงียบๆ……」

 

「หนอยยยยย ยัยพวกหัวหน้าเผ่าทั้งสาม ทำบ้าอะไรอยู่ยะ!」

 

น้ำเสียงอันหนักแน่นที่เข้ามาแทรกระหว่างพวกนั้นคือสาวผมบลอนด์ดวงตาสีฟ้าที่มีผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบร่างกาย

 

「พวกเธอนี่มันบ่อชาย ทำอะไรไร้ยางอายเหลือเกินนะคะ」

 

ทั้งสามรวมหัวกันและจ้องมองคริสน่าที่ทางเข้าบ่อ

 

「ไม่สิ แล้วเธอมาที่นี่ทำไมกัน」

「ยัยผู้หญิงร่านหน้าตาย(石の痴女)」

「แกเองก็มาหาเซนอสเหมือนกันงั้นเหรอ」

 

ใบหน้าของคริสน่าย้อมเป็นสีแดงสด

 

「ไม่ใช่สักหน่อย……!ฉะ-ฉันน่ะก็แค่เข้าผิดบ่อเพราะฉันน่ะหลงทิศก็เท่านั้นเองค่ะ」

「โกหกสินะ?」

 

「อย่างไรก็ตาม อย่าเข้าใกล้คุณเซนอสด้วยสภาพที่โป๊เปลือยแบบนั้นสิคะ อย่างน้อยก็มัดผ้าขนหนูให้แน่นๆหน่อย」

「หนอย จุ้นมากเกินไปแล้วนะคะ」

「ริงก้าเองก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ」

「อ่าาา เรือนร่างเปลือยเปล่าของข้าน่ะเห็นแล้วของขึ้นเลยใช่ไหมล่ะเซนอส」

 

ต่อหน้าเหล่าหญิงสาวที่ทะเลาะกันเซนอสกำหมัดแน่น

「รีบๆออกไปได้แล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยย! พวกเธอน่ะรีบกลับบ่อหญิงไปเลยไปปปปปปปปปป!」  

 

ทันใดนั้นเองเสียงร้องของจิตวิญญาณสาวน้อยทั้งหลายก็ลั่นไปทั่วทั้งภูเขา

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 40 ณ อีกฝากหนึ่งของบ่อหญิง

「เอ๊ะ อะไรนะ?」  

 

ในบ่อหญิงผู้หญิงที่อยู่ติดกัน สาวผมฟ้ามองไปรอบๆ

 

ได้ยินเสียงกรีดร้องจากที่ไหนสักแห่ง

คิดว่าน่าจะมาจากบ่อชาย――

 

「ฉันก็ว่าเลือกที่พักไม่ค่อยมีคนแล้วนะคะ เพราะไม่อยากเจอคนแปลกๆ……」

 

หญิงสาวใส่แว่นขมวดคิ้วและแนบหูไว้ข้างๆผนังและมองไปทางบ่อชาย

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นมา ก็เลยโล่งใจ

หญิงสาวถอดแว่นที่ขุ่นมัวเพราะไอน้ำและเช็ดหน้าด้วยมือที่เปียกชุ่ม

 

「ถึงอย่างนั้น การมาเยี่ยมบ้านของอาจารย์เบ็กก้าคือการมาที่หมู่บ้านออนเซ็นฟูแล่มงั้นเหรอคะเนี่ย……」

 

สาวน้อยคนนี้มีนามว่ายูมิน

เป็นฮีลเลอร์ประจำศูนย์รักษาของราชวงศ์

 

「พอเขาถามว่าเหนื่อยไหม ก็ต้องขอบคุณที่ส่งมาที่นี่เลยได้ผ่อนคลายบ้าง แต่แบบนี้ก็เหมือนอาจารย์ดูแลเราเป็นพิเศษเลย……」

 

ยูมินกุมแก้มและถอนหายใจ

เธอออกจากบ่อออนเซ็นเพื่อคลายร้อนและมาที่มุมล้างตัว

แหงนมองดูดาวบนท้องฟ้าและครุ่นคิด

 

ยูมินมีข้อสงสัยอยู่ในใจสองข้อ

 

มีคนๆหนึ่งที่เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่อาจจะอยู่สักแห่งในอาณาจักร

และอีกอย่างคือ――

 

「ให้ตายสิ เป็นผู้หญิงก็หันเหนียมอายบ้างจะได้ไหมคะ」

 

เสียงจากด้านหลังขัดความคิดของยูมิน

เป็นผู้หญิงผมบลอนด์เดินผ่านยูมินด้วยท่าทางโกรธจัด

 

เธอมีดวงตาสีฟ้าและเรือนร่างที่งดงาม

 

ตามมาด้วยสาวผมดำ และสาวที่มีหูสัตว์และสาวอีกคนที่ตัวค่อนข้างสูงเข้ามาในบ่อหญิง

 

「ดิฉันไม่อยากได้คนอย่างคุณมาสอนหรอกนะคะคริสน่า เพราะงั้นเลยอดเชื่อมความสัมพันธ์กับอาจารย์เลยนะคะ」

「ริงก้าคิดว่าเธอคงเขินแหละ」

「ข้าเองก็ขอโทษด้วย เอาจริงๆข้าก็อยากจะอวดเรือนร่างเปลือยเปล่านี้ให้นานกว่านี้สักหน่อย」

 

ทั้งสามไปที่บ่อออนเซ็นด้วยสภาพเปลือยเปล่าพร้อมกับพูดเช่นนั้น

 

 ――หัวหน้าเผ่าทั้งสาม……?  

 

ยูมินเอียงคอด้วยความสงสัย

 

ไม่ใช่หรอกพวกหัวหน้าเผ่าไม่น่าแปลกใจเท่าไร

ไม่ว่ายังไงก็สามารถเห็นได้หากอยู่แถวๆสลัม

 

โดยปกติแล้วพวกหัวหน้าเผ่าอื่นๆมักจะเกลียดชังกัน ไหงกลับมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้ได้

แปลกใจนิดหน่อยเพราะมาแช่บ่อออนเซ็นด้วยกัน

ควบคู่ไปกับบรรยากาศแบบเปลือยเปล่าพร้อมกับไอน้ำที่พวยพุ่ง ทำให้รู้สึกเหมือนฝันอยู่เลย

 

「มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยสินะ」

 

เมื่อฉันมองดูด้วยความชื่นชม ผูหญิงที่ดูเหมือนมนุษย์กิ้งก่าก็หันกลับมา

 

「อืมมม ต้องการอะไรงั้นเหรอคะ?」

「อ่า เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ」

「อืม งั้นเหรอคะ」

 

เธอส่ายหัวอย่างเร่งรีบ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่ค่อยสนใจน้ำร้อนเท่าไร

 

「บางทีข้าเองก็รู้สึกผิดบาปเหมือนกันนะเนี่ยที่เรือนร่างของข้าคนนี้ดึงดูดหญิงสาวคนหนึ่งได้」  

「ริงก้าสงสัยว่าไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหนนะ」

 

มนุษย์หมาป่าจ้องมองหน้าออร์ค

อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่กล่าวพวกเธอเรือนร่างสวยงามทุกคน

 

「ดีจังเลยนะคะ……」

 

มองไปที่ต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวผมบลอนด์

 

 ――หวาาาา น่ารักมาก……。

 

เป็นเอลฟ์สาวตัวน้อย

เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์หายากที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของทวีปและค่อนข้างหายากในบริเวณอาณาจักรนี้

 

อย่างไรก็ตาม เป็นสาวน้อยน่ารักเธอถอนหายใจและมองดูหน้าอกของเธอ

 

「ลิลี่เองก็ถึงจะหุ่นแบบนี้แต่ก็อยากมีความมั่นใจเข้าบ่อชายบ้างนะคะ……」

「เอะ……เอ่อ……?」

 

แม้ว่าเธอจะดูน่ารักแต่คำพูดมันชวนตะหงิดแปลกๆ

 

「โซเฟียซัง ริงก้าซัง ลีฟซัง และคริสน่าซัง ทุกคนน่ะหน้าอกใหญ่หมดเลยคะ……。ลิลี่เอง……อยากมีบ้าง……」

 

หญิงสาวที่มีดวงตาเช่นนั้นก็หันมามองยูมิน

ยูมินกุมมือตัวเองเพราะความน่ารักอันเหลือล้นนั่น

 

อย่างไรก็ตามฉันรู้สึกว่าดวงตาของเธอจ้องมองลงต่ำกว่าหน้าของยูมินเล็กน้อย

หลังจากมองมาที่ฉันครู่หนึ่ง เอลฟ์คนนั้นก็ยิ้มและหันกลับมา

 

「……อาเระ?นึกว่าจะได้เป็นเพื่อนกันแล้วซะอีกนะคะ……?」

 

ยูมินสัมผัสหน้าอกตัวเอง

 

「อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิลิลี่ เจ้ายังโตได้อีกเยอะนะ นอกจากนี้ เซนอสน่ะไม่น่าเกี่ยงเรื่องหน้าอกหรอกนะ」

 

คราวนี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

ดูเหมือนจะมีใครอยู่ด้านหลัง แต่ฉันมองไม่ค่อยเห็นเพราะถอดแว่นออก

 

「ก็ใช่หรอกค่ะ แต่ว่า……」

「นอกจากนี้อกใหญ่ไปเดี๋ยวก็ยานกระดานสิยั่งยืนลิลี่ พวกอกใหญ่น่ะไม่ค่อยมีคนชอบหรอกนะ」

「งั้นเหรอคะ?」

「คุคุคุ……โลกของผู้ใหย่มันลึกซึ้งเกินกว่าที่เด็กน้อยอย่างเจ้าจะเข้าใจน้อ」

「โลกของผู้ใหญ่……!」

 

ดูเหมือนว่าคนทางด้านหลังจะสอนอะไรไม่ดีให้กับเอลฟ์ตัวน้อยคนนั้น

เอลฟ์สาวพูดราวกับนึกขึ้นมาได้

 

「อีกอย่าง คาร์มิล่าซังเป็น เรธ จะแช่น้ำร้อนได้เหรอคะ?」

「คุคุคุ…เรื่องนั้นดิฉันไม่สนหรอก สิ่งสำคัญคือฟีลลิ่ง ดิฉันสามารถเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของออนเซ็นได้คะ」

「อาเระ……?」

「อะไรเหรอ?」

「คาร์มิล่าซัง……รู้สึกว่าร่างกายจะบางกว่าปกตินะคะ」

「โฮ่วววว……。อาบางทีที่นี่มันคงจะเหมือนสวรรค์สินะคะ ดิฉันกำลังจะไปสวรรค์ไปเฝ้าพระอินทร์」

「ช่ายแล้ว ดูเหมือนจะมีปัญหาล่ะ」

「โอ้ว……กำลังจาง……หาย……ร่างกาย……ฉันกำลังหายไป……」

「หวาวาวาววาวาวาา」

「……คุคุคุ ล้อเล่นน่า ฉันก็แค่ทำให้ร่างกายสัมผัสเบาบางลงนิดหน่อย」

「อย่าทำให้ตกใจสิคะโม่ววววว」

 

「อาโนะ มีอะไรผิดปกติเหรอคะ?」

 

ขณะที่เอลฟ์สาวเริ่มส่งเสียงดัง ยูมินก็รีบหันไปที่จุดนั้น

หญิงสาวคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความโล่งใจ

 

「อาา ไม่เป็นไรหรอกคะ ก็แค่เป็นพวกขี้เล่นชอบแกล้งคน」

「เอะ……?」

 

ดวงตาของยูมินจับจ้องไปที่คนด้านหลัง

คนๆนั้นกำลังฮัมเพลงพร้อมกับผ้าเช็ดตัวบนหัวของเธอ

 อย่างไรก็ตามร่างกายโปร่งแสงและดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์เลย――  

 

「ไม่มีทาง……ระเรธเหรอค้าาาาาาาาาา……?」

 

วินาทีถัดมายูมินก็ตะโกน

 

「หวา หวา หวา หวาาาาาาาาาา ทำไมอันเดดระดับท็อปถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะเนี่ย……!」

 

เธอเริ่มร่ายเวทย์รักษาอย่างเร่งรีบ

ว่ากันว่าเวทย์รักษาได้ผลดีกับพวกอันเดด แต่เวทมนตร์ของฉันจะได้ผลกับเรธแค่ไหน?

ฉันจะปกป้องคนที่นี่ได้ยังไง

 

「โอยะ มีแขกท่านอื่นอยู่ด้วยเหรอเนี่ย? ดิฉันควรจะออกไปก่อนดีไหมน้อ」

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เวทย์จะถูกใช้งาน เรธก็ลอยตัวหายไปด้านหลังกำแพงบ่อชาย

 

สักพักก็มีเสียงสะท้อนมาจากฝั่งชาย

 

「คาร์มิล่าต่อมาก็เธอเหรอวะเนี่ย!」

「เอ๋ มาที่นี่ไม่ได้เหรอเซนอส? ฝั่งโน้นมีปัญหานิดหน่อยน่ะ」

「ให้ชั้นได้แช่ออนเซ็นคนเดียวเถอะขอร้องล่ะ ตอนนี้อยากธรรมะธรรมโมกับเขาบ้าง」

「ขี้วีนจังเลยนะ โฮร่า เดี๋ยวเอาน้ำร้อนมาให้นะ」

 

「อะไรคะเนี่ย……」

 

ยูมินจ้องไปที่ผนังบ่อชายในขณะที่ตกตะลึง

อย่างไรก็ตามดูเหมือนฝ่ายหัวหน้าเผ่าจะไม่แปลกใจ

 

ยูมินนั่งเงียบๆขณะที่นั่งกุมขมับ

 

「ความฝันสินะคะ……? สงสัยฉันคงจะเหนื่อยเกินไปสินะค้าาาาา……」

 

 

ตอนที่ 41 ยามดึก

「แล้วมีใครมีแก้วบ้างไหม?」

 

หลังจากแช่บ่อออนเซ็น ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องจัดเลี้ยงที่สงวนเอาไว้

 

「ถ้างั้น เพื่อเป็นการขอบคุณอาจารย์ คัมไป」

「คัมไป!」

 

ตามคำสั่งของโซเฟียทุกคนเอาแก้วมาชนกัน

 

「ว้าววว น่าอร่อยจัง」

 

ลิลี่ใช้ส้อมพร้อมกับทำตาเป็นประกาย

ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากภูเขาและแม่น้ำยังคงมาเสิร์ฟบนโต๊ะ

 

โซเฟียหันกลับมามองและขมวดคิ้ว๘ระจ้องมองทุกคนที่กำลังโห่ร้องด้วยความยินดีเพราะอาหารที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษ

 

「เน่….ฉันสังเกตมาสักพักแล้วนะคะ」

「ริงก้าเองก็โกรธ」

「มีอีกคนหนึ่งท่าทางตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ」

 

ตรงนั้นเอง —-คริสน่านั่งอยู่คนเดียวในโต๊ะที่ไกลออกไป

เธอมองมาทางนี้ด้วยแววตาขี้อิจฉา

 

「คริสน่า ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยมานั่งด้วยกันก็ได้นี่」

「ใช่แล้ว มาทานข้าวด้วยกันเถอะคะ」

 

เซนอสและลิลี่เรียกแต่คริสน่าก็ดื้อรั้นและส่ายหัว

 

「นั่นเป็นไปไม่ได้คะ ในฐานะที่เป็นของทหารรักษาการณ์แล้ว จะไปดื่มฉลองโต๊ะเดียวกันกับพวกผู้นำใต้ดินไม่ได้หรอกคะ ฉันมาที่ออนเซ็นคนเดียวและบังเอิญมาเจอกับคุณเท่านั้นเองคะ」

「ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยเนี่ย」

 

เซนอสพูดเช่นนั้นพร้อมกับโซเฟียที่ยักไหล่

 

「นั่นสินะคะ ถ้างั้นปล่อยยัยคนดื้อรั้นหัวชนฝานั่นนั่งทานดื่มไปคนเดียวก็คงจะดีนะคะ」

「อาหารก็อร่อยอยู่หรอกแต่ริงก้าคิดว่ามันเยอะเกินไป」

「ข้าเองก็ไม่รังเกียจหรอก เห็นเจ้าอยู่คนเดียวแบบนั้นแล้วท้องไส้ปั่นป่วนกันพอดี」

「อึกอึกอึก……」  

 

คริสน่าที่อยู่ทางด้านหลังเทสาเกลงคอของเธอขณะที่เช็ดน้ำตาไปด้วย

 

「อาเระ แล้วคาร์มิล่าละ?」

 

เซนอสมองไปรอบๆ ลิลี่ก็พูดขึ้น

 

「เธอบอกว่าเธอจะไปดื่มคนเดียวพลางในห้องค่ะ」

「งั้นเหรอ」

 

 +++

 

「……อืม ทานมากเกินไปซะแล้วสิ」

 

หลังอาหารเย็นยูมินกำลังเดินไปในโรงแรมขณะจับท้องของเธอ

เนื่องจากมันเยอะมากเลยใช้เวลานานกว่าจะทานเสร็จ

 

เสียงร้องเพลงดังก้องมาจากห้องจัดเลี้ยงถัดไป ดังนั้นมันเลยดูค่อนข้างน่าตื่นเต้นมากๆ

 

「คนเดียก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่คราวหน้าไว้มากับเพื่อนที่ศูนย์รักษาบ้างก็ดีนะคะ」

 

ในขณะที่พึมพำยูมินก็หันไปมองนอกหน้าต่าง

ความมืดสีดำสนิทแผ่ขยายออกไปทั่วน่านฟ้า

เนื่องจากที่นี้เป็นโรงแรมเล็กๆ ในเขตชานเมืองจึงไม่มีแสงอื่นใดสาดส่อง และเสียงต้นไม้ที่โดนลมพัดก็ดังเข้ามาจนถึงใบหู

 

「……」

 

ไม่ได้มีความรู้สึกต้องตื่นกลัวอะไร แต่ว่ามันรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ

คงเป็นเพราะประสบการณ์แปลกๆที่บ่อหญิงนั่น

 

「……เพราะเหนื่อยมากแน่ๆ รีบเข้านอนดีกว่า」

 

บอกตัวเองและเปิดประตูห้อง

ยูมินก้าวเข้าไปและหยุดกระทันหัน

 

 ……ฮ่าห์

 

ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแปลกๆ

 

「……คิดไปเองรึเปล่านะ?」

 

 ……ฮ่าห์

 

 ……ฮ่าห์

 

ไม่ ไม่ได้คิดไปเองแล้วคะ

 

ได้ยินเสียงจริงๆด้วย

เสียงเหมือนเลือดหยดเลย――    

 

ยูมินถอนหายใจและเดินต่อด้วยความระมัดระวัง

เสียงแปลกๆมันดังมาจากอีกด้านของประตูบานเลื่อน

ฉันเดินเข้าไปช้าๆและก็ดึงประตูออก

 

「……เอ๊ะ?」

 

มีคนหนึ่งกำลังดื่มสาเกด้วยท่าทางพึงพอใจ

 

อย่างไรก็ตามร่างกายนั้นโปร่งใสเล็กน้อย――

 

「ฮิย้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาห์!」

 

เมื่อฉันเผลอกรีดร้องออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอคนนั้นที่ร่างกายโปร่งแสงก็กระพริบตา

 

「โฮยะ นี่เธอเข้ามาผิดห้องเองนะ」

 

พอพูดจบเธอก็ยิ้มพร้อมกับถือขวดสาเกและถ้วยในมือมา

ยูมินกุมขมับขณะที่ยืนตะลึง

 

「……ไม่ใช่ความฝัน……ไม่ได้ฝันอยู่……นี่ฝันอยู่สินะคะ……ได้โปรดเป็นฝันที่เถอะค้าาาาา……!」

 

+++

 

「กลับมาแล้ว」

 

เมื่อเซนอสเปิดประตูห้องคาร์มิล่าที่อยู่ด้านหลังก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับถ้วยในมือ

 

「งานเลี้ยงจบแล้วเหรอ?」

「ก็นะ อีกอย่างคือได้ยินเสียงกรี๊ดมาจากห้องข้างๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?」

「ไม่รู้หรอกน้อ ฝั่งฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยน้า คิดไปเองอะป่าว……」

 

เซนอสทิ้งลิลี่ที่อยู่บนหลังลงบนเตียง

ให้แน่ใจว่าเธอหลับแล้งและนั่งลงตรงหน้าคาร์มิล่า

 

「โอ้ย เหนื่อยชะมัด……」

「งานเลี้ยงไม่สนุกงั้นเหรอ?」

「มันก็ผ่านมาครึ่งทางแล้วอะนะ แต่ว่าคริสน่าที่ดื่มหนักก็เริ่มเมาพร้อมกับร้องไห้และอาละวาดบ่นว่า 『ฉันเองก็อยากดื่มข้างๆคุณเซนอสนะค้าาาาา』」

「คุคุคุ……น่าสนใจดีออกมิใช่รึ」

「ด้วยเหตุผลบางอย่าง การแข่งกันดื่มก็ได้เริ่มขึ้นแล้วผู้ชนะก็จะได้นั่งตักชั้นโดยไม่ถามชั้นสักคำ」

 

น่าแปลกที่ลีฟเป็นคนแรกที่ถูกคัดออก

 

「『ข้าน่ะดื่มได้เรื่อยๆ』แม้ว่าจะพูดด้วยความมั่นใจ แต่เธอก็หลับปุ๋ยหลังจากดื่มไปได้ไม่กี่ถ้วย ถ้าสังเกตดีๆก็ประมาณที่เธอดื่มอยู่ตอนนี้แหละ」

「ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็น่าจะหัวเราะเยาะสักหน่อยก็ได้นี่」

「หลังจากนั้น ขวดสาเกมากมายก็ถูกเททิ้งและคนถัดไปที่โดนคัดออกคือริงก้า」

 

เธอเมาและขดตัวอยู่บนโต๊ะขณะโวยวาย

 

「หมาป่านะไม่ใช่แมว……」

「ในตอนท้ายแล้ว โซเฟียกับคริสน่าก็กอดคอกันร้องเพลงเฉยเลย」

「น่าสนใจดีนี่ความสัมพันธ์ระหว่างโจรและทหารรักษาการณ์งั้นเหรอ」

「และลิลี่ที่ดื่มน้ำผลไม้ก็『ฟุฟุฟุ……ลิลี่ชนะล่ะ』เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับนั่งตักชั้นแล้วก็ผล็อยหลับไป」

「คุคุคุ……」

 

หลังจากนั้นเขาก็อุ้มผู้หญิงแต่ละคนที่หลับไปเข้าห้องของแต่ละคนและในที่สุดก็กลับมาที่ห้องตัวเอง

 

「นี่ไม่ใช่ว่าเป็นงานเลี้ยงปลอบใจชั้นเหรอไงฟะ……?」

「ไม่ดีอย่างงั้นเหรอ? เพลิดเพลินกับวันที่ได้สนุกสนานด้วยกันเช่นนี้ ในอนาคตเจ้าอาจจะไม่มีเวลาเพราะอาจจะไปผัวพันกับปัญหาที่หนักหนายิ่งขึ้นก็ได้」  

「อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ」

「คุคุคุ……ลางสังหรณ์ของฉันน่ะถูกต้องนะ」

 

คาร์มิล่าโยนถ้วยสาเกให้เซนอส

 

「ขอโทษด้วยเน้อ ถ้างั้นมาดื่มกันสักหน่อยไหม เจ้าเองก็ไม่ได้เด็กเกินไปที่จะดื่มไม่ได้หรอกน้อ」

「ไม่รู้หรอกแม้แต่อายุที่แน่นอนของชั้นยังไม่รู้เลย เพราะตั้งแต่จำความได้ก็อาศัยอยู่ในสลัมแล้ว」

 

คาร์มิล่ารินสาเกให้เซนอส

ภาชนะเปล่าถูกเติมด้วยของเหลวใส่อย่างช้าๆ

 

ในยามราตรีอันเงียบสงบของหมู่บ้านออนเซ็นฟูแล่มยังคงดำเนินต่อไป

 

 

และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 42 เผชิญหน้า

「ฟุหวาาาาาาาาาา……」

 

ณ ห้องทานข้าวเช้า

ยูมินหาววอดใหญ่พลางขยี้ตาตัวเองที่กำลังง่วงอยู่

เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับเพราะกังวลเรื่องเรธลึกลับที่ฉันเห็นเมื่อคืนนี้

 

「ฉันมาที่นี่เพราะว่าจะได้คลายความเหนื่อยล้าแล้วแท้ๆ แต่ว่ากลับเหนื่อยหนักกว่าเดิม……」

 

หลังจากตักอาหารเข้าปากอยู่นั่นเอง

 

「อืมมม อร่อย」

 

แม้จะดูเรียบง่ายแต่รสชาติกลับพิถีพิถัน

แม้ตัวโรงแรมจะค่อนข้างเก่า แต่อาหารที่นี่กลับอร่อยมาก

 

ขณะที่กำลังดื่มชาและผ่อนคลาย――  

 

ทันใดนั้น ตัวโรงแรมก็สั่นสะเทือนและมีเสียงดังก้องกังวาล

 

「เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!」

 

ยูมินรีบออกจากห้องอาหาร

เมื่อหันไปมองก็เห็นประตูที่อยู่ปลายทางสุดพังและฉันก็ถึงกับต้องทรุดตัวลง

 

「หวาาาาาาาาาา」

 

เมื่อเข้าไปข้างในนั้นจะเป็นห้องครัว

ตรงนั้นมีส่วนผสมที่ไหม้แล้วอุปกรณ์ทำอาหารกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และแม้แต่ผนังก็ดำปี๋

 

ชายคนหนึ่งนอนหงายอยู่บนพื้น

 

「คุณคะ」

 

มีหลายๆคนกรีดร้องไปทั่วทั้งโรงแรมแต่ละคนก็มีสภาพเลือดนอง

 

「เป็นอะไรไหมคะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ!」

 

ยูมินนั่งลงข้างๆ

เจ้าของโรงแรมตัวสั่นหน้าซีด

 

「เอ่อ พอเข้ามาในครัวแล้วมีคนกำลังทำอาหารอยู่จู่ๆก็เกิดเสียงดังขึ้นคะ……」

「บางทีหินเวทย์ธาตุไฟอาจระเบิดก็ได้」

 

มองไปรอบๆยูมินก็พูดแบบนั้น

เศษหินเวทมนตร์ที่ถูกใช้งานกระจัดกระจายไปทั่ว

 

แต่ว่ามันเป็นการระเบิดที่น่ากลัวเกินไปแล้ว

ครึ่งขวาของทางร่างกายมีสีแดงและบวมเป่งโดยเฉพาะปลายแขนขวาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว

 

「ก็บอกแล้วว่าให้ทิ้งหินเวทย์เก่าๆทิ้ง….」  

 

เจ้าของโรงแรมเขย่าร่างกายของชายที่ล้มลงขณะที่ร้องไห้ แต่ท่าทางของคนๆนั้นกลับไม่ดีขึ้น

 

「อาใช่สิได้ยินว่าอาจารย์ของฮีลเลอร์จะมาที่นี่ด้วยนี่」

「ฉันคือฮีลเลอร์ค่ะ」

 

ยูมินกล่าวเช่นนั้น เจ้าของโรงแรมก็จับมือเธอและขอร้อง

 

「เอ๊ คุณลูกค้าใช่อาจารยของเหล่าฮีลเลอร์รึเปล่าคะ? ได้โปรดช่วยคนของฉันด้วยที่นี่เป็นที่ฉันอยู่อาศัยกับสามีมานานแล้วค่ะ!」

「เอ๊ะ เดี๋ยวฉันพยายามหาทางทำอะไรสักอย่างนะคะ」

 

ยูมินร่ายเวทย์และเปิดใช้งานเวทย์รักษา

เมื่อแสงสลัวๆล้อมรอบชายคนนั้นความเจ็บปวดของชายคนนั้นก็ถูกบรรเทาลงเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตามนี่เป็นการปฐมพยาบาล

สำหรับแผลไฟไหม้เล็กน้อยเท่านี้ก็เพียงพอ แต่แผลไหม้ลึกต้องใช้เวลาอย่างมากในการรักษา

เป็นความคิดที่ดีที่จะเอาเขาไปที่ศูนย์รักษาของทางราชวงศ์ขณะที่คอยบรรเทาอาการบาดเจ็บของเขาไปด้วย

ถ้าไปที่นั่นก็จะได้รับการรักษาขั้นสูง

 

「อาจารย์คะ ถ้าเป็นแบบนี้จะรอดไหมคะเนี่ย?」

「รักษาคนต้องมาก่อน」

「ช่วยได้จริงๆเหรอคะ ขอบคุณมากนะคะ」

「แต่ว่า――」

 

มันใช้เวลาสักครู่ในการฟื้นฟู

นอกจากนี้ส่วนที่ไหม้จนเห็นกระดูกก็ยากต่อการฟื้นฟูอย่างมากและมีความเป็นไปได้ว่ายาก

 

ตอนนั้นเองก็คิดว่าจะบอกแผนการกับเจ้าของโรงแรม

 

「เกิดอะไรขึ้น?」

 

ชายคนหนึ่งเข้ามาในครัวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

เขาสวมเสื้อคลุมสีดำและมีผมสีดำ

 

「คุณคือ?」

「ก็เป็นลูกค้าที่นี่น่ะสิ ชั้นเองก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะได้ยินเสียงระเบิด」

「ใช่แล้วคะ ถ้างั้นช่วยพาคนๆนี้ไปรักษาที่เมืองหลวงจะได้ไหมคะ」

 

เมื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นก็หันไปมองผู้บาดเจ็บและค่อยๆเข้าหาคนเจ็บ

 

「อืมมม แผลไฟไหม้? สงสัยว่าหินเวทย์ธาตุไฟคงระเบิดสินะ ควรจะระวังให้ดีเพราะหินเวทย์เก่าๆก็เป็นแบบนี้แหละ」  

 

เขาดูท่าทางไม่แปลกใจเลยแม้จะเห็นบาดแผลร้ายแรงก็ตาม

 

「อาโนะ จะช่วยหน่อยได้ไหมคะ? เพราะเขาเป็นผู้ชายตัวเลยค่อนข้างหนัก」  

「ว่าแต่ทำไมต้องพาไปเมืองหลวงด้วยล่ะ?」

「ที่นั่นมีศูนย์รักษาของราชวงศ์ ถ้าไปที่นั่นมีเวทย์ฟื้นฟูชั้นสูงคะ」

「เหหหห มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย? น่าสนใจแหะ」

「น่าสนใจเหรอคะ……」

「แต่ว่าถ้ารอยขีดข่วนแค่นี้ไม่ต้องถึงกับพาไปถึงเมืองหลวงหรอก」

「เอ๊ะ?」

 

ยูมินกระพริบตา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากทางเดิน

 

「ท่านเซนอส ทุกอย่างโอเคไหมคะ?ดูเหมือนจะมีรถม้ามารอแล้วนะคะ」

「อ่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะตามไปนะ」

 

เอลฟ์สาวที่เห็นที่บ่อหญิงเมื่อคืนนี้กำลังมองมาทางนี้

 

「เอ้านี่บริการพิเศษสำหรับมื้ออาหารอันแสนอร่อยของที่นี่」

 

ชายคนนั้นพูดเช่นนั้นแล้วก็เดินออกจากครัว

 

「รอก่อนสิคะ อย่างน้อยก็ช่วยอุ้ม……!」

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย

ทิ้งผู้บาดเจ็บไว้แบบนี้

 

แต่หลังจากนั้นไม่นานเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น

 

「อืมม…ข้า……?」

 

ชายที่นอนอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมาทันที

ไม่สิ ไม่ใช่แค่ตื่นขึ้นมา  

รอยไหม้ที่เผารอบๆดวงตาก็หายไปอย่างหมดจดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

เจ้าของบ้านดูประทับใจและจับมือยูมิน

 

「ค่อยยังชั่วคะ ขอบคุณนะคะอาจารย์ ขอบคุณมากจริงๆ」

 

เธอขอบคุณฉันทั้งน้ำตา แต่คนที่ควรจะตกใจคือฉัน

 

「อะไรกัน……?」

 

 เวทย์รักษาเพียงแค่ครั้งเดียวก็หายเลย?

ไม่สิระดับนี้เรียกแค่ว่ารอยขีดข่วน

 

แม้แต่ฮีลเลอร์ระดับสูงก็ไม่สามารถรักษาแผลให้หายขาดหากไม่มีวงเวทย์ช่วย

หากสามารถทำแบบนั้นได้ก็ต้องเป็นตัวตนระดับนักบุญไม่ก็เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษ……

 

 ――!

 

ยูมินรีบวิ่งออกไปทันที

ฉันพยายามวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อไปหยุดคนๆนั้น แต่ว่ารถม้าก็ออกไปแล้ว

 

「แต่ว่า…คราวนี้มันไม่ใช่ความฝันแน่ๆ」

 

ยูมินพูดแบบนั้น

 

ท้ายทีุ่สดแล้วก็มีจริงๆ

ฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด

ตอนที่ 43 รอยเท้าที่คลืบคลานเข้ามา

「……มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นด้วย?」

 

หลังจากกลับมาที่ศูนย์รักษาราชวงศ์ยูมินก็รายงานสิ่งที่เธอได้พบเจอกับอาจารย์

เบ็กก้าซึ่งหัวฟูก็โต้ตอบขณะที่ทำงานเอกสารไปด้วย

 

「เหหห มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นสินะ」

「แถมยังมีพวกหัวหน้าเผ่าอื่นๆที่เข้ากันได้ดี แถมยังมีเรธที่นั่งดื่มสาเกมันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน……」  

「ก็เป็นในทางที่ดี ที่พวกเราหาคนๆนั้นเจอ」

 

เบ็กก้าเอาตัวเองพิงพนักพิง

 

「อย่างไรก็ตาม เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่สามารถรักษาแผลไฟไหม้รุนแรงได้ในทันทีงั้นเหรอ……」

「จริงๆนะคะอาจารย์เบ็กก้า」

「ไม่สงสัยเลยถ้ามีคนแบบนั้น เป็นแบบนั้นชั้นเองก็ค่อยปล่อยวางไว้ไม่ได้」

「นั่นสินะคะ….หากทำธุรกิจมืดก็ต้องโดนปราบปราม」

「ใช่แล้วหลังจากนั้นหากมีคนที่สามารถมากขนาดนั้น ทางฝั่งนี้เองก็อยากได้ตัวมาเลย เพราะประเทศนี้มีฮีลเลอร์ระดับพิเศษไม่กี่คน」

「ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้คลาดสายตาไป……」

 

อย่างไรก็ตามมีข้อมูลบางอย่างที่ทราบอยู่

ระหว่างทางกลับนั่นเอง เอลฟ์สาวคนนั้นเรียกชื่อชายคนนั้น

 

 ชื่อนั้น――เซนอส

 

ฉันพยายามค้นหารายชื่อฮีลเลอร์ที่ลงทะเบียน แต่ไม่มีชื่อดังกล่าว

 

「อืมมม……พูดได้ไม่ชัดเจนเพราะอาจจะเป็นนามแฝงก็ได้พอจะจำได้มั้ยว่าหน้าตาชายคนนั้นเป็นยังไง?」

「จำได้ว่ามีผมสีดำแต่ว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าจะเอาให้ชัดเจน……ถ้าได้เจอก็สามารถบอกนะ……」

 

ยูมินตอบด้วยความตื่นเต้น และเบ็กก้าเองก็ตอบด้วยท่าทางอันอ่อนโยน

 

「ก็ช่วยไม่ได้นะ ถ้างั้นจะช่วยตามหาด้วยแล้วกัน แต่ว่างานอื่นชั้นก็เยอะ」

「ไม่เป็นไรเหรอคะ?」

「เขารักษาคนเจ็บแล้วก็จากไปใช่ไหมล่ะ?ชั้นคิดว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอก และชั้นก็คิดว่าไม่เป็นอันตรายอะไรหากปล่อยไว้ แต่หากไม่มีทางเลือกก็ต้องจัดการเขา ก็รู้อยู่หรอกนะว่าพูดเยอะ แต่ ก็นะ」

「เฮ้อ……」

 

อาจารย์คนนี้จะเรียกว่าไงดีตามใจตัวเองหรือสบายๆ

โดยส่วนตัวแล้วฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับเขาคนนั้น แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะบอกกับอาจารย์

จู่ๆยูมินที่พยายามออกจากห้องก็หยุด

 

「โอ้ นั่นสินะ ฉันจำได้ว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่นึกออกเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ」

「เสื้อคลุมสีดำ……?」

 

มีรอยย่นระหว่างคิ้วเล็กน้อยของเบ็กก้า

 

「สวมเสื้อคลุมสีดำ……และเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษ……」

「เป็นอะไรไปคะอาจารย์?」

 

เมื่อถูกถามเบ็กก้าก็หันไปมองยูมิน

 

「…… อืม เปลี่ยนใจแล้วล่ะ จะพยายามหาหมอนั่นให้เจอแล้วกัน」

「อะคะ แต่ว่าทำไมกันเหรอคะ?」

 

เบ็กก้าก็กลับมาทำสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

 

「อยากเจอหมอนั่นถ้าทำได้น่ะ-ในฐานะที่เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษเช่นเดียวกัน」

 

 +++

 

วันถัดมา

 

ซอนเด้น้องชายของโซเฟียมาถึงศูนย์รักษาในเมืองล่มสลาย

 

「อาจารย์ ข้าปวดท้องตั้งแต่เช้า……」

 

เขาเหงื่อออกและขมวดคิ้ว

เซนอสแตะหน้าผากของซอนเด้

 

「ดูเหมือนจะมีไข้ ลิลี่ให้ซอนเด้ไปนอนพักที่เตียง」

「ค่า」

 

เซนอสจับมือซอนเด้ซึ่งนอนลงบนเตียงด้วยความช่วยเหลือของลิลี่

 

「<วินิจฉัย>」

 

แสงสีขาวส่องผ่านร่างกายของซอนเด้

 

「ดูเหมือนว่าจะมีอาการอักเสบรอบลำไส้ กินอะไรแปลกๆงั้นเหรอ?」  

「อืมเมื่อวานเนื้อที่กินน่ะรสชาติมันต่างไปจากปกติ……」

「บางทีก็คงเป็นแบบนั้นแหละ อาหารเป็นพิษล่ะ」

 

ท่าทางของซอนเด้เปลี่ยนไป

 

「เอ๊ะ พิษ?ข้าจะตายไหม……?」

「ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอก มันก็แค่เกี่ยวกับอาหารที่ทำความสะอาดไม่ค่อยดีน่ะ」

「อาาา งั้นเองเหรอ……」

「แล้วอาการคลื่นไส้กับท้องร่วงเป็นยังไงบ้าง?」  

「ตอนเช้าก็หนักเลย」

「ถ้างั้นยิ่งถ่ายออกได้มากเท่าไรก็ควรจะทำให้มากที่สุด」

 

เซนอสวางมือลงบนท้องของซอนเด้

แสงสลัวลามไปจากช่องท้องขึ้นไปทั่วร่างกาย

 

「ในตอนนี้ พยายามระงับอาการปวดและปรับปรุงร่างกายให้มีความยืดหยุ่น หลังจากนั้นก็ต้องให้เอายาให้เพราะต้องป้องกันโรคขาดน้ำด้วย แต่ว่าฉีดใส่หลอดเลือดโดยตรงไม่ได้เพราะแถวนี้ไม่มีน้ำสะอาดเลย ถ้ารู้สึกว่าอาการดีชึ้นแล้วก็พยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้」  

「อาาา」

 

หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของซอนเด้ก็สงบลง

เขาลุกขึ้นช้าๆและลุกออกจากเตียง

 

「อย่างไรดีล่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าค่อนข้างดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณมากนะอาจารย์」

「คนรอบๆเองก็ไม่มีอาการท้องร่วงใช่ไหม?」

「อ่าเป็นข้าคนเดียวที่กินเนื้อนั่น」

「เอาล่ะ ถ้างั้นก็อย่าฝืนร่างกายมากนักล่ะ」

 

ซอนเด้พยักหน้าและเดินออกไปด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

ลิลี่นั่งลงที่แผนกต้อนรับพร้อมกับหมุนตัวไปมา

 

「ท่านเซนอส ลิลี่น่ะคิดว่าท่านเซนอสรักษาได้อาการบาดเจ็บได้เพียงอย่างเดียวแต่สามารถรักษาโรคได้ด้วยสินะคะ」

「มันก็ขึ้นกับแต่ละเคส ถ้าเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ทั่วไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเป็นโรคที่ลุกลามไปทั่วร่างกายก็ทำให้แค่ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้แค่นั้น ถ้าอาการเบากว่านั้นก็จะหายเอง」

「งั้นเหรอคะ」

「อย่างไรก็ตามมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากใช้ยาร่วมด้วย」

 

ในขณะที่กำจัดสาเหตุของโรคด้วยยาร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น

ผลของการรักษาที่ดีที่สุดคือการรักษาไปพร้อมสร้างภูมิคุ้มกันไปด้วย

 

「อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีใบอนุญาติเป็นฮีลเลอร์เลยไม่มียา」  

 

เซนอสถอนหายใจเบาๆ

 

「กาลครั้งหนึ่งมีโรคติดต่อที่แพร่ระบาดในเมืองหลวง มีผู้เสียชีวิตมากมายในสลัมแต่ว่า “กระสุนเงิน”ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นและหลายคนรอดเพราะยาตัวนั้น เพราะงั้นเองเลยคิดว่ายาน่ะวิเศษมากเลยนะ」  

「งั้นเหรอคะ……」

 

เมื่อชั้นคิดขณะทานข้าวกลางวันประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง

เป็นหัวหน้าฝ่ายหญิงของเผ่ามนุษย์กิ้งก่าก็ปรากฏตัวขึ้น

 

「มีอะไร?จะมาทานข้าวเที่ยงที่นี่อีกแล้วเหรอ」

「เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะคะอาจารย์」

 

โซเฟียรีบเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

 

「มีผู้หญิงในชุดคลุมสีขาวกำลังเดินเตร่ไปทั่วสลัมคะ」

「……ชุดคลุมสีขาว?」

 

โซเฟียยังคงแสดงท่าทีจริงจังต่อเซนอส

 

「ชุดนั่นเป็นเครื่องแบบของศูนย์รักษากลางของราชวงศ์อย่างแน่นอน บางทีคงอาจจะกำลังตามหาตัวอาจารย์อยู่คะ」

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 44 เยี่ยม

「ศูนย์รักษากลางราชวงศ์……?」

 

เซนอสขมวดคิ้ว

 

「เอาจริงเหรอเนี่ย….หรือว่าธุรกิจดาร์กฮีลเลอร์ของเรากำลังเป็นที่รู้ไปถึงหูเมืองหลวงแล้วเหรอ」

 

ทั้งสามต่างมองหน้ากันด้วยท่าทางสงสัย

 

「ก็คงงั้นสักวันยังไงก็น่าจะมาถึงในสักวันสินะคะ……」

「ริงก้าคิดว่าเวทย์รักษาของท่านเซนอสเด่นมากเลย」

「อุมุในที่สุดก็โดนเจอตัวแล้วงั้นเหรอ?」

 

ลิลี่จับมือและพูดอย่างกังวล

 

「ท่านเซนอส จะทำยังไงดีคะ?」

「อืมมมม……」

 

เซนอสคร่ำครวญเล็กน้อยและยืนกอดอก

 

「คนแบบไหนที่แอบมาตามรอยชั้นงั้นเรอะ?」

「เธอเป็นผู้หญิงผมฟ้าใส่แว่น ดูเหมือนกำลังสอบถามคนไปทั่วทั้งสลัม ว่ารู้จักคนชื่อเซนอสไหม」

 

โซเฟียตอบเช่นนั้น

ดูเหมือนว่าจะเป็นที่รู้จักด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

「ผู้หญิงผมฟ้าใส่แว่นงั้นเหรอ……?」

 

ตอนนั้นเองเซนอสก็เงยหน้าขึ้น

เหมือนเคยเห็นหน้าคนนั้นที่ไหนสักแห่ง――

 

「อ้อ บางทีคงจะเป็นสาวน้อยคนนั้นที่เจอกันที่หมู่บ้านออนเซ็นฟูแล่ม……?」

 

ชั้นช่วยรักษาสามีของเจ้าของโรงแรมที่โดนไฟไหม้ แต่เมื่อนึกดูดีๆก็มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย

 

「……เป็นฮีลเลอร์ของศูนย์รักษากลางของราชวงศ์งั้นเหรอเนี่ย? ตอนนั้นชั้นไม่ได้กะจะเอาเงินซะหน่อย เพราะงั้นปล่อยตรูไปเหอะ」

 

เซนอสกุมขมับและถอนหายใจ

 

ริงก้าที่อยู่ใกล้ทางเข้ายกมือขวาขึ้น

 

「ริงก้ามีความคิดดีๆล่ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะมาเพียงคนเดียวถ้างั้นพวกเราไปลักพาตัวยัยนั่นมาและขู่ให้ไม่ต้องมาเข้าใกล้สลัมดีไหม」

「เรื่องแบบนั้นจะทำให้บานปลายกว่าเดิมสิ?」

「แต่ว่า……ริงก้าเป็นห่วงท่านเซนอส」

「อาจารย์ไม่ชอบเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ริงก้าควรจะเลิกเคลื่อนไหวแบบสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าทำตัวร้อนรนไม่งั้นจะโดนจับได้ว่าอาจารย์อยู่ที่นี่นะคะ」

「…………เข้าใจแล้ว」

 

หูของริงก้าตกทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของโซเฟีย

ลีฟที่ยืนข้างหลังก็เปิดปากพูดขึ้น

 

「ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่คิดว่าคนในสลัมจะปากโป้งเล่าเรื่องเซนอสให้ใครฟังง่ายๆ ก็เหมือนกับเรื่องของ “ผู้นำทาง” ที่อาจารย์เป็นคนจัดการก็ยังไม่มีใครพูดถึงเลย ไม่นานเดี๋ยวก็ล้มเลิกไปเอง」

「ริงก้าก็คิดแบบนั้น」

「เมื่อไรกันเธอบอกว่าจะลักพาตัวและข่มขู่เธอคนนั้นไม่ใช่เหรอไง……?」

 

เซนอสเอนกายลงบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจ

 

「ช่วยไม่ได้…..เพราะงั้นอยู่เงียบๆกันสักพักและดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็แล้วกัน」

 

 +++

 

ทางฝั่งศูนย์รักษากลางแห่งราชวงศ์

ในห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยหนังสือและหลอดทดลองยูมินรายงานสถานการณ์ต่ออาจารย์ของเธอ

 

「อาจารย์เบ็กก้า อืม อย่างที่อาจารย์บอกเลยคะ ฉันไปที่สลัมทุกวัน แต่ไม่ว่าจะถามใคร ก็ไม่มีใครบอกว่ารู้จักชายคนนั้นเลย」

「เหหหห นั่นสินะ」

「ฉันเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ ถ้าหากมีฮีลเลอร์แบบนั้นจริงๆละก็……」  

 

ยูมินยังคงไม่มั่นใจ

 

「อาจารย์ อย่างแรกเลย ทำไมถึงจำกัดพื้นที่อยู่แค่ในสลัมคะ?」

「เพราะถ้าจะทำธุรกิจใต้ดินก็น่าจะอยู่แถวๆนั้น และก็น่าจะได้รับรายงานในทันที และถ้าเป็นเพราะคนๆนั้นจริงเหตุการณ์ที่สัตว์ประหลาดบุกแล้วไม่มีคนเจ็บเลย ก็ต้องคิดได้แค่ว่าเขาคนนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนในสลัมครับ」

「แต่ว่าดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เลยนะคะ」

「บางทีอาจจะไม่อยู่แถวนั้นก็ได้น้า」

「เอ๊ะ……งั้นเหรอคะ……」

 

ยูมินทำเสียงอ่อน

 

「ยูมินเริ่มไปที่สลัมมากี่วันแล้วล่ะ?」

「ก็สิบวันแล้วค่ะ」

「นั่นสิน้า ถ้างั้นก็ถึงเวลาหยุดแล้วล่ะ ยังมีงานอื่นรอเธออีกเยอะและไม่สามารถเอาเวลาไปตามหาเขาคนนั้นได้แล้ว」

「ไม่จริง……ถ้างั้นไปขอการสนับสนุนจากฝ่ายอื่นดีไหมคะ?」

「ต้องขอโทษด้วยน้า แต่ข้อมูลไม่มีความชัดเจนมากพอก็เลยออกคำสั่งไม่ได้」

「นั่นสินะ……แต่ว่าจะหยุดตามหาเขาจริงๆเหรอคะ?」

 

เบ็กก้าตอบด้วยรอยยิ้มให้กับยูมินที่ถามด้วยความสงสัย

 

「อืม พอดีพบข้อเท็จจริงสำคัญอย่างหนึ่ง」

「อะไรงั้นเหรอคะ?」

「ที่จริงแล้วสิบวันมานี้ได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาอยู่」

「โม่ววววว……」

 

ยูมินห่อไหล่

นั่นเป็นเหตุผลที่อาจารย์ถูกกล่าวขานว่าเป็นพวกแปลกๆ

 

 +++

 

ผ่านไปอีกสิบวันนับจากนั้น

ในศูนย์บำบัดที่เงียบสงบลิลี่กำลังมองหาเธอ

 

「ท่านเซนอสสงสัยคนๆนั้นคงเลิกราไปแล้วมั้งคะ」

「ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ」

 

ดูเหมทือนว่าผู้หญิงใส่แว่นคนนั้นจะไม่โผล่มาสิบวันแล้ว

ตอนนี้ก็เน้นรักษาอาการสาหัสและกะทันหันสำหรับผู้ป่วยหนัก โดยเน้นรักษาและให้เขากลับไปคนเดียว

 

ในยามบ่ายที่สงบเช่นนี้ ก็มีคนเข้ามาเยี่ยมนับจากห่างหายไปนาน

 

「อาจารย์ขอโทษนะพอดีข้ามีคนป่วยหนัก」

 

ตรงนั้นเองเป็นซอนเด้

บนไหล่ของเขามีชายที่ชุดสกปรกและดูเร่ร่อนอยู่บนไหล่ของซอนเด้

ชายคนนั้นไอแค่กๆโดยมีเลือดติดอยู่ที่ปากของเขา

 

「ป่วยงั้นเหรอ?」

「เป็นคนเร่ร่อนและก็เห็นว่าอาเจียนเป็นเลือดอย่างรุนแรง เลยว่าจะเอามาฝากชั่วคราว…จะเป็นไรไหมครับ?」  

「อ่า ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วล่ะหากปล่อยไว้อาจติดเชื้อโรคได้และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจถึงแก่ชีวิต ให้เขานอนบนเตียงเลย」

 

เซนอสใช้<วินิจฉัย>

 

「ปอดค่อนข้างอักเสบ โดยเฉพาะส่วนบนทั้งสองข้าง……」

 

หลังจากพูดแบบนั้น สีหน้าของชั้นก็เปลี่ยนทันที

 

「ลิลี่ ซอนเด้ ออกไปให้ห่างหน่อย」  

「เป็นอะไรไปเหรอคะท่านเซนอส?」

 

ลิลี่รีบวิ่งไปไกลๆและเซนอสก็เปิดปากของคนไข้

 

「โกหกใช่ไหม….ปอดแดง(赤色肺)งั้นเหรอ……?」

「ปอดบวม?」

「อ่ามันเป็นโรคติดเชื้อที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายก่อนหน้านี้ อาการคล้ายๆกัน」

「เอออ๋」

「อย่างไรก็ตามโรคปอดแดงมันน่าจะถูกจัดการโดยยากระสุนเงินแล้วนี่ ทำไมมันยังรอดมาถึงทุกวันนี้……?」

 

ในขณะที่ใช้ <วินิจฉัย>อีกครั้งช้าๆ เซนอสก็ขมวดคิ้ว

 

「ไม่..ไม่ใช่นี่?มันคล้ายกับปอดแดงแต่มีอะไรแตกต่างออกไป……」

「เป็นความสามารถในการวินิจฉัยที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว」

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงอันอ่อนโยน

เสียงมาจากคนที่นอนอยู่ข้างหน้าชั้น

 

คนเร่ร่อนค่อยๆลุกขึ้นต่อหน้าทุกคน

 

「……ก็ว่าทำไมตั้งสิบวันแล้วทำไมถึงหาคนแบบนี้ไม่เจอ……เพราะว่าพวกเขารวมหัวกันและพยายามซ่อนนายเอาไว้ ทุกคนในสลัมเองก็ไว้วางใจนายอย่างมาก ชั้นก็เลยคิดว่าถ้าชั้นกลายเป็นคนป่วยหนักในสลัมกลางเมือง น่าจะมีคนพามาที่นี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้」

 

จากนั้นเขาก็กางมือขวาออกด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อย

 

「ยินดีที่ได้รู้จัก ดาร์กฮีลเลอร์แห่งเมืองที่ล่มสลาย ชั้นชื่อ เบ็กก้า ไบรท์ตัน(ベッカー・ブライトン)เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษของศูนย์รักษากลางแห่งราชวงศ์」

 

ชายคนนั้นยิ้มด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 45 คำเชิญจากฮีลเลอร์ระดับพิเศษ

「เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษของศูนย์รักษากลางของราชวงศ์งั้นเหรอ……?」

 

เซนอสจ้องหน้าชายคนนั้นที่เรียกตัวเองว่าเบ็กก้า

อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

「อืม อันที่จริง ชั้นใช้เวทย์รักษาไม่เก่งหรอกนะ」

「……แม้ว่าจะเป็นปอดแดงงั้นเหรอ?มันต่างออกไปเล็กน้อย แต่ว่ามันคืออะไร――」

「อาาา นั่นคือ――」

「อาจารย์เบ็กก้า!」

 

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงก่อนที่เบ็กก้าจะตอบ

หญิงสาวผมฟ้าใส่แว่นรีบเข้ามา

 

「อา ผู้ชายที่เห็นในโรงแรม」

「ฮีลเลอร์ในตอนนั้น อย่างที่คิดเธอ――!」

 

เซนอสและยูมินชี้หน้ากัน

ชายบนเตียงโบกมือข้างหนึ่งให้หญิงสาวที่เข้ามา

 

「ไง ยูมิน」

「ไง ยูมินกับผีสิ นี่มันแย่เกินกว่าจะบรรยายแล้วไหนบอกมีแผนดีๆ มันยากมากเลยนะคะกว่าจะตามมาได้ แถมยังมาป่วยหนักอีก」

「แต่ว่าเพราะแบบนั้น――อ่อก!」

 

เบ็กก้าไออย่างรุนแรงและอาเจียนออกเป็นเลือดจำนวนมาก

 

「คิย๊าาาาาาาาาาาาาาาา!」

「หวาาาาาาาาาาาาาาาาาา」

 

ยูมินและลิลี่ที่อยู่ทางด้านหลังตะโกนพร้อมกัน

 

「อา มันควรจะเบาบางลงได้แล้วนะ แต่ว่ายังอาการหนักอยู่นะเนี่ย」

 

เบ็กก้าเช็ดปาก หยิบผงออกมาจากกระเป๋าแล้วกลืนมันลงไป

เซนอสขมวดคิ้วแล้วถามชายที่หายใจอยู่ตรงนั้น

 

「นายเป็นคนของศูนย์รักษากลางของราชวงศ์ แต่อธิบายได้ไหมว่าเรื่องมันเป็นมายังไง?」

「อะไรเรื่องก็ง่ายๆเองนี่ หากป่วยหนักก็น่าจะถูกพามารักษาแล้วก็จะได้เจอนายได้ง่ายๆไงครับก็เลยกินยาที่ทำตัวให้เป็นโรคที่คล้ายกับปอดแดงขึ้นมาให้เรื่องมันใหญ่โต แต่ว่าไม่ตายหรอกเพราะกินยาแก้พิษรอไว้แล้ว เพราะงั้นเลยไม่เป็นไรครับ」

「ได้ยานั่นมาจากไหนกัน?」

「ทำขึ้นมาเองน่ะ」

「หาาาา?」

「ก็มันจำเป็นต้องมีการวิจัยเพื่อสร้างกระสุนเงินมาเพื่อรักษาโรคปอดแดง」

「กระสุนเงินรักษาปอดแดง?ไม่มีทางหรือว่าคุณจะเป็น……?」

 

โรคติดเชื้อที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากมาย

การพัฒนากระสุนเงินได้ช่วยคนจำนวนมากเอาไว้

ยูมินที่ยืนอยู่ใกล้ทางเข้า ก็ทำท่ายืดอกภูมิใจ

 

「ถูกต้องแล้วค่ะ โรคปอดแดง ไอพันวัน พิษเชอร์รี่ อาจารย์เบ็กก้าเป็นคนที่น่าทึ่งมากเลยนะคะ เป็นผู้สร้างกระสุนเงินที่ใช้รักษาโรคต่างๆมากมายและได้รับตำแหน่งของฮีลเลอร์ระดับพิเศษจากความสำเร็จของเขา」

「อาไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรขนาดนั้นหรอก ชั้นไม่เก่งเรื่องเวทย์รักษานะครับ」

 

เบ็กก้าเกาหัว

 

「แต่ว่าดาร์กฮีลเลอร์ ดูเหมือนว่าจะเปิดศูนย์รักษาโดยไม่มีใบอนุญาติสินะครับ」

 

ทันใดนั้นบรรยากาศตึงเครียดทันที

ซอนเด้ดึงกริชที่อยู่ข้างเอวออกมา

 

「อาจารย์ข้าขอโทษด้วย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะหยุดพวกนี้ไว้ให้เพราะงั้นหนีไปเถอะครับ」

「ไม่ใช่ความผิดของซอนเด้หรอก เรื่องนี้ชั้นเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน และก็อย่ามาสู้กันในศูนย์รักษาของชั้นนะ」

「แต่ว่า」

「ก็อยากหนีอยู่หรอกนะ แต่อีกฝ่ายก็มีคนเก่งแค่คนเดียว」

「ไม่ดีแล้วแหะ」

 

ลิลี่ที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งออกมาและกางมือออกหน้าเซนอส

 

「ไม่คิดจะยกท่านเซนอสให้หรอกนะคะ ท่านเซนอสเป็นแสงแห่งความหวังของผู้คนที่นี่」

「ยาเร่ยาเร่…ดูเหมือนจะหลงรักเขามากเลยสินะครับ」

 

ข้างหลังเบ็กก้าที่เกาแก้ม ยูมินยกมือขึ้นด้วยท่าทางน่าหวาดกลัว

 

「อาโนะ….อาจารย์เบ็กก้าฉันคิดมาสักพักแล้วค่ะ ทำไมไม่ขอคนนี้มาร่วมงานด้วยละคะ จากเคสตัวอย่างนั่น?」

「……」

 

ดวงตาของเบ็กก้าหรี่ลงเล็กน้อย

 

「ยูมิน มันเป็นเรื่องภายใน เขาไม่เกี่ยวนะครับ」

「เพราะแบบนั้นแหละคะ บางครั้งการมีคนนอกก็เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น」

「อย่างไรก็ตาม――」

「ทีแรก ดูเหมือนจะไม่สนใจดาร์กฮีลเลอร์เลย จู่ๆอาจารย์ก็สนใจอย่างจริงจัง ฉันก็เลยสงสัยว่าอาจารย์คิดแบบเดียวกันรึเปล่า……」

「อ่าาา อันที่จริงตอนที่ได้ยินว่าเขาเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่สวมเสื้อคลุมสีดำ ก็คิดว่าเขาเป็นคนรู้จักเก่าของชั้น ท้ายที่สุดก็คนละคนกัน และตราบใดหากเจอธุรกิจใต้ดินก็ต้องกำจัดทิ้งเท่านั้นครับ」

「……เข้าใจแล้วคะ」

 

ยูมินค่อยๆลดมือลง

 

「เซนอสคุงสินะครับ? ถ้างั้นช่วยไปให้การสอบปากคำที่ศูนย์รักษาใกล้เคียงจะได้ไหม――」

 

หลังจากพูดแบบนั้นคำพูดของเบ็กก้าก็หยุดลง

สายตามุ่งไปที่เสื้อคลุมสีดำของเซนอสที่แขวนอยู่บนผนังด้านหลัง

 

「……เสื้อคลุมนั่นใช่ของคุณรึเปล่าครับ?」

「อืมก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่าเจ้าของคนเก่าเป็นอาจารย์ของชั้น」

「อาจารย์งั้นเหรอครับ?อาจารย์ชื่ออะไรครับ?」

「ไม่รู้หรอก」

「ไม่รู้เหรอครับ?」

「อาา เขาไม่เคยแม้แต่จะบอกชื่อตัวเองเลย」

「……」

 

เบ็กก้าเดินไปที่กำแพงและหยิบเสื้อคลุมสีดำขึ้นมา

มองดูแล้วอ้าปากโดยหันหลังให้

 

「……โอเค ยูมิน เปลี่ยนใจแล้วละครับ ปล่อยเคสตัวอย่าง ให้เขากันเถอะครับ」

「เอ๋ ไม่เป็นไรงั้นเหรอคะอาจารย์เบ็กก้า?」

「เคสตัวอย่างงั้นเหรอ……?」

เบ็กก้าหันกลับมาพร้อมกับพูดให้กับเซนอสที่เอียงคอด้วยรอยยิ้ม

「เซนอสคุง อยากจะเข้ามาทำงานที่ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์ไหมครับ?」

 

ตอนที่ 46 ข้อตกลง

「จะให้ชั้นไปทำงานที่ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์……?」

 

เมื่อเซนอสฟังข้อเสนอนั่นเบ็กก้าก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม

 

「อืม มันมีปัญหาเล็กน้อยน่ะ อยากจะให้นายช่วยชั้นหน่อยนะครับ」

「ทำไมถึงมาข้อร้องคนแปลกหน้าล่ะ?」

「มีหลายประเด็นเลยครับสำหรับศูนย์รักษากลางของราชวงศ์หากเป็นคนนอกจะเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น และถ้าไม่ใช่คนที่ใช้เวทย์รักษาจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ไม่ได้หรอกครับ」

「กล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นงานที่เหมาะกับฮีลเลอร์โดยไม่ยึดติดกับศูนย์รักษากลางของเมืองหลวง?」

「ถูกต้อง ทุกคนที่มีคุณสมบัติเป็นฮีลเลอร์จะถูกบันทึกประวัติไว้ในที่ศูนย์กลางของราชวงศ์ ดังนั้นทรัพยากรบุคคลจึงหายากมาก」

「อืม……」

 

เซนอสคร่ำครวญเล็กน้อยและกอดอก

เมื่อชั้นพยายามจะอ้าปากในที่สุดประตูก็เปิดออกและก็มีเสียงแทรกเข้ามา

 

「อาจารย์ อย่าไปฟังพวกนั้นเลยคะ!」

「ริงก้าเองก็คิดแบบนั้น」

「เซนอสไม่เป็นไรนะ!」

「ทุกคนคะ」

 

ลิลี่ที่เห็นผู้นำของทั้งสามเผ่าก็ขึ้นเสียง

เบ็กก้าเกาแก้มของเขา

 

「โอยะลูกค้างั้นเหรอเนี่ย? สวัสดีนะครับผมเบ็กก้าจากศูนย์รักษากลางของราชวงศ์」

「หาาาาาาาาา ไม่ได้เรียกพวกศูนย์ราชวงศ์มาสักหน่อย」

「โถ่ว อย่าพูดแบบนั้นสิ เซนอสคุงข้อเสนอเอาเป็นจะพักเรื่องการดำเนินคดีสำหรับธุรกิจใต้ดิน ไม่คิดว่าเป็นข้อเสนอที่แย่หรอกนะ」

「ริงก้าจะรู้ได้ไงว่าแกจะทำแบบนั้นจริงๆ」

「ข้าเองก็คิดเหมือนกัน สามารถไว้ใจพวกที่มาจากฝั่งราชวงศ์งั้นเหรอ」

「อืมมม…เข้าใจแล้วมีความคิดแบบนั้นสินะครับ」

「อาจารย์เบ็กก้าคะ!」

 

ยูมินดึงแขนเสื้อของเบ็กก้า

มองไปที่หน้าต่างพวกของทั้งสามเผ่ากำลังมารวมตัวกันนอกศูนย์รักษา

 

「ทำไมกันพวกเธอ?」

「เพราะธงแดงอยู่ชั้นบนทุกคนเลยมารวมตัวกัน」

 

เมื่อเซนอสถามโซเฟียก็ชูนิ้วโป้งขึ้น

 

「ธง……? อ้อ ไอนั่นเองเหรอ」

 

ธงเหลืองหมายถึงการแจ้งเตือนให้อยู่ห่างๆ

และธงสีแดงหมายถึงเหตุฉุกเฉิน

คาร์มิล่าเองอาจจะเป็นคนชักธงให้

 

「เพราะอาจารย์เป็นคนบอกไว้นี่คะ」

「ท่านเซนอสคอยแนะนำพวกเรามาตลอดเลยไม่ต้องถึงกับต้องไปโรงพยาบาลล่ะ」

「อย่างไรก็ตามหากออกไปข้างนอกลูกน้องพวกข้าอาจจะทำอะไรเองตามใจชอบก็ได้นะ」

 

คนในสลัมต่างมารวมตัวกันต่อหน้าทั้งสองคน

 

「อาจารย์เบ็กก้าค้าาาาา……」

 

ยูมินดึงแขนเสื้อของอาจารย์พร้อมกับจะร้องไห้

 

「โดนกุมจุดอ่อนแล้วสินะเนี่ยฟุฟุฟุ……」

「เห้อ อาจารย์เบ็กก้าทำไมถึงได้ดูมีความสุขแบบนั้นละคะ」

「อาาา ไม่หรอกก็แค่ประทับใจเฉยๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าได้รับความไว้วางใจจากคนในสลัม แต่พอเห็นหลากหลายเผ่าพันธ์ต่างรวมตัวกันเพื่อเขาคนนี้ ในอดีตมีคนที่ทำอะไรแบบนี้ได้เหรอครับ?」

 

เบ็กก้าวางมือลงบนอกและพยักหน้าหลายครั้ง

จากนั้นเขาก็หันไปหาเซนอสและโค้งคำนับ

 

「สงสัยชั้นคงมองนายผิดไป ขอโทษที่บังคับนะ แล้วถ้าจะจ้างให้ทำงานอย่างเป็นทางการล่ะว่าไง ไม่สิขอร้องหน่อยได้ไหมครับ? พวกเราน้อมรับคำเจรจาและพร้อมจะจ่ายค่าชดเชยให้จะให้เขียนจดหมายร้องขอก็ได้หากจำเป็น」

「……」

 

เซนอสเงียบไปครู่หนึ่งและพยักหน้าช้าๆ

 

「ไม่เป็นไรหรอก」

「ท่านเซนอส」

「แบบนี้ดีแล้วเหรอคะอาจารย์?」

 

เซนอสกล่าวเพื่อทำให้โซเฟียและลิลี่ที่ประหลาดใจสงบลง

 

「ก็สงสัยว่าทำไมมันยุ่งยาก แต่ชั้นเองก็สนใจในตัวของศูนย์รักษากลางของราชวงศ์เหมือนกันในฐานะฮีลเลอร์แล้ว และตราบใดที่ชั้นยังคงทำธุรกิจใต้ดินแบบนี้ ยังไงก็ต้องโดนจับได้ในสักวัน นอกจากนี้ผู้ชายคนนี้เอาตัวเองมาเสี่ยงอย่างใจจริง เขาสามารถทำให้คนอื่นป่วยหนักได้ โดยการผสมยาพิษลงในอาหาร แต่ว่าเขาก็ไม่ทำเช่นนั้นกลับทำกับตัวเอง」

「อาาาาา มันเป็นนิสัยของชั้นน่ะ พอดีชอบเอาของไม่ดีเข้าตัว เป็นนิสัยแปลกๆน่ะ」

 

เซนอสถามเบ็กก้าผู้มีนิสัยแปลกๆ

 

「และเหนือสิ่งอื่นใดคุณดูท่าจะรู้จักอาจารย์ของชั้นด้วย?」

「……」

 

ดวงตาสีน้ำตาลของเบ็กก้าหรี่ลง

「……ถ้ามาที่ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์ไว้ค่อยคุยกันครับ」

「แต่ว่านี่ก็เป็นการทำธุรกรรมอยากหนึ่งนะ?หวังว่าจะไม่คืนคำพูดที่พูดมาหรอกนะ」

「อะฮ่าฮ่าก็โดนพูดอยู่บ่อยๆ แต่แม้แต่นายก็เหมือนกันเหรอเนี่ย」

「ก็เป็นคนชอบอยู่เงียบๆไม่เด่นนี่หว่า」

「ถ้าเรื่องนี้คลี่คลายชั้นเองก็คิดว่าจะทำแบบนั้นบ้างแหละนะ」

เบ็กก้ายิ้มออกมาอย่างสดชื่นและยื่นมือขวาของเขาออกมาอีกครั้ง

「ถ้างั้นก็ขอฝากตัวอีกครั้ง――ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์ เซนองคุง」

ตอนที่ 47 สู่ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์

ณ ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์

 

ได้ยินมาว่ามีฮีลเลอร์ระดับพิเศษนั้นอยู่เบื้องหลังความจริงอยู่ภายใต้ฐาน ซึ่งเดิมเป็นประเทศเล็กๆในทวีป จากนั้นก็เติบโตขึ้นจนได้รับฉายาว่าอาณาจัรแห่งอัสดง

 

ด้วยการสนับสนุนจากฮีลเลอร์ ทหารแนวหน้าชะนการต่อสู้และขยายประเทศไปพร้อมกับคลดความเสียหายให้น้อยที่สุด

ดังนั้นแล้วฮีลเลอร์ในประเทศนี้ถือเป็นตัวตนที่พิเศษ

 

จากข้อเท็จจริงที่ว่าตอนแรกหน่วยงานของฮีลเลอร์ที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน่วยงานเวทมนตร์ ถูกสร้างแยกออกมาจาก กระทรวงเวทมนตร์ เรียกได้เลยว่าเป็นกำลังสำคัญของประเทศ

 

ศูนย์รักษากลางของราชวงศ์ก็เลยเป็นที่ทำงานหลักของเหล่าฮีลเลอร์

 

「อืมมมม….สุดยอดไปเลยนะ」

 

เซนอสที่ก้าวมาในศูนย์รักษากล่าวเช่นนั้นด้วยความใหญ่โตของศูนย์รักษาที่สร้างขึ้นในเขตพิเศษ

 

โถงทางเข้ามีสีขาวเป็นหนึ่งเดียว มันสูงพอที่จะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พอมองไปก็จะพบกับแสงแดดที่ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่ว มีฮีลเลอร์จำนวนมากที่สวมชุดคลุมสีขาวเดินท่ามกลางแสงระยิบระยับ

 

「มันกว้างมากจนบางทีก็หลงทางเลยล่ะ」

 

เบ็กก้าพูดพร้อมกับเกาหัว

 

「งั้นก็ไปที่ห้องแล็บของชั้นกันเถอะครับ เพราะยูมินจะคอยให้รายละเอียดที่สำคัญที่นั่น」

「อ่าเซนอสซัง อาคารวิจัยอยู่ทางซ้ายมือคะ」

 

ยูมินที่อยู่ข้างๆเซนอสชี้ไปข้างหน้า

เมื่อออกจากอาคารก็ให้เดินไปตามทางเดินอันกว้างขวางจนสามารถมองเห็นลานสีเขียวได้

 

อาคารจิวัยที่เป็นเป้าหมายคืออาคารด้านหน้า พอเห็นเช่นนั้นก็เงยหน้ามองอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีอาคารไว้สำหรับบำบัดรักษา อาคารศึกษา อาคารบริการ หอพักของพนักงาน โรงอาหาร ร้านขายของชำรายวัน และร้านขายของชำทั่วไป

 

「หรูหราเกินไปจนเวีนยหัวไปหมดล่ะ คนอย่างชั้นมันไม่เหมาะกับที่แบบนี้จริงๆนั่นแหละ…..มีที่ๆแคบและมืดกว่านี้ไหม……」

「อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ ทำตัวเป็นเงาไปได้」

「ถึงจะเป็นเงาแต่ก็เป็นเงาที่ดีนะเออ」

「กล้าพูดด้วยความมั่นใจได้อีกนะคะ……」

 

ขณะพูดแบบนั้นกับยูมิน ก็เข้าไปในอาคารวิจัยแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบ

เมื่อเข้าห้องทางด้านหลัง มีหนังสือและอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการเกะกะขวางทางไปหมดแถมยังมีกลิ่นจางๆด้วย

 

「ยังไงก็ตาม…ห้องนี้ให้ความสงบดีนะ เหมือนอยู่ในเงาดี」

「ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอเซนอสคุง มาบอกว่าห้องคนอื่นนี่เงียบสงบเหมือนเงามืดแบบนี้?」

 

เบ็กก้านั่งบนเก้าอี้พร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น

เขาเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อยและให้เซนอสนั่งลงบนโซฟา

 

「ถ้าอย่างนั้นจะยืนยันเนื้อหาคำขอต่อเซนอสคุงอีกครั้งนะครับ」

「แน่นอนให้ตามหาคนที่หายสาบสูญใช่ไหม」

 

เบ็กก้าพยักหน้าช้าๆ

ตามเรื่องราวที่ได้ยินมาระหว่างทางมีพนักงานในห้องปฏิบัติการของเบ็กก้าคนหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

「ไม่ได้กลับบ้านครอบครัว ปรึกษากับฝ่ายจัดการก็แล้วคะ เหมือนจะหายตัวไปแบบจริงจังแล้วก็ไม่ได้อยู่กับพวกคนอื่นด้วย……」

 

ยูมินยืนอยู่ข้างหลังเสริม

 

ที่ศูนย์รักษาหลวง(ขอย่อขก.พิมพ์)มีคนเข้ารับการศึกษาเยอะมาก ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนึ่งในเคสดังกล่าว เพราะมีน้อยคนนักที่จะหายตัวไปเนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น เรียนไม่ทัน วิจัยไม่เป็นไปได้ด้วยดี และความเครียดสะสมต่างๆนาๆ..เนื่องจากสถานการณ์มันยังไม่ชัดเจน จึงส่งคำร้องให้กับกองทหารรักษาการณ์ได้

 

「อย่างไรก็ตาม คนที่หายตัวไปในครั้งนี้คือคนเก่งและมีแนวโน้มที่จะเป็นได้ทั้งนักวิจัยและฮีลเลอร์ พวกเราเลยคิดว่ามันแปลกๆค่ะ……」

「อืมก็ไม่ใช่พอจะไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ชั้นไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาผู้คนนะ」

 

เบ็กก้าหัวเราะลั่นพร้อมกับยิ้มให้กับเซนอสที่อยู่ใกล้ๆ

 

「ก็สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว ดังนั้นการฟังข้อมูลแล้วรับคำขอแต่โดยดีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยละ」

「ที่ชั้นยอมรับเพราะว่าถ้าทำไหว แต่ชั้นสงสัยว่าในฐานะคนนอกแล้วชั้นจะเข้าถึงการสืบสวนข้อมูลนี้ได้มากแค่ไหนกัน」

「บางครั้งการเป็นคนนอกก็เคลื่อนไหวง่ายกว่านะ」

 

เบ็กก้าชี้ใบอนุญาตที่แขวนอยู่บนคอเซนอส

มันสลักเครื่องหมายของเด็กฝึกหัดพิเศษ

 

「เด็กฝึกหัดพิเศษสามารถรับงานวิจัยและการศึกษาแต่ละรายการได้ตามคำแนะนำ โดยไม่ข้องแวะกับทางปกติ เพราะงั้นก็น่าจะเก็บข้อมูลได้ง่ายเพราะไปโผล่ที่แผนกต่างๆได้」  

「ยังไงก็ตามตัวตนของชั้นเป็นที่ยอมรับงั้นเหรอ?ชั้นไม่มีแม้แต่บัตรประชาชน พอนึกถึงอนาคตแล้วไม่ค่อยอยากขายหน้าเท่าไรเลยนะ」

「เพราะงั้นก็ใส่หน้ากากใหญ่ๆไว้ตลอดเวลาด้วยค่ะ เพราะทางเราอ้างไว้แล้วว่าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอาจจะทำให้ติดเชื้อได้ นอกจากนี้ยังปลอมแปลงชื่อที่ใช้ลงทะเบียนในนามว่าเซโน่」

「ไม่เห็นเคยได้ยิน?」

「โดยปกติแล้วจะมีการตรวจสอบตัวตน แต่หากเป็นชั้นที่เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษและรับประกันด้วยการใช้ตัวตนของชั้นแล้วละก็ นี่แหละอำนาจพิเศษของชั้น」

「อืม….หมายความว่าถ้าชั้นทำอะไรลงไป มันเป็นความรับผิดชอบของนายเต็มๆสินะ」

「อืมก็ในฐานะที่เป็นเด็กฝึกหัดของชั้นอะนะ ฮะฮะฮะ」

 

เบ็กก้าหัวเราะด้วยความสนุกสนาน

 

「ในขณะนี้แผนงานจะเริ่มต้นในวันรุ่งขึ้น ทางนี้เตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว ดังนั้นก็ใช้ระหว่างที่เข้าพักได้เลยนะคะ」

 

หลังจากนั้นยูมินก็พาชั้นไปที่หอพักของพนักงงานที่อยู่ทางด้านหลัง

เมื่อเปิดประตู ก็มีใครบางคนที่อยู่ทางด้านหลัง

 

「ท่านเซนอส ยินดีต้อนรับกลับมาคะ」

「เอ๊ะ?」

 

ตรงนั้นมีลิลี่อยู่ด้วย

 

「ทำไมล่ะ ลิลี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง? ไม่ได้รออยู่ที่ศูนย์รักษางั้นเหรอ?」

 

ผู้คนในสลัมไม่สามารถปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้ ดังนั้นเลยสัญญากับเบ็กก้าว่าถ้าช่วงวันหยุดจะไปที่ศูนย์รักษาของเขาเองในช่วงนั้น

ยูมินที่อยู่ประตูถัดไปก็บอก

 

「พอดีได้รับอนุญาติจากอาจารย์เบ็กก้า ตามระเบียบหอพักแล้ว คู่สมรสหรือญาติสามารถมาอาศัยด้วยได้」

「คู่สมรสหรือญาติ……?」

「อืม ลิลี่เป็นภรรยาของท่านเซนอสนะคะ」

「ไม่สิเธอเป็นแค่น้องสาวชั้น」

「บู่ววววววว……」

 

ลิลี่งอลแก้มป่องด้วยท่าทางไม่พอใจ ซ่อนหูเอลฟ์ของเธอพร้อมกับปิดหู

ยูมินก้มหน้าขอโทษ

 

「ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ให้เธอมามีส่วนร่วมแบบนี้ มีคนรู้จักอยู่ใกล้ตัวจะปลอดภัยกว่าค่ะและฉันคิดว่าอย่างน้อยก็พิจารณาดีแล้ว ถ้างั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ」

「เห้ย เห้ย……」

 

ปัง ลิลี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้างทันทีที่ประตูปิดลง

 

「อยากจะทานข้าวก่อน?หรืออาบน้ำก่อน? หรืออยากทานลิลี่ก่อนดีคะ?」

「ยังไงก็จะไม่ทำแบบนั้นกับลิลี่เด็ดขาดโอเค?」

「บู่วววววว……」

「มากกว่านั้นใครสอนคำพูดพวกนั้นให้เธอเนี่ย?」

「ดิฉันนี่แหละน้อ」  

「เธอเองก็มาด้วยงั้นเรอะ!」

 

คาร์มิล่าโผ่ลออกมาจากมุมด้านหลังห้อง

 

「มาทำอะไรกันแน่……?」

「คุคุคุ……ก็ตัดสินใจมาแอบดูน่ะสิ!」

「นั่นสิน้าาาาาาาาาาาาาาาายัยนี่!」

 

เซนอสยักไหล่และถอนหายใจ

 

「หรือมากกว่านั้น ถ้าเธอมาที่ศูนย์รักษาหลวงแบบนี้แล้วโดนจับได้ไม่ตายเลยรึไง」

「คุคุคุ….คิดว่าดิฉันจะโดนกำจัดง่ายๆเหรอ?」

「เธอเป็นพวกประเภทนั้นสินะ(M)」

「อืมมมม…..ถ้ามีคนเก่งเท่าเจ้าละก็ว่าไปอย่างน้อ」

「พูดอะไรน่ะ?」

「ไม่มีอะไรหรอกน้อ」

 

คาร์มิล่าค่อยๆหันหลังกลับ

 

「จากนั้นเอง คำขอเล็กๆน้อยๆของทางศูนย์รักษาหลวง ในที่สุดก็จะกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่โตมโหฬาร――……」

「หยุดบรรยายให้ร้ายสักทีจะได้ไหมเนี่ยยัยนี่?」

 

ชีวิตของดาร์กฮีลเลอร์ที่ศูนย์รักษาหลวงก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 48 ฝึกพิเศษ

เที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น

เซนอสกำลังเผชิญหน้ากับยูมินในห้องอาหารของศูนย์รักษาหลวง

 

「ถ้างั้น…เซนอส…ไม่ใช่สิเซโน่ซัง ปฐมนิเทศเป็นยังไงบ้างคะ?」

 

ยูมินทักด้วยชื่อใหม่และมองไปรอบๆ

 

ตำแหน่งปัจจุบันของเซนอสในปัจจุบันคือเป็นเด็กฝึกพิเศษเซโน่

ผู้เข้าร่วมการฝึกพิเศษ เป็นระบบที่ช่วยให้เข้าชมแต่ละแผนกของศูนย์รักษาหลวงได้ตามคำแนะนำที่ต่างจากการศึกษาทั่วไป

โปรแกรมส่วนใหญ่นั้นเป็นหลักสูตรพิเศษของนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนฝึกอบรมฮีลเลอร์ หรือนักเรียนจากต่างประเทศที่เป็นพันธมิตร หรือไม่ก็นักเรียนที่เป็นที่คาดหวังได้โดยมีประสบการณ์จากศูนย์รักษาหลวงแห่งอื่น

 

เซนอสฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึกในตอนเช้า

 

「ดูเหมือนว่าจะวกวนแต่เรื่องเดิมๆ แต่ก่อนหน้านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮีลเลอร์ปกติเขาทำงานยังไง」

「อาาา นั่นสินะคะ ถ้างั้น……」

 

ยูมินดื่มซุปและเริ่มอธิบาย

 

ผู้ที่อยากเป็นฮีลเลอร์ก่อนอื่นต้องไปเรียนที่โรงเรียนฝึกอบรมฮีลเลอร์ก่อน

ผู้ที่ผ่านการทดสอบความถนัดในการเป็นฮีลเลอร์แล้วจะได้รับการศึกษาเป็นเวลาหกปีที่นั่นและถ้าผ่านการทดสอบในการเป็นฮีลเลอร์จริงๆ ก็จะได้รับอนุญาติให้เป็นฮีลเลอร์ในวันที่จบการศึกษา

 

「หกปี? ใช้เวลานานไปป่าว」

「ก็มีระบบข้ามชั้นเรียนอยู่หรอกนะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็จบที่หกปีกันหมด โรงเรียนเวทย์และโรงเรียนศิลปะป้องกันตัวปกติจะใช้เวลาอยู่ที่สี่ปี ดังนั้นจะเรียกว่านานก็ได้คะ」  

 

หลังจากนั้น หากเป็นฮีลเลอร์แล้วก็มีทางเลือกให้อีกมากมาย

 

เป็นเรื่องปกติที่จะมาทำงานที่ศูนย์รักษาหลวง

หากได้รับประสบการณ์มาจำนวนหนึ่งก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจเองได้หลังทดสอบเสร็จ

 

นอกจากนี้ สำหรับคนที่อยากออกไปผจญภัยก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังมีคนที่กลายเป็นฮีลเลอร์ให้กับทางราชวงศ์โดยตรงและกลายเป็นขุนนาง บ้างก็เป็นฮีลเลอร์ประจำกองทัพ

 

「ถ้างั้นจะบอกว่าศูนย์รักษาหลวงคุมงานหมดเลย?」

「นั่นสินะคะ ผู้ที่มาที่นี่ส่วนใหญ่มาหาความรู้และประสบการณ์ และผู้ที่ต้องการศึกษาในขั้นที่สูงขึ้น ก็ต้องมีส่วนร่วมทำผลงานด้วยนะคะ」

「ฟังแล้วปวดหัววุ้ย……」

 

รู้สึกจะมาที่ๆโครตเสียเวลาเข้าให้แล้วสิ

อย่างไรก็ตามบทบาทของเซนอสคือการตามหาคนหาย

 

「ถ้างั้นช่วยบอกข้อมูลของคนที่หายสาบสูญหน่อยได้ไหม」

「ค่ะ เขาคนนั้นชื่ออัลเฟรด(アフレッド) เป็นรุ่นพี่ของฉันเองค่ะ」

 

ยูมินอธิบายว่าเขาเป็นรองหัวหน้าห้องแล็บและเป็นฮีลเลอร์รุ่นพี่

 

「เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก ใจดี และเอาใจใส่ผู้อื่น และถึงแม้ตอนที่ผลิตยารักษาโรคปอดแดงขึ้นมา เขาก็ยังบอกว่าให้ส่งไปที่สลัมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย」

「เหหห มีคนแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?」

「ค่ะ ก็มีการต่อต้านโรคนี้อย่างจริงจัง แต่ถ้าไม่กำจัดมันให้ถูกวิธีมันจะกลับมาระบาดอีกรอบ ดังนั้นก็เลยควรแจกจ่ายให้ถึงทั่วทุกคน อาจารยเบ็กก้าเองก็เห็นด้วยค่ะ」

「……งั้นเหรอ พูดตามตรงตอนปฐมนิเทศนี่อยากหนีออกมามากๆเลย แต่ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริงค่อยคุ้มค่าให้ตามหาหน่อยแล้ว」

 

ในขณะนั้น เซนอสที่อยู่ในสลัม เห็นคนมากมายได้รับการรักษาโรคปอดแดง

ในฐานะที่เป็นคนในสลัมเช่นกัน อย่างน้อยก็ควรตอบแทนบุญคุณสักครั้ง

 

「อย่างไรก็ตาม เป็นการดีที่จะรวบรวมข้อมูล แต่ถ้าไม่มีอะไรเลยก็จับต้นชนปลายไม่ถูก พอจะมีเงื่อนงำอะไรบ้างไหม」

「ไม่มีแม้แต่เพียงนิดเดียวคะ……」

 

เมื่อยูมินพูดแบบนั้นที่ทางเข้าโรงอาหารก็มีเสียงดัง

กลุ่มคนหลายสิบคนเข้ามาหา

ตอนแรกก็เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครา

 

「คือใครเหรอ……?」

「ศาสตราจารย์โกลด์แรน(ゴルドラン) เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่ลือกันว่าจะได้เป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาหลวงคนต่อไปคะ」

「เหหห รอบๆวุ่นวายน่าดูเลยนะ เป็นคนใหญ่คนโตจริงๆ」

「ก็นะคะ……」

 

ยูมินนี่ถึงกับก้มหน้า

 

「มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?」

「พูดตามตรง….ศาสตราจารย์โกลด์แรนถูกลือว่ามีอำนาจทางการเมืองมากกว่าทักษะในการเป็นฮีลเลอร์ซะอีกคะ และว่ากันว่าเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษได้เพราะอำนาจของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้การสนับสนุน」  

「……มีหลายอย่างเกิดขึ้นเลยนะ」

 

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่ไปยุ่งกับหมอนั่น

อย่างไรก็ตามยูมินกล่าวพลางขอโทษเล็กน้อย

 

「นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าคุณเซโน่ต้องไปเกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์โกลด์แรน」

「เอ๊ะ?」

「ในความเป็นจริง เป็นไปได้ว่าศาตราจารย์โกลด์แรนอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของรุ่นพี่ ศาตราจารย์โกลด์แรนนั้นมีอำนาจเยอะมาก เขาจะรวบรวมคนที่ต้องการไปอยู่กับฝ่ายเขาเอง ดังนั้นบางทีเขาอาจจะสังเกตเห็นถึงความแข็งแกร่งของรุ่นพี่และอาจจะเอาตัวรุ่นพี่ไปก็ได้ค่ะ」

「เบ็กก้าจะยอมเหรอ?」

「ดูเหมือนว่าตอนนั้นเขาจะกู้ยืมเงินไปตอนที่ส่งยารักษาไปให้ในสลัม ดังนั้นก็เลยออกตัวอะไรไม่ได้มากนัก อย่างแรกเลยรุ่นพี่น่ะบอกว่าการทำความเข้าใจกันและกันไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร……」

 

อย่างไรก็ตามหนึ่งเดือนหลังจากที่ได้รับมอบหมายงาน อัลเฟรดก็หายตัวไป

พวกนั้นก็ทำการติดต่อสอบถามโกลด์แรนแล้วแต่เขาบอกว่าไม่รู้ๆ ค่อนข้างน่ารำคาญ บางทีอาจจะกำลังโกหกอยู่

 

「แต่ว่าฉันก็สงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรุ่นพี่รึเปล่าเพราะงั้นเลยต้องการให้คุณเซโน่เข้าใกล้ศาตราจารย์โกลด์แรนเพื่อรวบรวมข้อมูล」

 

ยูมินขอร้องและกล่าวว่า

 

「……คือว่านะ ก็เข้าใจหรอกที่ว่าจะให้เข้าใกล้แต่ว่าจะทำยังไงล่ะ? ไม่คิดว่าจะบอกให้ไปเข้าใกล้เขาตรงๆแบบนั้นหรอกนะ」

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าทำผลงานการฝึกพิเศษให้เด่นเข้าไว้ ก็จะโดนลากตัวไปแน่นอนค่ะ」

「ไม่เว้ย แบบนั้นมันยิ่งมีปัญหาเลย ถึงชั้นจะบอกว่าช่วยตามหาอัลเฟรดแต่ไม่ได้คิดจะทิ้งประวัติไว้ที่ศูนย์รักษาหลวงหรอกนะ」

「เอ๊ะ……? ไม่มีทางคุณเซโน่ซังไม่รู้ระดับของตัวเองงั้นเหรอคะเนี่ย?」

「เอ๊ะ?」

 

「เฮ้ ยูมินที่พูดนั่นหมายความว่าไงน่ะ」

 

ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่ถือถาดมาก็เข้าใกล้เซนอส

ปลายผมม้วนเป็นลอนและดูค่อนค้างขี้ประชดประชัน

 

「ก็ไม่มีอะไรนี่ ฉันจะทานที่ไหนก็เรื่องของฉันไม่ใช่เหรอคะ เครย์สัน(クレソン)」

「เฮ้ย เฮ้ย อย่าโกรธนักดิ ข้าเองก็มาเพื่อสรรเสริญสิ่งที่เขาทำนะ ยังไงก็ตามขอบคุณมาตลอดที่ทำมาจนดีที่สุดเพื่อฝ่ายโกลด์แรน」  

 

เห็นได้ชัดไอนี่ลูกไล่โกลด์แรน

จากนั้นก็หันมามองเซนอส

จ้องไปที่ใบอนุญาติเด็กฝึกพิเศษ

 

「อืมเด็กฝึกพิเศษงั้นเรอะ」

「อาาา ยินดีที่ได้รู้จัก」

「อ่าาาา ทำให้ดีที่สุดแล้วกันล่ะแล้วก็อย่าเอาหน้าตาดาษดื่นแบบนั้นมาใกล้ได้มะ」  

 

เครย์สันออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

「อะไรของหมอนั่นกัน?」

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกคะ ทุกคนก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดนั่นแหละ ตั้งแต่ที่ดิฉันเองเข้าไปในห้องวิจัยของฝ่ายโกลด์แรนก็เจอพวกแบบนั้นเยอะคะ」

 

เมื่อมองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบบ่ายหนึ่ง

โปรแกรมแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

เซนอสขยับหน้ากากเล็กน้อยและหยิบของที่เหลือเข้าปาก ลุกขึ้นยืนด้วยความกังวล

 

「ถ้างั้นชั้นไปละนะ」

「เอ๊ะ อย่ากังวลให้มากนะคะ ทำตัวตามปกติเข้าไว้ก็พอคะ」

 

หลังจากออกจากโรงอาหารยูมินก็พูดเช่นนั้นพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 49 เริ่มโปรแกรมการฝึก

「ถ้างั้นก็มาเริ่มการบรรยายกันเถอะ」  

 

ผู้สอนทำท่าทีเคร่งขรึมซึ่งยืนอยู่บนโพเดี่ยม

โปรแกรมแรกเป็นการบรรยาพร้อมงายวิจัยล่าสุดของบุคลากรรุ่นเยาว์ของศูนย์รักษาหลวง

 

เซนอสนั่งด้านท้ายพร้อมกับหน้ากากสีดำขนาดใหญ่กับเด็กฝึกด้วยกัน

ต้องขอบคุณที่ไม่โดนสงสัยเพราะก็มีบางคนสวมหน้ากากด้วย

 

「ฉันเชี่ยวชาญในการรักษานักผจญภัย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะมีคนในนี้มีใครอยากเป็นนักผจญภัยสักกี่คน แต่ทางศูนย์รักษาหลวงก็ส่งฮีลเลอร์ตามคำร้องขอของกิลด์นักผจญภัย ในที่สุดก็อาจจะมีคนต้องไปเก็บประสบการณ์ตรงส่วนนั้น ทุกอย่างก้าวไม่มีความสูญเสีย」

 

อาจารย์มองไปรอบๆแล้วพูดว่า

 

「ธีมของวันนี้คืออันเดด จะให้แนะนำเกี่ยวกับความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่ตายไปแล้วแต่ยังมีชีวิตท่องไปทั่วโลกอยู่ได้คะ」

 

จากนั้น ก็มีคำอธิบายถึงลักษณะและพฤติกรรมของพวก ซอมบี้ กูล โกสต์ และรวมถึงจุดอ่อนของพวกมันและเวทย์รักษาที่มีประสิทธิภาพที่ได้ผลกับพวกมัน

 

 ――เหหหห น่าสนใจดีนี่

 

ปกติชั้นเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงมาตลอดในตอนที่เป็นนักผจญภัย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันมีเป็นระบบแบบแผนทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

「ถ้างั้นมีใครมีคำถามใดๆไหมคะ?」

 

ตามที่อาจารย์กล่าวเช่นนั้น ดูเหมือนจะมีบางคนอยากจะถาม

 

「อาจารย์ไม่มีเรื่องราวของเรธงั้นเหรอ?」

 

อาจารย์เองก็ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

「เป็นคำถามที่ดีคะ แต่ในความเป็นจริง ยังไม่มีการวิจัยมากนักเกี่ยวกับเรธ ซึ่งเป็นมอนสเตอร์อันเดดระดับสูงสุด สาเหตุหนึ่งคือหาเจอได้ยาก และอีกอย่างคือปาร์ตี้ที่ไปท้าทายต่างก็สูญหายกันไปหมด ดังนั้นเลยไม่มีข้อมูลเลยค่ะ」

 

ห้องเรียนเงียบกริบ

 

「สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือหากเจอเรธให้หนีทันทีคะ โดยเฉพาะพวกที่พูดได้ด้วยนี่ เป็นมอนสเตอร์ที่เป็นระดับสูงของสูงที่สุดเลยค่ะ ถ้าเจอเรธที่พูดได้ก็เท่ากับว่าไม่สามารถเอาชนะได้แล้วนะคะ」

「เอ๊ะ งั้นเหรอ……?」

 

เซนอสที่นั่งอยู่ท้ายสุดบ่นเล็กน้อย

เรธที่พูดได้ กำลังพักอยู่ในหอพัก แต่ดูเหมือนว่าเงียบไว้จะดีกว่านะ

 

「สุดท้ายมีใครเคยสู้กับพวกอันเดดบ้างไหมคะ? ถ้าเช่นนั้นช่วยบอกเล่าประสบการณ์การต่อสู้กับอันเดดให้ฟังด้วยนะคะ」

 

บางคนยกมือขึ้น

ผู้ชายที่ได้รับการเสนอชื่อก็ยืนขึ้น เป็นหมอนั่นที่เจอกันในโรงอาหาร

แน่ใจเลยว่ายูมินบอกว่าพวกนี้มีแต่พวกเพี้ยนๆ

 

「เครย์สันจากห้องวิจัยของศาตราจารย์โกลด์แรน ข้าเคยเป็นนักผจญภัยมาหลายปีแล้ว ถ้าเป็นพวกโกสต์ละก็ปราบไปเป็นสามสิบกว่าตนแบบชิวๆเลยล่ะ」

 

ทันใดนั้นเหล่านักเรียนก็ต่างส่งเสียงเชียร์

มีคนอุทานว่าสมแล้วที่เป็นคนที่เข้าไปอยู่ในห้องวิจัยของโกลด์แรนได้

ดวงตาของเครย์สันพูดถึงวิธีปราบโกสต์อย่างภาคภูมิใจและหันไปทางเซนอส

 

「แล้วเจ้าเด็กฝึกพิเศษตรงนั้นล่ะเคยบ้างไหม?」

「เอ๊ะ ชั้นเรอะ?」

 

ทันใดนั้นเซนอสก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ความสนใจของทุกคนมุ่งหาเซนอส

 

「……」

 

ตอบไงดีวะ

ยูมินบอกให้ทำตัวตามปกติ แต่ว่าในอนาคตชั้นไม่อยากจะเด่นเกินไปด้วยสิ

 

จำเป็นต้องทำให้สำเร็จให้ได้และดึงดูดให้โกลด์แรนเข้าหา แต่ว่าชั้นคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าหลีกเลี่ยงการทำตัวให้เด่นตั้งแต่แรก

ก็สามารถจัดการโกสต์ห้าสิบตนในคราวเดียว แต่อาจจะดีกว่าถ้าบอกจำนวนที่ใกล้เคียงกับเครย์สัน

 

「อืมมม….ก็ประมาณสามสิบตนได้」

「หาาาาา?อย่ามาโกหกนะเว้ย」

「ไม่ได้โกหกสักหน่อย ก็แค่จัดการทีเดียวครั้งละสามสิบตน」

「ก็บอกแล้วว่าอย่ามาพูดแบบนั้น….หาครั้งเดียวสามสิบตน?」

「เอ๊ะ?ก็จัดการสามสิบตนเท่ากันไม่ใช่เหรอ?」

 

ทันทีนั้นเองทั้งห้องก็ส่งเสียงดัง

ผู้สอนเองก็ดูเอกสารในมือแล้วกล่าวว่า

 

「เป็นเด็กฝึกพิเศษเซโน่สินะคะ?」

「อ่า ใช่แล้วครับ」

「ถ้างั้นช่วยอธิบายเรื่องราวหน่อยจะได้ไหมคะ」

「ไม่มีอะไรให้อธิบายเลยนะ….หากไปที่ดันเจี้ยนก็สามารถเจอโกสต์ได้เยอะแยะเลย ดังนั้นหากร่าย<ฮีลลิ่ง>พร้อมๆกัน ก็ชำระล้างพวกมันได้ในทีเดียวนะ……」

「ดันเจี้ยน……?」

อาจารย์ยิ่งทำสีหน้าสงสัย

「ถ้าพูดถึงสถานที่เป็นดันเจี้ยนแล้วมีเหล่าอันเดดเยอะๆก็คงจะหมายถึงดันเจี้ยนการ์มิงตัน(ガーミントン)ใช่ไหมคะ?」

「ใช่แล้วครับ……?」

 

เป็นดันเจี้ยนในคฤหาสน์ของขุนนางเก่าแก่ที่แอสตรอนเคยใช้ให้ไปเก็บสมบัติ

เสียงของคนในห้องเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ยกมือทั้งสองข้างเพื่อทำให้ทุกคนสงบลง

 

「เซโน่คุง ดันเจี้ยนของการ์มิงตันแม้แต่ปาร์ตี้แรงค์ทองก็ไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆเลยนะคะ คิดจะขายขำเหรอไงคะ?」

「งั้นเหรอครับ? ก็แน่นอนว่ามันมีอันเดดจำนวนมากเลยนี่ครับ」

「แล้วก็มีไม่กี่ปาร์ตี้ที่เอาสมบัติกลับมาได้สำเร็จด้วยนะคะ」

「พูดเวอร์อะไรขนาดนั้นกันครับผมเองยังเอามาได้เจ็ด……ไม่สิประมาณสองอันกลับมาได้นะครับ」

「หวาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา?」

 

อันที่จริงเอากลับมาได้เจ็ดอันแต่บอกแค่สองก็พอแล้ว แต่อาจารย์ก็ทำเสียงแปลกๆ

 

 ――แย่แล้วแหะ นี่ชั้นพูดอะไรแปลกๆไปงั้นเหรอ……?

 

หลังจากการบรรยายจบลงเซนอสตัดสินใจออกจากห้อง

หลายๆคนที่เหลือต่างพูดคุยกัน

 

「จัดการโกสต์สามสิบตัวในคราวเดียวเนี่ยนะ?」

「ดันเจี้ยนการ์มิงตันกล่าวขานว่าเป็นสุสานของเหล่านักผจญภัยเชียวนะ」

「หมอนั่นมันเป็นใครกันแน่?」

เครย์สันผู้ซึ่งสูญเสียความสนใจจากคนรอบข้างอย่างสิ้นเชิง จ้องมองไปที่เซนอสที่ออกไปและกำหมัดแน่น

 

「ไอ้หมอนั่นมันใครกันวะ? กล้าพล่ามเรื่องโกหกเหลวไหลหน้าด้านๆเนี่ยนะ……」  

 

เซนอสไม่ได้ตระหนักเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนั้นได้

เด็กฝึกพิเศษที่เป็นบุคคลลึกลับเริ่มดึงดูดความสนใจของคนโดยรอบ

 

ตอนที่ 50 ความทรงจำเกี่ยวกับวงเวทย์

「ถ้างั้นมาเริ่มการบรรยายหัวข้อถัดไปกันเถอะ」

 

ผู้ชายที่มีผมบางๆยืนอยู่บนโพเดี่ยม

หลังจากการบรรยายเรื่องเวทย์รักษาแบบนักผจญภัย การบรรยายครั้งที่สองก็เป็นเรื่องการพัก

 

 ――หืมมม……。  

 

เซนอสที่นั่งอยู่ทางด้านหลังรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย

คนอื่นๆต่างจ้องมาด้วยแววตาประหลาดๆ

 

 ――一สภาพแบบนั้นมันอะไร……?  

 

บรรยากาศในห้องเริ่มแปลกไปเล็กน้อยหลังจากจบการบรรยายครั้งที่แล้ว

ชั้นพยายามระมัดระวังตัวให้มากที่สุด แต่ว่าทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?

 

และเมื่อมองไปทางด้านข้าง ก็มีคนหนึ่งที่จ้องชั้นอย่างชัดเจน

ไอ้เครย์สัน

 

เครย์สันมันจ้องมาทางนี้ด้วยความโกรธแค้น

 

「แกว่าไงนะเซโน่?」

「อาาา」

「อย่าพูดอะไรพล่อยๆออกไปเพราะว่าอยากเด่นนะโว้ย」  

「ไม่ ชั้นไม่ได้อยากจะเด่นเลยสักนิด……」

「จัดการโกสต์สามสิบตัวในทีเดียว แค่นี้ก็โกหกแล้ว」

「เรื่องจริงนะ……」

 

แน่นอนว่าขั้นต่ำทำได้ห้าสิบตนต่อครั้ง แต่ว่าสามสิบก็โกหกจริงๆอะแหละ

ไอ้หมอนี่ทำไมมันฉลาดจัง……?

 

「เมื่อโปรแกรมภาคปฏิบัติเริ่มต้นขึ้น เดี๋ยวก็ได้รู้ความสามารถของแก」

「ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีปัญหาสิ……」

 

เซนอสกุมหัว

 

ดาร์กฮีลเลอร์อย่างชั้นจะต้องดึงดูดสายตาของโกลด์แรน

เบ็กก้าบอกว่าเป็นคำของ่ายๆ ดังนั้นก็เลยคิดว่าทำได้

 

เครย์สันมองหน้าเซนอสที่กำลังเหม่อลอย

 

「ยังไงก็ตาม อย่าโกหกอีกละ」

「อ่าาา….จะจำเอาไว้」  

 

ในระหว่างที่พูดเสร็จนั้นอาจารย์ก็เริ่มพูด

 

「ตอนนี้ ฉันเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้เวทย์รักษาแบบวงเวทย์ อย่างที่ทราบกันดีวงเวทย์เป็นเวทย์ชนิดหนึ่งที่วาดขึ้นโดยใช้พลังเวทย์ และมันจะสร้างเอฟเฟกต์ต่างๆขึ้นอยู่กับรูปร่างของมัน มันก็มีวงเวทย์ธรรมดาที่สามารถใช้ได้สำหรับนักผจญภัยทั่วไป และก็ยังมีวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาวาดเป็นวันก็มี บางทีเป็นเดือนหรือเป็นปีก็มี」

 

ทันใดนั้นเองอาจารย์ก็จุดพลังเวทย์ไว้ที่ปลายนิ้วและวาดวงเวทย์ลงบนกระดานดำ

 

「วงเวทย์นี่คือพื้นฐานเลย มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับฮีลเลอร์ระดับสูง ถ้าใครทำไม่ได้จะไล่ออกจากห้องทันที」

 

ท่ามกล่าวเสียงหัวเราะเล็กๆน้อยนั่น เซนอสห่อไหล่ลง

 

 ――ตรูเองไง……。

 

ตรูไม่เคยได้รับการศึกษาที่ดี ดังนั้นจึงไม่ค่อยมั่นใจเรื่องพื้นฐานมากๆ

และปกติชั้นเองก็ใช้เวทย์แบบไม่ใช้วงเวทย์

ถ้าเอาเวลามาวาดวงเวทย์ สู้ร่ายเวทย์โดยตรงจบปิ๊ง

 

ยังไงก็ตามงานนี้งานช้างแล้ว

 

「คราวนี้ฉันจะมาแนะนำเกี่ยวกับการวิจัยประยุกต์ใช้วงเวทย์」

 

เมื่ออาจารย์พูดแบบนั้น เขาก็แก้ไขวงเวทย์ที่วาดขึ้น

จากนั้นแสงสีขาวซีดที่ปล่อยออกมาจากวงเวทย์ก็เปล่งแสงที่แรงกว่าเดิม

และทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากเหล่านักเรียน

 

「ด้วยการดัดแปลงโครงสร้างในลักษณะนี้ มันเป็นไปได้ที่จะเสริมความแข็งแกร่งของการกระทำและให้ผลอื่นด้วย ไม่จำเป็นต้องวาดวงเวทย์ใหม่ทุกครั้ง」

 

หลังจากพูดถึงภูมิหลังทางทฤษฏีที่ยากลำบากแล้วอาจารย์ก็มองไปรอบๆ

 

「ทีนี้ จะขอให้หนึ่งในพวกเธอมาวาดวงเวทย์ ฉันจะแก้ไขและทำการเพิ่มประสิทธิภาพของมันเอง」

 

คนที่นั่งด้านหน้าได้รับการเสนอชื่อและวาดวงเวทย์บนกระดานดำ

มีรูปร่างซับซ้อนกว่าวงเวทย์พื้นฐาน แต่อาจารย์ก็เริ่มแก้ไขทีละอย่าง

 

「ง่ายเกินไปนะแบบนี้ มีโครงสร้างซับซ้อนเกินความจำเป็นและมีช่องว่างมากมาย การทำเช่นนี้ จะสามารถเพิ่มผลการชำระล้างพิษในขณะเดียวกันก็เพิ่มผลไปด้วย」

「ฮะ ขอบคุณมากฮะ」

「อืมถ้างั้นต่อไป――」

「ให้ข้าทำเอง」

 

ก็คือเคลย์สันที่ยกมือขึ้น

เคลย์สันลุกขึ้นยืน เหลือบมองเซนอสด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง และมุ่งหน้าไปทางอาจารย์ราวกับว่าเขาชนะแล้ว

 

จากนั้นเขาก็วาดวงเวทย์ที่ซับซ้อนกว่าเดิม

อาจารย์กอดอกแล้วพยักหน้าราวกับประทับใจ

 

「……ยอดเยี่ยมใช้เวลาเพียงนิดเดียวและไม่มีส่วนไหนที่ต้องแก้เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเป็นทฤษฏีสำเร็จรูปเลยก็ว่าได้ อยากจะมาที่ห้องวิจัยของฉันไหมล่ะ?」

「ไม่หรอก ข้าทำงานอยู่ในห้องวิจัยของศาตราจารย์โกลด์แรน」

「โฮ่วววว โกลด์แรนงั้นเหรอ….งั้นเองเหรอเนี่ย น่าเสียดายช่วยไม่ได้ ทุกคนปรบมือให้เขาหน่อยเร็ว」

 

เครย์สันชี้ไปทางเซนอสที่อยู่ด้านหลัง

 

「อาจารย์ดูเหมือนว่าไอ้เด็กฝึกพิเศษนั่นก็อยากทำเหมือนกันนะ」

「เอ๊ะ?」

 

เซนอสตกใจและเงยหน้าขึ้น

 

「งั้นเหรอ ถ้างั้นเธอคนนั้น มาที่นี่หน่อยสิ」

「ไม่หรอก ชั้น……」

「ไม่ต้องลังเลหรอกนะแม้ว่าจะเป็นเด็กฝึกพิเศษ ถือโอกาสนี้เรียนรู้ให้มากๆล่ะ」

「……」

 

อยากจะข้ามไปอยู่หรอก แต่สายตาของทั้งห้องจ้องมาที่ชั้นด้วยความคาดหวังพลางสงสัย

ตอนนี้ไม่พูดอะไรคงจะดีกว่า

 

「คุคุคุ จงอับอายขายหน้าเสียเถอะ」

 

เครย์สันกลับมานั่งที่และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

「……」

 

เซนอสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนบนหน้ากระดานดำด้วยฝีเท้าอันหนักหน่วง

 

「เอาล่ะ ไม่ว่าจะเป็นวงเวทย์แบบไหนก็ได้นะ ฉันคิดว่าการได้เป็นเด็กฝึกพิเศษอย่างน้อยก็น่าจะวาดได้นิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?」

「อ่า เอ่อ……」

 

 ――เซนอส อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้วงเวทย์ โดยทั่วไปแล้วมันก็เป็นสิ่งไว้ซัพพอร์ตเฉยๆ

 

ครั้งหนึ่งในมุมหนึ่งของสลัม

จำได้ว่าอาจารย์เคยบอกเอาไว้

ชั้นไม่แน่ใจหรอกว่าทำไมมันไม่จำเป็น

 

 ――แต่ถ้าใช้ได้ดีก็จะสนุกและสะดวกไปด้วยที่จะเรียนรู้มัน เมื่อเวลามาถึง จะบอกให้เองไว้ในช่วงที่ว่างอะนะ

อาจารย์ขำพร้อมกับพูดเช่นนั้นและวาดวงเวทย์ลงบนพื้นด้วยนิ้วมือของเขา

มันเป็นรูปแบบเวทย์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งโดยใช้นิ้วทั้งสิบในการสรรสร้างขึ้นมา

 

 ――วงเวทย์ไม่ใช่แค่การวาดเท่านั้น มันใช้งานไม่ได้เว้นแต่จะวาดพลังเวทย์ให้เข้ากับความซับซ้อนของมัน และกระนั้นเองก็ยังสามารถใส่พลังเวทย์ลงไปได้เพิ่มเติมด้วย

 

ตอนนั้นชั้นก็แอบคิดว่าเอิ่ม….ตอนนั้นก็ฝึกซ้อมอย่างอื่นอยู่อะนะ

เพราะแบบนั้นมันเลยไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับชั้นมากนัก

อาจารย์ยิ้มแล้วก็พูดว่า

 

 ――น่า อย่างน้อยก็วาดมันฆ่าเวลาเล่นก็ได้นี่?

 

 ผู้ชายคนนั้น……。

 

「เป็นอะไรไปเหรอ?」

「อาาา ไม่มีอะไรหรอกครับ」

 

หวนนึกถึงอาจารย์เมื่อนานมาแล้ว

ท้ายที่สุดก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้นและชั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงเวทย์จากอาจารย์ของชั้นเลย

 

เซนอสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องวาดวงเวทย์ที่อาจารย์เคยสอนเอาไว้

มันน่าอายที่จะเอามาโชว์เพราะอาจารย์ของชั้นบอกว่าเอาไว้วาดฆ่าเวลาเล่น แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

 

「ฮะฮะฮ่าาาาา…..นั่นอะไรน่ะ? ไม่เคยเห็นวงเวทย์แบบนั้นมาก่อนเลย แบบนี้ฉายาเด็กฝึกพิเศษที่กำจัดโกสต์สามสิบตนในทีเดียวก็หายไปสิวะ」

 

เครย์สันพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ได้ยินแบบจงใจ

บางคนก็หัวเราะคิกคัก

 

อย่างไรก็ตามมีคนหนึ่งที่หน้าถอดสี

เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์

 

「หน้ากากคุง คือว่าวงเวทย์นั่น……」

「อา ชั้นขอโทษด้วยนะ ที่ทำได้แค่นี้น่ะ」

「ไม่ใช่แค่เวทย์แห่งการรักษา การขยายผลเป็นแบบตัวอนันต์ที่ตั้งอยู่ทางทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก แต่ว่าการวาดแบบนั้น……แต่ว่ามีบางอย่างต่างออกไป」

 

อากาศในห้องตึงเครียดอีกครั้ง

แน่นอนเซนอส ไม่รู้ว่าวงเวทย์แห่งการรักษาเป็นสิ่งทดแทนขั้นสูงสุดเลยด้วย

 

「อา ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น  มันดูแปลกๆไปหน่อย เพราะใช้หลายนิ้วในการวาดมันขึ้นมา มันเหมือนจะเป็นแบบสุ่มมากกว่า」

 

มันเป็นวงเวทย์ที่วาดเล่นๆและเหมือนใช้งานไม่ได้ที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญอะแหละนะ

 

「ว่าไงนะ!เงื่อนไขคือการสุ่มงั้นเหรอ……เป็นไปได้เหรอที่จะทำแบบนั้นได้ด้วยวงเวทย์เพียงอันเดียว? แต่ว่านี่มันแน่นอนเลย」

 

อาจารย์เริ่มบ่นพึมพำพร้อมกับมองกระดานดำราวกับลืมนักเรียนในห้องไปแล้ว

 

「อย่างไรก็ตามความสามารถของวงเวทย์มันมหาศาลมาก……ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำให้มันทำงานได้เลยนะ」

「เอ๋ ถ้าวาดแล้วทำงานไม่ได้จะวาดทำไม มันต้องทำงานได้ดิครับ」

「หาาาาาาาาาาาาาาา?」

 

อาจารย์สัมผัสกับขอบวงเวทย์

 

「ยังรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของพลังเวทย์ นี่เธอเป็นใครกันแน่เนี่ย――」

「อืม เอาตามตรงมันก็ช่วยไรไม่ได้มาก มันก็แค่เวทย์รักษาแบบทันทีตามพลังเวทย์ที่ใส่ลงไปในแต่ละนิ้วนั่นแหละ」

「มันคือเวทย์รักษาแบบทันที……?」  

อาจารย์ที่ดูสับสนจับไหล่ของเซนอส

「ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเธอพูดถึงอะไร แต่นั่นก็ดี มาที่ห้องวิจัยของฉันไหม」

「ไม่อะ พอดีว่า……」

อาจารย์ละสายตาจากนักเรียนคนอื่นโดยสิ้นเชิง และการบรรยายก็จบลงทั้งๆยังงั้น

ท้ายที่สุดแล้วเซนอสก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการปฏิเสธและออกจากห้อง

เหล่านักเรียนต่างออกไปที่ห้องและพูดคุย

「อาโน่เด็กฝึกพิเศษนั่นเป็นใครกันแน่คะเนี่ย?」

「ไม่เคยเห็นชายที่วาดวงเวทย์ฟื้นฟูได้เร็วขนาดนั้นมาก่อนเลย」

「แต่ว่าหมอนั่นยังบอกว่าเป็นเวทย์แบบใช้ทันทีที่เมื่อเอานิ้วแตะแล้วส่งพลังเวทย์ลงไป」

「โกหกใช่ไหมนั่น แม้แต่ผู้รักษาระดับสูงใช้เวลาทั้งวันยังทำไม่ได้เลยนะ ถ้าจะทำแบบนั้นต้องรื้อโครงสร้างใหม่หมด」

เครย์สันเองก็กัดฟันแน่นขณะจ้องไปที่คนที่พูดคุยอยู่รอบๆ

「หมอนั่นเป็นห่าอะไรกันแน่……」  

 

เหมือนกับก้อนหินที่โยนลงบนผิวน้ำอันนิ่งสงบ

การปรากฏตัวของเซนอสค่อยๆดังกระจายไปเหมือนระลอกคลื่น

 

 

ตอนที่ 51 ณ ตอนนั้น ที่ศูนย์รักษา

ณ ศูนย์รักษาในเมืองที่ล่มสลาย

มีเงาของคนๆหนึ่งอยู่ที่ประตูหน้า

ผมขาวพลิ้วไหวไปตามลม

หูสัตว์ใหญ่หันซ้ายขวาราวกับมองไปรอบๆ

「ริงก้าอาจจะเป็นอัจฉริยะก็ได้นะ」

 

ริงก้าหัวหน้าเผ่ามนุษย์หมาป่าหมอบลงและยิ้มเพียงลำพัง

 

สถานที่นี้ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เซนอสเองก็ไปที่ศูนย์รักษาหลวงกับคนไข้ที่ชื่อเบ็กก้า ดูเหมือนว่าลิลี่ที่เป็นเอลฟ์ และคาร์มิล่าที่เป็นเรธก็ตามไปด้วย ดังนั้นอาคารนี้จึงร้าง

 

「ฟุฟุฟุ……」

 

ริงก้าค่อยๆสอดลวดเข้าไปในรูกุญแจ

เนื่องจากเดิมบ้านนี้ค่อนข้างเก่า ตัวกุญแจเองก็เป็นแบบเก่าแต่ว่าก็เปิดได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

 

เปิดประตูเบาๆ พยายามลบเสียงฝีเท้า แล้วเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

ปิดประตูข้างหลังและล็อคมันจากด้านใน

 

ความเงียบปกคลุมรอบๆริงก้า

 

「ถ้ามีเจ้านี่จะทำอะไรก็ได้……」

 

เธอยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ

 

แต่ว่า――

 

ริงก้ากลั้นหายใจแล้วก้มหน้าลงต่ำ

มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้น

 

 ――ใครกัน……?

 

พอเพ่งสมาธิไปที่หูสัตว์เพื่อฟังเสียง

ก็มีเหมือนใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา

เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นตระหนักถึงการบุกเข้ามาของริงก้า

 

ด้วยขวานในมือซ้ายของเธอ เธอค่อยๆก้าวขาไปทางด้านหลัง

ทันใดนั้นเงาสีดำก็โผล่ออกมาจากห้องครัว

 

「ชีสสสสสสส!」

「หนอย」

 

เห็นกริชที่ยื่นออกมาเป็นประกาย

ริงก้าเหวี่ยงขานลงด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกัน

 

อาวุธของทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศ

ต่างคนต่างเป็นคนคุ้นเคย

 

「โซเฟียมาทำอะไรที่นี่」

「ริงก้า? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ」

 

ดูเหมือนว่าคนที่มาถึงคนแรกจะเป็นโซเฟีย

โซเฟียลืมตาและเก็บกริชไว้ข้างสะโพกของเธอ

 

「……อย่าบอกนะเธอคิดจะเข้ามาขโมยทองในตอนที่อาจารย์ไม่อยู่」

「อย่ามาพูดบ้าๆ นั่นมันเธอต่างหาก」

「หาาาา? ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ」

「งั้นเหรอ แต่เลือดของโจรมันกำลังร่ำร้องล่ะสิ」

「ไม่คิดจะเข้าร่วมกับเธอหรอกคะ」

「ถ้างั้นก็ก็เท่ากับเซฟ」

 

ทั้งสองเขย่าสิ่งที่พวกเขาต้องการถืออยู่ในมือตรงกันข้ามกับมือที่ถืออาวุธ

บางสิ่งบางอย่างที่คล้ายแท่งตัดกันระหว่างสองสิ่งนี้ก็เกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา

 

มันคือไม้กวาดกับไม้ปัดฝุ่น

 

「……」

 

ทั้งสองเงียบไปชั่วครู่หนึ่งและด้วยท่าทางที่ดูงุ่มง่ามเล็กน้อย พวกนั้นจึงทำอุปกรณ์ทำความสะอาดหล่น

 

「……ทำไมถึงมาทำความสะอาดด้วยละคะ」

「โซเฟียก็ด้วย?」

「อาาา อย่าบอกนะคะ ว่าจะจงใจทำแต้มในวันที่อาจารย์กลับมาพร้อมกับให้เขาเห็นว่าที่ศูนย์สะอาดดีงั้นเหรอคะ」

「ก็แน่นอนสิ」

「แต่ว่าขอบอกไว้ก่อนนะคะฉันมาก่อนค่ะ」

「สิ่งที่สำคัญคือคนที่ขยันต่างหากล่ะ ถ้าทำได้เยอะ ริงก้าก็ได้หน้าล่ะ」

「ฉันเองก็――」

「ข้าเป็นอัจฉริยะในการทำความสะอาด ยามที่เซนอสไม่อยู่ล่ะะะะะะ!」

 

ขณะที่ทั้งสองสบตากัน ประตูทางเข้าก็เปิดออกและมีคนเดินเข้ามา

เป็นลีฟเองที่ถือไม้ถูพื้นยืนอยู่ตรงนั้น

 

โซเฟียและริงก้ามองหน้ากันพลางถอนหายใจ

 

「……อา ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น……」

「ประตูพังแล้วและข้ามีงานเพิ่มอีกแล้วสินะเนี่ย」

「โม่ว ถูกโซเฟียและริงก้าแซงอยู่แล้วหรอกเหรอเนี่ย」

 

ไม่มีทางเลือกอื่นทั้งสามคนแข่งกันทำความสะอาด

อาจเป็นเพราะเหตุนั้นเอง งานจึงเสร็จภายในชั่วโมงเดียว

 

ดูเหมือนว่าเซนอสและลิลี่จะแบ่งงานกันทำความสะอาดทุกวัน แต่ถึงแม้ไม่อยู่สักสองสามวัน แต่ก็มีฝุ่นสะสมอยู่บ้าง

 

「อืม แบบนี้ก็ดีนะ? อย่างที่คิดฉันเนี่ยแหละทำเยอะที่สุดแล้วคะ」

「มากกว่าครึ่งริงก้าทำต่างหาก」

「ข้าซ่อมประตูเลยนะ」

「เธอไม่ได้ทำอะไรเลย」

 

เมื่อโซเฟียและริงก้าประสานเสียง ลีฟก็คราง “อู”เล็กน้อย

 

「ว่าแต่ชั้นสองต้องทำความสะอาดยังไง」

「……หยุดเลยนะอย่าคิดขึ้นไปด้านบน ด้านบนเป็นห้องของท่านคาร์มิล่าล่ะ」

「อาจโดนสาปก็ได้นะคะถ้าเผลอเข้าไป」

 

ทั้งสามพยักหน้าให้กัน

โซเฟียเอามือเท้าแก้มและมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

「ยังไงก็เถอะอาจารย์จะปลอดภัยดีไหมคะเนี่ย……」

「ไม่ต้องห่วงท่านเซนอสหรอก ริงก้าน่ะกังวลสภาพแวดล้อมโดยรอบต่างหาก」

「เซนอสยังเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นฮีลเลอร์ชั้นสามอยู่เลย」

 

ดวงตะวันกลางฟ้าส่องแสงอ่อนๆและนกก็กำลังร่ำร้อง

ที่ศูนย์รักษาแห่งเมืองที่ล่มสลาย ความสงบ ถูกเก็บซ่อนไว้ที่แห่งนี้

 

 

ตอนที่ 52 ณ ห้องวิจัยของโกลด์แรน

ณ อาคารวิจัยในศูนย์รักษาหลวง

ห้องทำงานของศาตราจารย์โกลด์แรนอยู่ชั้นบนสุด

 

ในห้องนั้นมีเครื่องเรือนราคาแพง มีชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครา กำลังทำหน้าย่นและมองมาที่ทางด้านล่าง

 

โกลด์แรนเองก็เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษและมีข่าวลือว่าจะได้เป็นผู้อำนวยการของศูนย์รักษาหลวงคนต่อไป

 

「ขออภัยด้วยครับ」

 

เลขาชายคนหนึ่งเคาะประตูและเข้ามาในห้อง

เมื่อโกลด์แรนหันกลับมา เลขาก็คุกเข่าลงข้างๆ

 

「ศาตราจารย์มีอะไรบางอย่างให้ท่านทราบครับ」

「อะไร」

「มีข่าวลือว่ามีคนน่าสนใจปรากฏตัวมาครับ」

「……โฮ่ววว」

 

ลูกน้องต่างรู้ดีกันว่าโกลด์แรนกำลังรวบรวมคนเก่งมาอยู่ใต้อำนาจของเขาเพื่อเสริมอำนาจทางการเมือง ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับพวกที่ประสบความสำเร็จนั่นจะมาถึงหูโกลด์แรนไวมาก

 

「เป็นใครกัน」

「เป็นฮีลเลอร์ที่สามารถจัดการกับโกสต์คราวเดียวได้ครั้งละสามสิบตนครับ」

「เรื่องจริงงั้นเรอะ?」

「เขาพูดเช่นนั้นครับ」

「ว่าไงนะ? ก็แค่พูดลอยๆเองไม่ใช่เรอะ? ไอ้เวรนั่นมันก็แค่โกหกชัดๆ」

「ไม่หรอกครับ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะวาดวงเวทย์ที่แม้แต่ศาตราจารย์ฟาสโซ(ファッソ)ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันครับ」

「ฟาสโซเรอะ……ไอ้โอตาคุวงเวทย์นั่นน่ะเหรอ」

 

โกลด์แรนเอนหลังพิงเก้าอี้

เป็นเรื่องน่าสนใจเล็กน้อยที่แม้แต่โอตาคุวงเเวทย์ยังไม่เคยเห็นวงเวทย์แบบนั้น

 

「……ถ้างั้นขอทราบชื่อเจ้าหมอนั่นหน่อยได้ไหม」

「เซโน่ครับ」

「ไม่เคยได้ยินเลยนะ」

「ใช่ครับ ดูเหมือนจะเป็นเด็กฝึกพิเศษของปีนี้ครับ」

「เป็นเด็กฝึกพิเศษงั้นเหรอ?」

 

ท่าทางของโกลด์แรนเปลี่ยนไปทันที

 

การเป็นเด็กฝึกพิเศษจะเป็นระบบที่ช่วยให้พวกเขานั้นได้รับประสบการณ์การจ้างงานที่ศูนย์รักษาหลวง โดยได้รับการแนะนำมาและไม่ใช่พนักงานที่เป็นทางการตั้งแต่แรก แม้ว่าจะมีหลักฐานส่งคำขอแนะนำบุคคลไปมาก แต่โดยสัตย์จริงแล้ว แทบจะน้อยมากที่จะมีคนที่มีความสามารถเข้ามาเป็นเด็กฝึกพิเศษ ส่วนใหญ่ไม่ก็มาจากแทบชายฝั่งหรือก็บนภูเขา(บ้านนอก)

 

「อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพล่ามให้ข้าฟัง ฝ่ายข้าไม่รับพวกชั้นต่ำอย่างไอ้พวกเด็กฝึกพิเศษหรอกนะ?」

「ขออภัยด้วยครับ」

 

เลขารีบโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ

เลขาหลายคนคิดจะรายงานข้อมูลให้เร็วที่สุดเมื่อมีข่าวลือแบบนี้พวกนั้นจะได้รับตราประทับสีทอง หากแนะนำคนที่มีความสามารถให้กับเขาได้

 

「ขอโทษด้วย ศาตราจารย์」

 

เลขาอีกคนก็เข้ามาทันที

เลขาพูดกับศาตราจารย์ขณะถือกระดาษแผ่นหนึ่ง

 

「ตามรายงานมีการพบเห็นอันเดดจำนวนมากที่สุสานชูร่า(スーラ)」

 

เนื่องจากที่ตั้งของศูนย์รักษากลางจีงมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะงั้นเองทางศูนย์รักษาก็ทำงานร่วมกับโบสถ์เพื่อนำผู้ตายไปที่สุสานให้โบสถ์จัดการ

สุสานชูร่าก็เป็นสุสานที่ใกล้กับศูนย์กลางมากที่สุด

 

「……อันเดดงั้นเหรอ? คงจะดีนะถ้ามีคนไปปราบมัน」

「ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนเยอะมาก และแต่ละห้องวิจัยก็ต่างร้องขอซัพพอร์ต」

「จะปล่อยให้ใครไปทำก็ไป แต่ว่าอย่าเอาเรื่องพวกนี้มาให้ข้าได้ยินอีก」

「รับทราบ」

 

หลังจากเลขาออกไปโกลด์แรนก็พูดกับเลขาอีกคนหนึ่งที่ยังโค้งคำนับอยู่

 

「ท่าจะแย่แล้ว」

「ฮ่ะ ขออนุญาติครับ」

「อาาา….ว่าแต่จัดการโกสต์ที่เดียวได้สามสิบตนงั้นเหรอ? ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงคงต้องนำมาพิจารณาหน่อยแล้ว ฮ่าๆ」

 

โกลด์แรนไม่คิดหรอกว่านั่นจะเป็นเรื่องจริง

สำหรับโกลด์แรนที่มีอำนาจมหาศาล ไม่สำคัญหรอกว่าไอเด็กฝึกพิเศษมันจะเป็นอะไร

อย่างไรก็ตามเลขาก็ไม่ได้รับรู้

 

「……เข้าใจแล้วครับ」  

 

พร้อมกับคำตอบสั้นๆเลขาก็ออกไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 53 กองกำลังปราบปรามอันเดด【ตอนแรก】

「เอะโตะ คิดจะไปจัดการพวกอันเดดงั้นเหรอคะ?」

「อ่าาา ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ」

 

ลิลี่ที่ประหลาดใจเซนอสก็พยักหน้า

 

เมื่อกำลังกลับบ้านหลังจากจบการบรรยายในวันนี้ จู่ๆก็ถูกเจ้าหน้าที่ในสำนักงานเรียกตัว

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มีซอมบี้จำนวนมากในสุสานใกล้ๆและเข้าต้องการให้ชั้นเข้าร่วมทีมปราบปราม

 

เนื่องจากออกเดินทางในกลางดึก ชั้นจึงกลับมาที่หอพักเพื่อทานอาหารเย็น

ข้างๆลิลี่ที่กำลังทานสตูว์ คาร์มิล่าก็ดื่มไวน์

 

「กำจัดอันเดดงั้นเหรอ…..นี่มันหายนะชัดๆเลยนะคะ」

「ให้ตายสิ จู่ๆก็โดนบอกกระทันหัน」

「ไม่หรอก จริงๆแล้วนะน้ออันเดดก็หายนะดีๆนี่แหละ」

 

คาร์มิล่ากล่าวต่อด้วยเสียงอันเบา

ลิลี่วางจานสตูว์ไว้บนโต๊ะและบ่นพึมพำเล็กน้อย

 

「การระบาดครั้งใหญ่เลย….อย่างที่คิดอันเดดกำลังรวบตัวกันที่สุสานสินะคะ」

「ปกติทางโบสถ์จะเป็นฝ่ายจัดการ ดังนั้นจึงไม่เป็นแบบนั้นหรอก ครั้งนี้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุอะไรเลย」

「โฮ่วววว……」

 

คาร์มิล่าจ้องไปที่ความว่างเปล่าและชี้ไปบนทัปเปอร์แวร์ที่อยู่บนโต๊ะ

 

「เช่นนั้นละน้อ ถ้าท้องหิวก็สู้ไม่ไหว เพราะฉะนั้นทานเยอะๆดีกว่าน้อ」  

「ถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่ทุกอย่างลิลี่เป็นคนทำนะเห้ย」

「แหม่ไม่สุภาพกับสาวน้อยเลยน้อถึงอย่างนั้นดิฉันเองก็ช่วยทำด้วยการโรยน้ำตาลเพิ่มให้น้อ」

「รสชาติจะรอดไหมเนี่ย? หวังว่าจะไม่ใส่เยอะเกินนะ?」

「ลิลี่ ดิฉันขอเนื้อไก่เยอะๆด้วยน้อ ถ้าใส่แครอทลงไปจานจะสาปแช่งไปยันรุ่นลูกเลยคอยดู」

「เอ๋ แบบนั้นน่ากลัวนะคะ….คาร์มิล่าซังทานได้ด้วยเหรอคะ?」

「นี่เธอทานอาหารได้ด้วยงั้นเรอะ?」

「คุคุคุ….ดิฉันทำได้ทุกอย่างแหละคะถ้ามีจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นมากพอ」

「ชั้นว่านิเวศวิทยาของเธอมันเริ่มแปลกๆแล้ววะ」

(TN:สำหรับใครงง เรธโดยปกติแล้ว พูดไม่ได้ และที่มีรูปร่างแบบเหมือนมนุษย์ก่อนตายนั้นก็มีน้อยมาก นอกจากนี้ก็อย่างที่ทราบกันดีภูตผีส่วนใหญ่แตะต้องสิ่งของไม่ได้ ทำอย่างมากก็ได้แค่โปเตอร์ไกด์ ไม่สามารถดื่มชา หรือ ทานข้าวได้แบบคนปกติ แถมยัยนี่ยังแช่ออนเซ็นได้อีก)

อีกอย่างได้ยินมาว่ามีความลึกลับมากมายเกี่ยวกับเรธ

หากชั้นสังเกตเธอแล้วนำเสนอเป็นงานวิจัยอาจจะได้รับปริญญาเลยก็ได้นะเนี่ย

แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น

ประการแรก ยัยนี่ต่างจากเรธทั่วไป เธอเกินเยียวยาแล้ว

 

ไม่นานเวลาอาหารเย็นสบายๆ ก็หมดลง และถึงเวลาที่ต้องไป

 

 +++

 

「อาเระ เซนอส….เซโน่ซังไปด้วยกันไหมคะ?」

 

ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว

ท่ามกลางแสงจันทร์เมื่อชั้นไปที่จตุรัสหน้าศูนย์รักษาหลวง ซึ่งเป็นจุดนัดพบก็เจอยูมินที่อยู่ในกลุ่มฮีลเลอร์

 

「อาาา ถ้างั้นก็ได้」

「แปลกจังเลยนะคะ เนื่องจากเด็กฝึกพิเศษนั้นเป็นแขก พวกเขาไม่ควรจะถูกผลักให้มาทำงานปราบปรามแบบนี้」

「ชั้นเองก็ไม่เข้าใจหรอกแต่ดูเหมือนว่าทางเบื้องบนจะเป็นคนตัดสินใจ」

「เบื้องบน……」

 

ยูมินเอานิ้วชี้ทาบแก้ม

 

「……งั้นเหรอคะ เซโน่ซัง บางทีอาจจะโดนฝ่ายโกลด์แรนจับตามองก็ได้นะคะ」

「จริงเหรอ? ไม่คิดว่าจะเด่นขนาดนั้นเลยนะ」

「ถึงงั้นก็ยังเด่นอยู่ดีแหละคะ เพราะงั้นคุณเซโน่ทำตัวตามปกติแบบ “สบ๊ายสบาย”เลยนะคะ」

「อืม ถ้างั้นชั้นก็จะทำตัวตามปกติแล้วกันนะ……」

 

「งั้นพวกเรามาเริ่มกันเลย จากห้องวิจัยโกลด์แรน เครย์สันจะเป็นคนออกคำสั่ง」

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นหมอนี่อีกแล้ว

 

「เหหห ไอ้หมอนั่นเป็นหัวหน้าเหรอ?」

「สังสัยว่าจะเหมาะรึเปล่านะคะ? เนื่องจากเป็นการประชุมแบบเร่งด่วนของฮีลเลอร์ระดับสูงก็เลยไม่มีใครคัดค้าน และดูเหมือนว่าทีมปราบปรามรอบนี้จะมีแต่พวกหน้าใหม่เป็นหลักค่ะ」

 

ในขณะที่เซนอสและยูมินเดินไปพร้อมๆกัน

 

สุสานที่เป็นสถานที่ตั้งอยู่ในสถานที่ๆห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้

ปาร์ตี้นั้นลึกเข้าไปในป่า มีเสียงของนกฮูกชวนน่าขนลุกอยู่ด้วย

 

「ที่นี่แหละ……」

 

เครย์สันพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

ในสุสาน มีโกสต์ตัวซีดๆกำลังลอยอยู่และซอบบี้เดินเตร่ไปมาราวกับหลงทางเดินผ่านช่องว่างระหว่างไม้กางเขนจำนวนมาก

เครย์สันยกไม้เท้าขึ้นอย่างช้าๆ

 

「เริ่มการโจมตีได้! ทุกคนตามข้ามา!」

 

หลังจากออกคำสั่ง เครย์สันก็มุ่งหน้าออกไป

หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็เดินต่อไป และเสียงของเวทย์รักษาก็เริ่มดังไปทั่ว

 

แสงสีขาวกะพริบอยู่ท่ามกลางความมืด และเหล่าอันเดดต่างก็กรีดร้อง

 

「เซโน่ซังรีบไปกันเถอะคะ」

「อาาา」

 

เนื่องจากอยู่ทางด้านหลังของแถว การดำเนินการเลยช้ากว่าชาวบ้าน

การต่อสู้เริ่มไปทั่ว

 

「เฮ้ เป็นการจัดการที่ดูอ่อนโยนจริงๆนะ กำจัดทีละตัวสองตัวแบบนี้ นี่เป็นวิธีการของศูนย์รักษาหลวงเหรอ? ชั้นคิดว่ามันด้อยประสิทธิภาพแบบสุดๆเลยนะ」

「ก็นะคะ จากมุมมองของเซโน่ซังจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลก……」

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าฮีลเลอร์เยอะขนาดนี้ ชั้นคิดว่าไม่ต้องทำอะไรมากนักหรอก

พอคิดแบบนั้นครู่หนึ่ง――

 

แต่ว่าจำนวนไม่ลดเลยสักนิด

 

จำนวนศัตรูไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

 

แม้ว่าจะพยายามกำจัดอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

จำนวนอันเดดที่ตอนแรกเท่าๆกับจำนวนคนที่มาเริ่มเพิ่มเป็นสามถึงสี่ต่อหนึ่งฮีลเลอร์

 

เมื่อโดนโกสต์สัมผัส พลังชีวิตส่วนหนึ่งจะถูกกลืนกิน

บางคนไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้และคุกเข่าด้วยสีหน้าซีดเซียว

 

「เห้ย เป็นอะไรไป」

「ไม่ไหวแล้ว」

「เฮ้ย เอาจริงดิ」

 

เสียงของพวกเขาเริ่มโอดครวญไปทั่ว

 

「เฮ้ย หัวหน้าทำอะไรสักอย่างดิ」

「รู้อยู่แล้วน่า แต่ว่าถ้าชำระล้างมันไม่ดีมันจะเก่งขึ้นกว่าเดิม!」

 

เครย์สันตะโกนด้วยความหงุดหงิด

 

ในใจกลางของสุสานมีฮีลเลอร์วาดวงเวทย์ขึ้น

สิ่งนี้จะทำให้มุ่งเน้นไปที่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

 

แต่ว่า――

 

「ท่าจะแย่แล้ว」

 

โกสต์และซอมบี้เพิ่มขึ้นและมันเก่งขึ้นและการโจมตีของมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

「ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก」

 

ทันใดนั้นเองเครย์สันก็กรีดร้อง――

 

「<ไฮฮีล>!」

 

พายุแสงสีขาวพัดกระหน่ำ

ควบคู่ไปกับคลื่นความร้อนอันหนาทึบอนุภาคของแสงนั้นเปล่งประกายมาก

อันเดดจำนวนนับไม่ถ้วนโดนกระแสพายุแสงสีขาวกลืนกินก็ไปสู่ขิตกันเป็นจำนวนมาก

 

「……เอ๊ะ?」

 

ในสุสานที่เงียบสงบ กลุ่มฮีลเลอร์ต่างส่งเสียงแปลกๆออกมา

 

ห่างออกไปเล็กน้อย เซโนสกล่าวด้วยท่าทางแบบชัดเจน

 

「อาช่วยไว้ทันสินะเนี่ย มันยังง่ายอยู่นะที่ศัตรูมันยังไม่เก่งขึ้นมากเกินไป」  

 

「……เอ๊ะ?」

 

เมื่อเห็นเซนอสที่ทำท่าเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่54 กองกำลังปราบปรามอันเดด【ตอนกลาง】

「…………」

「…………」

「…………」

 

หลังจากที่เซนอสจัดการอันเดดออกไป ในสุสานก็เงียบไปชั่วครู่

 

「ฉันเองก็ทำตามปกตินะคะ….แต่ว่า……」

 

แม้แต่ยูมินยังตกใจ

 

「ฮะ…ฮ่าฮ่า」

 

คนต่อไปที่พูดคือเครย์สัน

 

「ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นไหมล่ะ เห็นไหม? นี่ละเวทย์รักษาของข้า!」

「เอ๊ะ!?」

 

ยูมินทำเสียงตกใจกับคำพูดของเครย์สันที่แย่งโซเชียลเครดิตของซนอสไป

 

「เครย์สันทำงั้นเหรอ?」

「ใช่เหรอ?」

「เป็นเวทย์รักษาที่น่าทึ่งไปเลยนะ」

 

ฮีลเลอร์คนอื่นๆก็เริ่มบ่น

ทุกคนเริ่มเข้าไปหาเครย์สัน

สถานการณ์มันสับสนมากจนไม่มีใครยืนยันแหล่งที่มาของเวทย์ได้อย่างแม่นยำ

 

ยูมินรีบเข้าไปหาเครย์สัน

 

「เดี๋ยวสิ เครย์สันนายไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ เซโน่ซังเป็นคนทำ……!」

「หาาาาา? กำลังพูดอะไรยูมิน อย่ามาพูดให้ท้ายกันหน่อยเลยแม้จะเป็นเด็กฝึกพิเศษก็เหอะ」

「หาาา ว่าไงนะ? เซโน่ซังก็ช่วยพูดอะไรสักอย่างสิคะ」

「อืมมม……ชั้นเป็นคนใช้เวทย์รักษานั่นเองนะ」

 

เซนอสจ้องมองที่มือขวาของเขา

 

มีร่องรอยพลังเวทย์หลงเหลืออยู่ และไม่มีการตอบสนองของพวกอันเดดหลงเหลืออีกแล้ว

แต่นั่นไม่ได้พิสูจน์ว่าใครเป็นคนร่ายเวทย์

 

เครย์สันเรียกฮีลเลอร์คนอื่นทันที

 

「เฮ้ย พวกแกจะเชื่อข้าที่มาจากห้องวิจัยของโกลด์แรนหรือเด็กฝึกพิเศษที่ไม่รู้แม้แต่หัวนอนปลายเท้า」

 

ทุกคนมองหน้ากัน

 

「……เอ้าว่าไงละ……」

「ความจริงที่ว่าศาตราจารย์โกลด์แรนรวบรวมคนมากความสามารถก็แปลว่าเป็นความจริง」

「อย่างที่คิดเครย์สันนี่สุดยอดไปเลย」

 

พวกฮีลเลอร์คนอื่นดูเหมือนจะยืนอยู่ข้างเครย์สัน

เครย์สันพยักหน้าในชัยชนะ

 

「นั่นเป็นเหตุผล มันจะมีปัญหามากถ้าโซเชียบเครดิตของข้าถูกขโมยไป」

「หนอยยยยยยยย」

 

ยูมินหน้าแดงแยะเหยียบพื้น

 

「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รายงานความสำเร็จของข้าให้กับเบื้องบนด้วยล่ะ」

 

เครย์สันอารมณ์ดีและประกาศความสำเร็จของตัวเอง และทุกคนก็สลายตัว

และเขาก็จ้องมาที่เซนอส

ชี้นิ้วชี้ไปที่เซนอส แล้วพ่นคำพูดออกมา

 

「เหอะอย่างที่คิด? ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับแกหรอกวะ」

「งั้นเหรอ……」

「……หนอยไอ้เวรสีหน้าแบบนั้นมันอะไรวะ? ทำไมถึงต้องมาให้ข้าจับตามองไอ้เด็กฝึกพิเศษแบบนี้ด้วย」

「จับตาดู?อะไรละนั่น?」

「ไม่มีอะไร ก็อย่างที่บอก แกมันก็แค่คนนอก」

「เออ ก็จริงว่าชั้นเป็นคนนอกแล้วไง……」

 

เห็นได้ชัดเลยหมอนั่นมองชั้นเป็นศัตรู

เซนอสเรียกเครย์สันที่กำลังหันหลังกลับไปและกลับบ้านนั่นเอง

 

「เฮ้ย รอก่อน」

「อะไร?」

「การกำจัดอันเดดมันยังไม่จบสักหน่อย」  

「……หะ?」

 

เครย์สันขมวดคิ้วและมองย้อนกลับไป

ฮีลเลอร์คนอื่นที่เหมือนอากาศธาตุก็หยุดเช่นกัน

ยูมินที่ยืนอยู่ข้างชั้นพูดขึ้น

 

「ยังไม่จบหมายความว่าไงคะ?」

「……รู้สึกแปลกๆน่ะ เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังมา」

 

กลิ่นคาวคะคุ้งพัดมาจากสุสาน

ไม้กางเขนนับไม่ถ้วนส่องแสงสว่างด้วยแสงจันทร์ ทำให้เกิดเงานับไม่ถ้วนบนพื้นดิน

เงาเหล่านั้นกำลังบิดตัวไปมา

 

พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น

จากพื้นโลกนั่นมีเสียงคร่ำครวญดังจากก้นบึ้งของนรก

การกำเนิดขึ้นของความแค้นที่สั่งสมกำลังเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

 

「――มาแล้วนะ」

 

 กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

 

ทันใดนั้นเองพื้นดินโดยรอบก็ระเบิดออกเหมือนกับน้ำพุพุ่งพวยออกมา

 

มันเป็นซอมบี้ยักษ์ที่ยืนอยู่ในค่ำคืนอันมืดมิดขณะที่มวลดินจำนวนมากตกลงมาราวกับห่าฝน

 

ร่างกายบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยแพงตอน

น้ำลายที่ไหลออกจากปากทำให้พื้นดินนั้นไหม้เกรียม

กลิ่นที่เหม็นเน่าลอยปกคลุมไปทั่วจมูก

 

「ซอมบี้คิง……!」

 

มีคนพูดเช่นนั้น

มันเป็นอันเดดที่สูงกว่าซอมบี้ทั่วไป อย่างไกลโข แถมยังเก่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ทุกคนต่างหน้าซีด

 

「ทำไมจู่ๆตัวโหดๆถึงได้โผล่ออกมาวะเนี่ย」

「ทำไงดี」

「พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก เรียกำลังเสริมเร็ว」

「ก็รู้อยู่หรอกแต่คงไม่มาในทันทีแน่ ในระหว่างนี้นายหยุดไอ้ตัวนั้นไม่ได้หรอก」

「นั่นคือว่า……」

 

สายตานั้นต่างจ้องไปที่คนๆเดียว

 

「อะไรเล่า」

 

ทุกคนต่างมองหาเครย์สันที่เหงื่อไหลท่วมหน้า

 

「เครย์สัน มีแค่นายเท่านั้นที่ไว้ใจได้」

「หยุดไอ้ซอมบี้คิงด้วยเวทย์รักษาที่สุดแสนตระการตาสิ」

「โชคดีจริงๆที่มีเครย์สันอยู่ที่นี่」

 

「อะโอ้ว……」

 

เครย์สันพยักหน้าด้วยใบหน้าซีดเซียวและหันหน้ามาทางยูมิน

ยูมินเชิดหน้าและยักไหล่

 

「ถ้างั้นก็คาดหวังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนายอยู่นะเครย์สันที่เป็นถึงอีลิทจากห้องวิจัยโกลด์แรนผู้มากความสามารถ」

「ยะยูมินเธอจะช่วยข้าใช่ไหมพวกเราเคยร่วมงานกันนี่」

「เอ๊ะ อย่างนายจำเป็นต้องการความช่วยเหลือด้วยเหรอคะ? เป็นถึงอีลิทของห้องวิจัยโกลด์แรนเลยนะคะ?」

「หนอย เฮ้ ข้าไม่อยากจะ ข้าไม่อยากจะมาเสียหน้าที่นี่」

 

เครย์สันเหลือบมองเซนอสหลังจากคร่ำครวญ

เซนอสยกมือขึ้นและก้าวถอยหลัง

 

「อาาา เข้าใจแล้วล่ะ นายจะบอกว่าคนนอกอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งสินะเข้าใจแล้ว」

「เอ๊ะ ไม่……เออ รู้ดีนี่」

 

จุดจบของเครย์สันตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

 

「ถ้างั้นไปเรียกหน่วยซัพพอร์ตมา ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้เอง」

 

「อย่างที่คิดเลยเครย์สัน」

「ฝากด้วยนะ」

「อดทนไว้นะ」

 

ฮีลเลอร์คนอื่นยกเว้นยูมินและเซนอสวิ่งหนีไปเพื่อเป็นเกียรติแก่เครย์สันผู้กล้าหาญ

 

「ฮี้ จะลุยแล้วนะโว้ย」

 

เครย์สันยกไม้เท้าขึ้นในมือขวาและรีบวิ่งเข้าไปหาซอบบี้คิงด้วยการแสดงออกเหมือนไปฆ่าตัวตาย

เซนอสที่อยู่ทางด้านหลังก็พูดขึ้น

 

「……ไอ้หมอนั่น ก็ดีอยู่หรอกที่มีใจสู้ แต่ทำไมน้ำเสียงถึงเปลี่ยนไปวะ? แต่ว่าแบบนี้ชั้นก็คงชิวๆได้สินะ」

「ก็แบบนั้นแหละคะ ทำตัวเองล้วนๆเพราะอยากสร้างภาพสมน้ำหน้า……」

 

ยูมินยักไหล่เล็กน้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 55 กองกำลังปราบปรามอันเดด【ตอนจบ】

「โอววววววววววววววววววววววววววววววววววว!」

 

เครย์สันเข้าไปเผชิญหน้ากับซอมบี้คิง ส่งเสียงกรีดร้องสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง

 

ขณะที่หลั่งเมือกออกจากร่าง ศัตรูก็หันตัวไปรอบๆและจ้อมองเครย์สัน

เมื่อมันย่ำลงพื้นดินก็แตกเป็นเสี่ยงๆและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงก็กระจายไปตามลม

ควันขาวลอยขึ้นจากที่ๆชั้นยืนอยู่จนถึงก่อนหน้านี้

 

「<ไฮฮีล>!」

 

เครย์สันยกไม้เท้าไว้ข้างหน้า

แสงสีขาวเข้ากระทบท้องของซอมบี้คิงโดยตรง ทำให้เกิดรูโบว๋

 

「ทำได้แล้ว! ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเป็นไงเวทย์ของข้า……หน่านิ้」

 

อย่างไรก็ตามแผลปิดอย่างรวดเร็วด้วยก้อนเนื้อ และเครย์สันก็กรีดร้องด้วยความตกใจ

 

 กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!  

 

ซอบบี้คิงจับกำหมัดขวาและฟาดลงมา

การเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับร่าง และเครย์สันก็กระโดดหลบไปทางด้านข้าง

 

แขนของอันเดดกระทบพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆและเกิดซากปรักหักพักไปทั่ว

ชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจายก็กลับมาฟื้นฟูรอบแขนของมัน

 

เครย์สันลุกขึ้นอีกครั้งและวิ่งไปหาซอมบี้คิงอีกรอบ

อย่างไรก็ตามศัตรูฟาดแขนลงมาอีกครั้ง และเครย์สันก็หลบ

 

เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้ง

เครย์สันที่ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนส่งเสียงหัวเราะ

 

「ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นรึยัง ? ทำได้แค่นี้เหรอ แตะต้องร่างกายข้าไม่ได้เลยสักนิด」

 

「เหอะ หลังจากร่ายเวทย์รักษาไปครั้งเดียวก็วิ่งเต้นไปทั่ว แล้วมามีหน้ามาบอกว่าซอมบี้คิงทำอะไรไม่ได้……」

 

ยูมินที่เห็นแบบนันก็ป่วยการและกุมขมับ

คนอื่นๆไปเรียกซัพพอร์ตมา มีเพียงเซนอสกับยูมินที่อยู่ที่นี่

 

ยูมินพยักหน้าเล็กน้อยขณะมองดูสถานการณ์

 

「แต่ว่าเพราะเหตุนนี้สาเหตุการณ์ระบาดของอันเดดก็ชัดเจนแล้วคะ」

「งั้นเหรอ?」

「ค่ะ เพราะมีอันเดดที่แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นทำให้มันดึงดูดอันเดดรอบๆ โดยเฉพาะสถานที่ๆมีผลให้เกิดแบบนั้นเช่นสุสาน」

「เข้าใจแล้ว สาเหตุก็มาจากซอมบี้คิงสินะ……」

 

เซนอสกอดอกและเอียงคอเล็กน้อย

 

「แต่ว่า ชายคนนั้นก็ยืนยันว่าตัวเองจัดการพวกโกสต์และซอมบี้ก่อนหน้านี้นะ?」

「นั่นสินะคะ」

「วิธีการต่อสู้แบบนั้นมันอะไรกันน่ะจงใจไปตายงั้นเหรอ?」

「ถ้างั้นเรื่องนั้นก็โกหกสินะคะ」

「โกหกงั้นเหรอ?」

「อ่า หมอนั่นโกหกน่ะสิคะ แต่ว่าคุณเซโน่ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยหรอกคะ ปล่อยให้หมอนั่นชดใช้ในความอวดดีของตัวเองเถอะค่ะ」

「……」

 

เซนอสเงียบไปชั่วครู่หนึ่งแล้วพูดกับยูมินที่อยู่ข้างๆ

 

「ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะใจจริงก็ห่วงหมอนั่นใช่ไหมล่ะ」

「เอ๊ะ ทำไมคิดแบบนั้นละคะ」

「ก็แค่สงสัยน่ะ ทำไมเธอถึงไม่ไปขอซัพพอร์ตกับคนอื่นๆ」

「ก็แบบว่าฉันคิดว่าจะหยิบกระดูกของหมอนั่นไปหลังจากหมอนั่นตายน่ะ เพราะอย่างน้อยก็เคยร่วมงานกันละนะคะ」

「ยูมินเนี่ยเป็คนดีจังเลยนะ」

「ไม่หรอกคะ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะคะ」

 

ยูมินรีบโบกมือปัดและจ้องไปที่หลังของเครย์สันที่อยู่แนวหน้า

 

「อย่างไรก็ตาม ก็แค่ทำตัวอยู่ที่นี่เรื่อยเปื่อยไปและไม่คิดจะสู้หรอกนะคะ ก็แค่ดูการต่อสู้จนกว่าซัพพอร์ตจะมาถึง」

「……」

 

เซนอสขมวดคิ้วพร้อมกับกอดอก

 

「แบบนั้นมันไม่ดีหรอกนะ」

「นั่นสินะคะ จะไปจัดการตัวใหญ่ๆแบบนั้นได้ยังไง」

「ไม่ใช่แบบนั้นหรอก หากปล่อยให้ซอมบี้คิงอยู่นานเท่าไร ตัวมันก็จะเริ่มคุ้นชินกับร่างกายที่กำเนิดขึ้นมาและมันจะยิ่งเก่งกว่าในตอนที่มันเพิ่งผุดออกมาอีก ดังนั้นการจัดการมันให้เร็วเป็นทางเลือกเดียว」  

「……เอ๊ะ!」

 

ตอนนั้นเองที่ยูมินตกใจ เครย์สันก็คร่ำครวญ

 

「อั่ก!」

 

แขนขวาของซอมบี้คิงจับตัวเครย์สันได้

ทันใดนั้นร่างก็ถูกขว้างไปอย่างแรงและชนเข้ากับหลุมฝังศพ

 

「<ฮีล>」

 

เครย์สันที่ร่ายเวทย์รักษาใส่ตัวเอง คลานหนีจากศัตรู

 

「เฮ้อ ประมาทซะได้ อย่างไรก็ตามแค่นี้มันรอยขีดข่วน」

 

ร่างกายยังดูแข็งแรงอยู่ แต่เข่านี่สั่นยับ

 

「นี่เป็นเกมส์เดิมพันงั้นเหรอ――」

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่พูดเช่นนั้นหมัดของซอมบี้คิงก็เข้ากระแทกร่างของเครย์สัน

 

「อ๊อกกกกกกกกกกกกกกกก~」

 

เครย์สันกลิ้งไปตามพื้น

 

「<ฮีล>、อ่อก」

「กร๊าซซซซซซซซซซซซซซ」

「อ๊ากกกกกกก」

 

อย่างไรก็ตามแผลรักษาไม่ทัน ความว่องไวของซอมบี้คิงเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ

เครย์สันโดนซัดราวกับพายุโหมกระหน่ำ

ในที่สุดซอบบี้คิงก็คว้าร่างไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและยกเครย์สันขึ้นสูง

 

「อะย๊ากกกกกกกห์ ปล่อยข้านะ ปล่อยนะโว้ย~」

「อุหวาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา」

 

ท่ามกลางเสียงตื่นตระหนกของยูมิน เซนอสรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนี้มัวทำบ้าอะไรอยู่

รู้สึกอึดอัดวุ้ยที่ต้องมาคุยกับยูมินเนี่ย――

 

「……อาาาาาาาาาาาาาาา!」

 

เครย์สันกรีดร้องหลังจากเซนอสบ่นได้ไม่นาน

 

「ฮี้~ช่วยข้าด้วยเถอะ!」

 

ซอบบี้คิงอ้าปากกว้างและพยายามจะกินเครย์สันเข้าไป

เขี้ยวของหมอนั่นเริ่มเข้าใกล้ร่างของเครย์สันเรื่อยๆ

แต่ว่า――

 

「<เมก้า ฮีล(超高位治癒)>!」

 

คำพูดของเซนอสสะท้อนไปทั่วและแสงสีขาวก็พวยพุ่งเข้าใส่ซอมบี้คิงราวกับสึนามิ

ซอมบี้คิงติดอยู่ในวังวนของแสงศักดิ์สิทธิ์คำรามกับกูร้องพร้อมกับร่างกายที่แหลกสลายกลายเป็นโครงกระดูด

 

หลังจากที่ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ เครย์สันก็หอบหายใจเหนื่อย

อย่างไรก็ตามจะไม่ลืมความพยายามนั่น

 

「ใครบอกให้ช่วยกันวะ……!」

「ไม่นะ นายพูดออกมาชัดเจนมากเลยนะคะ」  

 

ยูมินเข้ามา เครย์สันก็ลุกขึ้นและเปล่งเสียงของเขา

 

「ใครพูดกันวะ」

「ก็นายบอกว่าไม่ต้องยุ่งพวกชั้นก็เลยทำได้แค่จับตามองอยู่รอบๆคะ」

「หยุดพูดนะโว้ย」

 

ถัดจากทั้งสองคนที่พูดกันนั้น เซนอสปาดเหงื่ออกจากหน้าผากของเขาเพื่อขอโทษ

 

「อาาา….ขอโทษทีนะ……」

「……?」

 

ในที่สุดชั้นก็กลายเป็นที่สนใจจนได้

 

 อันเดดที่แข็งแกร่งนั้นจะมีคุณสมบัติดึงดูดอันเดดอ่อนแอที่อยู่รอบๆ――

 

ซอบบี้คิงเองก็เป็นอันเดดระสูงตนหนึ่ง แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากพลังดั้งเดิมของมันมาก

แต่ว่าทำไมถึงมีอันเดดมารวมตัวกันโดยรอบ

อันที่จริงอาจจะมีอันเดดที่ทรงพลังกว่านี้อีก

 

และชั้นก็คิดขึ้นมาได้

 มันต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน ใกล้ๆนี่ มันมีอันเดดระดับสูงสุดอยู่นี่หว่า――

 

 +++

 

「ฮัดชิ้วววววววววววว」

 

คาร์มิล่าจ้องมองไปทางสุสานที่อยู่ใกล้กับศูนย์รักษาหลวง

 

「คาร์มิล่าซัง ไม่เป็นไรนะคะ? หนาวหรอคะ?」

 

คาร์มิล่ามองลิลี่ที่กำลังกังวล และลอยอยู่ก็นั่งไขว้ห้างกลางอากาศ

 

「คุคุคุ…น่าขำน้ออันเดดระดับสูงอย่างดิฉันจะได้สัมผัสความหนาวเย็นเช่นนี้」

「ก็คิดว่าเป็นแบบนั้นอยู่หรอก แต่ก็เห็นว่าจามใหญ่เลยนี่คะ」

「นั่นสิน้อ….อาจจะมีใครบางคนกำลังนินทาดิฉันอยู่ก็ได้น้อ」

「หวาาาาาา คุณคาร์มิล่าคงโด่งดังมากเลยสินะคะเนี่ย」

「คุคุคุ……อร่อยจังเลยน้อ สตูว์นี่ทำออกมาได้ดีเลยล่ะ」

「เออออ๋ คาร์มิล่าซังก็ชมคนอื่นเก่งนะคะเนี่ย」

「คุคุคุ……」

「เอะเฮะเฮะ……」

 

ในห้องของเซนอสต้นเหตุที่ทำให้เหล่าอันเดดรวมตัวกันก็คือคาร์มิล่าที่พูดคุยกันอย่างสบายๆอยู่ในห้องของเซนอส

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 56 วันหยุดสุดสัปดาห์กับศูนย์รักษา

「เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว」

「โอ้ย เจ็บนะ แต่ว่าขอบคุณนะจารย์」

 

เซนอสกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับพวกมนุษย์กิ้งก่าที่เดินออกไป

 

「ลิลี่มีอีกเท่าไรเหรอ?」

「การให้การรักษษช่วงเช้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วคะ」

 

ลิลี่ที่นั่งอยู่แผนกต้อนรับตอบเช่นนั้น แล้วเซนอสก็ถอนหายใจ

 

ณ ศูนย์รักษาในเมืองที่ล่มสลาย

ตามที่ได้ทำสัญญากับเบ็กก้า นี่เป็นครั้งแรกที่เซนอสกลับมาที่ๆคุ้นเคยในช่วงสุดสัปดาห์

เมื่อผู้ป่วยที่รอการรักษาและรอคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ได้มารักษากันสักที จากนั้นก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะอาหารทางด้านหลัง

 

「อาจารย์ ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ ถ้าเหนื่อยมากละก็จะให้ดิฉันคนนี้เข้าไปขัดหลังให้ไหมคะ」

「จะให้ริงก้าถูแขนก็ได้นะ นวดขาและก็นวดส่วนนั้นของท่านเซนอสด้วย」

「อืมมม ไม่โอ๋กันมากเกินไปหน่อยเหรอ?」

 

「ถ้างั้นอยากโดนหน่มน้มของข้านวดไหมละ」

「ไม่ ไม่เอาเว้ย」

 

ก็เช่นเคยทั้งสามคนยังคงมาที่นี่เหมือนเดิม

แต่น่าแปลกพวกนั้นหันมาจ้องพร้อมกับคาดหวังอะไรสักอย่าง

 

「อา อาจารย์ไม่สังเกตอะไรหน่อยเหรอคะ?」

「เอ……」

 

เซนอสกอดอกและมองไปรอบๆ

 

「รู้สึกว่าห้องสะอาดขึ้นนะ หรือว่าบางทีพวกเธอมาทำความสะอาดให้งั้นเหรอ……?」

「ก็แบบนั้นแหละคะ พวกเราคอยดูแลให้」

「ต้องขอบคุณริงก้าขัดทุกซอกทุกมุมเลยนะ」

 

โซเฟียและริงก้าตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย

ถัดจากนั้นลีฟเองก็ดูท่าทางภูมิใจ

 

「ข้าซ่อมประตูให้เลยนะ」

「ไม่ใช่ว่าเธอพังแล้วก็ซ่อมมันเองงั้นเหรอคะ」

「ริงก้าคิดว่าลีฟไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด」

「หนอยยยย……」

 

ลีฟคุกเข่าราวกับพบกับความพ่ายแพ้

ชั้นเองก็โล่งใจเล็กน้อยที่พวกนี้ดูสนิทกันดี

 

「อย่างไรก็ตาม อะไรคือสาเหตุที่มาของอันเดดงั้นเหรอคะ ท่านเซนอส?」

「อาาา เรื่องนั้นเองเหรอ……」

 

ลิลี่ถามด้วยความไร้เดียงสา เซนอสเองที่นึกขึ้นมาได้ก็แอบโกรธนิดหน่อย

ชั้นไม่รู้หรอกว่าคาร์มิล่ารู้เรื่องนี้รึเปล่า จึงยากที่จะพูดออกไป

 

แต่ริงก้าก็พูดออกมา

 

「การรวมตัวกันของอันเดด? ริงก้าสงสัยว่าเพราะเรธนั่นอาจเป็นสาเหตุ อันเดดเก่งๆมักจะดึงดูดอันเดดด้วยกันทำให้พวกมันเก่งกว่าปกติ」

「เห้ย ก็บอกแล้วไง……」

 

พวกมนุษย์หมาป่าที่เป็นมนุษย์กลางคืนจะรู้สึกได้สินะ

จากนั้นคาร์มิล่าที่อยู่ชั้นสองก็ลงมาเอนกายบนเตียงด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

 

「โฮ่วววว จะบอกว่าเกิดจากดิฉันผู้นี้งั้นเหรอคะ?」

 

มันช่วยไม่ได้เพราะแบบนั้นเซนอสพยักหน้าเล็กน้อย

 

「นี่เธอรู้ตัวรึเปล่า」

「โม่ว ไม่ต้องแปลกใจขนาดนั้นก็ได้ เรื่องแบบนี้มันก็ปกตินี่」

 

แน่นอน ตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกก็มีอันเดดจำนวนมาก

 

「คุคุคุ……ก็เนี่ยแหละน้อพลังของราชันย์แห่งความตาย」

 

เธอไม่ได้ดูสลดเลย แต่น้ำเสียงที่ใช้นั้นต่ำลงเล็กน้อย

 

「……ช่วยไม่ได้ละน้อ งั้นจะให้ดิฉันอยู่ที่นี่สักพักไหมน้อ」

「ก็คิดว่าจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี่แหละ――」

 

เซนอสครุ่นคิดก่อนที่จะพูดอะไรต่อ

 

「พอมาคิดดูดีๆแล้วหากพิจารณาถึงความปลอดภัยของทุกคน เธอควรมาอยู่ข้างๆกายชั้นจะดีกว่า」

 

「「「「เอ๋!」」」」

 

ทั้งสามรวมลิลี่ต่างพูดเช่นเดียวกัน

 

「เอ๋ มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

「อะอาจารย์โครตเท่ห์เลย อั่ก……」

「มาอยู่ข้างๆกายชั้น….ริงก้าก็อยากจะโดนบอกแบบนั้นบ้าง」

「หนอย รู้สึกร้อนรนเป็นบ้าเลย เจ็บใจจริง」

「โม่วโม่วววววววววว……แต่ว่าอยู่กับลิลี่สนุกกว่าอยู่กับคาร์มิล่าซังนะคะ」

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างทุกคนต่างทุกข์ทรมาน และลิลี่เองก็จับแก้มด้วยมือทั้งสองข้าง

 

ในทางกลับกันคาร์มิล่าที่จ้องมาที่เซนอสก็ตัวแข็ง

โซเฟียยิ้มและเปิดปากของเธอ

 

「โอยะ คาร์มิล่า หน้าแดงไปหมดแล้วนะคะ?」

「อย่ามาล้อเล่นกับเรธนะ」

 

คาร์มิล่าหันหลังกลับและลอยตัวเหมือนปุยเมฆ

 

「……เจ้านี่มันแปลกจริงเชียวมาพูดแบบนั้นกับเรธแบบนี้เนี่ย กับดิฉันผู้ที่โดนคนอื่นชิงชัง」

 

และเธอก็พูดอีกคำหนึ่งก่อนจะหายตัวไปบนชั้นสอง

 

「คุคุคุ……ก็เอาสิ ถ้างั้นดิฉันเองก็จะปล่อยตัวเองไปตามความรู้สึกเหมือนกันน้อฮิฮิฮิฮิฮิ……」

「คำพูดทิ้งท้ายนั่นมันอะไรกันนะ」

 

ในความเป็นจริงแล้ว อันเดดไม่ได้ผุดขึ้นมาจากที่ๆคาร์มิล่าอยู่เสมอไป แต่บางทีก็มีเงื่อนไขเช่นสถานที่ๆรวบรวมอันเดดได้ง่ายๆ เช่น ซากปรักหักพังและสุสาน ชั้นเองก็จัดการพวกนั้นหมดแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่ว่าควรจะกำจัดพวกนั้นให้ไวกว่านี้

 

「แล้วอาจารย์มีแนวโน้มว่างานนี้จะสำเร็จไหมคะ?」

「นั่นสินะ……」

 

 ชีวิตในศูนย์รักษาหลวงนั้นน่าสนใจดี แต่จุดประสงค์แท้จริงคือการแทรกซึมเข้าไปรวบรวมข้อมูลของคนที่หายตัวไป จำเป็นต้องเข้าใกล้โกลด์แรน เพื่อตามหาอัลเฟรดที่หายตัวไป แต่ว่าจะทำเช่นนั้นได้ต้องดึงดูดความสนใจ――

 

「ท่านเซนอสเอาชนะอันเดดจำนวนมากมายได้สบายๆดังนั้นลิลี่คิดว่ามันน่าทึ่งมากเลยคะ」

「อ่าก็หวังว่าจะไปได้สวยอยู่หรอกนะ……」  

 

เซนอสเอนหลังและมองขึ้นไปบนเพดาน

 

หรือมากกว่านั้น ปัญหาคือก่อนหน้านั้นไม่มีใครอื่น ยกเว้นยูมิน ที่คิดว่าเซนอสได้กำจัดอันเดดลงเลย

ที่สำคัญคือหมอนั่นที่เกี่ยวข้องกับยูมิน――  

 

 +++

 

「ขออนุญาติครับเครย์สันเอง」

「เข้ามา」

 

ในเวลานั้นเองเครย์สันก็เข้าไปในห้องวิจัยของศูนย์รักษาหลวง

 

เลขานุการที่สองนั่งพิงเก้าอี้อยู่ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกที่ยืมมือเสือ แต่คำพูดของเขานั้นมีน้ำหนักพอที่จะรายงานต่อโกลด์แรน

 

「เครย์สันคุงดูเหมือนการจัดการอันเดดจะประสบความสำเร็จอย่างมากเลยนะ」

「อ่าาา…สำหรับข้าไม่เป็นไรหรอก」

 

เครย์สันตอบกลับด้วยความภูมิใจ

 

「ดูเหมือนว่าพวกฮีลเลอร์ที่ไปด้วยกำลังสรรเสริญนายที่ปราบอันเดดจำนวนมากและเอาชนะซอมบี้คิงได้ด้วยตัวคนเดียว มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยล่ะ เพราะงั้นก็เลยได้รับการแนะนำใหญ่เลย」  

「ฮ่าฮ่าฮ่า……」

 

เขามีรอยย่นระหว่างคิ้ว

「อย่างไรก็ตามที่นายมีบทมากขนาดนี้แต่ไอ้เด็กฝึกพิเศษเซโน่อะไรนั่นน่าผิดหวังชะมัด」

「……」

 

เครย์สันที่ถูกเรียกไปก่อนที่จะมุ่งหน้าไปปราบปรามอันเดด และได้รับคำสั่งให้จับตาดูเซโน่จากเลขานุการที่สองให้ตรวจสอบความสามารถของเขา และเลขานุการที่สองก็เป็นคนแนะนำเครย์สันเข้าที่นี่

เขารู้ได้ทันทีว่าโกลด์แรนต้องการคนมากความสามารถเข้ากลุ่ม ดังนั้นจึงมีปัญหาสำหรับเครย์สันที่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าเซโน่

แต่ว่าเลขานุการที่สองไม่ได้รู้ความจริงนั่น

 

「ชั้นได้แนะนำบุคลากรที่ทรงคุณค่าไปแล้ว ถ้างั้นจะช่วยทำให้เป้าหมายชั้นเป็นจริงได้ไหม?」

「เอ๊ะ เอ่ออ……」

 

เครย์สันหยุดพูด

หลังจากยืนนิ่งครู่หนึ่งเลขาคนนั้นก็ขมวดคิ้ว

 

「เกิดอะไรขึ้น เครย์สัน? นายเก่งอยู่แล้วเพราะงั้นก็พยายามต่อไปเพื่อโกลด์แรน」

「เอ่อ คือว่า……」

「อะไรยังมีอะไรอีกงั้นเหรอ」

 

เครย์สันกำหมัดขณะยืนแน่นิ่ง

 

「ไอ้เด็กฝึกพิเศษนั่น…มันเป็นของจริงความสามารถของมันล้วนๆ」

「……เอ๊ะ?」

「เขาเอาชนะซอมบี้คิงและซอมบี้อื่นๆจำนวนมาก」

「……พูดอะไรของนายน่ะ?」

「มันเป็นความจริง หมอนั่นจัดการเองทุกอย่าง ที่ข้าทำได้ก็แค่มองดูเท่านั้นเอง」

 

เครย์สันพูดเช่นนั้นพร้อมกับออกจากห้องโดยไม่หันหลังกลับมามอง

 

ตอนที่ถูกห้อมล้อมด้วยอันเดดจำนวนมาก

ตอนที่เผชิญหน้ากับซอมบี้คิง

น่ากลัวชิบหาย คิดว่าจะตายแล้วซะอีก และตอนนั้นก็คิดว่าตายแน่ๆ

ถึงกระนั้นเพราะความหยิ่งพยองก็เลยปฏิเสธความช่วยเหลือ

 

แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายที่โดนช่วยจนได้

ช่วยเหลืออย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ

 

เครย์สันเอาหัวโขกกำแพง

 

「หนอยไอ้เวร ใช้หนี้คืนให้แล้วนะโว้ย」

 

「……」

 

หลังจากที่เครย์สันออกไป เลขาคนนั้นก็จ้องมองประตูที่ปิดลงอย่างเงียบๆ

จากนั้น เมื่อยืนขึ้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องของศาตราจารย์

ตอนที่ 57 เรียกตัว

「มีข่าวล่ะเซนอส…ไม่สิเซโน่คุง」

 

เบ็กก้ากล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับเซนอส ซึ่งกลับมาที่ศูนย์รักษาหลวงในฐานะเด็กฝึกพิเศษ

ในห้องวิจัยที่รกมาก มีวัสดุมากมากที่ซ้อนอยู่จนราวกับจะกลายเป็นพายุหิมะถล่มได้เลย

 

「ข่าวงั้นเหรอ?」

「อาาาา มีการติดต่อมาจากทางฝั่งโกลด์แรนล่ะ」

「เอ๊ะ จริงเหรอ」

「หวาาาาา สุดยอดมากเลยนะคะ เซโน่ซัง」

 

ยูมินปรบมือ

เบ็กก้าเองก็เกาหัวแกรกๆ

 

「อิย๊าาาา~มันเร็วซะจนไม่ทันคิดเลย」

「แต่ว่าทำไมกันล่ะ?」

「เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จในการจัดการพวกอันเดดจะไปเตะตาพวกห้องวิจัยโกลด์แรนเข้า」

「เหหหหห……」

「แปลกใจงั้นเหรอ?」

「คิดว่าไอ้คนที่ชื่อเครย์สันจะเอาเครดิตเข้าตัวเองซะอีกนี่」

「ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกันคะ แต่แน่ใจว่ามีคนติดต่อมาทางฝั่งนี้」

 

เซนอสนั่งบนเก้าอี้และยืดเส้นยืดสาย

 

「ถ้างั้นก็ทะลวงผ่านบาเรียชั้นแรกได้แล้วใช่ไหม?」

「อา ตอนนี้อยู่ที่จุดเริ่มต้นแล้วล่ะ」

 

เบ็กก้าเอามือประสานกันพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

 

「โกลด์แรนน่ะมีเลขาหลายคน แต่บางทีหนึ่งในนั้นอาจจะแนะนำเซโน่ไปก็ได้」

「นั่นหมายความว่า……」

「น่าเสียดายนะว่าจะต้องมีการสัมภาษณ์จากตัวโกลด์แรนเองด้วย」

「เห้ยยากไปไหม? แค่ได้ยินเรื่องราวก็ปวดหวัแล้วเนี่ย ทำให้เรื่องมันง่ายกว่านี้ไม่ได้เหรอ?」

「โกลด์แรนมันมีอำนาจใหญ่สุดที่นี่ มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะเข้าพบหมอนั่น」

「ดูแล้วเป็นที่ๆวุ่นวายไม่เหมาะกับชั้นเลยวุ้ย」

 

เซนอสถอนหายใจพลางกอดอก

 

「ได้ยินมาจากยูมินนิดหน่อยแล้วล่ะ แต่ว่าจากมุมมองของนายโกลด์แรนเป็นคนแบบไหน?」

「แน่นอนเป็นคนที่มีความสำเร็จในฐานะฮีลเลอร์ แต่สิ่งที่โดดเด่นคือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและเรื่องการเงิน มีข่าวลือว่าเขามีส่วนได้ส่วนเสียกับศูนย์รักษาหลวงอย่างมากในด้านการเงิน และเขายังเข้าใกล้หนึ่งในขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดและได้รับการสนับสนุนให้เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษ」  

 

อาณาจักรฮาเซสเป็นประเทศที่ปกครองโดยการแบ่งวรรณะอย่างเข้มงวด

ได้ยินมาว่าขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดมีความมั่งคั่งและอำนาจมากมายเพียงเพราะเป็นขุนนาง แต่อำนาจทางการเงินและอำนาจของขุนนางทั้งเจ็ดนั้นโดดเด่นกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือการเปลี่ยนสีดำให้กลายเป็นขาวนั่นเอง  

 

โกลด์แรนเองก็ใกล้ชิดกับพวกนั้น

 

「อืม…เป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษ แต่ไม่มีความสามารถในการรักษา」  

「รู้สึกผิดไหม?」

「สำหรับชั้นละไม่เป็นไรหรอก」

「ฟุฟุ ชั้นเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตยารักษาโรคแต่โกลด์แรนมันได้รับการประเมินด้านการเงิน เป็นคนพิเศษและได้เป็นระดับพิเศษเพราะเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษา อยากแนะนำได้ถ้ามีโอกาส แต่มีคนจำนวนมากที่ไปยุ่งกับหมอนั่นและหมอนั่นเองก็ค่อนข้างพิเศษหน่อยๆ」

「ก็สนใจอยู่หรอกแต่ไม่อยากอยู่นาน」

 

อย่างไรก็ตามเขาเป็นฮีลเลอร์ที่ไม่มีใบอนุญาติ

อีกฝั่งหนึ่งเป็นหัวหน้าของฮีลเลอร์เลยนะ

หากมานั่งเกียจคร้านอยู่อย่างงี้ไม่นานก็โดนจับได้

 

「อ่าา ถ้างั้นจะไปติดต่อหมอนั่นก่อนนะ」

「เอ๊ะ ขอให้โชคดีละกัน」

「เซโน่ซังทำให้ดีที่สุดนะคะ」

 

หลังจากเบ็กก้าและยูมินส่งเขาออกไป เซนอสก็ออกจากห้อง

 

「อาจารย์เบ็กก้า เซนอสซังจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ」

 

ยูมินที่โดดนทิ้งไว้ด้านหลังกล่าวเช่นนั้น เบ็กก้าเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ

「นั่นสินะครับ……」

「รู้สึกไม่ดีเลยนะคะ」

「ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความสามารถของเซนอสคุงหรอกนะ แต่โกลด์แรนเป็นคนระมัดระวังตัวและเป็นคนน่าสงสัย เรื่องนั้นแหละที่น่าห่วง」

「หมายความว่าเขาสงสัยในตัวเซนอสซังงั้นเหรอคะ?」

「แน่นอนหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวหนีได้เลยหากถูกจับได้ ฟุฟุฟุ」

「ไม่ใช่เรื่องตลกนะคะอาจารย์」

 

เมื่อเห็นยูมินเป็นแบบนั้น เบ็กก้าก็พูดอะไรสนุกๆออกมา

 

「อ่าาาา พวกเรามาเดิมพันกับเขากันเถอะครับ ดังนั้นทำได้แค่เชื่อมันและก็รอ」

 

 +++

 

「เชิญเข้ามา」

 

ก่อนที่ชั้นจะถึงชั้นบนสุดของห้องวิจัย

เซนอสเคาะประตูห้องรับแขกและตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

เมื่อเข้าไปข้างในก็มีชายสองคนกำลังรออยู่ที่โต๊ะยาวทางด้านหลัง

มีชายที่เหมือนสุนับจิ้งจอกนั่งอยู่ตรงขอบดูเหมือนจะเป็นเลขานุการอย่างที่เบ็กก้ากล่าว

 

「เธอเองเหรอเด็กฝึกพิเศษเซโน่?」

 

คนที่นั่งตรงกลางพูดขึ้น

 

ผมนั้นมีสีขาวแกมดำที่ดูสง่าผ่าเผย และมีหนวดเครา

 

นี่คงเป็นโกลด์แรนที่ว่า เคยเห็นอยู่ที่โรงอาหาร แต่พอมาเจอใกล้ๆแล้ว แววตานั้นเฉียบแหลมและมีความรู้สึกกดดันที่ไม่เหมือนใครดี

 

「สวัสดี เซโน่ครับ」

 

ในห้องที่มีบรรยากาศตึงเครียดเซนอสทักทายพร้อมกับใส่หน้ากากเอาไว้

เมื่อนั่งลงบนที่นั่งที่เตรียมไว้ เลขาก็ชิงพูดก่อน

 

「ยินดีต้อนรับเซโน่คุง ฉันเป็นเลขานุการคนที่สองของศาตราจารย์ ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานอย่างหนักอย่างการวาดวงเวทย์ที่ดูหายากและจัดการพวกอันเดดจำนวนมากสินะคะ」

「เอ๊ะ ก็นะครับ」

 

ดูเหมือนว่าเรื่องอันเดดจะแดงไปทั่ว

ในขณะนี้เซนอสตัดสินใจพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา

 

「วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกคะ อยากให้มาสัมผัสบรรยากาศที่ศูนย์วิจัยโกลด์แรน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของศูนย์รักษาหลวง นี่เป็นประสบการณ์หายากสำหรับเด็กฝึกพิเศษนะคะ?」  

「จะมาเมื่อมาได้นะครับ」

 

แล้วควรจะตอบว่าไงดีวะเนี่ย

เลขาพยักหน้าอย่างพอใจและหันไปหาศาตราจารย์ที่ทำงานเสร็จแล้ว

 

สายตาของเขาจ้องมาที่เซนอส

 

「――ถ้างั้นข้ามีคำถามอยากจะถามหน่อย」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 58 สัมภาษณ์

ด้วยแววตาที่จับจ้องของโกลด์แรนเซนอสก็เตรียมพร้อม

 

「นายคือคนที่เบ็กก้าแนะนำมาใช่ไหม」

「ครับ」

「มีความสัมพันธ์แบบไหนกับหมอนั่น」

「เอโตะ….พ่อกับแม่ของชั้นสนิทกับเขาดีนะครับ」

 

เป็นไปตามแผน

เบ็กก้าบอกข้อมูลประวัติปลอมให้กับชั้นหมดแล้ว เพื่อแทรกซึมเข้ามาในศูนย์รักษาหลวง

 

「พ่อแม่ของนายตอนนี้ทำอะไรอยู่?」

「พวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครับ」

「โอ่ววว……」

「หลังจากนั้นก็โดนญาติลากไปราซิโอ(ラシオ)และเพิ่งจะได้กลับมาครับ」

「สหพันธ์ราซิโองั้นเหรอ ฝึกเป็นฮีลเลอร์ที่นั่นเหรอ」

 

เซนอสพยักหน้า

สหพันธ์ราซิโอเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลจากอาณาจักรนี่

หากอยู่ในประเทศที่ห่างไกล มันเป็นการยากที่จะตรวจสอบเบื้องหลัง

 

「อืม …..ว่าแต่ได้ยินว่ามีศูนย์ฝึกโยเซชิอยู่ที่นั่น แต่ว่ามันก็ไม่ได้ดีเท่าที่นี่」

 

โกลด์แรนพูดและทำน้ำเสียงต่ำลง

 

「อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสหพันธ์ราซิโอจะไม่มีกษัตริย์ปกครองสินะ」

「ครับ」

 

สหพันธ์ราซิโอเป็นรัฐที่มีชนเผ่าเล็กๆมารวมตัวกัน

การเมืองระดับชาติเองก็มีความพิเศษแตกต่างจากประเทศอื่นๆและพอถามเบ็กก้าว่าตัวแทนประเทศเป็นใครก็บอกว่าเป็นตัวแทนของแต่ละเผ่าที่มีอยู่ที่นั่น

 

จากนั้นโกลด์แรนก็บอกปัด

 

「งี่เง่าน่า แต่ละเผ่ามีบทบาทของตนเองภายใต้กษัตริย์ที่สมบูรณ์ แต่ละประเทศก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?」  

「……」

 

โกลด์แรนพยักหน้าด้วยความพอใจราวกับเห็นว่าความเงียบของเซนอสเป็นคำตอบ

 

「เออ ก็ดี เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่เลือกกลับมาที่นี่ แทนที่จะเป็นประเทศอันแสนอ่อนแอเช่นนั้น บางที――」

 

โกลด์แรนพูดเช่นนั้นและก็เอนมาด้านหน้าเล็กน้อย

 

「นายไม่มีบัตรประชาชนเพราะเพิ่งมาถึงที่นี่ใช่ไหม」

 

เซนอสพยักหน้าเงียบๆ เพื่อที่เขาคนนั้นจะไม่ได้รับรู้ถึงเซนอสที่กำลังหงุดหงิด

เซนอสเป็นชายผู้น่าสงสารแม้จะเกิดที่นี่แต่ก็ไม่มีบัตรประชาชน

ปกติจะต้องขอให้ตอนก่อนส่งเข้าศูนย์รักษาหลวง แต่ครั้งนี้เป็นการอนุญาติแบบพิเศษเพราะอ้างว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศและขั้นตอนการดำเนินการก็ไม่เสร็จเพราะมีโรคร้ายแรง มีคนค้ำประกันเป็นชื่อของเบ็กก้า ฮีลเลอร์ระดับพิเศษ เรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดเลยว่าโกลด์แรนมันจะยืนยันเรื่องบัตรประชาชนโดยตรง

เป็นคนขี้สงสัยเสียจริง

 

โกลด์แรนจ้องมองที่เซนอสที่กำลังเงียบและส่ายหัวช้าๆ

 

「ก็ได้ ถ้างั้นก็ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน」

「ถ้างั้น ศาตราจารย์จะจ้างเขาเข้ามาไหมคะ?」

 

ตามที่เลขานุการคนที่สองบอก โกลด์แรนก็บ่น「อา……」แต่ว่าก็หยุดเอาไว้

 

「――ยังพูดได้ไม่เต็มปากหรอก」  

「……!」

 

มีแววตาแห่งความสงสัยจ้องมองมาที่ชั้น

 

「เซโน่คุงงั้นเหรอ?ถ้างั้นวาดวงเวทย์ที่เคยวาดในชั้นเรียนนั่นอีกครั้งให้ข้าดูได้ไหม」

「วงเวทย์งั้นเหรอครับ?」

「อ่าก็เพราะแค่ได้ยินมาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ต้องเช็คก่อนว่าเป็นคนที่ใช้งานได้จริง」

 

ก็สมเหตุสมผลดีนี่

เซนอสอัดพลังเวทย์ไว้ทั่วปลายนิ้วของเขาและวาดวงเวทย์ที่อาจารย์เคยสอนไว้ให้

 

ไม่รู้ว่าคาดหวังอะไรได้รึเปล่า แต่ก็จำได้ว่าอาจารย์ที่สอนในคาบวงเวทย์นั้นถึงกับตกตะลึงกับวงเวทย์ที่อาจารย์ของชั้นสอนมาให้

เซนอสพูดขึ้นขณะยื่นกระดาษที่วาดวงเวทย์ให้โกลด์แรน

 

「สิ่งนี้แหละที่ช่วยชั้นเอาไว้」

「อาถ้าหากดูจากวงเวทย์ดั้งเดิม ก็จะเข้าใจอยากลึกซึ้งเกี่ยวกับความรู้แห่งเวทแห่งการรักษา――」

 

โกลด์แรนมองหน้าของเซนอส

 

「ไม่คิดว่าต้นกำเนิดมันน่าสงสัยหน่อยเหรอ」

「……」

 

เซนอสขมวดคิ้ว

 

「มีโรงเรียนมากมายในแวดวงเวทมนตร์ แต่ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็มีพื้นฐานและหลักการที่ควรสังเกตเห็นในเวทย์แห่งการรักษา มันไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงแม้จะเป็นในสหพันธ์ราซิโอก็ตามที」

「แล้วมันมีความสัมพันธ์ยังไงกับต้นกำเนิดครับ?」

 

เมื่อยืนยันอย่างระมัดระวังโกลด์แรนหยิบกระดาษด้วยมือขวาและแสดงให้เซนอสเห็น

 

「ไม่รู้อย่างงั้นเหรอ? หากวงเวทย์ไม่ได้ทำตามหลักการเหล่านี้ แสดงว่านายไม่ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม แม้ว่าหลักการจะผิดไปเล็กน้อยก็ตาม แต่จะชัดเจนหากตรวจสอบอย่างละเอียดว่าถ้านายเข้าใจแล้วจึงลบออกไป หรืออีกกรณีหนึ่งคือนายไม่เข้าใจหลักการและวาดมันขึ้นมาทั้งๆยังงั้น」

「……」

「และถ้าเหตุผลที่นายไม่มีการศึกษาที่เหมาะสมตามแบบแผนก็แปลว่านายไม่ได้มาจากชนชั้นสูง สำหรับนายก็น่าผิดหวังที่จะมาเข้าสู่ห้องวิจัยที่ภาคภูมิใจของข้า」

「เป็นชนชั้นล่างงั้นเหรอคะ?หมายความว่าเขามาจากสลัมงั้นเหรอคะ?」

 

เลขานุการที่สองประหลาดใจอย่างมาก

 

「ข้าบอกได้ว่ามันเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่รู้จักหมอนี่เลยแม้แต่น้อย และยังไม่มีบัตรประชาชนอีก เป็นไปได้ว่าฟาสโซที่เน้นแต่หลักการทำงานจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้เลย」

「……」

 

โกลด์แรนเหลือบมองเซนอสที่เงียบพร้อมกับพลิกกระดาษไปทางด้านข้างของเขาและเริ่มยืนยัน

 

「ฝ่ายของข้าจะต้องเป็นคนที่ชอบด้วยกฏหมายและมีความสามารถ ไม่ใช่พวกชั้นต่ำแต่เสือกมีความสามารถ ไม่อนุญาติให้มีพวกแปลกปลอมแปลกแยกเข้ามาในห้องวิจัยของข้า เพราะว่าข้าจะได้เป็นถึงผู้อำนวยการศูนย์รักษาหลวงคนถัดไป」

 

ศาตราจารย์สวมแว่นและจ้องไปที่กระดาษ

เลขาคนที่สองทำสีหน้าบูดบึ้งสลับกันระหว่างเซนอสกับโกลด์แรน

ดูเหมือนว่าการแนะนำตัวของชั้นจะจบลงที่นี่ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย

 

「ศาตราจารย์……เป็นยังไงบ้างคะ?」

 

เลขาถามโกลด์แรนอีกครั้งที่ดูกระดาษอย่างหวาดกลัว

โกลด์แรนที่มองลงมาอยู่พักหนึ่งไม่นานก็ลุกจากที่นั่งของเขา

 

「……เป็นวงเวทย์ที่น่าสนใจมาก แน่นอนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย นอกจากนี้――」  

 

เซนอสเดินไปแตะประตูห้องและพยายามจะออกไปแต่โกลด์แรนก็จ้องมองเขา

 

「เห็นได้ชัดว่าพื้นฐานเขาแน่นมาก ถ้างั้นก็มาเริ่มงานตั้งแต่พรุ่งนี้ได้」

 

เมื่อเขาพูดเช่นนั้นชั้นก็ปิดประตู

ขณะเดินจากไปเซนอสก็ถอนหายใจ

 

นี่คือวงเวทย์ที่เรียนรู้มาจากอาจารย์

เซนอสเองก็ไม่รู้หรอกว่าอาจารย์เป็นใคร แต่เขาก็เป็นคนมากความสามารถสิ่งที่เขาไม่รู้เพียงอย่างเดียวก็คือชื่อของอาจารย์นั่นเอง

ตอนที่ 59 ขบวนต้อนรับศาตราจารย์

「อุหวานี่มันอะไรกันเนี่ย」

 

เซนอสกรีดร้องเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเขา

 

วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาไปเยี่ยมห้องปฏิบัติการของโกลด์แรน เลขาก็บอกให้ชั้นไปที่ห้องพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษากันในโรงพยาบาล เมื่อเข้าไปในอาคารแพทย์จากทานเดินที่นำไปสู่อาคารวิจัย เห็นฮีลเลอร์จำนวนมากกำลังเดินเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบ

 

เมื่อพยายามจะออกจากขบวนก็โดนชายที่อยู่ทางด้านหลังกวักมือเรียกขณะเดาะลิ้นไม่พอใจ

 

「เฮ้ย ทำอะไรอยู่รีบๆเข้าแถวเร็วเข้า」

 

ชายที่ชื่อเครย์สันที่เคยร่วมงานกับยูมินพูดแบบนั้น

 

「นายมันเครย์สันนี่」

「เออ เครย์สันเป็นรุ่นพี่แกไง」

 

อย่างที่บอกเมื่อยืนต่อแถวเครย์สันก็ชี้นิ้วชี้ของเขา

 

「ตั้งแต่วันนี้ไปแกเป็นสมาชิกของห้องวิจัย ข้าจะทำให้แกต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด」  

「อาเข้าใจแล้ว」

「เป็นเรื่องยากที่เด็กฝึกพิเศษจะได้เข้าออกห้องวิจัยของโกลด์แรน ต้องขอบคุณคำแนะนำของข้า ขอบคุณไปจนวันตายเลย」

「งั้นเหรอ? ก็ขอบคุณอยู่หรอกแต่ว่าทำไมล่ะ?」

 

แล้วเครย์สันก็หัวเราะแล้วพูดเบาๆ

 

「ฮะฮะฮ่า ก็ตัดสินใจแล้วนี่หว่า?ก็จะใช้แกในฐานะบันไดไต่ขั้นขึ้นไปเพราะงั้นก็อย่าลืมช่วยข้าด้วยล่ะกัน」

「ซื่อตรงดีนะ……」

 

จะดีก็ดีจะร้ายก็ร้ายเป็นคนเข้าใจง่ายจริงวุ้ย

เซนอสที่เห็นแบบนั้นก็กล่าว

 

「ว่าแต่แถวนี้มั่นอะไรกัน?」

「หา? เป็นขบวนต้อนรับศาตราจารย์ไง」

「ขบวนต้อนรับ?」

「ศาตราจารย์โกลด์แรนจะเดินไปรอบๆเพื่อดูแลผู้ป่วยใน」

 

ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งนำโดยศาตราจารย์

ดูเหมือนว่าจะมีลำดับชั้นภายในฝ่ายด้วย

(TN:สำหรับใครที่งงมันไม่อธิบายก็เหมือนขบวนเสด็จบ้านเราอะครับ จะมีฝ่ายที่เดิมตามบ้างเอย ฝ่ายที่นั่งรอจนตูดแชะเอย ฝ่ายที่ยืนรอแม้ฝนจะตกก็ต้องยืนอยู่ยังงั้น)

「ดังนั้น…ชั้นจะต้องก้มหัวรอจนกว่าเขาจะมา?」

「หนวกหูโว้ย ฝากไว้ก่อนเหอะสักวันตรูจะต้องเป็นฝ่ายไปเดินขบวนให้ได้」

「งั้นเหรอ…พยายามเข้านะ」

「หยุดมองลงมาด้วยสายตาเมตตาเลยนะโว้ย」

 

ด้านในของวอร์ดเป็นสีขาวทั้งหมด ผนังและพื้นเปล่งประกายระยิบระยับ

 

ความหรูหราของอุปกรณ์นั้นแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากศูนย์รักษาในเมืองล่มสลาย

อย่างไรก็ตามระยะทางจากจุดเริ่มต้นนั้นไกลเกินจนมองไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลังของโกลด์แรนชั้นเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

「แล้วไอแถวนี่มันทำอะไรได้?」

「ก็ไปฟังคำปรึกษาจากคนไข้ ตรวจการรักษากับฮีลเลอร์ที่ดูแล และการทำการรักษาง่ายๆแต่ตรงจุด」

「แล้วมีประมาณกี่คน?」

「ไอ้บ้าอย่าพูดมากจะได้ไหม」

 

หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมแล้ว เครย์สันก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น

 

「นี่แหละอำนาจและศาตราจารย์ก็เป็นวีไอพีเลยนะเฟ้ย」

「หืมมมม……」

 

เซนอสพยักหน้าและออกเดินอย่างรวดเร็ว

 

「เฮ้ยจะไปไหน」

「จะไปเดินรอบๆหน่อย」

 

เซนอสวิ่งไปตามกำแพงที่เป็นเส้นทางตรงด้านหน้าเพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด

ในการตรวจสอบบุคคลที่หายตัวไปต้องรู้มากขึ้นเกี่ยวกับโกลด์แรน

สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มยังไม่มีใครเห็นหน้า ดังนั้นไม่มีใครมาบ่นได้หรอก

 

เมื่อเขาเข้าใกล้จุดเริ่มต้น ก็เจอกับศาตราจารย์ที่สนทนากับคนไข้ที่ดูหน้าตาดีอยู่ในห้องพยาบาลที่สวยงาม

 

「อาจารย์โกลด์แรน เมื่อวานนอนทับขาเลยปวดขามากเลย」  

「หืมมม ดูเหมือนว่าจะกดทับเส้นเอ็น ขาเลยแพลงน่ะ」

 

ศาตราจารย์พูดเช่นนั้นและวางมือขวาบนขาที่แพลง

 

「ถ้าระดับนี้ใช้สามคนน่าจะเอาอยู่」

 

เมื่อมองออกไปก็มีฮีลเลอร์สามคนเข้ามา

ศาตราจารย์ก็สัมผัสพวกนั้นด้วยมือซ้ายและเริ่มร่ายอะไรสักอย่าง

 

 ――อะไรนั่น……?

 

มือของศาตราจารย์เป็นสีขาว และใบหน้าของผู้ป่วยก็ดูสดชื่นขึ้น

 

「ความเจ็บปวดบรรเทาลงแล้ว ขอบคุณมาก」

 

ผู้ป่วยกำมือศาตราจารย์ราวกับอธิษฐานต่อพระเจ้า

 

เมื่อเอียงคอไปจนสุด เครย์สันก็พุ่งมาด้วยความโกรธ

 

「แกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย」

「โอ๊ะโทษที คราวหน้าจะระวัง แล้ววิธีการรักษาแบบนั้นคืออะไรอะ?」

 

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับภาพที่เห็นเครย์สันก็ยักไหล่ด้วยความตกใจ

 

「แกไม่รู้ยังงั้นเหรอเนี่ย? ความสามารถพิเศษของศาตราจารย์โกลด์แรนคือโอนย้ายพลังเวทย์」

「โอนย้ายพลังเวทย์(転移魔法)?」

「ไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดเท่าไร แต่เป็นเวทย์ที่ถ่ายพลังเวทย์จากอีกคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง」  

「เหหหห」

「เพราะแบบนี้มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยสิ่งนี้ แม้จะมีพลังเวทย์เพียงเล็กน้อย แต่ถ้ามีคนมาให้ถ่ายโอนพลังเวทย์ก็ใช้เวทย์รักษาใหญ่ๆได้」  

 

เบ็กก้ากล่าวว่าเวทย์รักษาของโกลด์แรนนั้นห่วยแตก

 

เพราะงั้นคำอธิบายของเครย์สัน

ตัวอย่างเช่นถ้ามีคนได้รับบาดเจ็บ

ว่ากันว่าการถ่ายโอนพลังเวทย์คือการเพิ่มพลังกายรักษาโดยการมอบพลังให้กับบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลหนึ่ง

 

โดยธรรมชาติแล้วยิ่งอาการรุนแรงมากเท่าใด การรักษาก็จะสูบพลังเวทย์มากเท่านั้น และเป็นการยากที่จะรักษาด้วยตัวคนเดียว

ดังนั้นจึงมีการเตรียมบุคลากรสุขภาพดีจำนวนมากเพื่อดึงพลังเวทย์จากพวกนั้นทีละเล็กละน้อย แล้วส่งต่อให้ผู้ป่วย

การทำเช่นนี้ก็จะรักษาผู้ป่วยได้และมันจะดูดพลังชีวิตของคนอื่นไปเล็กน้อยเป็นการตอบแทน

(TN:จะเรียกว่าอารมณ์เหมือนซัคคิวบัสก็ได้มั้งที่ดื่ม….เพื่อรักษาตัวตนเอง แต่นี่เป็นการใช้เดรนดูดพลังชีวิตของอีกคนส่งไปที่อีกคน กลัวจะไม่เข้าใจกัน)

「นั่นดูน่าสนใจดีนะหมายความยิ่งจำนวนคนที่นี่มากขึ้นเท่าไร ผลการรักษาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น?」

「ดูเหมือนว่าจะมีข้อจำกัดอยู่ เช่นความเหมาะสมสำหรับการถ่ายโอน อัตราการลดทอนของพลังเวทย์ และอีกมากมาย แต่ว่าหายากที่จะเกิดเคสแบบนั้น」

「เพราะงั้นก็เลยเป็นเหตุผลที่หาคนมาเข้าร่วมเยอะๆงั้นเหรอ?」

「แต่ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีก」

 

เบ็กก้ากล่าวว่ามันเกี่ยวกับการเลือกผู้อำนวยการคนถัดไป

 

「ผู้อำนวยคนปัจจุบันชาร์เบิร์ด(シャルバード)จะเป็นคนเถ้าคนแก่? มีข่าวลือว่าจะเกษียณในไม่ช้านี้ดังนั้นก็เลยต้องการรักษาสิทธิในการออกเสียงเพื่อเลือกตั้งผู้อำนวยการคนถัดไป หากเป็นเช่นนั้นสำหรับศาตราจารย์โกลด์แรนแล้วมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม หากแทงม้าตัวเดียวที่ชนะ ก็จะสามารถเข้าสู่เส้นทางอาชีพได้โดยตรง――」

「อืม……」

「ถ้าให้เดาแกก็คงไม่รู้เรื่องของผู้อำนวยการชาร์เบิร์ดสินะ」

「ก็อยู่ต่างประเทศแล้วพึ่งมาถึงนี่ไม่นาน」

 

อย่างไรก็ตามสำหรับเมืองล่มสลายก็เหมือนต่างประเทศแหละ

 

เห็นได้ชัดว่าผู้อำนวยการคนปัจจุบันเป็นนักผจญภัยและดูเหมือนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดด้วย

หลังจากเกษียณก็จะได้เป็นขุนนางและเป็นผู้อำนวยการของศูนย์รักษาหลวง

 

「เข้าใจยังไอ้ไร้เดียงสาบริสุทธิ์เอ้ย」

「อาเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่คอยเล่าเรื่องต่างๆให้ เป็นคนดีจนน่าตกใจเลยนะเนี่ย」

「อย่ามาพูดบ้าๆนะ ข้าก็แค่อยากจะใช้แกเท่านั้น」

「ถ้างั้นขอถามหน่อยรู้จักชายที่ชื่ออัลเฟรดบ้างไหม?」

「อัลเฟรดเหรอ?」

 

ในที่สุดก็แทรกซึมเข้ามาถึงเนื้อหาหลักของคดีการหายตัวไป

เป็นความคิดที่ดีที่รวบรวมข้อมูลเท่าที่สามารถทำได้

 

พูดตามตรง รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องมาอยู่ที่นี่ แต่ตราบใดที่เบ็กก้ามันกุมชะตาธุรกิจใต้ดินของชั้น ชั้นก็ต้องทำงานให้มันอย่างน้อยที่สุดอะนะ

หากไม่จริงจัง ก็อาจจะหนีไม่พ้น และจะไม่ได้ยินเรื่องราวของอาจารย์ด้วย

 

เครย์สันพูดด้วยใบหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย

 

「อา หมอนั่นมาจากห้องวิจัยเบ็กก้า เขาเป็นลูกครึ่งที่หายตัวไปในขณะที่ศาตราจารย์โกลด์แรนที่คาดหวังกับเขา ไม่ชอบขี้หน้าเลย」  

「แล้วคิดยังไงกับจุดหมายปลายทางของเขาล่ะ?」

「ไม่รู้โว้ย」

「เกิดอะไรขึ้นก่อนการหายตัวไปงั้นเหรอ?」

「ก็ไม่รู้หรอก หมอนั่นถูกเรียกไปที่งานเลี้ยงอาหารค่ำแต่หลังจากนั้นก็หายตัวไปเป็นการตอบแทนศาตราจารย์」

「งานเลี้ยงอาหารค่ำ?」

「ศาตราจารย์จะรวบรวมคนโปรดปรานไว้และเชิญมางานเลี้ยงเป็นครั้งคราว หากถูกเรียกเช่นนั้น อนาคตที่จะได้ตำแหน่งฝ่ายบริหารก็ไม่ไกล ไอ้เวรเอ้ยอิจฉาเอ็งชิบหาย」

「ตรงไปตรงมาจังเลยน้า……」

เป็นผู้ชายที่แสดงอารมณ์ออกทางคำพูด

 

อย่างไรก็ตามปรากฏว่างานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นเหตุการณ์ของการหายตัวไป

เส้นด้ายอันยาวไกลที่ไล่ตามโกลด์แรน เซนอสที่เห็นเช่นนั้นก็กำหมัดแน่น

 

ตอนที่ 60 รายงานความคืบหน้า

「เข้าใจแล้ว เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำของโกลด์แรนงั้นเหรอ……」

 

เบ็กก้าพยักหน้าช้าๆขณะที่เซนอสส่งข้อมูลที่เขาได้รับมาจากคนรอบๆของโกลด์แรน

 

และเช่นเคยห้องของเบ็กก้ารกรุงรังเต็มไปด้วยหนังสือและเครื่องใช้บนโต๊ะ

เบ็กก้าเอากาแฟแก้วหนึ่งยื่นให้เซนอส

 

「เคยได้ยินข่าวลือมาอยู่นะครับ อัลเฟรดเป็นฮีลเลอร์ที่ดีมาก ดังนั้นเขาคงจะถูกเรียกไปที่นั่นสินะ」

 

เบ็กก้ากลับมานั่งที่และโค้งคำนับเซนอสเล็กน้อย

ยูมินลาเพราะความต้องการของเธอ

 

「ข้อมูลมีค่ามากเลยล่ะ เซนอสคุง ขอบคุณนะครับ」

「งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ต้องขอโทษด้วย ลาล่ะ」

「ฟุฟุฟุ อย่ามาล้อเล่นกันสิครับ ยังห่างไกลจากเบาะแสหลักมากเลยนะครับ」

「อย่างที่คิดแล้วเอาไงต่อ?」

 

หลังจากจบรอบแรก ก็ได้พูดคุยกับหลายๆคนที่ไปงานเลี้ยงอาหารค่ำในตอนนั้น แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ชัดเจน

หลังอาหาร ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจการเคลื่อนไหวของอัลเฟรด ขณะที่เขากำลังพักอยู่ในคฤหาสน์อันกว้างขวางของโกลด์แรน

 

「หากเกิดแบบนี้ขึ้น ก่อนที่ช่วงฝึกพิเศษจะสิ้นสุดลง เซนอสคุงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำให้เป็นที่โปรดปรานของโกลด์แรนให้ได้และแทรกซึมเข้าไปในงานเลี้ยงอาหารค่ำ」

「อืมมมม……」

「หากสามารถทำได้ เราจะเพิ่มค่าตอบแทนให้แน่นอน ตามสัญญาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจใต้ดินของนายด้วยนะครับ」

 

บางทีก็พูดเรื่องน่าเหลือเชื่อออกมาได้นะ

เบ็กก้านั้นข้ามเส้นมาแล้วเพราะงั้นเขาจะหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้

 

「แต่ถึงจะบอกให้ไปเป็นคนที่ใช่ก็เถอะนะ」

「เซนอสคุงสบายๆแหงอยู่แล้ว」

「อย่าพูดเหมือนง่ายดิ」

「แน่ใจ?」

「……」

 

 ……ว่าไงนะ  

ตอนแรกคิดว่ามาที่นี่คงไม่ได้อะไรมากแต่ก่อนที่จะรู้ตัวก็ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะ

 

「……บอกตามตรง ไม่เข้าใจจริงๆ บางคนที่นี่ก็ทำยาเก่งเหมือนกับนายแท้ๆ บางคนก็แค่เห็นซอมบี้จำนวน้อยนิดก็ตื่นตระหนก」

「มีซอมบี้เยอะมากเลยสินะ……ฮ่าฮ่าฮ่า」

 

เบ็กก้ายิ้มและลุกขึ้น

 

「ดีจังเลยน้ามีคนน่าสนใจแบบนี้ อย่างไรก็ตาม คนแบบนี้หาได้ยากมากๆเลย เพราะพวกนั้นทำทุกอย่างตามต้องการไง」

 

เซนอสยักไหล่และถอนหายใจ

 

「แล้วเมื่อไรจะบอกเล่าเรื่องราวของอาจารย์ชั้น จนกว่าเรื่องนี้จะจบงั้นเหรอ?」

「อ่าาาา ใช่ถ้างั้นก็มาตอบเท่าที่พอเข้าใจได้ก่อนดีกว่านะ อู้ยยยยยยยยย」

 

เบ็กก้ายืนขึ้นและสะโพกก็ชนเข้ากับขอบโต๊ะ

เหรียญที่สุ่มกองไว้บนโต๊ะกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

 

「อาร่าระ ไม่ได้นะ」

 

เบ็กก้าหยิบมันขึ้นมาและหันไปมองทางเซนอส

 

「เซนอสคุง อ่าาาา ชั้นสนใจมาตลอดเลยล่ะ ทำไมถึงกลายมาเป็นฮีลเลอร์ได้งั้นเหรอครับ?」

「อืมม…..อิทธิพลของอาจารย์ก็ส่วนหนึ่ง แต่ว่าทั้งหมดก็พยายามเท่าที่ชั้นทำได้แล้วนายล่ะ?」

「ชั้นเหรอ….ปกติ แต่ว่าหวังว่ายาของชั้นจะช่วยรักษาคนในโลกแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี แต่ว่าเวทย์รักษาเข้าขั้นห่วยเลย」

 

อันที่จริงได้ยินมาว่าเบ็กก้าได้สร้างกระสุนเงินจำนวนหนึ่งสำหรับโรคปอดแดง

พูดไม่เข้าคายไม่ออก แต่ประวัติก็ล้นเหลือ

 

「เวทย์แห่งการรักษาช่วยผู้คนได้แค่ตรงหน้าเท่านั้น แต่ยาจะเข้าถึงผู้คนมากมาย สำหรับชั้นแล้วมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นะ」

「ฮ่าฮ่า แม้ว่าจะสรรเสริญชั้นก็เถอะนะครับ แต่ว่าก็มีบางพื้นที่ๆเข้าไม่ถึงอยู่ด้วยนะครับ」

 

แน่นอนว่ามีโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างที่ต้องรักษาให้หายขาด แต่ยังมีอีกหลายโรคที่ในโลกนี้ไม่สามารถรักษาได้อยู่

เบ็กก้าหยิบเหรียญและลุกขึ้นนั่งก็พูด

 

「เซนอสคุงชั้นมีอีกคำถามหนึ่ง」

「ว่าไง?」

「ตอนนี้มีเหรียญจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วพื้น」

「แค่เห็นก็รู้แล้วโว้ย」

「อยากจะเก็บมันถ้าเป็นไปได้ แต่ชั้นยุ่งกับการค้นคว้าและการประชุมอย่างมาก ดังนั้นเลยไม่มีเวลา」

「แล้วหมายความว่าไง?」

「ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วนายจะเลือกหยิบเหรียญแบบไหนขึ้นมา?」

「……?」

 

เซนอสขมวดคิ้วและมองไปที่พื้น

เหรียญที่กระจัดกระจายบางเหรียญเป็นเหรียญทองแดง ขณะที่บางเหรียญเป็นเหรียญเงินแบบมันวาว

แล้วก็มีเหรียญทองที่ส่องประกายหลังหนังสือที่ซ้อนทับกัน

 

เบ็กก้าถามว่าถ้าในช่วงเวลาแบบนั้นจะหยิบเหรียญแบบไหน

โดยไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร เขามองไปที่เบ็กก้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

「เซนอสคุงคิดว่าชีวิตของคนเรามีค่าเท่ากันรึเปล่า?」

「……」

 

 ความเงียบงันเล็กน้อยถูกทำลายโดยเสียงเปิดประตู

 

「อาจารย์เบ็กก้าอยู่ไหมคะ?」

 

ยูมินที่ทำธุระเสร็จแล้วก็เข้ามาในห้อง

ยูมินมองไปทางเบ็กก้าและเซนอสสลับกันด้วยท่าทางสงสัย

 

「อะเระ เซนอสซังอยู่ด้วยงั้นเหรอคะเนี่ย?」

 

เบ็กก้าตอบยูมินตามปกติ

 

「อืม พอดีว่ากำลังคุยอะไรที่มันซับซ้อนนิดหน่อยนะยูมิน?」

「อาจารย์ทางออฟฟิศเขาเรียกตัวแล้วนะคะถึงเวลาประชุมแล้วแต่ยังไม่ไปเนี่ย」

「อา ใช่ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้ แล้วสถานที่ประชุมจัดที่ไหน?」

「โม่วววว เดี๋ยวฉันจะนำทางไปก็ได้คะ」

「ขอโทษด้วยนะ รบกวนด้วยนะครับ」

 

เบ็กก้าหลับตาข้างหนึ่งให้เซนอสขณะที่เขาจากไป

 

「จะรออยู่นะเซนอสคุง เป็นคนที่ใช่สำหรับโกลด์แรนให้ได้ล่ะ」

「จะพยายามให้ดีที่สุดก็แล้วกัน」

 

ประตูปิดอย่างช้าๆและภายในห้องก็เงียบลง

เซนอสดื่มกาแฟและจ้องมองเหรียญที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นชั่วขณะหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 61 คนเลี้ยงสุนัข

「ดึกแล้วนะโว้ยไปไหนกันมาวะเนี่ย」

 

หลังจากไปพูดคุยกับเบ็กก้าเซนอสก็มุ่งหน้าไปอาคารวิจัย ก็เห็นเครย์สันยืนรออยู่

 

「มันยังไม่ถึงเวลาเลยไม่ใช่เหรอ」

「เป็นแค่พวกชั้นล่างแท้ๆต้องมาไวกว่าข้าสิวะ」

「งั้นเหรอ…แล้วชั้นต้องทำอะไรบ้าง?」

 

เซนอสเกาหัวแล้วพูดเช่นนั้น

ดูเหมือนว่างานในฐานะของสมาชิกห้องวิจัยโกลด์แรนจะเริ่มในตอนบ่าย

 

「คุคุคุ แกจะได้ช่วยงานอันทรงเกียรติของข้าคนนี้เลยเชียวนะ」

 

เครย์สันหัวเราะราวกับเขามั่นใจในชัยชนะ

แล้วมันคืองานแบบไหนฟะ

 

เนื่องจากนี่คือศูนย์รักษาหลวงจึงเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาหรืองานดูแลคนป่วยงั้นเหรอ

ตามที่คาดไว้มันคงจะไม่ไปในแนวศึกษาหรอก

 

ด้วยเหตุนี้เครย์สันเดินไปด้วยความมั่นใจ

 

「ก็นะเป็นงานดูแลสุนัขของศาตราจารย์」

 

 +++

 

หลังจากนั้น เครย์สันและเซนอสก็พาสุนัขของศาตราจารย์ไปที่จตุรัสของย่านศูนย์รักษาหลวง

 

「ถึงข้าบอกว่าจะช่วย แต่ว่าก็แค่มองดูเท่านั้น เพราะนี่คือสิทธิพิเศษในฐานะรุ่นพี่ไงล่ะ」

「โอะโอ้ว……」

 

สุนัขของศาตราจารย์ชื่อมิลค์(ミルク)มีขนยาวสีเงินสวยงามและบรรยากาศดูสูงส่ง

เครย์สันเดินนำทางผ่านสวนอันเขียวชอุ่ม

 

「คงไม่ใช่ว่านี่เป็นงานเดียวที่ต้องทำในห้องวิจัยหรอกนะ?」

「พูดอะไรของแกน่ะ มันแน่อยู่แล้วสิ」

「ไม่เป็นไรงั้นเหรอ……」

「แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พาไปเดินเล่น ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น ให้อาหารมิลค์ อาบน้ำให้ และแปรงขน」

「เอาจริงดิ!นี่มันงานเลี้ยงสุนัขชัดๆ」

「ฮ่าฮ่าฮ่า จงสิ้นหวังซะสิ สิ้นหวังซะ น่าอิจฉาจริงๆเลยน้า」

「ไม่ ไม่มีอย่างอื่นที่ต้องทำแล้วเหรอไงนอกจากเลี้ยงสุนัขเนี่ย?」

「หาาา ทำไมวะ? นี่มันงานรับผิดชอบอันใหญ่หลวงเลยนะเว้ย」  

 

เป็นคนคิดบวกชิบหาย

เครย์สันยังพูดอย่างมั่นใจ

 

「ก็ดีแล้วนี่ ศาตราจารย์หวงแหนเจ้ามิลค์มาก มันเป็นคนสำคัญของเขา เพราะงั้นการได้ดูแลมันก็เป็นหนึ่งในการได้รับความไว้วางใจเลยนะเฟ้ย」

「จริงอะ……?」

「เพราะแบบนี้แหละ ดูเหมือนว่าวันนี้ศาตราจารย์จะโดนเรียกไปพบกับหนึ่งในขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด วันนี้เขาน่าจะไปทานอาหารเย็นกับขุนนางเหล่านั้น」

 

เครย์สันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดด้วยความอิจฉา

 

「ก็นะ ถ้าข้ายังคงทำตามแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆสักวันข้าก็คงโดนเรียกตัวบ้าง」

「อยากจะก้าวหน้างั้นเหรอ?」

「หาาาา?มันก็แน่นอนสิวะ เข้าร่วมกลุ่มที่แข็งแกร่ง ได้กินอาหารดีๆ หาผู้หญิงดีๆ และใช้ลูกน้องใต้บัญชา ข้าพยายามให้ดีที่สุดเพื่อจะได้เป็นแบบนั้น」

「งั้นเองเหรอ?ไม่ได้เป็นฮีลเลอร์เพราะอยากจะเป็นฮีลเลอร์แต่เป็นเพราะเรื่องอื่นสินะ?」

「……」

 

เครย์สันหยุด

หลังจากเงียบไปเล็กน้อย เขาก็ยักไหล่มาทางเซนอส

 

「……หาาาา ก็โลกสวยเหมือนกันนี่หว่า เคยมีบางครั้งที่ข้าต้องการช่วยชีวิตคนจำนวนมากและต้องการรักษาโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ให้หายขาด อย่างไรก็ตามเวทย์แห่งการรักษามันไม่ได้มีวัตถุประสงค์เหมือนกันทั้งหมด มันมีขีดจำกัดที่คนเราสามารถทำได้อยู่ อะไรที่ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ว่าในทางกลับกันหากมีเงินเราจะทำอะไรก็ได้」  

「อืม……」

「อะไรเล่า……」  

 

เมื่อเครย์สันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ก็โดนเรียกจากทางด้านหน้า

 

「เฮ้ย เครย์สัน วันนี้แกทำหน้าที่ดูแลสุนัขของโกลด์แรนดีรึยัง?」

「อะบอนด์ซัง(ボンズ) วันนี้ก็พยายามเต็มที่เช่นเคย」

 

มีชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าแดงเล็กน้อย

มีบรรยากาศที่ดูหยาบคายถือขวดสาเกไว้ในมือขวาพร้อมกับเดินเซ

ชายคนนั้นชื่อบอนด์จ้องไปที่สุนัขของศาตราจารย์

 

「เหอะไอ้หมาหน้าใสนี่ไม่ชอบเลยวะ」

「บอนด์ซัง ถ้าพูดแบบนั้นให้ศาตราจารย์ได้ยินละก็……」

「เฮ้อ มันก็แค่เลี้ยงเอาหน้าน่า」

 

หลังจากที่ชายคนนั้นสาปแช่งเซนอสก็ถามเครย์สันที่อยู่ข้างๆ

 

「ไอ้หมอนี่ใคร?」

「นั่นคือเลขาอันดับหนึ่งของศาตราจารย์โกลด์แรน」

「เลขาอันดับหนึ่ง?ไอ้เนี่ยอะนะ?」

「ไม่อยากจะเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนรู้จักเก่าของศาตราจารย์ ไม่เคยทำงานเลย ดื่มสาเกแต่หัววัน ก็แค่เพื่อนเก่า ไม่ต้องไปสนใจไรมากนักหรอก」  

 

เครย์สันขมวดคิ้วพร้อมกับว่าเช่นนั้น

จากนั้นเลขาก็ที่เดินไปไกลก็เรียก

 

「เฮ้ย เครย์สัน」

「เอ่อ เรียกข้าเหรอ?」

 

เครย์สันหันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม

การแสดงนี่มันน่าชาบูจริงเชียว

 

「เจ้าสาเกนี่ยกให้」

「เอ๊ะ ขอบคุณ」

 

เลขาคนแรกโยนขวดมาแล้วก็เดินเข้าไป

มันลอยมาเป็นเส้นพาราโบลาจากนั้นก็กระแทกไปทางด้านขวาของสุนัขศาตราจารย์และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

สุนัขตัวนั้นกรีดร้องและเครย์สันก็ถึงกับตัวสั่น

 

「อะเผลอทำลงไปแล้วสิ  ท่านมิลค์ฮ่าฮ่าฮ่า」

 

ด้วยเสียงหัวเราะของเลขาคนแรกที่หัวเราะนั่น เครย์สันไล่ตามสุนัขที่หนีไป

พวกเราวิ่งผ่านจัตุรัสและผ่านห้องโถงขนาดใหญ่ของศูนย์รักษาหลวง

 

และเสียงร้องไห้ก็ดังก้องขึ้นมา

 

「มะมะมะมะมะมิลค์!」

「เกิดอะไรขึ้น?」

 

เมื่อเซนอสที่มาช้าไปนิดหนึ่งก็เห็น เครย์สันกำลังคุกเข่าตรงหน้าทางเข้าห้องโถง

เป็นสุนัขของศาตราจารย์ที่ถูกอุ้มไว้และร่างกายของมันดูบอบบางและกลายเป็นสีแดง

มีรถม้าจอดอยู่ข้างๆ

 

「ไม่จริงน่าโดนรถม้าชนงั้นเหรอ?」  

「ก็นะ ช่วยไม่ได้อยู่ดีๆสุนัขมันก็โผล่ออกมากระทันหัน」

 

เครย์สันตกตะลึงเมื่อได้ยินคนขับรถม้าแก้ตัวเช่นนั้น

เซนอสวางมือลงบนไหล่เครย์สัน

 

「เฮ้ย ยังหายใจอยู่ รีบรักษามันเร็วๆเข้าสิ นายเป็นคนดูแลมันนะ」

「อาาาา」

 

เครย์สันที่หน้าซีดก็จับมือสุนัขตัวนั้นไว้

 

「《ไฮฮีล》」

 

มีแสงจางๆล้อมรอบตัวของสุนัข และเลือดที่ไหลออกมาก็ค่อยๆลดลง

แต่ว่าเครย์สันก็กรีดร้องออกมาอย่างเร่งรีบ

 

「ไม่ไหว」

「หะ? ชั้นคิดว่าไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรหากห้ามเลือดได้」

「มันไม่ได้หรอก เพราะมันเหลือร่องรอยเอาไว้น่ะสิ……!」

 

ผิวหนังถูกปิด แต่แผลนั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อยอาจเป็นเพราะเป็นแผลขนาดใหญ่

ขนสีเงินยาวโดนตัดออกและผิวหนังก็โผล่ให้เห็นออกมา

 

「ศาตราจารย์น่ะชอบท่านมิลค์ที่มีขนสวยงามมากๆ……」

 

เครย์สันสัมผัสร่างกายของสุนัขด้วยความผิดหวัง

 

「มันจบแล้ว….ฮ่าฮ่า อุตสาห์พยายามแทบตาย….ทุกอย่างของข้ามันจบแล้ว……」

「……」

 

หลังจากเงียบไปสักพักเซนอสก็จับมือสุนัขเอาไว้

 

「《ฮีล》」

「เฮ้ย เด็กฝึกพิเศษทำอะไรน่ะ?」  

「ก็อย่างที่เห็นไงกำลังรักษาอยู่」

「ไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่ว่าแกจะเอาชนะซอมบี้คิงได้ แต่ว่านี่มันคือการสร้างผิวหนังใหม่ที่มีขบวนการซับซ้อนมากเลยนะ?」  

 

เครย์สันกรีดร้องและมองดูตัวมิลค์อยู่หลายครั้ง

「หา หายดีแล้ว ไม่มีรอยแผลเป็นเหลืออยู่เลย ขนก็กลับมาเหมือนเดิม…ทำไม?……」

「ก็เวทย์ฮีลมันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ」

「……」

「อย่างไรก็ตาม แบบนี้ก็เดินเล่นต่อได้แล้วรักษาอาการกระดูกร้าวให้หายแล้ว แต่จะดีกว่าถ้าให้มันได้พักผ่อน」  

เซนอสพูดแบบนั้นและกลับไปที่โถงทางเข้าพร้อมกับสุนัข

เครย์สันจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา ฟังเสียงเห่าของแสนน่ารักของมิลค์ที่กลับมาร่าเริงอีกครั้ง

「ฮีล……นั่นไม่ใช่เวทย์ธรรมดา……。บอกได้คำเดียวว่ามันอยู่ในระดับพิเศษ……」  

 

หลังจากพึมพำด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เครย์สันก็ลุกขึ้นและตามเซนอสไป

「เดี๋ยวก่อนโว้ย ไอ้เด็กฝึกพิเศษการดูแลท่านมิลค์คืองานของข้านะโว้ย」

และเหตุการณ์นี้เองก็จะทำให้โชคชะตานั้นเริ่มเดินหน้าไปอีกขั้น

 

 

ตอนที่ 62 คำขอจากขุนนางผู้ยิ่งใหญ่

「ยินดีต้อนรับกลับมานะคะศาตราจารย์」

 

ในตอนเย็นโกลด์แรนกลับมาที่ห้องทำงาน

และก็ได้รับการต้อนรับจากเลขาคนที่สองที่สะโพกนั้นได้รูปงดงาม

 

「อาหารค่ำกับเซอร์เฟนเนลเป็นยังไงบ้างคะ?」

「อาาา……」

 

โกลด์แรนนั่งลงบนเก้าอี้และหายใจเข้าลึกๆ

 

เซอร์เฟนเนล หนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่รู้จักกันในฐานะผู้ดูแล เป็นหนี้บุญคุณท่านผู้นั้นมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่ตำแหน่งของเขาได้มาเพราะการสนับสนุนจากท่าน

 

เลขาคนที่สองมองหน้าเขา

 

「หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?」

「เธอคิดว่าข้ามีปัญหาในการทานอาหารเย็นกับเซอร์เฟนเนลงั้นเหรอ」

「ไม่หรอกคะ ต้องขออภัยในความหยาบคายของดิฉันด้วยค่ะ」

 

เลขาคนที่สองโค้งคำนับและออกจากห้องไป

ยอดเยี่ยมมาก แต่การที่เธอฉลาดนิดหน่อยที่เป็นปัญหา

ดีกว่าเลขาคนแรกที่เอาแต่ดื่มแต่หัววัน

 

「……」

 

โกลด์แรนขมวดคิ้วและทุบโต๊ะด้วยท่าทางประหม่า

 

วันนี้ โดนเซอร์เฟนเนลเรียกตัวครั้งแรกในนานๆครั้งและไปรับประทานอาหารเย็น

แม้แต่ในตอนนี้มันก็ยังสะดวกสบายเพราะจะขอแรงในการช่วยในเลือกข้าขึ้นเป็นผู้อำนวยการคนถัดไป แต่ว่าก็ถูกขอร้องงานอย่างหนึ่งมา

 

 ――อยากให้ศาตราจารย์ตรวจอาการลูกสาวของฉัน

 

 一ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะมีผื่นขึ้นที่แก้มเมื่อราวๆหนึ่งสัปดาห์ก่อน และเมื่อหายดี ก็ยิ่งมีผื่นมากขึ้น และมันค่อยๆใหญ๋ขึ้นเรื่อยๆทีละน้อย  

 

เซอร์เฟนเนลบอกว่าไม่อยากให้ใครเห็นสภาพของลูกสาวตัวเองในตอนนี้

 

โรคเนื้องอกที่ใบหน้า(奇面腫)

 

เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงนักหลังจากโตขึ้นมาได้สักพักมันจะเลิกโตขึ้นเองโดยมีขนาดที่ตายตัว

แม้ว่าจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเนื้องอกที่ใหญ่โตเพราะเนื้องอกเหล่านั้นมันทำให้ดูเหมือนคนแก่หน้าตาน่าเกลียด ตอนนี้ยังขนาดเท่าปลายนิ้วมืออยู่ แต่โดยทั่วไปแล้วจะโตจนขนาดเท่ากำปั้น

 

เมื่อข้าบอกเซอร์เฟนเนลหลังจากตรวจเช่นนั้น ท่านผู้นั้นก็ไม่พอใจอย่างมาก

เป็นที่รู้จักกันดีในละแวกนั้นว่าเซอร์เฟนเนลรักลูกสาวตัวเองมาก

 

สามารถเอามันออกได้ด้วยการผ่าตัด แต่เมื่อเห็นเนื้องอก รากของมันกว้างและฝังลึกลงไปแล้ว ดังนั้นต้องขูดเนื้อเยื่อให้ทั่วบริเวณซึ่งมันค่อนข้างใหญ่มาก

ซึ่งแบบนั้นจะทำให้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า

 

 ――ศาตราจารย์ เท่าไรก็ยอมจ่าย นายมีหนี้บุญคุณฉันอยู่ เพราะงั้นต้องรักษาได้

 

ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดขอร้องไม่ให้ข้าปฏิเสธ

ข้าเลยสัญญาไปว่าจะเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกลับไปเร็วๆนี้…และออกมาจากคฤหาสน์

 

อย่างไรก็ตามไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม

 

ทันทีที่เนื้องอกถูกกำจัดออกไป หากมีการใช้เวทย์รักษาเพื่อยับยั้งการแพร่กระจาย และหากมีคนให้ถ่ายโอนพลังเวทย์จำนวนมากก็พอจะทำให้ผิวหนังงอกกลับมาดั่งเดิม อย่างไรก็ตามลูกสาวของเซอร์เฟนเนลปฏิเสธที่จะพบหน้าผู้คนจำนวนมาก

 

ว่ากันว่าอนุญาติให้มีเพียงหนึ่งถึงสองคนเข้าไปเท่านั้น

 

ถ้างั้นก็ต้องไปขอความร่วมมือกับฮีลเลอร์ระดับสูงคนอื่น แต่ว่าพวกนั้นคงไม่จำมืร่วมด้วยแน่ และเขาเองก็ไม่อยากให้ใครได้โซเชียลเครดิตไปด้วย

 

อุตสาห์ก่อตั้งกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์รักษาหลวง หากได้สนับสนุนจากขุนนาง ก็ได้เป็นผู้อำนวยการคนถัดไปอย่างแน่นอน

 

และการเป็นผู้อำนวยการก็จะทำให้เขาไต่เต้าไปเป็นขุนนางได้

 

「ถ้างั้นจะต้องเป็นใครล่ะ……」

 

ถึงแม้จะรวบรวมคนมีความสามารถไว้มากมายแต่ถ้าผ่าตัดแล้วใบหน้าเหลือรอยแผลเป็นทิ้งไว้ก็ไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากเซอร์เฟนเนล

 

คนที่สามารถรักษาได้แน่นอนโดยไม่ทิ้งบาดแผลไว้เลย――

 

「……」

 

โกลด์แรนยืนขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ

เมื่ออารมณ์เดือดอย่างนี้ก็อยากจะเห็นหน้าเจ้ามิลค์ให้ผ่อนคลาย

 

เมื่อออกไปที่โถงทางเดินก็เดินผ่านบอนด์เลขาคนแรก

จ้างหมอนี่ไว้เพราะรู้จักกันมานาน แต่ว่าก็ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด

ทันใดนั้นบอนด์ก็กล่าวว่า

 

「นั่นสินะ ดูเหมือนว่าสุนัขของนายจะโดนรถทับล่ะ」

「ว่าไงนะ」

 

โลกด์แรนจ้องมองไปที่เลขาคนแรกทันที

 

「แกทำยังงั้นเหรอ? นี่แกทำอะไรลงไปหะและเวลานี้มาเดินเอ้อระเหย――」

「ไม่ใช่ข้าสักหน่อย ยากที่จะเชื่อนะ แต่ท้ายที่สุดแล้วไอ้คนดูแลมันก็รักษาให้ทันทีแล้วดูเหมือนจะปลอดภัยดีแล้วด้วย」

「……」

 

โกลด์แรนจ้องมองไปที่บอนด์และรีบวิ่งไปที่พักของสุนัขของเขา

รีบตรวจสอบร่างกายของมิลค์ แต่ไม่มีร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุเลย

 

ตอนแรกก็คิดว่าโดนบอนด์หลอก แต่พอโทรหาเลขาอีกคนเพื่อยืนยัน ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุจะเป็นความจริง ว่ากันว่ามีบางคนเห็นมิลค์ที่มีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะตรวจสอบร่องรอยยังไง ก็ไม่พบร่องรอยบาดแผลเลย

หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง นี่ก็เป็นการรักษาที่สมบูรณ์แบบสุดๆ

 

โกลด์แรนพึมพำขณะที่คุกเข่าลงข้างๆมิลค์

 

「……ฮีลเลอร์ที่รักษาได้อย่างแน่นอนโดยไม่ทิ้งบาดแผลเอาไว้――」

 

โกลด์แรนลุกขึ้นอย่างช้าๆ และสังเลขาทีเขารวบรวมมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

「ไปเรียกคนดูแลมิลค์มา」

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 63  เดินเล่นยามค่ำคืน

พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าและท้องฟ้าก็ย้อมเป็นสีแดงและเริ่มกลายเป็นสีอ่อนๆ

หลังจากเสร็จสิ้นงานฝึกในวันนี้ เซนอสกำลังกลับไปที่หอพัก แต่มีคนแปลกหน้ามายืนอยู่ทางเข้า

 

สวมแว่นพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาวของศูนย์รักษาหลวง ผมสีฟ้าพลิ้วไหวในยามพลบค่ำ

 

「เป็นอะไรไปยูมิน」

「อะสวัสดีคะเซนอส…เซโน่ซัง」

 

เมื่อเขาเรียกยูมิน เธอโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆ

 

「เอ่อคือ…ถ้ามีเวลาว่างไปเดินเล่นด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ?」

「เดินเล่นงั้นเหรอ? ก็ได้อยู่หรอกนะ」

 

เซนอสเดินตามยูมินไปขณะที่เริ่มเดินไปด้วยกัน

 

เดินไปตามถนนมีเสียงหญ้าและเสียงนกร้อง

 

ถึงกระนั้นพื้นที่ก็กว้างเอามากๆ

ประมาณสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่มาที่ศูนย์รักษาหลวง แต่ว่าแน่ใจเลยว่าเจอสถานที่แปลกๆเกินกว่าร้อยแห่งแล้ว

 

เซนอสปีนขึ้นไปบนเนินเขาเล็กๆตามยูมิน

เมื่อเดินผ่านต้นไม้ มุมมองก็เปิดกว้าง

 

「อ่าที่นี่หรอกเหรอ?」

「อาาาคะ ที่นี่เป็นสถานที่โปรดของฉันเพราะว่ามีวิวที่สวยมากเลยคะ」

「……」

 

เซนอสมองไปด้านหน้า

 

ศูนย์รักษากลางตั้งอยู่ในเขตพิเศษซึ่งอยู่ในเขตของขุนนาง

เป็นสถานที่ที่ดีพร้อมทิวทัศน์แบบมุมกว้างของเนินเขาและอาคารที่ตระหง่านซึ่งเริ่มมีแสงไฟส่องสว่างขึ้น

มีความแตกต่างอย่างมากในมุมมองของเมืองสลัมซึ่งมีอาคารพุพังเรียงรายอยู่

 

เซนอสเกาแก้มเล็กน้อยแล้วมองไปยังยูมินที่อยู่ด้านข้าง

 

「เอ๊ะ ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ?」

「เอ๊ะ อาโนะ……」

 

ยูมินพึมพำเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้น

 

「คือว่า…ขอโทษนะคะ」

「……?」

 

ขณะที่เซนอสเอียงคอสงสัยยูมินก็ยังพูดต่อไป

 

「เอ่อ คือ ฉันคิดว่าดิฉันไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์อะไรในครั้งนี้เลยค่ะ เพราะเป็นคนบังคับให้คุณเซโน่ซังมาเข้าร่วมด้วยแท้ๆ ทั้งๆที่เป็นแค่คนนอก……」

「……」

「อย่างแรกถ้าฉันมีพลังมากกว่านี้ ฉันคิดว่าน่าจะพอดึงดูดสายตาของโกลด์แรนได้บ้าง จะได้ไม่ต้องรบกวนเซโน่ซัง ฉันเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเรื่อยๆเลยคะ」

 

เมื่อเห็นยูมินที่ไหล่ตก เซนอสก็พูด

 

「พามาเดินเพื่อบอกเรื่องนี้เนี่ยนะ?」

「อ่าค่ะ….แต่ว่าไม่คิดว่าฉันจะขอโทษเท่าไรก็ไม่เพียงพอเลยสักนิดเลยค่ะ……」

「ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ยังไงชั้นก็ได้ค่าจ้างจากเบ็กก้า อย่ากังวลเกินเหตุสิ」

 

อันที่จริงก็ได้รับเงินมาบางส่วนเป็นค่าแรงล่วงหน้าแล้ว

 

「อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้คะ……」  

「นอกจากนี้ ถ้าชั้นไม่ก้าวเข้ามาในศูนย์รักษาหลวงชั้นเองก็จะไม่มีทางได้รู้จักตัวตนอาจารย์ของชั้นเลยก็ได้ ชั้นยอมรับเรื่องนี้เพราะมันมีประโยชน์ต่อชั้นและชั้นก็จะได้รู้จักอาจารย์มากขึ้น เพราะงั้นอย่าใส่ใจ」

「แต่ว่ายังไงฉันก็ต้องขอโทษจริงๆคะที่ต้องพึ่งพาเซโน่ซัง ถ้ามีอะไรที่ฉันพอทำได้………ก็บอกได้นะคะ」

 

ยูมินก้มหน้าขอโทษ

ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่จริงจังมากๆ

อาจเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่มีสามัญสำนึกรอบๆตัวเซนอส

 

ยูมินพูดราวกับคิดขึ้นมาเอง

 

「ว่าแต่อาจารย์ของเซโน่ซังเป็นคนแบบไหนเหรอ?」

「ก็ไม่เข้าใจหรอก แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างแก่และสอนชั้นหลายสิ่งหลายอย่าง」

「เหมือนกับอาจารย์เบ็กก้าสำหรับฉันเลยนะคะ」

「เบ็กก้าเป็นผู้มีพระคุณของเธองั้นเหรอ?」

 

ยูมินพยักหน้า

 

「ฉันเสียแม่ไปจากการเกิดอุบัติเหตุตอนฉันยังเด็ก อาจารย์เบ็กก้าดูแลฉันอย่างดีเลยคะ」

「ทำไมเบ็กก้าถึงออกไปข้างนอกล่ะ?」

「เอ๋ เขาไม่ได้บอกเหรอคะ?อาจารย์เบ็กก้านะเป็นน้องชายของแม่ฉัน เป็นคุณลุงคะ」

「เหหหห……」

 

ยูมินถอนหายใจขณะที่มองพื้น

 

「แต่ว่าฉันไม่เก่งทั้งด้านเวทย์มนตร์หรือการค้นคว้ามากนัก และก็ไม่ได้ช่วยในการตามหาอัลเฟรดเลย…ฉันตอบแทนบุญคุณเขาไม่ได้เลยคะ……」

「ว่าแต่ยูมินกำลังเรียนอะไรอยู่ละ?」

「พูดง่ายๆคือวิธีจัดการกับยา ควรเก็บรักษายังไง ใช้อุณหภูมิเท่าใด……ดูธรรมดาใช่ไหมคะ?」  

「ก็ธรรมดานะ」

「งื้ออออ……」  

「แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการมีพื้นฐานที่มั่นคงแล้วมีสตินั่นแหละนะ」

「เซโน่ซัง……」

「อ่า อาจารย์สอนชั้นมาแบบนั้นน่ะ」

 

ยูมินเงยหน้าขึ้นและพูดออกมา

 

「พูดว่าไงดีขณะที่ฉันกลุ้มใจว่าขอโทษยังไงแต่เซโน่ซังดูสบายๆมากเลยนะคะ」

「บางครั้งมันก็จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น ชั้นเองก็พึ่งพาคนรอบข้างเหมือนกัน อย่างเช่นชั้นไม่ถูกกับการตื่นเช้าน่ะ」

 

ยูมินที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้ม

 

「เซโน่ซังเนี่ยน่าสนใจจังเลยนะคะ」

 

 ――คุคุคุ นี่มันโรมแมนติกโคเมดี้เหรอไงเนี่ย……。

 

「เอ๊ะ อะไรเหรอคะ?」

「ไม่ต้องกังวลดูเหมือนจะมีอะไรติดอยู่」

「เอ๊ะ?ตรงไหนเหรอคะ?」  

 

 ――อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คิด เอาไปดาวเดียวพอน้อ  

 

「อย่ามาให้คะแนนคนอื่นสิฟะเรธเอ้ยยยยยยยยยยยยยยย」

「เรธเหรอคะ!? เอ๊ะ อยู่ตรงไหนเหรอคะ?」  

「อาไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิดไป ลืมมันไปเถอะ」

 

เซนอสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และบอกยูมินไม่ต้องใส่ใจ

เมื่อเร็วๆนี้ ชั้นลืมไปเพราะมักจะมีคนมีสามัญสำนึกอยู่รอบๆตัว แต่ว่าตามปกติมีพวกไร้สมองบ้าๆอยู่มากเลยล่ะ

 

เมื่อชั้นกลับมาที่ทางเข้าหอพัก มีอีกคนหนึ่งที่รู้จักยืนอยู่หน้าหอ

ผู้ชายที่มีผมหยักศกเล็กน้อย

คือเครย์สัน คนเลี้ยงสุนัขของโกลด์แรน

 

เมื่อเครย์สันเห็นเซนอสโผล่มาเขาก็เข้ามาด้วยความเร่งรีบ

 

「พี่ใหญ่เด็กฝึกพิเศษคร้าบบบบบบบบบบบบบบ」

「เหหหห?」

 

 หาเรียกชั้นว่าพี่ใหญ่งั้นเหรอ?

เครย์สันพุ่งเข้ามาหาเซนอสและวางมือทั้งสองแนบกับพื้น

 

「ขอร้องล่ะ ช่วยข้าด้วยเถอะ」

「เอ่อเรื่องอะไรเหรอ?」

「ข้าโดนศาตราจารย์เรียกตัวไปและผลักดันให้เข้าสู่แผนงานที่อันตรายมากๆ เพราะงั้นช่วยข้าด้วยยยยยยยยยยยยยยยยย」  

 

เครย์สันตะโกนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

ชั้นบอกให้ยูมินพึ่งพาคนอื่นเป็นครั้งคราว แต่การปรากฏตัวของเครย์สันที่ลดความจองหองของตัวเองและพยายามพึ่งพาผู้อื่นแบบสุดกำลัง

 

 ――ฟังดูน่าสนใจดีนี่ ให้สามดาวเลยน้อ

 

「ก็บอกแล้วไงโว้ย หยุดให้คะแนนคนอื่นมั่วซั่วได้ไหมฟะ?」  

 

อย่างไรก็ตามรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงชีวิตเกิดขึ้นเลย

ตอนที่ 64  ใครเป็นพี่ใหญ่กันแน่?

「ถูกขอให้ไปรักษาลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดเหรอ」

 

ในห้องพักของเซนอส เครย์สันพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา

เซนอสเองก็กอดอก

 

「แล้วรักษาแบบไหนล่ะ?」

「เป็นโรคเนื้องอกบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกสาวของเซอร์เฟนเนลและไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพราย」

 

แต่เขาก็เอามาบอกเซนอส

 

「เนื้องอกบนใบหน้างั้นเหรอ เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง ไม่ถึงกับตายแม้ว่าจะปล่อยทิ้งไว้ก็เถอะ」

「รู้อยู่แล้วล่ะ แต่เธอเป็นลูกสาวของหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ เธอจะต้องออกสังคมด้วยใบหน้าแบบนั้นไม่ได้」  

「ถ้างั้นก็ตัดออกสิ」

「อย่าพูดบ้าๆน่า รากของเนื้องอกนั่นค่อนข้างกว้างมากและลึก หากเหลือไว้เพียงนิดเดียวมันก็งอกกลับมาอีก」

「แล้วถ้างั้นก็ตัดมันออกให้หมดเลยไง」

「ในการทำเช่นนั้น จะต้องกรีดเนื้อเยื่อออกซึ่งมันค่อนข้างกว้าง และมันจะเหลือรอยแผลเป็นที่เป็นรอยผ่าตัด หนังสือบางเล่มบอกไว้ว่าเนื้องอกบนใบหน้าบางทีก็รักษาไม่ได้เพราะถ้าตัดออกแล้วจะทำให้แผลเป็นนั้นแย่ขึ้นไปอีก」

「แล้วมีรอยแผลเป็นเหลืออยู่นี่มันลำบากงั้นเหรอ?」

「ถูกตัดสินแล้วว่าไม่ได้ ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด ไม่ได้เพราะเธอจะออกสังคมไม่ได้ บ๊ายบายอนาคตของข้าาาา」  

「ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทิ้งรอยแผลเป็นก็พอสินะ?」

「เมื่อคุยกับแกแล้ว สามัญสำนักของข้ามันก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆเพราะงั้นมันยากเฟ้ย」

「หืมมมม……」

 

ยูมินที่เดินเข้ามาในห้องก็พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

 

「ดูเหมือนว่าเครย์สันจะได้รับคำขอครั้งใหญ่เลยนะ?」

 

เครย์สันตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ  

 

「แน่นอน นั่นหมายความว่าศาตราจารย์โกลด์แรนได้ตระหนักถึงความสามารถที่แท้จริงของข้า」

「……」

「โกหกน่าาาาาาาาา อย่ามองด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นสิ สหายเก่า」

 

เครย์สันตอบสนองด้วยใบหน้าที่แปรเปลี่ยนไป

ดูเหมือนอารมณ์แปรปรวนบ่อย

 

เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากการที่สุนัขของเขาได้รับอุบัติเหตุและได้รับการรักษาโดยหายเป็นปลิดทิ้งก็ได้รู้ว่าเครย์สันเป็นคนดูแลสุนัขของเขา

 

「เรื่องนั้นคุณเซโน่ซังเป็นคนทำใช่ไหมคะ?」

「อ่านั่นสินะ……」

 

เครย์สันพูดด้วยใบหน้าขมขื่นต่อยูมินที่จ้องมาที่เขา

 

「อืม ครั้งแรกก็ขโมยโซเชียลเครดิตของซอมบี้คิง คราวนี้ก็เรื่องนี้เหรอคะ?」

「เห้ย เห้ย ข้าเป็นแนะนำให้เลขาคนที่สองฟังเรื่องเด็กฝึกพิเศษนะ」

 

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายกับโกลด์แรน

ดูเหมือนว่าเลขาคนที่สองจะบอกว่าเครย์สันและเซนอสช่วยกันปราบซอมบี้คิง

 

เหตุผลก็คือการประเมินผลงาน

เป็นเลขาคนที่สองที่แนะนำเรื่องเครย์สันและเซนอสให้กับโกลด์แรน

 

แบบนี้ก็ดีกว่าเพราะมีเครย์สันเป็นตัวกลาง

 

「ถ้างั้นก็พูดตรงๆไปกับโกลด์แรนเองสิ ว่านายมันไร้ความสามารถ」

「ลองมาเป็นข้าดูไหมละ? ข้าไร้ความสามารถ จะให้พูดในตอนนี้งั้นเหรอ คราวนี้ได้โดนเลขาที่สองขยี้เละแน่ๆ」

 

เครย์สันเอามือทุบโต๊ะ

 

「นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาขอร้องไง เพราะครั้งนี้อนุญาติให้มีคนไปเพิ่มแค่คนเดียวเท่านั้น ช่วยด้วยพี่ใหญ่ค้าบบบบบ」  

「ชั้นไม่ใช่พี่ใหญ่แกนะเว้ย?」

 

「ยินดีต้อนรับ รับชาสักแก้วไหมคะ」

 

เซนอสตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวังและลิลี่เองที่ถือถาดถ้วยชามาก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง

ตามที่คาดคาร์มิล่าไม่โผล่มา

 

เครย์สันเงยหน้าขึ้นแล้วสงสัย

 

「ใครละนั่น?」

「อ่า คนนี้คือน้องสาวของเซโน่ซัง」

 

ยูมินที่รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันกล่าวแบบนั้น

ไม่สังเกตเห็นหูเอลฟ์หรอกเพราะปิดไว้อยู่

ลิลี่โค้งคำนับด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

「พี่ชายของฉันรบกวนคุณไว้เยอะเลยสินะคะ」

「เหหหห ไม่คิดว่าจะมีน้องสาวที่น่ารักขนาดนี้เลยนะ」

「นะนะน่ารักเหรอคะ……」

 

ลิลี่จ้องมองไปที่เครย์สันขณะถือถาด

 

「แต่ว่า ลิลี่เป็นของพี่ชาย ดังนั้นแม้ว่าจะชมลิลี่ไป แต่ลิลี่ก็ไม่ใช่ของเครย์สันหรอกนะ」

「อะไรกันโดนหักอกเหรอเนี่ย? แล้วพวกเธอเป็นพี่น้องกันในความหมายไหนเนี่ย」

「ไม่เว้ย ไม่ใช่แบบนั้น?」

 

เครย์สันถูจมูกของเขาสขณะที่เซนอสกุมมืออย่างเร่งรีบ

เขายิ้มและยื่นมือไปให้ลิลี่

 

「แต่ว่าน้องสาวของพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นน้องสาวของข้าด้วย เพราะงั้นเนอะ」

「ไม่ใช่แล้วมั้ง?」

「ลิลี่ไม่ต้องการพี่ชายแบบนี้」

「ฮะฮี้……พี่ใหญ่มันเจ็บนะ」

「ไม่ใช่พี่ใหญ่แกโว้ย」

 

คำขออันใหญ่โตที่จู่ๆก็ถูกส่งมา

ดังนั้นคู่หูพี่ใหญ่น้องเล็กก็ได้ไปสู่บ้านของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด

 

「หยุดให้คำบรรยายแปลกๆทีเถอะ!」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 65 ลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่【ตอนแรก】

「โอ้ววววว สุดยอดดดดดดดดดดดดดด」

 

วันถัดไป

เครย์สันและเซนอสเองก็กรีดร้องด้วยความชื่นชม

 

ตอนนี้ทั้งสองอยู่บนรถเวทมนตร์ที่ใช้หินเวทมนตร์เป็นตัวขับเคลื่อน

เครย์สันอธิบายบอกว่ามันเป็นของราคาแพงมากและเป็นเจ้าของโดยขุนนางชั้นสูงบางคนเท่านั้น

 

「ถ้าเป็นรถคันนี้ใช้ชีวิตอยู่ได้สามชาติเลยนะ」

「เหหห สุดยอดเลยนะ」

 

แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เซนอสได้ขึ้นรถแบบนี้

มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเซอร์เฟนเนล หนึ่งใจเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ พวกพ่อบ้านมารับที่ศูนย์รักษาหลวง

 

ทิวทัศน์ที่วิ่งผ่านมีอาคารหรูหรามากมาย

ตอนนี้รถกำลังเข้าใกล้ศูนย์กลางของเขตขุนนางระดับพิเศษ

 

「นี่เป็นครั้งแรกที่มาที่นี่เลย ดูเหมือนว่าจะตื่นตากับคฤหาสน์」

 

เครย์สันเอาตัวออกไปนอกหน้าต่าง

 

「ข้าเองก็อยากจะเป็นแบบนี้บ้างในสักวันหนึ่ง นี่พี่ใหญ่」

「ก็บอกแล้วไม่ใช่พี่ใหญ่แก」

「ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอสัญญาพี่น้องพวกเราก็ถูกเซ็นต์แล้ว」

「ตอนไหนวะ……?」

 

「เฮ้ย น่ารำคาญ」

 

โกลด์แรนที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับพูดเช่นนั้น

โกลด์แรนจ้องมาที่ชั้นพร้อมกับสัมผัสเคราของตัวเอง

 

「ดีแล้วเหรอ?ชิวๆแบบนั้นนะ งานนี้มันคือความเป็นความตายเลยนะ」

「ฮ่าฮ่า」

 

เครย์สันเองก็นั่งตัวหด

 

โกลด์แรนที่ตะโกนก็เหมือนจะกระสับกระส่าย

 

เครย์สันกล่าวว่างานนี้เป็นงานชี้ชะตาของโกลด์แรน

เพื่อให้โกลด์แรนเป็นผู้อำนวยการคนถัดไปจำเป็นต้องเคลียร์สองเงื่อนไข

 

หนึ่งคือได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด

และอีกอย่างคือต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษา

 

ข้อแรกน่ะเกือบสำเร็จแล้ว แต่ข้อสองต่างหาก

เนื่องจากศูนย์รักษาหลวงเป็นสถาบันระดับประเทศ คณะกรรมการที่ปรึกษาจะทำการแต่งตั้งผู้อำนวยการอีกครั้ง

ในเวลานี้ จำนวนคะแนนโหวตก็มีการอ้างอิงแต่ไม่มากนัก หากเทียบกับคณะกรรมการ

อันที่จริงดูเหมือนว่าจะมีคนที่ไม่ได้รับคะแนนโหวตก็ได้เป็นผู้อำนวยการก็มี

 

เซอร์เฟนเนลไม่ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการ แต่ถ้าการผ่าตัดให้ลูกสาวท่านเป็นไปได้ด้วยดีมันก็เป็นผลงานไปนำเสนอได้

นอกเหนือจากจำนวนโหวตสูงสุดแล้ว หากได้รับการสนับสนุนจากหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งผู้อำนวยการก็จะได้รับการยืนยัน

 

「ไม่อนุญาติให้ล้มเหลว ทุกอย่างทำเพื่อสิ่งนี้……」

 

โกลด์แรนพึมพำบอกตัวเอง

 

ได้ค้นหากรณีเดียวกันของเนื้องอกที่มีลักษณะคล้ายๆกันเพื่อยืนยันฝีมือเครย์สันและเซนอสล่วงหน้า แต่เช้าวันนี้เซอร์เฟนเนลติดต่อมาให้เริ่มดำเนินงานจริง ซึ่งมันค่อนข้างกวนใจโกลด์แรน

 

ในที่สุดรถก็ผ่านประตูสีดำขนาดใหญ่

หลังจากผ่านไปแล้ว ก็วิ่งไปอีกสักพักและมาถึงหน้าทางเข้า

 

「ยาเบ้…..เอาจริงเหรอเนี่ย……」

 

เครย์สันนี่ใบหน้าซีดเซียวเหนือความตื่นเต้นนั่นคือความยิ่งใหญ่ของคฤหาสน์

 

หลังจากผ่านการตรวจร่างกายที่ทางเข้าแล้วพ่อบ้านก็พาไปที่ห้องรับแขก

 

「อา ศาตราจารย์ กำลังรออยู่เลย」

 

สักพักก็มีชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

มีผมหงอกและกระดูกสันหลังตรงแน่ว เผยให้เห็นบรรยากาศอันสูงส่ง

 

โกลด์แรนลุกขึ้นทันที

 

「ท่านเฟนเนล เรียกมากระทันหันแบบนี้มีอะไรงั้นเหรอ?」

「พอดีว่ามีปัญหานิดหน่อย」

 

เซอร์เฟนเนลเลิกคิ้วและนั่งลงที่เบาะหน้า

 

บุคคลนี้คือหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในประเทศชาติ

 

เซนอสมองไปที่หน้าของเซอร์เฟนเนล

 

ก่อนหน้านี้ พวกขุนนางเป็นต้นเหตุหลักในการลักพาตัวเด็กดูราวกับพวกนั้นกำลังมองแมลงตัวน้อยๆ แต่ว่าเซอร์เฟนเนลไม่ได้สนใจ

เป็นเพราะเรียกว่าเป็นพวกสายกลางหรืออยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์เกินจะสนใจคนสถานะต่างกัน?

 

「อันที่จริงชาร์ล็อต(シャルロッテ)ปฏิเสธที่จะเข้ารับการผ่าตัดน่ะ」

 

เซอร์เฟนเนลพูดปัญหาขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าชาร์ล็อตคือชื่อลูกสาวของท่าน

 

「อธิบายสั้นๆ เธอบอกว่าถ้าจะตัดเนื้องอกออกไป แล้วเธอก็ปิดตัวเองอยู่ในห้องแล้วก็บอกว่าแบบนั้นก็เท่ากับทำร้ายใบหน้าของเธอ」

「เข้าใจแล้ว……」

「อย่างไรก็ตามหากเป็นศาตราจารย์ สามารถรักษาได้โดยไม่ทิ้งแผลเป็นใช่ไหม ฉันเชื่อแบบนั้นนะ」

「แน่นอน」

 

โกลด์แรนกล่าวพร้อมสำลักเล็กน้อย

เซอร์เฟนเนลมีบรรยากาศที่อ่อนโยน แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นทรงพลังแปลกๆ

 

「ดังนั้นก็เลยอยากให้ศาตราจารย์โน้มน้าวลูกสาวฉัน」

「……เข้าใจแล้ว」

 

ศาตราจารย์พยักหน้า

พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวไปที่ห้องของชาร์ล็อต ทางเดินนั้นถูกปูไปด้วยพรมแดง

 

เซอร์เฟนเนลจับบานประตูแต่ดูเหมือนจะล็อคจากด้านในและเปิดไม่ออก

เซอร์เฟนเนลเรียกจากภายนอกโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

「ชาร์ล็อตศาตราจารย์มาแล้วนะลูก」

「……」

 

ไร้ซึ่งคำพูด

 

「นี่ ชาร์ล็อต ทำไมไม่ฝากเรื่องเนื้องอกให้ศาตราจารย์รักษาล่ะ?」

「……」

 

เงียบ

 

「ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าปล่อยให้ศาตราจารย์ ปะป๋าไม่เคยโกหกลูกหรอกนะรู้ไหม?」

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับมาจากด้านใน

 

「ปะป๋าเคยบอกว่าจะเอาผ้าพันคอขนจิ้งจอกเพลิงมาให้ในวันเกิด แต่ปะป๋าก็ผิดคำสัญญา」  

「อึก……」

 

เซอร์เฟนเนลพูดอะไรไม่ออกและสลับกับศาตราจารย์

โกลด์แรนกระแอมไอในลำคอและเปิดปากของเขา

 

「คุณหนูครับ นี่โกลด์แรนจากศูนย์รักษาหลวง จะช่วยเชื่อใจกระผมและรับการรักษาจะได้ไหมครับ?」

「ไม่เอาคะ」

 

คำพูดปฏิเสธนั้นดังก้องขึ้นมา

 

「อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถรักษาให้หายขาดไม่ได้นะครับถ้าไม่ได้ทำการผ่าตัด」

「ฉันน่ะเกลียดการเอามีดแหลมคมนั่นมากรีดหน้าตัวเองที่สุดเลยคะ」

 

เธอยังคงปฏิเสธต่อไป

 

「คงจะมีใครสั่งมาให้ผ่าใบหน้าแสนสวยของฉันสินะคะ」  

「ก็บอกแล้วว่า……」

「แน่นอนว่าเป็นบ้านของกรีส(ギース)สินะคะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะอิจฉาในความน่ารักของฉันแล้วพยายามจะเล่นงานฉันกลับสินะ」

 

เห็นได้ชัดว่าเธอหวาดระแวงมากๆ

เครย์สันที่อยู่ข้างๆก็กระซิบ

 

「เน่ พี่ใหญ่」

「ก็บอกว่าไม่ใช่พี่ใหญ่ แล้วมีอะไร?」

「ได้มาเห็นอะไรที่น่าสุดยอดแบบนี้ และคิดว่าจะพยายามให้ดีที่สุดแล้ว แต่ว่ามันน่าจะมีทางที่ง่ายกว่านั้นจริงไหม」

「เอ้า ถ้างั้นก็ว่ามา」

「ก็ทำให้เธอคนนั้นตกหลุกรักพร้อมกับรักษาแบบสมบูรณ์แบบให้ก็เรียบร้อย และแต่งงานกัน เท่านี้วันที่ได้เป็นขุนนางก็อยู่ไม่ไกล เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบเลยมะ?」  

「……งั้นเหรอ งั้นก็ขอให้โชคดีแล้วกัน……」

 

เครย์สันเดินไปหาโกลด์แรนแล้วพูดว่า 「ให้ข้าลองหน่อยเถอะ」จากนั้นก็เดินไปหน้าประตู

 

「อาโน่ คุณหนูชาร์ล็อตครับ」

「……คุณคือใครคะ?」

「กระผมมีนามว่าเครย์สัน เป็นผู้ช่วยของศาตราจารย์」

「หาาาา? เป็นแค่ผู้ช่วยแท้ๆกล้ามาคุยกับดิฉัน คิดว่าดิฉันเป็นใครคะ? แบบนี้หูเน่ากันพอดีคะ」

「……ขอโทษครับ」

 

เครย์สันโดนปลดออกอย่างรวดเร็ว

กัดฟันขณะเช็ดน้ำตา

 

「พี่ใหญ่ ถ้างั้นข้าจะเป็นฝ่ายเลือกเองได้ อย่างที่คิดผู้หญิงนี่เชื่อใจไม่ได้」

「เห้ยยอมแพ้เร็วไปป่าว……?」

 

แล้วแผนที่สมบูรณ์แบบมันหายไปไหนละเห้ย?

 

ทันใดนั้นสายตาของศาตราจารย์ก็มุ่งมาที่เซนอส

ราวกับบอกว่าแกดูคนเดียวเงียบๆมานานแล้วช่วยทำอะไรบ้างสิ

 

「……」

 

เซนอสถอนหายใจแล้วยืนอยู่หน้าประตู

 

「เอะโตะ ได้ยินไหมครับ」

「……อะไรผู้ช่วยอีกคนงั้นเหรอคะ? คุณเป็นใครกันคะ」

「ผู้ช่วยคนที่สองครับ」

「ก็บอกแล้วไงเป็นแค่ผู้ช่วยอย่ามาคุยกับดิฉัน――」

「เรื่องการผ่าตัดถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ」

 

 ทุกคนยกเว้นเซนอสนี่ ร้องหา? จากนั้นก็ได้ยินเสียง

 

「ก็เป็นความจริงนะครับที่ว่าการเอามีดกรีดหน้ามันน่ากลัว และเนื้องอกบนใบหน้าก็ไม่ใช่โรคร้ายที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต และถ้าคุณไม่ชอบ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอกครับ มันอยู่ที่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง」

「……」

「แต่ว่าถ้าปล่อยไว้เฉยๆก็จะเห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่นอยู่ที่แก้มของคุณก่อนวัยอันควรเท่านั้นครับ」

「ฮี้……」

「ถ้าคุณทำตัวให้ชินกับมันคุณอาจจะชอบมันก็ได้นะครับ บางคนก็คิดว่าเนื้องอกพวกนี้เป็นตัวแทนแห่งความโชคดีถึงกับตั้งชื่อให้พวกมันก็มีนะครับ」

 

ตอนเด็กๆ ชั้นเคยเห็นในสลัม

บางคนขอบคุณมันที่ช่วยคลายความเหงาได้

มีหลายวิธีในการจัดการกับโรคที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ความประสงค์ของบุคคลจะถูกจัดให้ได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก

 

「ถ้างั้น ชั้นก็ขอพูดเพียงแค่นี้ครับ」

「เฮ้ย แก」

 

ขณะที่โกลด์แรนจับไหล่ของเซนอส ประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ

 

เด็กสาวที่มีดวงตากลมโตเธอเงยหน้าขึ้นมา มีผมหยักศกสีน้ำตาลแดงสดใส

เด็กสาวคนนั้นสวมหน้ากาปิดแก้มเอาไว้ เธอจ้องมองไปยังเซนอสที่หันหลัง

 

「รอก่อนสิคะ」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 66ลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่【ตอนกลาง】

「อุหวาาา สุดยอด……」

 

 ลูกสาวของเซอร์เฟนเนล หนึ่งในเจ็ดบ้านผู้ยิ่งใหญ่ของขุนนาง เครย์สันที่ก้าวเข้ามาในห้องของชาร์ล็อตก็ถึงกับร้องว้าว

 

โคมระย้าที่หรูหรา พื้นหินอ่อนขัดเงาเหมือนกระจก

หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบานใหญ่ มองเห็นสวนสีเขียวขจีอันกว้างใหญ่ โดยมีเตียงทรงพุ่มราวกับเจ้าหญิงในนิทานตั้งอยู่ตรงกลาง

 

รอบกำแพงมีรูปหญิงสาวเต้นรำอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งติดอยู่ทั่ว

 

「ภาพที่ถ่ายด้วยเครื่องฉายภาพเวทมตร์ ถูกกล่าวกันว่าแพงมากๆ」

 

เครย์สันพูดกับเซนอสอย่างลับๆ

ชาร์ล็อตนั่งอย่างเย่อหยิ่งอยู่บนโซฟาและจ้องมองทุกคนโดยสวมหน้ากากเอาไว้

ผมหยกศกสีน้ำตาลแดงสดใสและดวงตาที่กลมโตดูท่าทางแข็งแรง

อายุราวๆสิบหกถึงสิบเจ็ดปี

 

「……แล้วเป็นความจริงงั้นเหรอคะ?」

「เป็นอะไรไปเหรอชาร์ล็อต?」

 

เซอร์เฟนเนลที่รักลูกสาวของเขาบอกให้เธออารมณ์ดีเข้าไว้

 

「ที่บอกว่าถ้าทิ้งเนื้องอกนี่ไว้เฉยๆใบหน้าของดิฉันจะแก่เหมือนหญิงชรา」

「เอ๊ะ แน่นอนครับ เพราะมันเป็นเนื้องอกบนใบหน้า……」

 

เมื่อเครย์สันพูดชาร์ล็อตก็เอาหน้าซ่อนทันที

 

「คุณเป็นผู้ช่วยใช่ไหม อย่ามาเปิดปากพูดในห้องของดิฉันนะคะ เดี๋ยวห้องอันสูงส่งของดิฉันจะเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่ากันพอดี」

「อ่ออก……」

 

เครย์สันกัดริมฝีปากของเขาและหันกลับไปหาเซนอสพร้อมทั้งน้ำตา

เห้ย ไม่ว่าแกจะทำสีหน้าแบบไหนก็เถอะนะ

 

โกล์ดแรนกระแอมไอหนึ่งครั้งและเดินเข้าหาเธอ

 

「อะแฮ่ม มันเป็นความจริงครับ คุณหนู เรื่องเนื้องอกบนใบหน้านั้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เนื้องอกนั่นจะทำให้ผิวหน้าของท่านแก่ชราเหมือนหญิงชราเลยครับ ซึ่งมันมีระยะเวลาทิ้งช่วงประมาณหนึ่งเดือน」

「……」

 

ชาร์ล็อตหน้าซีดแล้วพูดขึ้น

 

「แล้วควรจะทำยังไงดีคะ?」

「วิธีเดียวที่จะเอาออกได้คือการผ่าตัดครับ」

「แต่ว่าฉันไม่อยากให้ใครมากรีดผิวของดิฉันนะคะ」

「แต่ว่า……」

「ฉันเกลียดการที่ต้องทำร้ายผิวของตัวเองที่สุดค่ะ เกลียดมากมันเจ็บและมันก็ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้」

「เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ได้จริงเชียว……」

 

เครย์สันบ่นด้วยน้ำเสียงที่ให้เซนอสได้ยินเพียงคนเดียว

เซอร์เฟนเนลเข้าไปในปลอบลูกสาวของเขา

 

「ชาร์ล็อตยิ่งปล่อยไว้จะยิ่งแย่นะลูก เนื้องอกมันจะโตขึ้นเรื่อยๆ ทำไมถึงไม่เชื่อใจศาตราจารย์แล้วปล่อยให้เขารักษาลูกล่ะ?」  

「ปะป๋าจะยอมให้ใบหน้าหนูมีรอยแผลเป็นทิ้งไว้งั้นเหรอคะ?」

「ไม่เป็นไรหรอกลูก ศาตราจารย์เขาจะทำโดยไม่เหลือรอยแผลเป็นทิ้งไว้เลย」

 

ดูเหมือนเซอร์เฟนเนลจะไว้ใจศาตราจารย์มาก

อย่างไรก็ตามลูกสาวพูดด้วยความงุนงง

 

「รับประกันแน่เหรอคะ?」

「รับประกันงั้นเหรอครับ……」

「รับประกันได้แน่เหรอคะว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ค่ะ? ถ้ามีมันทิ้งไว้ฉันไม่ยอมหรอกนะคะ」  

 

ชาร์ล็อตลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ระเบียง

 

「ชาร์ล็อต……」

 

เซอร์เฟนเนลกุมขมับและโกลด์แรนก็มองที่เซนอสและหันไปที่ระเบียง

นี่แกจะใช้ชั้นตลอดเลยรึไง

 

เซนอสยักไหล่เล็กน้อยแล้วเดินไปที่ระเบียง

ดูเหมือนว่าจะต้องไล่ตามลูกสาวของเขาไป

 

ระเบียงนั้นกว้างขวางเรียงรายไปด้วยกรงนกนานาชนิดและเหล่านกต่างขับขานบทเพลง

ชาร์ล็อตนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าเขาและเขาก็คุกเข่าลง

 

「ชอบนกงั้นเหรอครับ」

 

เมื่อเขาทักไปเช่นนั้น ชาร์ล็อตก็ตอบพลางมองดูกรงนก

 

「ก็บอกแล้วไงคะอย่าเอาปากสกปรกโสโครกของคุณมาพูดกับดิฉันคนนี้ แค่หายใจร่วมกับคุณก็แย่จะตายอยู่แล้วคะ」

「ที่นี่คือระเบียงนะครับ ไม่มีทางที่คุณจะไม่หายใจไม่ออกหรอก」

「หาาา กล้ามาล้อเล่นกับดิฉันคนนี้คิดว่าคุณเป็นใคร――」

「ดูเหมือนว่ามันจะเจ็บอยู่นะครับ」

「……!」

 

ชาร์ล็อตหันหน้าไปมองเซนอสเป็นครั้งแรก

เซนอสนำนกตัวเล็กตัวหนึ่งออกจากกรง

 

「ขนนกหายไป โดนนกตัวใหญ่โจมตีงั้นเหรอครับ?」

「……ฉันพบมันในสวนเมื่อวานคะ ดูเหมือนว่าจะบินไม่ได้แล้ว」

 

เช่นเดียวกับเธอ ชาร์ล็อตพูดเช่นนั้น

 

「หากคุณเห็นเนื้องอกที่ใบหน้าของดิฉันที่ดูเหมือนคนแก่ชราแล้ว คุณก็คิดว่าฉันคงใส่ชุดเดรสสวยๆไม่ได้แล้ว ไม่แม้แต่ที่จะเต้นรำได้ ไม่มีใครจะต้องการฉันอีก ทำไมฉันถึงต้องมาเป็นอะไรแบบนี้ด้วยคะ……」

「……」

 

เซนอสพูดกับชาร์ล็อตทั้งๆที่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น

 

「คุณอยากจะให้ชั้นช่วยรักษาโรคของคุณไหมละครับ?」

「โม่ว ไม่คุยด้วยแล้วคะ อย่ามาโอ้อวดตอบโต้กับดิฉันผู้นี้นะคะ」

「จะถามอีกครั้ง อยากจะให้ชั้นช่วยรักษาโรคของคุณไหมครับ?」

 

ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้นมองเซนอส

 

「แน่นอนสิคะ แต่ฉันไม่อยากได้รอยแผลเป็นทิ้งไว้ ก็บอกแล้วว่าอย่ามาคุยกับฉัน คุณคิดว่าดิฉันเป็นใครคะ?」  

「เป็นผู้ป่วยไงครับ」

「……」

 

เซนอสเดินไปหาชาร์ล็อต ที่กระพริบตาอยู่หลายๆครั้ง

 

「ถ้าคุณเดือดร้อนและต้องการรับการรักษา ก็เป็นผู้ป่วยของชั้น ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ ขุนนาง พลเมือง หรือแม้แต่คนจนก็ตามทีครับ」

「……ว่าไงนะ」

「และชั้นก็เป็นฮีลเลอร์ เป็นงานของฮีลเลอร์ที่จะรักษาผู้ป่วย」

 

เซนอสพูดเช่นนั้นและยกมือขวาขึ้นสูง

นกที่ได้รับบาดเจ็บบินออกจากฝ่ามือของเขา

 

「เอ๊ะ……?」

 

เซนอสหันไปมองชาร์ล็อต ผู้มีดวงตากลมโต

 

「เจ้านั่นก็กลับไปบินได้อีกครั้ง แม้แต่คุณเองก็กลับมาเต้นรำได้เหมือนเดิมนะครับ」

「……」

 

ชาร์ล็อตจ้องมองนกที่บินหายไปบนท้องฟ้าและกำหมัดของเธอ

 

เธอตามเซนอสไปกลับไปที่ห้อง

เซอร์เฟนเนลหยุดทันทีที่ลูกสาวของเขาเข้ามาและถามเธอ

 

「ชาร์ล็อตไปทำอะไรมา?」

「……หนูจะเข้ารับการผ่าตัดคะ」

 

หลังจากตอบเงียบๆชาร์ล็อตก็หันมามองตาทุกคน

 

「แต่ฉันจะไม่ยกโทษให้แน่หากมีรอยแผลเป็นเหลืออยู่บนใบหน้าของดิฉัน ถ้าเหลือแผลเป็นละก็ดิฉันจะจับพวกคุณเข้าคุกให้หมดด้วยอำนาจของท่านพ่อ」

 

ถัดจากเครย์สันที่หน้าซีด โกลด์แรนพ่นลมหายใจและพยักหน้าช้าๆ

 

「ถ้างั้นก็มาเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดกันเถอะครับ」

ตอนที่67 ลูกสาวของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่【ตอนจบ】

「ศาตราจารย์ ขอฝากลูกสาวไว้ด้วยนะครับ」

「ครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระผมเองครับเซอร์เฟนเนล」

 

โกลด์แรนที่จับมือกับเซอร์เฟนเนล ก็ปิดประตูและเดินเข้ามาหาพวกเรา

 

ห้องของเธอถูกใช้เป็นห้องผ่าตัดทันที สำหรับการผ่าตัดเนื้องอกบนใบหน้าของชาร์ล็อต มีผ้าขาวแขวนอยู่บนแท่นกลาง ซึ่งชาร์ล็อตได้หลับตาลงแล้ว

 

เธอหลับไปเพราะทานยานอนหลับ

ดูเหมือนว่าที่เมืองหลวงมักจะให้ยานอนหลับก่อนผ่าตัดเพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องกลัวและกังวล

 

ดูเหมือนว่าวงเวทย์จะมีผลสะกดจิตเอาไว้และยาชาเองก็ถูกใช้ด้วย แต่เพราะว่ายาที่มีผลคล้ายคลึงกันนำมาใช้และว่ากันว่าสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเบ็กก้าเองเช่นกัน

 

เมื่อโกลด์แรนยืนยันว่าชาร์ล็อตหลับเรียบร้อยแล้ว เขาก็จ้องมาทางนี้

 

「ตอนนี้เป็นงานของพวกแกแล้ว ทำให้ประสบความสำเร็จ จะรู้ใช่ไหมหากเกิดอะไรผิดพลาด」  

「คะครับ」

 

เครย์สันตัวตรงและไม่เคลื่อนไหว

 

「ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเองครับ」

 

เครย์สันหันไปหาเซนอสด้วยใบหน้าซีดเผือกและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

ความตึงเครียดและความกลัวเข้ากดดันเขา

 

「พี่ใหญ่….ทำไงดี……?」

「ชั้นจะเป็นคนผ่าตัดเอง」

 

จากนั้นเครย์สันก็ยิ้มและจับมือเซนอส

 

「พี่ใหญ่ อย่างที่คิดยังไงพี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ของข้า」

「ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่พี่ใหญ่?」

「เฮ้ย พวกแกกำลังทำอะไรเนี่ย」

 

เซนอสที่พยายามเข้าใกล้ชาร์ล็อต โกลด์แรนก็เอาแขนพาดบ่าเครย์สันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงชวนหวาดหวั่น

 

「จะทำการผ่าตัดแบบไหนครับ」

「ข้าไม่ใช่คนผ่าตัด」

 

ปลายนิ้วของโกลด์แรนหันไปทางเครย์สัน

 

「แกเป็นคนดูแลมิลค์ เพราะงั้นแกควรเป็นคนผ่าตัด และก็ไอ้หน้ากากดำนั่นเป็นผู้ช่วยซะ」

「……ไม่คือว่านั่น……」

「อะไร」

「ไม่มีอะไรครับ ขอโทษด้วย」

 

เครย์สันส่ายหัวโดยไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

ได้ยินว่าเครย์สันต้องเลี้ยงสุนัขตามคำแนะนำของเลขาคนที่สอง

เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้

 

「ถ้างั้นก็เริ่มได้แล้ว!」  

「ครับ……」

 

เครย์สันหลบตาและเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด

เขาหยิบมีดผ่าตัดมาแต่มือของเขาสั่นเทา

 

เซนอสเองก็อยู่ทางฝั่งตรงข้ามของเครย์สันซึ่งมีชาร์ล็อตอยู่ตรงกลาง

 

「อะอะอะอะอะ……」

「เฮ้ย ถ้าตัวสั่นขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้แผลเองหรอก」

「รู้อยู่แล้วน่า」

「ไม่เป็นไรไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย」

「ในหนังสือเขียนไว้ว่าความยากของมันอยู่ระดับ A+เลยนะ」

 

หากเหลือรากของมันไว้แม้แต่เพียงนิดเดียวมันจะยิ่งแย่ลงและจะเกิดขึ้นใหม่อีก

เพราะงั้นหากยิ่งเอามันออกจะยิ่งเกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าและอาจจะทำร้ายเส้นประสาทส่วนเกินได้

อย่างแรกว่ากันว่ามีน้อยคนนักที่ประสบความสำเร็จในการผ่าตัด เพราะมีน้อยคนที่จะทำตามหลักการ

 

「อืม……」

「เฮ้พูดอะไรออกมาน่ะ」

「คะคะขอโทษครับ」

 

เครย์สันตัวสั่นขณะได้ยินคำพูดของโกลด์แรน

 

เครย์สันค่อยๆเอามีดผ่าตัดเขาใกล้สิวขนาดปลายนิ้วบนแก้มของชาร์ล็อตอย่างหวาดกลัว

 

「รากของเนื้องอกอยู่ในทิศทาง สาม นาฬิกา เจ็ด นาฬิกา และ สิบ นาฬิกา……」

「รอแปปนะ。<ฮีล>」

 

แสงสีขาวที่เปล่งออกมาจากปลายนิ้วของเซนอสผ่านใบหน้าของชาร์ล็อต

 

「ทำอะไรเนี่ยพี่ใหญ่?」

「ก็กำลังตรวจสอบภายใน ทิศทางของรากมันมีความแตกต่างกัน ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าไม่ยึดติดกับทฤษฏีทั่วไป เนื้องอกของชาร์ล็อตคราวนี้มีรากอยู่ที่ สองนาฬิกา หกนาฬิกา เก้านาฬิกา และสิบนาฬิกา」

「ทำความเข้าใจได้ด้วยงั้นเหรอเนี่ย?」

「ตรงกันข้ามหากไม่รู้จะผ่าตัดยังไงวะเห้ย」

 

เซนอสชี้มือไปที่ชาร์ล็อตและพูดกับเครย์สัน

 

「ชั้นจะให้คำแนะนำเพราะงั้นลองผ่าตัดดูซะ」

「พี่ใหญ่เข้าใจแล้ว」

 

เครย์สันพยักหน้าและยกมีดผ่าตัดใส่ผิวหนังของเธอ

เมื่อเปิดผิวหนังชั้นเนื้อแท้ก็โผล่ขึ้นมา และก็เห็นรากดำๆของเนื้องอกกำลังคืบคลาน

 

ขณะที่เซนอสคอยให้คำแนะนำ เขาก็ทำการครอบคลุมเส้นประสาทและหลอดเลือดด้วยเวทย์ป้องกันเพื่อลดความเจ็บปวดและอาการเลือดออก

ปรับตัวฉายแสงด้วยเวทมนตร์อย่างละเอียดตามการเคลื่อนไหวของการผ่าตัด

สำหรับส่วนที่เหลือ เขาสร้าง<มีดผ่าตัด>เล็กๆที่ปลายนิ้วเพื่อตัดส่วนที่เหลือออกไม่ให้เหลือรากไว้

 

เมื่อเวลาผ่านไปรากของเนื้องอกก็ค่อยๆถูกตัดออกทีละส่วนๆ

แผลอยู่ในสภาพสวยงามเพราะได้รับการรักษาอย่างประณีตด้วยเวทย์ฟื้นฟู

 

「……โฮ่วววว ทำได้ดีเลยนี่ เจ้าคนเลี้ยงหมา」

 

โกลด์แรนมองจากด้านบนแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

อย่างไรก็ตามมือของเครย์สันหยุดกระทันหัน

 

「นี่มัน……」

「เกิดอะไรขึ้น?」

「คือว่านะรากนั้นมันฝังไปถึงเส้นประสาท……」

 

รากสุดท้ายพันรอบเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างกว้างขวาง

 

「วิธีเดียวที่จะกำจัดรากออกคือการตัดเส้นประสาท……」

「รอก่อน」

 

โกลด์แรนหยุดเครย์สัน

 

「การทำแบบนั้นจะทำให้โครงหน้าเปลี่ยนไป การซ่อมแซมเส้นประสาทต่างจากผิวหนัง มันยากมากกว่านั้นเยอะเพราะเส้นประสาทมันบอบบางและซับซ้อนเป็นพิเศษสถานการณ์ในตอนนี้ลำบากมากแล้วล่ะ」

「แต่ว่าถ้าทิ้งรากไว้เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกนะครับ」

「……」

 

เครย์สันพูดกับศาตราจารย์ที่มีรอยย่นระหว่างคิ้ว

 

「ก็ถ้าเป็นแบบนั้นก็ปิดแผลไปก่อนและโน้มน้าวเธอให้ไปทำการผ่าตัดที่ศูนย์รักษาหลวงอีกครั้งก็ได้」

「คิดว่าจะทำแบบนั้นได้เหรอ? เมื่อรากของเนื้องอกบนใบหน้าถูกปล่อยทิ้งไว้ครึ่งทางแบบนี้และปิดแผลลงมันจะหยั่งรากลึกลงกว่าเดิมและมันจะผ่าตัดยากมากในคราวหลัง และตอนนั้นเองเส้นประสาทคนโดนรากของเนื้องอกบนใบหน้ายึดไปจนหมดแน่ ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้หรอก」  

「แล้วถ้างั้นควรจะทำยังไงดีศาตราจารย์?」

「……ไอ้บ้าเอ้ย」

 

โกลด์แรนกัดฟันแน่น

รอยย่นระหว่างคิ้วเริ้มหนาขึ้น อาจเป็นเพราะโกรธจัด

ในที่สุดชั้นก็หายใจเข้าลึกๆและกำลังจะพูดว่า ก็โดนชิงตัดหน้า

 

「……ปล่อยไว้ไม่ได้ ตัดทิ้งเถอะ」

「จะดีงั้นเหรอ」

「ถ้ารากมันยังอยู่มันก็เกิดขึ้นอีก และคะแนนความนิยมของข้าจะลดลงอย่างมาก ให้ความสำคัญกับการตัดเนื้องอกนี่ทิ้งออกก่อนซะ」

「แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น…..คะแนนความนิยมก็จะเปลี่ยนนะครับ」

「……มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าปล่อยรากทิ้งเอาไว้ก็มองหน้าท่านเซอร์เฟนเนลไม่ติแน่ ไม่มีทางอื่นนอกจากลดความเสียหายให้น้อยที่สุด เวรเอ้ยโชคร้ายอะไรแบบนี้วะ โทษทีนะ」

「……?」

 

โกลด์แรนที่มาใกล้เครย์สันที่เอียงคอ จับมือเขา ตัดเส้นประสาทแล้วดึงเนื้องอกออกมา

และเขาก็พูดด้วยเสียงอันดัง

 

「ช่างโง่เง่าเสียกระไรนี่!」

「เอ๊ะ?」

「เป็นอะไรไปศาตราจารย์」

 

ได้ยินเสียงเซอร์เฟนเนลรออยู่นอกห้อง

โกลด์แรนกล่าวเหนือประตู

 

「ผู้ช่วยงี่เง่ามันไม่รักษาคำพูดของข้าและตัดเส้นประสาทของเธอทิ้ง ข้าบอกแล้วว่าอย่าทำ」

「เอ๊ะ เอ๋……?」

 

เครย์สันกระพริบตาหลายครั้ง

 

ดูเหมือนเซอร์เฟนเนลจะไม่รู้เรื่องมากนัก แต่ดูท่าเขาจะรู้สึกแปลกๆ

เสียงไม่สบายใจดังมาจากหลังประตู

 

「เอ่อ…ถ้างั้นมันมีปัญหางั้นเหรอ?」

「มันเป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะไอ้ผู้ช่วยนี่มันตัดสินใจเอง――」

「ไม่จริงน่า……」  

 

เครย์สันเองก็เป็นล้มฟุบ พร้อมกับน้ำลายฟูมปาก

 

「มันเป็นความผิดพลาดของแก เซอร์เฟนเนล ช่วยไม่ได้พรุ่งนี้ต้องพาตัวไปศูนย์รักษาหลวง และจากนั้นจะทำการเชื่อมโยงเส้นประสาทด้วยถ่ายโอนพลังเวทย์ของข้า ถึงจะทำให้สมบูรณ์แบบไม่ได้แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป」  

「ศะศะศะศาตราจารย์……」

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาโยนขี้ให้ผู้ช่วยทั้งหมดและเขาเองก็รับตำแหน่งเป็นบทคนคอยแก้ผลงานผิดพลาดของผู้ช่วย

เป็นเซนอสเองที่พูดด้วยท่าทีสงบนิ่งในขณะที่เครย์สันตัวสั่นปากสั่น

 

「ไม่ต้องห่วงหรอกครับ」

 

สายตาของเครย์สันและโกลด์แรนจ้องมาทางเซนอส

 

「เรื่องมันก็มีอยู่ว่าเนื้องอกมันหยั่งรากลึกในไปในเส้นประสาทจนต้องตัดมันทิ้ง ที่ต้องทำก็แค่เชื่อมต่อเส้นประสาทกลับมาครับ」

「ไม่ต้องห่วงเหรอ……? ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกสาวของฉันสินะศาตราจารย์ ใช่ไหม?」

 

เซอร์เฟนเนลที่อยู่ด้านหลังประตูพยายามจะเข้ามาในห้อง

เซนอสเหล่และมองไปที่โกลด์แรน

 

「อ่าครับ ไม่ต้องกังวล รอยขีดข่วนแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ ไม่ต้องท่อไปถึงศูนย์รักษาหลวงหรอกครับกะอีแค่รอยขีดข่วนแค่นี้」

「……ว่าไงนะ?」

「ลูกสาวท่านบอกไว้ว่าเธออยากจะกลับมาเต้นรำได้อีกสักครั้งและทนกับความกลัวและฝากความหวังไว้ให้พวกเรา ดังนั้นชั้นจะพยายามอย่างสุดความสามารถในฐานะฮีลเลอร์ ใช่ไหมศาตราจารย์?」

 

เมื่อมองดูภาพเต้นรำที่อยู่ในห้อง เซนอสกล่าว

 

「อ่า ยืนนานจนเหนื่อยแล้วครับ เพราะงั้นจะรีบจบเคสนี้ให้ไวที่สุด」

 

เซนอสสร้างมีดผ่าตัดขึ้นมาในมือและตัดเนื้องอกภายในนาที่หนึ่งที่เครย์สันตัดทิ้งไว้อย่างรวดเร็ว

เมื่อชั้นเอื้อมมือไปเหนือเส้นประสาทที่ถูกตัดขาดและผิวหนังแล้วก็ร่ายเวทย์แห่งการฟื้นฟู แสงสีขาวปกคลุมไปทั่วใบหน้าของชาร์ล็อต

 

「อะไรน่ะ――」

 

ขณะที่โกลด์แรนคร่ำครวญ เซนอสก็ค่อยๆพูดกับเด็กสาวที่กำลังหลับไหล

 

「อดทนได้ดีมากครับ การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีครับ」

 

 +++

 

「หาาาาาาาาาาาาาาาา」

 

ชาร์ล็อตลุกขึ้นจากเตียงหลังจากสามสิบนาทีต่อมา

พ่อของเธอร้องไห้ยืนอยู่ตรงหน้าชั้น

 

「ชาร์ล็อต!」

 

ชาร์ล็อตกอดพ่อของเธอกลับ

 

「ปะป๋าขอกระจกหน่อย」

 

เธอรีบตรวจสอบใบหน้าของเธอด้วยกระจกส่องมือ

 

「นี่คือ……――」

 

มองยังไงก็เป็นใบหน้าของเธอที่คุ้นเคยก่อนที่จะมีเนื้องอก

ไม่มีรอยแผลเป็นแม้แต่น้อย

 

「……ค่อยยังชั่ว」

 

ด้วยความโล่งใจและความสุขน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเธอ

 

「โล่งใจจังเลย โล่งใจจริงๆ ฮือๆ……」

 

เซอร์เฟนเนลก็ร้องไห้เหมือนกันและวางมือบนไหล่ลูกสาวอย่างอ่อนโยน

 

「โล่งอกจังเลยนะลูก ดูเหมือนว่าจะมีปัญหานิดหน่อย แต่ก็ผ่านมันมาได้ดูเหมือนศาตราจารย์โกลด์แรนจะรักษาได้อย่างสมบูรณ์แบบ」

「เอ๊ะ….ศาตราจารย์เหรอคะ?」

「ดูเหมือนว่าเขาจะยุ่งมากกับการเตรียมตัวสำหรับการเลือกผู้อำนวยการที่กำลังจะมีขึ้น ความพยายามนี้พ่อจะต้องตอบแทนให้ พ่อจะสนับสนุนในการเลือกผู้อำนวยการของเขา เขาไม่ได้เป็นเพียงคนที่ช่วยลูกสาวของฉันคนเดียวเท่านั้น」  

「นั่นสินะคะ……」  

 

ขณะตอบ ชาร์ล็อตเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจได้ผุดขึ้นมา

อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

 ――อดทนได้ดีมากเลยครับ การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี

 

อย่างไรก็ตามเสียงที่แผ่วเบาในหูนั่นไม่ได้เป็นเสียงของศาตราจารย์อย่างแน่นอน

 

「เน่ ปะป๋า คนๆนั้นเขาชื่ออะไรเหรอคะ?」

「คนนั้น?」

「ก็คนนั้นไงปะป๋า ที่ใส่หน้ากากสีดำ」

「อาาา คนที่บอกว่าเป็นผู้ช่วยคนที่สองสินะลูก มีอะไรกับเขางั้นเหรอ?」

「ก็ไม่มีอะไรมากหรอกคะ」

「ให้ไปถามพ่อบ้านที่ไปรับเขามาดีไหมลูก」

 

ทันใดนั้นก็เรียกพ่อบ้านมา

 

「จำได้ว่าบุคคลนั้นมีชื่อว่าเซโน่ขอรับคุณหนู」

「อืม……」

 

ชาร์ล็อตมองออกไปที่ระเบียง

ท้องฟ้าที่อยู่เหนือกรงนกนั้นดูฟ้าครามสดใสราวกับจะโบยบินออกไปได้ทุกเมื่อ

 

เมื่อมองไปยังบนท้องฟ้าสีคราม ชาร์ล็อตก็พึมพำชื่อของเขา

 

「เซโน่……」

ตอนที่ 68 คำเชิญร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ

ลูกสาวของเซอร์เฟนเนล หนึ่งในขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด วันหลังจากการรักษาเนื้องอกบนใบหน้าของชาร์ล็อตที่ประสบความสำเร็จ

เซนอสกำลังเดินอยู่ข้างยูมินในทางเดินของอาคารวิจัย

 

「ขอโทษจริงๆนะคะและขอบคุณที่ช่วยอีกแล้ว เซโน่ซัง」

「ไม่เป็นไรหรอก กำลังดีเลย」

 

ยูมินกำลังเดินไปรอบๆและถือกล่องหลายกล่อง

เซนอสที่เห็นก็ว่ามันอันตรายเลยช่วยเธอถือกล่องส่วนหนึ่ง

 

「มีอะไรในนี้งั้นเหรอ?」

「นี่คือต้นแบบของอาจารย์เบ็กก้าคะ ฉันจะเอาไปเก็บในตอนนี้」

「เป็นยาชนิดไหนเหรอ?」

「นั่นสินะคะ……」

「ไม่รู้ยังงั้นเหรอ?」

「บางทีอาจารย์เบ็กก้าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำคะ」

「แบบนั้นไม่แย่เอาเหรอ……?」

 

ยูมินยกกล่องขึ้น

 

「ก็นะคะ เขาบอกว่ามันต้องมีการลองผิดลองถูกซ้ำๆหลายครั้ง เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ เลยบอกว่าอยากให้เก็บต้นแบบทุกอย่างไว้」  

 

ยูมินดูมีความสุขเล็กน้อยแม้จะบ่นออกมา

 

「ขอโทษที่รบกวนตลอดเลยนะ」

「อะ อาจารย์เบ็กก้า」

 

เจ้าของห้องวิจัยเดินมาจากด้านหลัง

 

「ไม่จำเป็นต้องยกไปทั้งหมดในคราวเดียวก็ได้นี่ยูมิน」

「แต่ว่าก็อยากจะเก็บมันให้อยู่ในสภาพดีที่สุดเร็วๆนี่คะ」

「ก็ช่วยได้มากเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นต้นแบบที่สำคัญมากเลยนะ」

「ก็พูดแบบนั้นตลอดนี่คะ」

「งั้นเหรอ?」  

 

เบ็กก้าหันไปมองทางเซนอส

 

「การรักษาขุนนางเป็นไปได้ด้วยดีไหม?」

「ก็นะ」

「จะบอกว่าไม่ต้องถามสินะ? สงสัยคงเข้าตาโกลด์แรนละสิท่า」

「อืม……」

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นก็มีคนวิ่งมาจากทางเดินด้านหลัง

 

「พี่ใหญ่」

 

เครย์สัน

เครย์สันพุ่งเข้ามาแล้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และพูด

 

「ข้าเพิ่งถามเลขาคนที่สอง เรื่องงานเลี้ยงอาหารค่ำดูเหมือนข้ากับพี่ใหญ่จะโดนเชิญด้วย」

「เหหหห」

「ว้าว สุดยอดเลยนะคะ เซโน่ซัง」

「ขอแสดงความยินดีด้วยนะเซโน่คุง」

 

ยูมินและเบ็กก้าแสดงความยินดี

อย่างไรก็ตามยูมินมองไปทางเครย์สันอย่างสงสัย เครย์สันดูท่าทางเหม่อลอย

 

「อาเระ เป็นอะไรไปคะ? ปกติจะพูดประชดประชันใส่ข้าไม่ใช่เหรอไง ไม่มีความสุขยังงั้นเหรอ?」

「ไม่ ก็มีความสุขอยู่หรอก…แต่ว่า……」

 

เครย์สันตอบกลับด้วยความเขินอาย

บางทีเขาอาจจะกังวลว่าโกลด์แรนเป็นคนรับผิดชอบระหว่างการผ่าตัด

ยูมินเป็นคนๆเดียวที่ให้กำลังใจเขา

 

「อย่างไรก็ตาม การได้รับเชิญไปงานเลี้ยงอาหารค่ำก็มีตำแหน่งอยู่ฝ่ายบริหารไม่ใช่เหรอไงคะ ไม่ใช่เส้นทางที่รอคอยมานานเหรอคะ」

「อืม….ใช่….แต่ว่า….จริงๆแล้ว」

 

เครย์สันกางแขนและพยักหน้าหลายครั้ง

 

「ใช่…..นั่นสินะ! ฮะฮ่าฮ่า จะเตรียมใช้เธอเป็นลูกไล่ตอนข้าได้ตำแหน่งขึ้นมา」

「กลับมาเป็นไอ้ชั่วคนเดิมแล้วสินะคะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงโดนเกลียดไง」

「อย่าเรียกว่าโดนเกลียดสิ พูดแบบนั้นก็กังวลเป็นนะ」

 

เครย์สันน้ำตาคลอ เช็ดน้ำตาและมองมาทางเซนอส

 

「พี่ใหญ่ไปกันเถอะ งานเลี้ยงอาหารค่ำ น่าจะมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ตอนเย็นนะ」  

 

เครย์สันพูดแล้วโบกมือ

 

「ตาของข้ามาถึงแล้วสินะ……」

「ทำหน้าระรื่นได้เชียวนะ……」  

「อายินดีด้วยด้วยในสุดก็จะเสร็จงานสักทีนะ」

 

เบ็กก้าเรียกเซนอส ผู้ซึ่งเห็นเครย์สันเดินจากไป

 

「ถูกต้อง ชั้นไม่เก่งเรื่องเก็บข้อมูลด้วยสิ」

「เอาเท่าที่ทำได้น่า ช่วยในการตามหาอัลเฟรดที」

 

ชายชื่ออัลเฟรดได้หายตัวไปในงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งที่แล้วของโกลด์แรน

การหายตัวไปนั้นพบเจอครั้งสุดท้ายที่ศูนย์รักษา

 

วันทำงานที่ยาวนานในระยะสั้น

ชั้นเองก็เริ่มมีความผูกพันธ์กับห้องพักรวมและห้องวิจัยของเบ็กก้า แต่ชั้นคิดถึงศูนย์รักษาของชั้นมากกว่า

 

ทั้งหมดที่ต้องทำในตอนนี้คือทำงานให้ดีที่สุดขณะที่ปกปิดตัวตนเอาไว้ และออกจากที่นี่พร้อมกับเงินรางวัลที่เหลือและเรื่องราวของอาจารย์ที่เป็นรางวัลตอบแทน

 

 

 +++

 

 

ณ ตอนนั้นเอง

ในศูนย์รักษาที่เมืองแห่งการล่มสลาย ผู้หญิงสามคนกำลังนั่งประชุมกันที่โต๊ะ

 

「อาจารย์ น่าจะกลับมาในเร็วๆนี้แหละคะ」

「ริงก้าคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว เพราะสัญญานั่นมีระยะเวลาหนึ่งเดือน」

「เหนื่อยที่จะรอแล้ว คงกลับมาในวันหยุดนี้มั้ง」

 

โซเฟียจ้องมองอีกสองคน

 

「แล้วมันหมายความว่ายังไงคะพวกคุณมาที่นี่ทุกวันเลย?」

「ก็ที่นี่ริงก้าคิดว่าเป็นเซฟโซน」

「สำหรับข้าก็มาดูแลบ้าน」

「แล้วทำไมพวกเธอสองคนถึงมานั่งเอ่อระเหยที่นี่ละเนี่ย」

「ริงก้าคิดว่าถ้าปล่อยที่นี่ไว้เพียงลำพังมันจะมีพวกโรคจิตแอบไปดมกลิ่นของท่านเซนอส」

「อะไรนะ? นี่เจ้าทำเรื่องที่น่าอิจฉาแบบนั้นงั้นเหรอโซเฟีย」

「ดิฉันไม่ใช่พวกแบบคุณสักหน่อยคะ」

 

ทั้งสามยืนและจ้องหน้ากัน

อากาศสั่นสะท้านไปทั่ว แต่ในที่สุดก็กลับมาผ่อนคลาย

 

「……หยุดเลยนะ ถึงอาจารย์จะไม่อยู่พวกเราก็จะไม่สู้กันนะคะ」

「อืม เหนื่อยมากเลยล่ะ」

「อ่าหากสู้กันเซนอสคงโกรธน่าดูเลย」

 

ทั้งสามนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งและถอนหายใจ

ทันทีหลังจากนั้น ประตูก็เปิดออกอย่างแรง

 

ดวงตาของทั้งสามหันไปทันที แต่เป็นชายเผ่ามนุษย์กิ้งก่ายืนตรงนั้น

ลูกน้องของโซเฟีย

 

「ว่าไงคะถ้าอาจารย์ไม่อยู่หรอกนะคะ?」

「หัวหน้า ซอนเด้ได้รับบาดเจ็บสาหัส」

「……ซอนเด้?」

 

โซเฟียขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อน้องชา

 

「ไม่อยากจะเชื่อเลยทะเลาะกันงั้นเหรอคะ?」

「ไม่หรอกครั้งนี้มันเกิดอุบัติเหตุ」

 

อาคารหลายหลังถูกทำลายจากโกเลมก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนยังเหลืออยู่บ้าง แต่ว่าก็มีบางส่วนที่ถล่มลงมาขณะทำความสะอาด

 

「พูดอะไรแบบนั้นกันฟะ…ข้ายังไม่ตายสักหน่อย」

「พอดีรอดชีวิตออกมาจากอาคารได้ แต่ว่ามีเสาหักแทงทะลุอยู่ในท้องของข้า และดูเหมือนกระดูกจะหักด้วย」

「……」

 

โซเฟียเงียบไปชั่วครู่และสั่งคนของเธอ

 

「อาจารย์จะกลับมาเร็วๆนี้ ดังนั้นให้ทนจนกว่าจะถึงเวลานั้น มองหายาที่ดูจะรักษาได้ในตลาดมืดซะ」

 

อย่างไรก็ตามริงก้ากับลีฟก็พูดขึ้น

 

「โซเฟียริงก้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้」

「ข้าก็คิดเหมือนกัน พาไปหาเซนอสเถอะ」

「ไม่ได้หรอก อาจารย์กำลังปกปิดตัวตนอยู่และแทรกซึมเข้าไปในศูนย์รักษาหลวง ถ้าเข้าไปมันจะขวางงานเขา」  

「ริงก้าเข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก ริงก้าก็ไม่อยากรบกวนแต่นี่มันเหตุฉุกเฉินนะ」  

「คิดว่าเซนอสจะคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นการขวางทางเขางั้นเหรอ?」

「……」

 

โซเฟียหลับตาลงแล้วยืนขึ้น

 

「ให้ตายเถอะไอ้น้องโง่นั่น เตรียมตัวออกเดินทาง นอกจากนี้เตรียมกองกำลังมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า」

 

 

 

 

ตอนที่ 69 งานเลี้ยงอาหารค่ำ【ตอนแรก】

「ถ้างั้นก็เตรียมตัวกันมาพร้อมแล้วใช่ไหม?」

 

ที่คฤหาสน์ของโกลด์แรน ณ ศูนย์รักษาหลวง เลขาคนที่สองมองหน้าทุกคน

 

เขตที่อยู่อาศัยพิเศษเรียกว่าเขตขุนนาง ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตขุนนางชั้นสูงไปอีก

 

แสงของโคมระย้าทำให้ห้องโถงและบรรยากาศภายในสว่างขึ้นมา

แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับคฤหาสน์ของเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นคฤหาสน์สมกับที่เป็นคฤหาสน์นั่นแหละ

 

「ถ้างั้นศาตราจารย์กล่าเปิดงานหน่อยนะคะ」

「อา」

 

โกลด์แรนยืนต่อหน้าทุกคนและลูบเคราของเขา

 

「ก่อนอื่นก็มีรายงานฉบับหนึ่งส่งมา อย่างที่เคยมีข่าวลือเรื่องชาร์เบิร์ด ผู้อำนวยการคนปัจจุบันได้ตัดสินใจจะเกษียณตัวเองในสิ้นเดือนหน้า การเลือกตั้งจะจัดขึ้นเร็วๆนี้」

 

เกิดเสียงกรี๊ดเล็กน้อยจากสถานที่จัดงาน

 

「ฝ่ายของเรามีสมาชิกมากที่สุด ไม่มีปัญหาเรื่องคะแนนโหวต ที่น่าเป็นห่วงก็คือคณะกรรมการที่ปรึกษา……」

 

โกลด์แรนหมุนแก้วในมืออย่างพอใจ

 

「เซอร์เฟนเนล หนึ่งในเจ็ดบ้านของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือในการปรึกษาการให้คะแนนกับคณะกรรมที่ปรึกษา」

 

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ก็ดังขึ้น

เลขาคนที่สองยกมือทั้งสองข้าง และปรบมือด้วยท่าทางเกินจริงเสริมจากด้านข้าง

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือศาตราจารย์โกลด์แรนของเราจะได้เป็นผู้อำนวยการคนถัดไป!」

 

และเลขาคนที่สองบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้กับทุกฝ่ายในอนาคตอันใกล้นี้

ว่ากันว่าเซอร์เฟนเนลจะเข้าร่วมงานด้วย

 

「เฮ้ย เฮ้ย นี่มันชักจะบ้ากันไปแล้วนะเนี่ย」

 

เครย์สันพูดพร้อมสวมสูทติดเน็กไท เซนอสเองก็พูดพร้อมกับเกาแก้ม

 

「พี่ใหญ่ใช่เลย」  

「อืม ต้องให้บอกกี่รอบวะ ว่าไม่ใช่พี่ใหญ่?」

「เอออ๋ ไม่จริงงั้นเหรอคุณน้องสาว」

「ลิลี่ไม่ต้องการพี่ชายอย่างเครย์สันคะ」

「อั่ก……」

 

ลิลี่เองก็มากับชั้นด้วยวันนี้

มีเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาติให้มางานรับเชิญไปกับผู้รับเชิญแต่ละคนได้

นอกจากนี้ยังเป็นความปรารถนาของเขาเองที่อยากจะให้ลิลี่เข้าร่วมเพราะจะได้ช่วยกันรวบรวมข้อมูล

ลิลี่นั้นไม่ค่อยระมัดระวังก็จริงแต่เธอมีความจำที่ฉลาดมาก มันทำให้งานน่าจะง่ายขึ้น

 

มีทั้งฝ่ายบริหาร เลขา และผู้ที่ได้รับเชิญอยู่ในงาน

ดูเหมือนว่าผู้เข้าร่วมคนอื่นๆจะพาคู่สมรสและคู่รักมากัน

 

ลิลี่จ้องมองไปยังเครย์สัน

 

「แต่ว่าเครย์สันก็อยู่คนเดียวนะคะ」

「อืม มีคนมากเกินไป」

「ทุกคนต่างปฏิเสธ เครย์สันผู้น่าสงสาร……」

「หยุดล้อเลียนได้แล้ว」

 

เครย์สันเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า

 

「ไม่เป็นไรข้ายังมีพี่ใหญ่เซโน่อยู่ ข้าจะติดตามพี่ใหญ่ต่อไป」

「ไม่ ไม่เอาโว้ย……」

「ล้อเล่นอีกแล้วสินะ」

「ไม่ได้ล้อเล่นเว้ย」

 

โกลด์แรนกระแอมไอหนึ่งครั้งและสถานที่ก็เงียบกริบ

 

「คนที่มารวมตัวกันในวันนี้คือคนที่ถูกเลือกจากกลุ่มของเรา พวกเจ้าควรภูมิใจ หากพยายามอย่างดีที่สุด อนาคตที่สดใสก็รอพวกเจ้าอยู่」

 

เขายกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า「คัมไป」

เสียงกระทบของแก้วดังขึ้นทั่วทุกที่

 

「พี่ใหญ่ได้ยินมั้ย? พวกเราคือผู้ถูกเลือก」

「ดีใจด้วยนะ」

「ถ้างั้น ข้าก็จะเตรียมตัวรอเป็นฝ่ายบริหารไว้เลย จะต้องไปเต๊าะผู้บริหารหน่อยแล้ว」

「เออ เอาที่สบายใจ……」

 

เครย์สันพูดเช่นนั้นแล้วรีบไปอยากเดือดดาล

ดูเหมือนว่าตอนที่ต้องผ่าตัดจะอัดอั้นมานาน แต่ว่าก็ฟื้นตัวเร็วดีนะ

ก็นะแบบนั้นก็คือข้อดีของหมอนั่น

 

「อีกอย่าง พวกเรามีงานต้องทำนี่เนอะ?」

「อืม ลิลี่เองก็ช่วยด้วยคะ」

「ช่วยได้มากเลยล่ะ ชั้นไม่ค่อยเก่งงานแบบนี้เท่าไร」

 

หลังจากพยักหน้าให้เซนอสลิลี่ก็หันไปมองรอบๆ

 

「ทุกคนต่างพาคู่รักมาไม่ก็คู่สมรสมา สงสัยลิลี่จะเป็นภรรยาท่านเซนอสสินะคะ……?」

「นั่นสินะ……สำหรับชั้นแล้วก็เป็นแค่น้องสาว……?」

「ก็รู้อยู่หรอกคะแต่ー……」

 

ลิลี่งอลแก้มป่อง

 

จุดประสงค์ในการแทรกซึมมาในงานเลี้ยงอาหารค่ำคือการสำรวจร่องรอยของชายที่ชื่ออัลเฟรด ซึ่งเป็นอดีตรองหัวหน้าห้องวิจัยของเบ็กก้า

อัลเฟรดเขาเป็นคนเก่งมาก โกลด์แรนจึงดึงตัวมาและเชิญเขามางานเลี้ยงอาหารค่ำแต่หายตัวไป

 

เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?

งานสุดท้ายของศูนย์รักษาหลวงก็คือตามหาร่องรอยให้เจอ

 

งานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดเป็นงานยืนกินและโต๊ะก็ถูกเรียงรายไปด้วยอาหารมากมายที่ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไร

 

ไปหาผู้บริหารสักสองสามคนถามเกี่ยวกับเรื่องอัลเฟรด

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจการเคลื่อนไหวของอัลเฟรดอย่างใกล้ชิด เพราะทุกคนต่างมีอิสระในการเดินชมงาน

อย่างไรก็ตาม ชั้นได้ข้อสันนิษฐานหนึ่งข้อที่หน้าสนใจ

 

「อัลเฟรดเหรอ? อ่าใช่สิ บอนด์เมามากก็เลยได้เขาดูแล」

「บอนด์……」

 

เป็นชื่อที่คุ้นเคย

เลขาคนแรกของโกลด์แรน

 

เลขาทุกคนมีส่วนร่วมในงาน

เมื่อชั้นมองไปรอบๆชั้นก็เห็นบอนด์ที่ด้านหลังของห้องโถง

เขานั่งบนโซฟาหนังด้วยใบหน้าที่เมามายและดื่มสาเกจากขวดโดยตรง

 

แน่นอนว่าเป็นคนแปลกๆ

ดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักเก่าของโกลด์แรน แต่ถึงแม้จะเป็นเลขาคนแรก แต่ก็ไม่ได้ทำงาน เอาแต่ดื่ม

 

「สวัสดีครับ」

「อา……แกเป็นใครวะ?」

 

เมื่อเขาถามเช่นนั้นบอนด์ก็หันหน้ามา

เคยเดินผ่านกันมาก่อน แต่ดูเหมือนจะจำชั้นไม่ได้

 

「ขอโทษด้วย มีหลายฝ่ายเข้าร่วมเยอะเกินข้าจำได้ไม่หมด」

「สามี….แต่ว่าพี่ชายหนูเป็นเด็กฝึกพิเศษ」

「นี่เธอจงใจพลาดหรือ ลิลี่?」

「เฮ้เด็กฝึกพิเศษสินะ……ก็ได้ยินเรื่องมาบ้าง」

 

จากการแนะนำของลิลี่บอนด์ยกขวดขึ้นแล้วพูดว่า

 

「อะไรว่าที่คุณผู้สมัครฝ่ายบริหารต้องการอะไรจากข้า? อยากได้อะไรก็ไปคุยกับโกลด์แรนไป」  

「พอดีมีเรื่องจะถามนิดหน่อย」

「หาาา?」

「มีชายคนหนึ่งที่ชื่ออัลเฟรดมางานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งที่แล้ว ช่วยบอกเกี่ยวกับเขาหน่อยได้ไหม?」

「อัลเฟรด……อาาาา ไอ้เด็กจากห้องวิจัยอื่นอะเหรอ」

 

บอนด์ดื่มสาเกแล้วพูดต่อ

 

「ไม่รู้โว้ย พอดีข้าเมามากจำได้ว่าไอ้หมอนั่นมันเอาน้ำเปล่ามาให้ตอนที่ข้าเมา」

「แล้วเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?」

「จำไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว」

「งั้นเหรอ……」

 

ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนจะไม่มีเงื่อนงำใดๆ

จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แต่บอนด์ก็พูดต่อ

 

「ไอ้หมอนั่นเป็นคนดีน่าดู อย่างไรก็ตามไม่มีใครมาพูดกับข้าได้หรอกโว้ย」

「ไม่ใช่เพราะว่าคุณดื่มหนักเกินไปเหรอ?」

「หาาาาา ยุ่งมากเกินไปแล้วนะ ข้าเป็นคนบอกไอ้โกลด์แรนเองว่าอย่าให้หมอนั่นมายุ่งกับข้า เพราะแม่งมันเป็นคนปลิ้นปล้อนไงเล่า」  

「……?」

 

ไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์นัก

บอนด์อยู่ตำแหน่งสำคัญในฐานะเลขาคนแรกของโกลด์แรน

เขาบอกว่าเขาโดนไม่ให้ไปยุ่งกับสมาชิกในฝ่ายแม้จะอยู่ตำแหน่งดังกล่าวก็ตาม

 

「เออ ช่างแม่งเหอะ ต้องขอบคุณแม่ ทำให้ข้าอยู่อย่างสบายใจได้ โกลด์แรน」

 

บอนด์พ่นลมหายใจออกมาและหัวเราะ

อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะนั้นฟังดูไร้ซึ่งความสนุกสนาน

 

ลิลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา

 

「ทำไมคุณลุงถึงได้เป็นเลขาของศาตราจารย์เหรอคะ?」

「มันก็แค่เรื่องของความสัมพันธ์」

「เรื่องความสัมพันธ์?」

「ใช่แล้ว――」

 

บอนด์โบกมือไล่พวกเขา

 

「ยังไงก็เหอะ ไม่ต้องมาสนใจข้าหรอก」

「……」

 

เซนอสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมา พร้อมกับคุยกับลิลี่

 

「ดูท่าจะเมามากเลยนะ」

「แต่ลิลี่คิดว่าคุณลุงคนนั้นรู้อะไรบางอย่างนะคะ」

「จริงเหรอ? แต่ดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้เลยนะ……」

 

หลังจากเงียบไปเล็กน้อย ลิลี่ก็นำไวน์สองสามขวดออกจากโต๊ะ

 

「ถ้างั้นก็ไปทำให้คุณลุงคนนั้นเมาขึ้นอีกเพื่อจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างนะคะ ท่านเซนอส」

 

 +++  

 

หลังจากนั้น――

 

「ฮายาฮายาฮา นี่เธอไม่ใช่เด็กดีเหรอเนี่ย แม่สาวน้อย」

 

ขณะที่ลิลี่นั่งอยู่ข้างๆ และพูดคุยกับเขา บอนด์ก็ค่อยๆอารมณ์ดีมากขึ้น

 

「อืมอืม นั่นสินะคะ?」

「อ่า นั่นสินะ ตอนเด็กๆข้านะอยากจะเป็นช่างภาพล่ะ」

「สุดยอดไปเลยนะคะ」

「สุดยอดไปเลยใช่ไหมละ」

「ลิลี่เองก็มีความฝันนะคะ……」

「ถ้าปล่อยให้ผู้ชายดื่มเหล้าและผู้หญิงเป็นคนเชียร์ ก็จะเริ่มรั่วข้อมูลออกมาเองสินะ」

「แล้วไปได้ข้อมูลแบบนั้นมาจากไหนกัน?」

「คาร์มิล่าซังคะ」

「ยัยนั่นอีกแล้วเหรอ……」

 

นี่เธอสอนอะไรให้เด็กดีแบบนี้กันเนี่ย

 

ลิลี่ถามคำถามเดิมแต่เป็นการถามออกมาแบบไม่ตั้งใจ

 

「แล้วทำไมบอนด์ซังถึงมาเป็นเลขางั้นเหรอคะ?」

「อ่าาา นั่นสินะ……」    

 

ถึงเธอจะเป็นคนใจกว้างแค่ไหน แต่ก็กลัวที่จะถามคำถามสำคัญที่สุดออกไป

 

「โม่วววว…..อย่างที่คิดเลยลิลี่เนี่ยไม่ไหวเลยนะคะ……」

「ไม่หรอก เธอทำได้ดีแล้วล่ะลิลี่」

 

ทันใดนั้นเซนอสก็พูดกับบอนด์

 

「เฮ้ บอนด์ซัง เกิดอะไรขึ้นกับอัลเฟรด กันแน่?」

「อาาา…ถ้าให้แน่ใจ….ไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ……」

「อ่าเป็นความคิดที่ดีเลย ถ้างั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ」

「อาาา นั่นสินะ……」

 

เซนอสพาบอนด์ไปที่ลานของคฤหาสน์

พวกยามกำลังเข้ามา ก็เลยบอกว่าแขกเขาเมามากแล้ว

ลิลี่เองก็มาจากด้านหลัง

 

「ท่านเซนอส?」

「ก็คิดมาครู่หนึ่งแล้ว รอบที่แล้วบอนด์เองก็โดนอัลเฟรดดูแล ทำไมไม่ลองทำสถานการณ์เดียวกันล่ะ?」

 

ท้องฟ้ามืดสนิท แต่สวนยังสว่างไสวด้วยหินเวทมนตร์

อย่างไรก็ตามบอนด์เมามากจนคุยอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว

 

เมื่อเขากำลังจะยอมแพ้บอนด์ที่เดินสะดุดหญ้าก็เผลอทิ้งขวดเหล้า

ไวน์แดงหกแตกกระจายไปทั่วหญ้าเหมือนกับลิ่มเลือด

 

「ฮะฮะฮะฮะฮี้……」

「เป็นอะไรไปเหรอ?」

 

ทันใดนั้นบอนด์ก็หัวเราะและหันหน้าไปมองเซนอส

 

「เฮ้ย โกลด์แรน ดูสิ ไม่เหมือนครั้งนั้นเลยเนอะ?」

 

สายตาเริ่มคลุมเครือและเริ่มที่จะหลุดโฟกัส

เขาเข้าใจผิดว่าเซนอสเป็นโกลด์แรนงั้นเหรอ

 

บอนด์จับไหล่ของเซนอสแล้วพูดว่า

 

「จะเป็นขุนนางได้ไหมหากเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาหลวง? คุคุคุ รอบนี้แกก็ไปเกี่ยวพันกับเซอร์เฟนเนลอีกแล้วเหรอ」

 

 +++

 

ตอนนั้นเองมีเงาสามเงาวิ่งผ่านตึก

 

「ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาหาพร้อมพวกคุณ」

 

ลีฟตอบโซเฟียเมื่อมองย้อนกลับไป

 

「ถ้าไม่มีข้าแล้วใครจะแบกซอนเด้ ออร์คน่ะแข็งแรงนะ」

 

ที่ด้านหลังของลีฟมีซอนเด้ที่ถูกมัดด้วยเชือกอยู่

 

「นั่นสินะ」

「พี่สาว……ขอโทษนะ……」

 

ซอนเด้พูดแบบนั้นพร้อมกับลมหายใจที่โรยริน

 

「จริงๆเลย ไอ้น้องโง่นี่ ถ้าแกหายดีเมื่อไรจะลงโทษให้หลากจำเลย」

「อ่าาาา….จะจำให้ขึ้นใจเลย」  

「เพราะงั้นอย่าตายนะ」

「……อาาาา」

 

ซอนเด้พูดเช่นนั้นพร้อมกับอาเจียนเป็นเลือด

ริงก้าที่วิ่งตามมาก็พูด

 

「รีบๆหน่อย ข้ามถนนไปเลย」

「แล้วทำไมเธอถึงตามมาด้วยคะริงก้า?」

「ริงก้าคิดว่าน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง」

「เธอก็แค่อยากเจออาจารย์ไม่ใช่เหรอไงคะ」

「……ไม่ปฏิเสธหรอก แต่ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันก็มีประโยชน์กว่าลูกน้องโซเฟียนะ」

เดิมทีตั้งใจจะเอาลูกน้องของลีฟมาแต่ริงก้าบอกว่ามันจะเด่นเกินไป และทั้งสามคนก็เลยมาด้วยกัน

โซเฟียถอนหายใจพร้อมกับมองไปข้างหน้า

「ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ตอนนี้ก็ขอให้ทันเวลาทีเถอะ」

ทั้งสามต่างพยายามอย่างหนักหน่วง

เพื่อไปหาเซนอส――

ตอนที่70 งานเลี้ยงอาหารค่ำตอนกลาง【中】

「เป็นอีกครั้งแล้วสินะที่เข้าหาเซอร์เฟนเนลสำเร็จ……?」

 

ในสวนของคฤหาสน์โกลด์แรน

เซนอสถามบอนด์

 

เมื่อเขาเมา บอนด์เข้าใจผิดว่าเซนอสเป็นโกลด์แรน

 

「เฮ้ย เฮ้ยเป็นอะไรไป? ก็วันนั้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วตอนนั้นแกจำไม่ได้เหรอ?」

「วันนั้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว……?」

「หาาาา? ลืมไปแล้วจริงดิ?」

「ท่านเซนอสมาคุยไปพร้อมกันเถอะคะ」

 

ลิลี่ให้คำแนะนำเบื้องหลัง

เซนอสพยักหน้าเล็กน้อย

 

「ไม่ ยังไม่ลืม ใช่แล้วเรื่องเมื่อสิบห้าปีที่แล้วสินะ」

「เออไง ยังเร็วไปที่จะดีใจ เป็นวันที่ชีวิตของแกเปลี่ยนไปเพราะทำการวิจัยโดยไม่ได้รับการอนุมัติจนห้องวิจัย วันนั้นเกิดระเบิดขึ้น」

「วันที่เกิดระเบิด…อ่านั่นสินะ」

「ด้วยการสนับสนุนของเซอร์เฟนเนล ก็ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นศาตราจารย์ที่ศูนย์รักษาหลวง ได้ตำแหน่งฮีลเลอร์ระดับพิเศษ และคราวนี้ก็เป็นผู้อำนวยการ ทำได้ดีมากเลยนี่หว่า」

「……อา」

 

รู้สึกเหมือนจะได้ยินเรื่องสำคัญเข้าแล้ว

 

รู้สึกแบบนั้นแต่จู่ๆบอนด์ก็เงียบไป

ถึงจะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่โกลด์แรน—-แต่ว่าสาเกมันทำให้เขาเมามาก

บอนด์เมาจนผล็อยหลับไปบนพื้น

 

ระหว่างที่พาเขาที่เมาเข้าไปในคฤหาสน์ก็ถามหาบริกรว่ามีห้องไหนว่างบ้าง

จากนั้นก็เอาไปวางไว้วนเตียงและพยายามจะคุยกับบอนด์แต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

เสียงหัวเราะดังก้องจากห้องโถงเป็นครั้งคราว

 

ลิลี่ดึงแขนเสื้อของเซนอส

 

「ท่านเซนอส จะเอายังไงดีคะ?」

「ไม่คิดว่าจะตื่นแน่ๆ….ทั้งหมดจะจบลงแค่นี้งั้นเหรอ……」

 

อย่างไรก็ตามข้อมูลมันกระจัดกระจายเกินไปจนทำความเข้าใจได้ยาก

ไม่มีความเชื่อมโยงของข้อมูลที่จะไปถึงตัวอัลเฟรดเลย

 

「ถ้างั้นการรวบรวมข้อมูลก็สิ้นสุดลงแล้วนะคะ?」

「อืม……」

 

เซนอสกอดอก

เบ็กก้าบอกให้ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ว่ามันรู้สึกว่าข้อมูลมันยังไม่พอ

 

「เข้าใจแล้วน้อ」

「เห้ยตกใจหมด」

 

เมื่อได้ยินเสียงก็มองย้อนกลับไปก็เจอคาร์มิล่า

 

「คาร์มิล่า ทำไมถึงมาที่นี่?」

「คุคุคุ……ก็มีเรื่องตลกเกิดขึ้นนี่น่า」

「คฤหาสน์นี้เต็มไปด้วยฮีลเลอร์ ถ้าเจอไม่รอดแน่」

「อืมน่าสนใจดีน้อ เพราะเรื่องตลกนี่มันเอาชีวิตมาเดิมพันได้เลยไงล่ะ」

「ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรกันแน่……?」

 

เซนอสพูดด้วยความเหนื่อยใจแต่ลิลี่ก็พูดขึ้น

 

「คาร์มิล่าซังรู้อะไรงั้นเหรอคะ?」    

「อาาาา พอจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของไอ้ขี้เมานั่นแล้วล่ะ」

「จริงเหรอ?」

 

เมื่อถูกถามเช่นนั้นคาร์มิล่าก็ทำหน้าอวดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม

 

「ในวันที่เกิดการระเบิดเมื่อสิบห้าปีก่อน ชีวิตของชายผู้เป็นนักวิจัยคนหนึ่งที่ไม่เคยมีตัวตนมาก่อนก็ได้เปลี่ยนไป ย่อมเป็นจุดเปลี่ยนเพราะได้สร้างบุญคุณให้ขุนนางผู้หนึ่งไว้」

「หมายความว่า」

「ฮีลเลอร์สร้างบุญคุณงั้นเหรอหมายความว่าไงคะ?」

「……ฟุ ถ้าคิดตามปกติแล้วก็ต้องเป็นการรักษายังไงละ」

「ใช่แล้วล่ะน้อ」

 

เซนอสหันไปมอง

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่ง….ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่เซอร์เฟนเนลได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดเมื่อสิบห้าปีก่อน หมายความว่าโกลด์แรนคือคนที่รักษาเซอร์เฟนเนล?」

「นั่นแหละน้อ」

「อืม……」

 

เป็นผลให้เซอร์เฟนเนลเป็นหนี้บุญคุณโกลด์แรนและให้การสนับสนุนหลังจากนั้น

ด้วยการสนับสนุนอันแรงกล้าทำให้โกลด์แรนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่และจะได้เป็นผู้อำนวยการคนถัดไป

 

「แต่ว่าก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกตินี่?」

 

โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตัวโกลด์แรน ดูยังไงก็ไม่มีใครมาขวางทางได้

 

「อาาาา จะบอกว่าเป็นเรื่องราวที่ดีก็ได้น้อ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำไมโกลด์แรนถึงได้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับล่ะน้อ」

「……?」

 

เซนอสขมวดคิ้วกับคำพูดของคาร์มิล่า

แน่นอนโกลด์แรนนั้นอยู่ในตำแหน่งเป็นผู้ถูกอุปถัมภ์ของเซอร์เฟนเนล แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนบอนด์หลุดปากพูด

ด้วยตัวตนของโกลด์แรนแล้ว หากมีอดีตเช่นนี้คงได้กลายเป็นข่าวดัง

 

「แล้วทำไมถึงไม่บอกออกไปล่ะ?」  

「ก็เพราะพูดไม่ได้ไงละน้อ?」

「พูดอะไรไม่ได้งั้นเหรอคะ?」

 

ลิลี่เอียงคอและคาร์มิล่าก็ยักไหล่

 

「หากเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดเหตุการณ์ระเบิด จนขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ได้รับบาดเจ็บ แต่เซนอส ลองคิดดูสิว่าเขารู้ได้ไงว่าทำไมถึงเป็นเซอร์เฟนเนลที่ได้รับาดเจ็บละน้อ」

「นั่นสินะ」

「แล้วการรักษาได้แบบสมบูรณ์แบบจะทำได้จริงเหรอ?」

「ก็แค่ทำให้หัวใจเต้นก็จบแล้วปะ?」

「อย่าเอาสามัญสำนึกของเจ้ามาตอบ ให้เอาสามัญสำนึกของชายที่ชื่อโกลด์แรนเจ้าคิดว่าเขาทำได้ไหม?」

「อืมมม….อาจจะยากนะ」

 

ยูมินยังกล่าวว่าแม้จะเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษแต่ก็ไม่ได้เก่งเวทย์รักษาเลยแม้แต่น้อยห่วยเลยก็ว่าได้

 

「อย่าบอกนะว่า――」

「บางทีลิลี่เองก็เข้าใจแล้วเหมือนกัน……!」

 

ลิลี่เองก็ปรบมือของเธอ

 

「เมื่อสิบห้าปีที่แล้วเซอร์เฟนเนลคนนั้นได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดแต่ว่า――」

 

ลิลี่ตะโกนและพูดกับคนอื่นๆ

 

「แต่ว่ามันเป็นคนอื่นที่รักษาแล้วจากไป และเซอร์เฟนเนลก็เป็นคนพบโกลด์แรนคนแรกก็เลยคิดว่าเขาเป็นรักษาให้และก็ได้ไปบอกกับเหล่าขุนนางคนอื่นๆ」

 

เซอร์เฟนเนลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ เข้าใจผิดว่าโกลด์แรนเป็นผู้มีพระคุณโดยไม่สังเกตเลยว่ามีคนอื่นมารักษาให้เขา

สายตาของลิลี่มองชายที่นอนกรนอยู่

 

「อย่างไรก็ตาม คุณลุงบอนด์ที่บังเอิญผ่านมาก็กำลังเฝ้าดูสถานการณ์ เลยข่มขู่โกลด์แรน」

 

บอนด์บอกว่าเขาอยากเป็นช่างภาพตั้งแต่ยังเด็ก

บางทีเขาอาจจะถ่ายรูปคนอื่นที่รักษาเซอร์เฟนเนล

ดังนั้นจึงทิ้งบอนด์ที่เป็นพยานไปไม่ได้และเลยให้ตำแหน่งสำคัญไว้

เพื่อหยุดเขาและให้อยู่ในการเฝ้าระวัง

 

แต่ว่า――

 

「การหายตัวไปของอัลเฟรดเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องนี้?」

 

เซนอสกล่าวเช่นนั้นและลิลี่ก็กอดอกของเธอ

 

「บางที….ในงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งก่อนลุงบอนด์ที่เมาแล้มลื่นล้มก็เห็นอัลเฟรดเป็นโกลด์แรนเหมือนกันคะ หลังจากรู้ความลับแล้ว อัลเฟรดก็ซ่อนตัวอยู่จากการรู้ตัวของบอนด์เพื่อไม่ให้โดนฆ่าปิดปาก……」

「หรือว่าบางทีอาจจะโดนฆ่าปิดปากไปแล้วก็ได้」

「ไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นหรอกน้อ……」

 

เมื่อได้ยินคำพูดของคาร์มิล่า ลิลี่ก็ขมวดคิ้ว คาร์มิล่ายิ้มอย่างอ่อนโยน

 

「มั่นใจได้เลย ลิลี่ หากเมามากละก็จำเรื่องที่พูดไปไม่ได้หรอก ถ้าเป็นเช่นนั้นบอนด์ก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องเอาชีวิตของอัลเฟรด」

「นั่นสินะคะ」

「จะว่ายังไงดีเก่งมากเลยเนอะ ลิลี่」

「ลิลี่บางทีอาจจะเป็นนักสืบก็ได้……! ศูนย์รักษาของท่านเซนอสและสำนักงานนักสืบลิลี่……!」

 

ทุกอย่างเริ่มต้นจากการระเบิดเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว

โกลด์แรนปลอมตัวเป็นคนอื่นที่รักษาเซอร์เฟนเนล

บอนด์ที่เห็นก็ทำตัวเป็นปรสิตเกาะโกลด์แรน

เมื่อรู้ความลับแล้วอัลเฟรดตัดสินใจซ่อนตัวจนกว่าเรื่องจะซาลง

 

ลิลี่สูดลมหายใจและยกมือทั้งสองข้าง

 

「ความลับทั้งหมดถูกคลี่คลายแล้ว……」

 

แล้วประตูห้องก็เปิดออกอย่างกระทันหัน เป็นเครย์สันที่เข้ามา

 

「พี่ใหญ่และน้องสาวอยู่ที่นี่ไหม กังวลเพราะหาตัวไม่เจอ」

 

คาร์มิล่าหายตัวไปเซนอสเองก็เกาแก้มแกรกๆ

 

「ขอโทษทีพอดีดูแลคนเมาอยู่」

「ปล่อยให้บอนด์อยู่คนเดียวเถอะ เขาเมาบ่อยจะตาย ข้าจะพาพี่ใหญ่ไปแนะนำคนดังผู้หญิงสวยๆให้งั้นไปกันเถอะ」

 

เครย์สันยกนิ้วอย่างภูมิใจ

 

「ลิลี่ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้……」

「น้องสาวเอ๋ยเดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะแสดงความเป็นโปรให้ดู」

 

เครย์สันมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงและลิลี่ก็ตามไป

เซนอสถอนหายใจและตามออกไป

 

「เซนอสทำอะไรอยู่?」

 

คาร์มิล่าก็เรียกจากด้านหลัง

เซนอสหยุดและพูดขึ้น

 

「อะไรเล่า……?」

「เดี๋ยวได้รู้ ถึงความเป็นไปได้อื่น」

「ความเป็นไปได้อื่น  เรื่องอะไรฟะ」

 

เมื่อมองย้อนกลับไปคาร์มิล่าพยักหน้าเงียบๆ

 

「เจ้าได้สังเกตเห็นรึเปล่า」

「อ่า สังเกตสิเพราะได้ยินเรื่องนั้นมาจากเธอนี่ เพราะตอนนี้ชั้นเองก็อยู่รอบๆโกลด์แรน」

 

เซอร์เฟนเนลได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อสิบห้าปีก่อน

โกลด์แรนรักษาให้หายขาดไม่ได้แน่นอน

จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่สอนชั้นแน่ๆ

 

ความคิดที่ลิลี่พูดก็เป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบอนด์จะถ่ายรูปคนที่รักษาเซอร์เฟนเนลได้ แต่ว่ามันก็ไม่เพียงพอจะต้องยืนยันในท้ายที่สุด

โกลด์แรนอาจจะมีจุดอ่อนที่ชี้เป็นชี้ตายมากกว่านี้

 

「จากการระเบิด ไม่คิดว่าเซอร์เฟนเนลจะเป็นเหยื่อเพียงคนเดียว」

 

เป็นธรรมดาที่คิดว่าน่าจะมีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง

โกลด์แรนทำไม่ได้แน่ๆในการรักษาคนอื่นให้หายขาด

อย่างไรก็ตาม หากตรงตามเงื่อนไขบางประการก็จะเข้าใกล้โกลด์แรนได้อีกขั้น

 

「ถ่ายโอนพลังเวทย์――」

 

เป็นเวทรักษาที่โกลด์แรนมี

 

เมื่อสิบห้าปีที่แล้วโกลด์แรนผ่านจุดเกิดเหตุและเห็นคนจำนวนมากส่งเสียงคร่ำครวญ

ในหมู่พวกเขามีขุนนางที่แต่งตัวชัดเจน

เป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาได้

 

อย่างไรก็ตามทำด้วยตัวเองไม่ได้

ไม่ ยังมีอีกทางหนึ่ง

 

ห・า・ก・ถ่・า・ย・โ・อ・น・พ・ลั・ง・เ・ว・ท・ย์・จำ・นวน・มาก・จาก・คน・ใกล้・ตาย・ทั้ง・หมด・――  

 

เซนอสกำหมัดแน่น

 

「โกลด์แรนมันเลือกใช้ชีวิตของคนอื่นเพื่อช่วยๆเดียว」

「เป็นความผิดบาปยังงั้นเรอะ?」

「……การจัดลำดับความสำคัญไม่ใช่ความผิดบาปหรอก แต่ถ้าเอาชีวิตของคนอื่นไปช่วยอีกคนหนึ่ง――」  

 

อัลเฟรดอาจมีความคิดแบบเดียวกันหากได้ยินเช่นนั้นจากบอนด์

แล้วในที่สุดก็หายไป

 

เมื่อมองดูจากความมึนเมาของบอนด์แล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะจัดการอัลเฟรด จำได้ว่าเขาบอกว่ามันเป็นความลับที่มารู้ที่หลัง

ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมอัลเฟรดถึงได้หายตัวไป

 

 一อย่างที่ลิลี่พูด การรู้ความลับสำคัญอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตและต้องซ่อนตัวจนกว่าเรื่องจะซา

แต่มีความเป็นไปได้อื่น

 

「ถ้า…มีผู้รอดชีวิตรายอื่นในเคสนี้……」

 

เซนอสพึมพำอย่างเงียบๆ

 

และถ้ารู้ความจริงหลังผ่านไปสิบห้าปี――  

 

「จะแก้แค้นงั้นเหรอ」

 

เซนอสพยักหน้าให้คาร์มิล่าที่ลอยอย่างอ่อนไหว

 

「ก็มีความเป็นไปได้」

「แต่ถ้าต้องการแก้แค้น ก็ไม่ควรซ่อนตัวและอยู่ใกล้เป้าหมายสิ」

「ไม่รู้หรอกน้อ อย่างไรก็ตาม ถ้าดิฉันโกรธมากๆ ฉันอาจกลัวการแสร้งเป็นเป็นฆาตกรรมก็ได้……」

 

มองดูความมืดมิดที่คลุมเครืออยู่นอกหน้าต่าง เซนอสกล่าว

 

「……อัลเฟรดแกอยู่ไหนกันแน่」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 71  งานเลี้ยงอาหารค่ำ【ตอนปลาย】

「แล้วจะทำยังไง?」

 

ณ คฤหาสน์ของโกลด์แรน

คาร์มิล่าถามเซนอสในห้องที่บอนด์นอนอยู่

 

เหตุการณ์ระเบิดเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว

เมื่อพอจับใจความ โกลด์แรนใช้พลังชีวิตของเหยื่อรายอื่นเพื่อช่วยเซอร์เฟนเนลและการปีนขึ้นไปยังตำแหน่งปัจจุบัน

 

อัลเฟรดหายตัวไปอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ โดยที่รู้ความจริงและยังซ่อนตัวอยู่

 

เซนอสตอบกลับโดยจินตนาการถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

 

「……ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรหรอก ยังไงก็ได้ข้อมูลมาแล้วก็แค่รายงานให้เบ็กก้า」

「โห่วว ไว้แบบนี้จะดีเหรอ?」

「ก็ไม่มีหลักฐานในมือ และการประจานก็ไม่ใช่หน้าที่ชั้น ชั้นคือฮีลเลอร์」

「นั่นสิน้อ」

 

คาร์มิล่ายิ้มอย่างอ่อนโยน

 

「ขอบคุณนะ คาร์มิล่า」

「……เหหหห?」

「เธอเข้ามาช่วยเพราะเป็นห่วงใช่ไหมละ ขอบคุณนะ ได้รู้อะไรมากเลยล่ะ」

「ก็นั่นแหละน้อ เพราะมันดูเป็นเรื่องตลก ก็เลยมาคุยด้วยกันเอง」

 

 คาร์มิล่าหันหน้าหนีและมุ่งไปที่เพดาน

 

「ก็นะ เจ้ามาถูกทางแล้วน้อ ถ้างั้นก็เอาของฝากกลับบ้านด้วยละน้อ」  

「จะไปไหนน่ะ?」

「ดูเหมือนว่าจะมีสาเกดีๆที่นี่มากมายเลยละน้อ เพราะงั้นเอากลับบ้านสักสองสามขวดแล้วกัน」

 

ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นคาร์มิล่าก็หายไปที่ชั้นบน เซนอสเปิดประตูเพื่อไปที่ห้องโถงของห้องอาหาร

จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว

 

「……เอ๋?」

 

อย่างใดก็ตามที่ห้องโถงนั้นมีเสียงดัง

ขณะที่รีบไปนั้นเอง ผู้เข้าร่วมและพนักงานเสิรฟ์ก็มารวมตัวกันที่ระเบียงห้องโถง

ดูเหมือนว่ากำลังมองไปทางประตูคฤหาสน์

 

「เกิดอะไรขึ้น?」

 

นอกจากนี้ยังมีเครย์สันและลิลี่บนระเบียง

เมื่อเซนอสเรียกพวกนั้นก็หันกลับมา

 

「โอพี่ใหญ่เหมือนจะมีเรื่องใหญ่แล้ว」

「เน่ อาเระ นั่นยูมินซังไม่ใช่เหรอคะ?」

「เอ๋?」

 

เมื่อมองไปนั้นเอง พวกยามกำลังรวมตัวกันอยู่รอบประตูของสวนนั่น

ผู้หญิงใส่แว่นยืนอยู่ตรงกลาง

 

「ก็บอกแล้วไงคะว่าอยากเข้าพบชายที่ชื่อเซโน่ซัง」

「ผู้ที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาไม่ได้ครับ」

「แล้วเรียกเขามาให้หน่อยได้ไหมคะ มีเรื่องด่วนมากเลย」

「ที่นี่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำของท่านโกลด์แรน เพราะงั้นไว้ภายหลัง」

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนยูมินกับยามกำลังคุยกันอยู่

เมื่อชั้นเหลือบมองไปนั่นเอง――  

 

「ขอร้องล่ะคะ!」

 

เงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากด้านหลังยูมินและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้หน้าต่างสั่นไหว

หญิงร่างใหญ่แบกร่างของชายคนหนึ่งไว้

 

「เอ๋ ลีฟซัง?」

「……ลีฟ? ยัยนั่นคิดจะทำอะไรนะ」

 

เซนอสและลิลี่ทำเสียงตกใจ

จากนั้นอีกสองเงาก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลัง

 

「ไอ้บ้า ลีฟ ก็บอกแล้วให้รอจากด้านหลังแล้วที่นี้จะทำยังไง?」

「ช่วยไม่ได้นี่」

「ก็ช่วยไม่ได้นะสิ มันรบกวนอาจารย์นะคะ อย่างแรกเลยยูมินก็พยายามเรียกอาจารย์ให้อยู่ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็คงต้องแอบเข้าไปในคฤหาสน์แลเอาตัวอาจารย์มา」

「ไม่ริงก้าคิดว่าลีฟพูดถูก ไม่มีเวลามามัวลังเลแล้ว」

 

บางทีโซเฟียกับริงก้าก็เป็นเหมือนเคย แต่ว่าได้ยินเสียงจากร่างที่โดนแบกอยู่

 

「เอ๋ ทุกคน……?」

「นั่นสินะ……」

 

เซนอสและลิลี่มองหน้ากัน

 

「พวกนั้นมันครึ่งมนุษย์นี่?」

 

ด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำโกลด์แรนออกมาที่ระเบียง

 

「ทำไมคฤหาสน์ของข้าถึงมีพวกสกปรกโสโครกมาป่วนเปี้ยนแถวนี้? วันที่มีความสุขที่สุดกลับต้องมาสกปรกแปดเปื้อน รีบจัดการพวกมันเลย」

 

ตามคำบอกของเจ้าบ้านเช่นนั้นเอง พวกยามก็กระโจนเข้าหาพวกครึ่งมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ลีฟและริงก้าก็จัดการพวกนั้นลงอย่างรวดเร็ว

 

「เฮ้ อย่าทำอะไรแบบนั้นสิ มาทำแบบนี้เดี๋ยวชื่อเสียงอาจารย์เสียหายกันพอดีคะ……」

 

ลีฟและริงก้าตอบกลับโซเฟียอย่างใจเย็น

 

「ไม่ได้ฆ่าสักหน่อย ก็แค่ทำให้พวกนั้นสลบไปเอง」

「ริงก้าก็ด้วย เชื่อใจกันหน่อยสิ」

 

ลีฟจ้องมองเซนอสที่อยู่บนระเบียง

 

「อ่า อยู่ตรงนั้นเงเหรอ เซนอส? ขอโทษด้วยแต่นี่มันเหตุการณ์ฉุกเฉิน」

 

ทุกสายตาจับจ้องไปที่เซนอส

 

「เซนอส……?」

「เขาเป็นเด็กฝึกพิเศษใช่ไหม」

「ได้ยินว่าเป็นตัวเกร็งเลยนี่……」

「ไม่จริงน่า เขาเป็นที่รู้จักในหมู่ครึ่งมนุษย์งั้นเหรอ」

 

เซนอสพูดกับลีฟในขณะที่สภาพแวดล้อมเริ่มส่งเสียงดัง

 

「เกิดอะไรขึ้น?」

「ซอนเด้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนแรกก็ไปหาที่หอพักแต่เซนอสไม่อยู่ ตอนที่กำลังเดือดร้อน ผู้หญิงใส่แว่นก็มาถามว่าพวกเราจะไปไหน」

「อะคะ」

 

ยูมินที่กำลังตรวจสอบสภาพของคนที่โดนทำให้ล้มลง ยืนตรง

โกลด์แรนและเครย์สันจับไหล่เซนอส

 

「เห้ย เรื่องนี้หมายความว่ายังไง แกมีความสัมพันธ์กับพวกครึ่งมนุษย์งั้นเหรอ」

「พี่ใหญ่ไม่จริงใช่ไหม……?」

 

เซนอสอ้าปากของเขาขณะไม่สนใจทั้งสองคน

 

「ลีฟตอนนี้ซอนเด้อยู่บนหลังเธอใช่ไหม」

「อา เขาแทบจะไม่หายใจแล้ว」

「ขอโทษด้วยนะคะอาจารย์」

 

ถัดจากลีฟคือโซเฟียที่กล่าวขอโทษ

เธอคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะลง แล้วเอามือกำหญ้าด้วยมือทั้งสองข้าง

 

「ฉันขอโทษคะ อาจารย์ ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างภาระให้อาจารย์แท้ๆ แต่ถ้าฉันไม่มีซอนเด้ ฉันรับไม่ได้คะ เพราะงั้นฉันจะชดใช้ทีหลัง――」  

 

โซเฟียแสดงสีหน้าบิดเบี้ยว

 

「……ช่วยด้วย」

「ลิลี่ไปกันเถอะ」

「คะ」

 

เซนอสจับมือลิลี่กระโดดข้ามระเบียงและลงไปบนพื้นหญ้า

 

「รอก่อน! แกยังมีสติดีอยู่รึเปล่าวะ」

 

ความโกรธของโกลด์แรนแล่นมาจากทางด้านหลัง

เซนอสตอบกลับด้วยการวิ่งไปข้างหน้า

 

「เออ สติเต็มร้อยเลย」

「ไอ้โง่เอ้ย ลองคิดดูสิ ไอ้พวกคนในสลัมมันก็แค่พวกชั้นต่ำ ถ้าข้าไปช่วยพวกโสมมแบบนั้นที่ข้าทำมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่าสิวะ」

「ก็ทำตามใจชอบสิวะ」

 

งานเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว

ได้ยินเสียงกัดฟันแน่นของโกลด์แรนดังมาถึงนี่

 

「นี่แกไม่รู้ถึงสถานะเลยเหรอไงวะ แกเป็นชนชั้นสูงแท้ๆ แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไรอยู่ทำแบบนี้สถานะแกได้ตกต่ำแน่?」

「ชั้นไม่ใช่พวกชนชั้นสูงสักหน่อย」

 

เซนอสหยุดและจ้องมองกลับไปที่โกลด์แรน

 

「ชั้นเป็นแค่ฮีลเลอร์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต」

 

「ว่าไงนะ……」

「คุณไม่ใช่ชนชั้นสูงงั้นเหรอ?」

「……แกกกกกกกกกกกกกกกกกก」

 

ถัดจากโกลด์แรนที่โกรธเหมือนกับปีศาจ เห็นอีกใบหน้าหนึ่งที่กำลังร้องไห้

 

「แล้วนายล่ะเครย์สัน จะเอายังไง?」

「พี่ใหญ่โกหกใช่ไหม….บอกที่เถอะว่ามันเป็นเรื่องโกหก……」

 

เซนอสออกไปจากประตูพร้อมกับลิลี่ ยูมิน และเหล่าลูกน้อง

 

เครย์สันที่อยู่ตรงนั้นกำหมัดของเขาและจ้องไปยังประตูที่เปิดอยู่

 

「ทำไมล่ะพี่ใหญ่….ไปด้วยกันเถอะ……」

 

เขาถอนหายใจออกมา

โกลด์แรนพูดกับเครย์สันด้วยน้ำเสียงอาฆาต

 

「หวังว่าแกจะไม่งี่เง่าแบบเจ้านั่นนะ」

「……ข้านะ……」

「เส้นทางของพวกหมอนั่นมันจบลงแล้ว และหมอนั่นจะไม่มีจุดยืนในวงการนี้อีก」

「อาาา นั่นสินะพี่ใหญ่ของข้ามันงี่เง่า เพราะงั้นถึงได้พยายามอย่างมาก――」

 

เครย์สันกำหมัดทั้งสองแน่นขึ้น

 

「ข้าพยายามจะไต่เต้าขึ้นตำแหน่งสูงๆ อาศัยอยู่บ้านๆดี มีผู้หญิงสวยๆข้างกาย และทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น」

 

ด้วยเหตุนั้นก็เลยเข้าหาเด็กฝึกพิเศษ

 

「เพื่อความสำเร็จ ข้ายอมละทิ้งทุกอย่าง ดูแลหมาและอื่นๆ……」

 

ผู้ชายคนนั้นต่างออกไป

เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย และไม่เลือกงาน

ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสุนัขหรือลูกสาวของขุนนาง เขาให้การรักษาและก็จากไปโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ

แน่ใจว่าคนๆนั้น――

 

「ข้านะ……มีทั้งความเกลียด โลภ โกรธ หลง และมีความฉลาด แต่ว่า……」

 

เครย์สันพูดกับโกลด์แรนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

 

「แต่ว่า…ข้าเองก็เป็นฮีลเลอร์เหมือนกัน」

「หาาาาาาาาาาา?」

 

เครย์สันกระโดดลงมา

 

「เครย์สัน เวมบลีย์(クレソン・ウェンブリー) ด้วยเหตุผลส่วนตัวขอลาออกจากห้องวิจัย」

「ว่าไงนะ」

「พี่ใหญ่ รอก่อนสิ ข้าเองก็ช่วยพี่ใหญ่ด้วย!」

 

เครย์สันวิ่งออกไป

ยกเข่าขึ้นสูงและออกวิ่ง

ท่าทางเหนื่อยหอบและดูน่าสมเพช

 

วิ่งผ่านประตูคฤหาสน์ไปในยามค่ำคืน

และ――

 

「ข้าโดนเซนอสช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะงั้นข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน」

「เออ เอ็งก็ต้องจ่ายค่ารักษาเหมือนกัน」

 

เมื่อไปถึงจตุรัสที่เซนอสอยู่ การรักษาผู้บาดเจ็บได้เสร็จสิ้นลง

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

เครย์สันที่มาถึงก็ตัวทรุด

 

「ไม่จริงน่า…..นายเลือกที่จะมาฝั่งนี้เหรอ……」

「ดูเหมือนคนโง่เลยใช่ไหมละ」

「หนวกหูน่า」

 

เครย์สันบ่นกับยูมินที่ถอนหายใจ

ยูมินยิ้มเมื่อเห็นเครย์สัน

 

「แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูโง่เง่าก็เถอะคะ แต่ว่าการตัดสินใจได้เช่นนี้ดิฉันคิดว่าค่อนข้างเท่มากเลยนะคะ」

「……เอะ!」

 

เครย์สันกระพริบตาสองสามครั้ง หน้าแดงเล็กน้อยและหอบหายใจ

 

「หนวกหูน่า…มันเป็นความผิดของเธอนั่นแหละเลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นรับผิดชอบด้วย」

「อย่างที่คิด เกลียดหมอนี่จริงๆ」

「ฮะฮ่าฮ่า ก็ใช่สิข้ามันเลวนี่」

「อาจารย์ ชายคนนั้นเป็นใครเหรอคะ?」

 

เซนอสตอบโซเฟีย「อืม จะอธิบายไงดี……」เขาพูดเช่นนั้นแล้วหัวเราะ

 

「เป็นน้องชายเจ้าปัญหามั้งนะ」

 

ตอนที่ 72  งานเลี้ยงอำลา

วันรุ่งขึ้นหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำของโกลด์แรน

เซนอสไปห้องวิจัยของเบ็กก้าและเล่าเรื่องข้อมูลของบอนด์ให้ฟัง

 

「เข้าใจแล้ว…..ไม่คิดเลยว่าจะมีเบื้องหลังแบบนี้……」

 

เบ็กก้ากอดอกและพยักหน้าเงียบๆ

 

「อีกอย่าง เคยได้ยินจากอัลเฟรดว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ตอนที่เขายังเด็ก บางทีอาจจะเป็นเหตุการณ์ระเบิดในตอนนั้นก็ได้ครับ」

「ถ้าเป็นแบบนั้น……」

 

หลังจากยูมินได้ยิน เบ็กก้าก็หันไปมองเซนอส

 

「ก่อนพิธีรับตำแหน่งของศาตราจารย์โกลด์แรนจัดขึ้นเมื่อไรเหรอคะ?」

「น่าจะพรุ่งนี้」

 

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำโกลด์แรนกล่าว

ทุกฝ่ายและผู้สนับสนุนนของเขา เซอร์เฟนเนล จะเข้าร่วมงานด้วย

 

「…ช่วงเวลาที่โกลด์แรนกำลังจะถึงจุดไคล์แม็กซ์ของชีวิต ถ้าอัลเฟรดที่ซุ่มอยู่ อาจจะลงมือตอนนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ ชั้นเองก็จะไปด้วย」

「แล้วเรื่องการเฝ้าระวังละ」

「อา อัลเฟรดเป็นคนดีมากเลย ไม่คิดหรอกนะว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น」

「……」  

「ความจริงแล้วยาที่ชั้นพัฒนาขึ้นก็ได้อัลเฟรดช่วยสนับสนุนจนมันสำเร็จ」

 

เบ็กก้าเกาหัวเล็กน้อยและลุกขึ้นยืน

 

「อย่างที่กล่าวไว้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลอันมีค่าของนายมาก งานของนายจบลงแล้วละเซนอส ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนัก」

「ดีแล้วเหรอ」

「ก็สัญญาไว้แบบนั้นนี่น่า ที่เหลือก็ฝากให้ชั้นจัดการเถอะ」

 

เบ็กก้าพูดต่อ โดยเอากระเป๋าหนังให้เซนอสตามสัญญา

 

「มีขั้นตอนในการรับน้องฝึกพิเศษด้วย เพราะงั้นช่วยอยู่ต่ออีกสักวันได้ไหม? อีกรางวัลหนึ่ง เรื่องราวของอาจารย์เซนอสก็จะบอกในวันพรุ่งนี้」

「อาาา เข้าใจแล้ว」

 

หลังจากคุยกันเขาก็ออกจากห้องของเบ็กก้า

ภารกิจของชั้นจบลงแล้ว

กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับอัลเฟรดที่หายตัวไป แต่ไม่มีเรื่องที่คนนอกทำอะไรได้อีกต่อไป

 

ยูมินพูดกับเซนอสที่กำลังเดินไปที่ประตู

 

「ถ้างั้นก็ไว้เจอกันที่หอพักรวมพร้อมอาหารแล้วเครื่องดื่มนะคะ」

「ยังมีของเหลืออยู่อีกเหรอ?」

 

จากนั้นยูมินก็พองแก้มและตอบ

 

「อะไรกันไม่ได้ตัดสินใจแล้วเหรอคะ? เรื่องานเลี้ยงอำลา」

 

 +++

 

ตอนเย็น

งานเลี้ยงอำลาเล็กๆจัดขึ้นที่หอพักของเซนอส

ซอนเด้อเองก็ฟื้นแล้วและพากันกลับไปที่สลัมแล้ว

ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงตอนนี้มี เซนอส ลิลี่ ยูมิน และ――  

 

「พี่ใหญ่ จริงไหมที่พี่ได้รับการจ้างจากอาจารย์เบ็กก้าให้สืบสวนเรื่องคดีการหายตัวไป?」

「อ่า จริงสิ」

「แล้วก็ได้ยินมาว่าพี่ใหญ่เปิดศูนย์รักษาในเมืองล่มสลายและพี่ใหญ่เองก็สนิทกับพวกครึ่งมนุษย์ด้วยใช่ไหม」

「อ่าแน่นอน」

「แล้วพรุ่งนี้พี่ใหญ่จะกลับแล้วใช่ไหม」

「อ่า」

「โอวววว」

 

เครย์สันที่นั่งอยู่เริ่มร้องไห้

 

「ดื่มมากไปแล้วนะคะเครย์สัน」

「หนวกหูน่าาา จะดื่มแล้วทำไมละ」

 

เครย์สันตอบยูมินที่บอกให้หยุดดื่มด้วยใบหน้าแดงก่ำ

 

「แล้วจะทำยังไงเมื่อพี่ใหญ่ไม่อยู่? ข้าทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ใหญ่ เพราะงั้นปล่อยข้าไปเถอะ」

「จะว่ายังไงดีนะรู้สึกแย่จังเลยนะคะเครย์สัน」

「เงียบไปเลย คุณน้องสาวก็คงไม่คิดแบบนั้นใช่ไหม」

「ลิลี่เกลียดพี่ชายที่ทำตัวน่ารังเกียจคะ……」

「แม้แต่คุณน้องสาวก็」

 

เซนอสเกาแก้มของเขา

 

「จะว่าไงดี…แกเนี่ยไปได้ทุกที่เลยสินะ…รู้สึกแบบนั้น」

「พี่ใหญ่…เหมือนจะชมข้าละ ข้าโดนชมใช่ไหม คุณน้องสาว?」

「อันที่จริงลิลี่ไม่ใช่น้องสาวของคุณสักหน่อย」

「เอ๋ โหดร้ายไปแล้วนะ!แม้แต่คุณน้องสาวเองก็ด้วยเหรอ….?」

「「ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ไง」」

 

เซนอสและลิลี่พูดพร้อมกัน

ลิลี่กล่าวขอโทษ

 

「ขอโทษที่หลอกมาตลอดเลยนะคะ เครย์สัน ลิลี่คือ…อันที่จริงแล้วลิลี่เป็นภรรยาของท่านเซนอส」

「ไม่จริงน่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา」

「เอ๊ะ ไม่ใช่แบบนั้นนะ?」

「บู่วววววววววววววว……」

「อ่าความจริงใหม่ๆผุดมามากมายจนปวดหัวไปหมดแล้ว……」

 

เครย์สันเงยหน้าขึ้น

 

「บางทีข้าอาจจะดื่มมากเกินไป เมื่อกี้เลยเห็นอะไรแปลกๆ」

「อะไรแปลกๆเหรอคะ?」

「อาาา เห็นเหมือนมีวิญญาณลอยอยู่ด้านหลัง……」

「วิญญาณเหรอคะ……?」

 

แว่นตาของยูมินไล่ตามปลายนิ้วของเครย์สันที่ชี้ไป

มีผู้หญิงที่ตัวโปร่งแสงมองมาทางนี้ด้วยท่าทางขุ่นเคือง

 

「อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา เรธ เรธละค่าาาาาาาา!」

「อ่าาาทำไมมาที่นี่ละคาร์มิล่า?」

 

คาร์มิล่าลงมาทานอาหารกับเซนอสที่ท่าทางดูนิ่ง

 

「จะออกมาไม่ได้หน่อยเหรอ เจ้าเด็กตรงนั้นกำลังดื่มสาเกของดิฉันอยู่น้อ」

「ไม่ใช่เลย มันไม่ใช่ของเธอสักนิด……」

 

เป็นไวน์ที่คาร์มิล่ายกมาจากคฤหาสน์ของโกลด์แรน

 

「อาอาอาอาอาอาอาา เซนอสซัง!? ระระเรธเลยนะคะ」

「ไม่ต้องห่วงยูมิน ยัยนี่เป็นคนดีล่ะ」

「เรธที่เป็นคนดี….หมายความว่าไงคะ……?」

「……เจ้าเป็นคนเดียวที่พูดคุยกับเรธอย่างดิฉันได้แบบปกติละน้อเซนอส」  

 

เมื่อคาร์มิล่าพูดแบบนั้นด้วยใบหน้าแข็งกระด้าง เธอก็หายตัวไปทางด้านหลังและบอกว่าจะไม่ดื่มแล้ว

ยูมินและคนอื่นๆ ก็เห็นซะแล้วสิ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้ก็ไปจากที่นี่แล้ว

 

 ในที่สุดเครย์สันก็เมาเหมือนเดิม และยูมินที่อารมณ์เสียก็ค่อยๆดื่มเหล้า「อ่า เซนอสซังเป็นฮีลเลอร์หลุดโลกล่ะ ดังนั้นมันช่วยไม่ได้สินะคะหากมีเรื่องบ้าๆแบบนี้เกิดขึ้น……」เธอบ่นเช่นนั้น

และในที่สุดก็มาคุยกันเรื่องหายตัวไปต่อ

 

「หมายถึงมันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะที่โกลด์แรนมีอดีตแบบนั้น ถ้าโกลด์แรนได้เป็นผู้อำนวยการคนถัดไปจะเป็นยังไงคะเนี่ย?」

「ไม่รู้เพราะเป็นแค่สมมุติฐาน」

「แต่ว่านะคะ……」

 

ยูมินจับแก้วด้วยมือทั้งสองข้าง

 

「แต่ถ้ามีคนเจ็บเยอะขนาดนั้นละก็ฉันจะ……」

 

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ยูมินก็เงยหน้าขึ้น

 

「อะ ขอโทษนะคะ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอำลาเซนอสซังแท้ๆ แต่ก็มาต้องเล่าเรื่องมืดมนแบบนี้」

「ไม่เป็นไรหรอกน่า」

「อย่างไรก็ตาม…ฉันรู้สึกเหงานะคะ」

「ก็แค่มนุษย์ที่เป็นตัวตนจอมปลอมจะหายไปก็เท่านั้นเอง」

「นั่นก็อาจจะจริงคะ แต่ฉันคิดว่าอาจารย์เบ็กก้าก็น่าจะเหงาเหมือนกันนะคะ」

「งั้นเหรอ?」

「ฉันแน่ใจว่าแน่นอนเลยคะ ตอนที่ฉันคุยกับเซนอสซังรู้สึกสนุกมากๆเลยคะ เหมือนได้เจอเพื่อนใหม่」  

「เพื่อนเหรอ……」

「แม้อาจารย์เบ็กก้าจะเป็นคนแปลกๆ เลยมีเพื่อนไม่กี่คน นานมาแล้วที่คนรักของเขานั้นก็คือคนสุดท้ายคะ」

「อืม……」

「ฉันหวังว่าฉันจะได้แต่งงาน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะมีงานวิจัยมากมายที่ต้องทำ แต่ว่าในฐานะหลานสาวก็โล่งใจไม่ได้หรอกคะแล้วถ้าไม่รีบละก็」

 

ยูมินบ่นและหันไปทางเซนอส

 

「ถ้างั้น….ช่วยมากันหน่อยจะได้ไหมคะ」

「อ่าา」

「สัญญาแล้วนะคะ」

「แน่นอน」

「แน่นอนแล้วนะคะ?」

「อืม」

 

เมื่อเขาตอบยูมินเช่นนั้น เธอก็เอาตัวเอนโต๊ะทำงานและเริ่มถอนหายใจ

ลิลี่นอนอยู่บนเตียงแล้ว และเครย์สันก็เกลือกกลิ้งตามพื้น

 

คาร์มิล่าปรากฏตัวขึ้นขณะรอที่ทุกคนหลับไป

 

「คุคุคุ……ในที่สุดดิฉันก็จะได้ดื่มสาเกโดยไม่ต้องกังวลสักที」

 

คาร์มิล่ายกขวดขึ้นและขมวดคิ้ว

 

「เซนอสเป็นอะไรไป?」

「อาาา…….ชั้นเป็นคนจากสลัมและโดนปฏิบัติแย่ๆในปาร์ตี้บ่อยๆ」

「ที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อยนะ」

「อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังตามชั้นมาและพูดคุยกับชั้น มีคนแบบนั้นอยู่ด้วย」

「น่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยละน้อ เป็นไปได้ว่าพวกนั้นเป็นพวกคนดีที่ไม่เคยประสบความยากลำบาก」

 

คาร์มิล่ายกขวดสาเกมาทางนี้

 

「การลาจากมันคงยากสินะ?」

「……」

 

เซนอสมองไปทางยูมินและเครย์สันที่หลับลงไป

 

「นั่นสินะ? ก็เคยโดนบอกให้ออกจากปาร์ตี้อยู่หรอก」  

「การพบเจอ และ ลาจาก จากนั้นก็มาเจอกันใหม่ หากมีความผูกพันธ์กัน ชีวิตคนเราก็จะเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ นั่นแหละคือความกว้างใหญ่และลึกซึ้งของโลกใบนี้ล่ะ」

 

คาร์มิล่าบ่นและยิ้มออกมา

 

「บางครั้งเธอเองก็พูดเรื่องดีๆเป็นเหมือนกันนะ」

「คุคุคุ….ดิฉันเองก็อาศัยอยู่มาสามร้อยปีแล้วนะ」

「อืม ก็ตายแล้วนี่นะ」

 

ลมหายใจของเหล่าแขกที่หลับอยู่ในห้องดังขึ้นอย่างเงียบๆ

 

คืนสุดท้ายของศูนย์รักษาหลวง กำลังค่อยจบลง

ตอนที่ 73  ทางเลือกของชีวิต【ตอนแรก】

เที่ยงวันถัดมา

 

หลายคนมารวมตัวกันที่ห้องเต้นรำในเขตพิเศษของขุนนาง

 

พวกนั้นต่างเป็นกลุ่มคนที่อยู่ฝั่งโกลด์แรน

เห็นได้ชัดว่าการเลือกผู้อำนวยการคนถัดไปจะเริ่มในไม่ช้า แต่ในความเป็นจริงกล่าวได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองก่อนการเข้ารับตำแหน่ง

 

 ――ทั้งหมดจะไม่มีข้อผิดพลาดเด็ดขาด

 

 一โกลด์แรนมองดูกลุ่มต่างๆ จากแท่นที่เหนือกว่า

เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ มีบางกลุ่มที่พอมีอิทธิพลบ้าง แต่ว่ายังไงก็สู้เขาไม่ได้ ยังไงเขาก็ชนะแน่นอนในเรื่องคะแนนโหวต

 

 ――และแล้ว……。

 

「ไงศาตราจารย์โกลด์แรน」

「ขอโทษทีต้องรบกวนนะครับเซอร์เฟนเนล」

 

โกลด์แรนยกมือขึ้นและโค้งคำนับ

 

「อะไรกัน ศาตราจารย์เป็นผู้มีพระคุณของฉันเพราะงั้นมันลำบากถ้าไม่ได้ตำแหน่งนี้」

「ขอบคุณมากครับที่ช่วยเจรจาให้」  

 

ใบหน้าของโกลด์แรนที่มองพื้นนั้นยิ้ม

 

หลังจากการลงคะแนน เซอร์เฟนเนลหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ จะพูดคุยกับคณะกรรมการที่ปรึกษา ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องผู้อำนวยการคนถัดไป ดังนั้นเรียกได้ว่าเขาเป็นคนกุมชะตา

 

 ――ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง

 

ทุกอย่างเริ่มต้นจากวันนั้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว

 

อุบัติเหตุจากการหินเวทย์ระเบิดที่โรงงานผลิตเครื่องมือเวทย์ในเขตชานเมือง

ครงานและผู้สัญจรไปมาต่างล้มเจ็บกันถ้วนหน้า

และเซอร์เฟนเนลเองก็อยู่ใกล้ๆกับบริเวณนั้น

 

ในขณะนั้นที่โกลด์แรนกำลังจะออกจากเมืองหลวงเพราะไม่ได้รับอนุมัติให้ทำวิจัย ได้บังเอิญผ่านที่เกิดเหตุ

เสียงระเบิดดังขึ้น และเสียงคร่ำครวญก็ดังไปรอบๆและมีคนที่แต่งตัวแปลกๆในหมู่ผู้คนที่ล้มเจ็บ

 

พอเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าเป็นขุนนาง

เป็นขุนนางชั้นสูงของประเทศนี้ หากทำอะไรที่ให้เขาเป็นหนี้บุญคุณได้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

อย่างไรก็ตาม แผลนั้นลึกมาก และไม่คิดว่าเวทย์รักษาของเขาจะทำอะไรได้

ตอนนั้นกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับการถ่ายโอนพลังเวทย์ แต่ว่าเวทย์นั้นเป็นการดึงพลังชีวิตอีกคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง และเนื่องจากมันสร้างความเสียหายให้จำนวนมาก จึงถูกมองว่าเป็นเวทย์รักษาไร้ประโยชน์ หากใช้พลังนั้นแก่ขุนนางที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องตายซึ่งมันไม่สมเหตุสมผล

 

โกลด์แรนเลยมองไปรอบๆ

และเขาก็คิดขึ้นมาได้

 

 ――แล้วถ้าเขาใช้พลังชีวิตของผู้อื่นนอกเหนือจากตัวเองได้ไหม?

 

มีคนบาดเจ็บล้มตายมากมายแสงสว่างแห่งชีวิตกำลังจะดับลง

พลังชีวิตที่ได้จากแต่ละคนไม่มากนัก แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว

และไม่มีใครมาเห็นเป็นพยานในสิ่งที่เขาทำ

 

โกลด์แรนเลยตัดสินใจที่จะสละชีวิตคนเหล่านั้นเพื่อช่วยขุนนางคนหนึ่ง

 

ความพยายามประสบความสำเร็จ

โกลด์แรนใช้พลังชีวิตของคนเจ็บผู้อื่นแลกกับการช่วยชีวิตขุนนางคนเดียว

โชคดีที่คนที่ช่วยเป็นหนึ่งในขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด ซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูง

 

หลังจากนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากเซอร์เฟนเนล เขาก็ประสบสำเร็จในหน้าที่การงาน

การวิจัยเกี่ยวกับเวทย์รักษาแบบถ่ายโอนก็ได้รับการยอมรับ และเขาก็ได้รับตำแหน่งศาตราจารย์ที่ศูนย์รักษาหลวงและเป็นฮีลลเอร์ระดับพิเศษ

 

ความโชคร้ายเพียงอย่างเดียวคือบอนด์ที่มาถึงที่เกิดเหตุ ได้ถ่ายภาพตอนที่เขาใช้ถ่ายโอนพลังเวทย์ไว้ บอนด์ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นช่างภาพในตอนนั้นก็เลยมาหาสกู๊ปเด็ดๆ และโดนถ่ายรูปไป ไม่มีทางเลือกเลยต้องเก็บหมอนั่นไว้ใกล้ตัวและให้ตำแหน่งเลขาคนแรกไป

 

และทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี

และตอนนี้เขาจะได้ขึ้นเป็นตำแหน่งสูงสุดของศูนย์รักษาหลวง ซึ่งตอนเกษียณจะได้เป็นขุนนาง

 

「ศาตราจารย์ขอบคุณที่ดูแลลูกสาวของฉันเป็นอย่างดี ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ」

「……ขอบคุณมากครับ」

 

โกลด์แรนโค้งคำนับ และรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

 

เด็กฝึกพิเศษที่เรียกตัวเองว่าเซโน่

คนดูแลสุนัขที่ชื่อเครย์สัน

พวกนั้นสองคนที่เป็นคนผ่าตัดเนื้องอกบนใบหน้าของชาร์ล็อต แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ฝ่ายนี้แล้ว

 

เครื่องมือบางชิ้นได้เล็ดรอดออกไป แต่ไม่เป็นไร

ความก้าวหน้าของข้าอยู่แค่เอื้อม

 

โกลด์แรนที่นึกได้เช่นนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

คนรู้จักเดินมาหา

 

「ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเลยนี่น่า ศาตราจารย์โกลด์แรน」

「เบ็กก้าเรอะ……」

 

ชายร่างเพรียวที่มีผมยุ่งๆเดินมาด้วยใบหน้าเย็นชา

 

「อืม เป็นความคิดที่ดีเลยนี่ เป็นเพราะข้าจะไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการคนถัดไปเลยมาหางั้นเหรอ?」

「ก็นะ…นายจะได้รับมันก็ช่างมันเถอะ」

 

โกลด์แรนพูดเสียงต่ำกับเบ็กก้า ด้วยรอยยิ้มขมขื่น

 

「ดูเหมือนว่าเด็กฝึกพิเศษที่มาของแกจะเป็นตัวตนปลอมๆที่ถูกสร้างขึ้นนะ ส่งมาทางฝ่ายเพื่อค้นหาข้อมูลงั้นเหรอ」

「เซโน่คุงงั้นเหรอ? อืมใช่แล้วล่ะ」

「ถึงแม้จะพยายามทำอะไรไปแต่ว่าเปล่าประโยชน์」

「อา ดูเหมือนจะโดนไล่ออกจากกลุ่มแล้วสินะ น่าเสียดายจริงๆ?」

「ก็นะ ตอนที่ได้รับเชิญตอนไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ดันไปเข้าฝ่ายพวกครึ่งมนุษย์เพราะงั้นก็เป็นความโง่ที่สมควรจะโดนลงโทษ」

「โฮวววว」

「ฝ่ายของข้าเน้นแต่พวกขุนนาง ไม่ให้ความสำคัญกับพวกคนในสลัมหรอก เพราะงั้นคิดให้ดีๆ」

「นั่นสินะ……」

「ก็อย่างที่รู้ละนะเบ็กก้าคุง คุณค่าของชีวิตคนมันไม่เท่ากันหรอก」

 

สิบห้าปีที่แล้ว ข้าเลือกคนที่จะช่วยชีวิต

นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าได้มาลงเอยถึงตรงนี้

 

เบ็กก้าพยักหน้าช้าๆและหยิบแก้วไวน์มาชนกับของโกลด์แรน

 

「แด่อนาคตอันสดใสของศาตราจารย์」

「หาาา ดูเหมือนจะรู้ตัวดีนี่หว่า」

 

โกลด์แรนทำหน้ายิ่งผยอง

บนเวที คำกล่าวเปิดงานของเซอร์เฟนเนลได้เริ่มต้นขึ้น

 

「พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว โกลด์แรน――」

 

โกลด์แรนรีบเปิดปาก

 

「เซอร์เฟนเนลเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ」

「โอยะ พระเอกของงานมาแล้ว ทั้งที่เขาจะเป็นผู้อำนวยการคนถัดไป แต่ถ่อมตัวจริงๆ」

 

มีเสียงหัวเราะเล็กน้อยที่สถานที่จัดงาน แต่ภายในใจของโกลด์แรนนี่สั่นกลัว

ไม่อยากให้ไปแตะเรื่องเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว

เซอร์เฟนเนลที่หมดสติในตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาถูกช่วยชีวิตได้ยังไง

ถ้าเซอร์เฟนเนลรู้ข้อเท็จจริง ชื่อเสียงของโกลด์แรนคงเปลี่ยนไป

 

「ถ้างั้นมาเปลี่ยนผู้พูดกันเถอะ」

「ขอโทษนะครับ เซอร์เฟนเนล」

 

โกลด์แรนยืนบนเวทีและพูดถึงเรื่องแรงบัลดาลใจที่จะเป็นผู้อำนวยการคนถัดไป

สายตาของหลายฝ่ายต่างจับจ้องมาที่ตัวเอง และดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างราวกับสปอตไลท์มาจากเพดานบนกระจก

 

วันนี้ชีวิตของข้ามาถึงจุดสูงสุดแล้ว

 

โกลด์แรนยกแก้วขึ้นสูงและพูด

 

「เพื่ออนาคตที่สดใส――คัมไป!」

 

 +++

 

ในเวลาเดียวกัน

ที่หน้าห้องวิจัยของเบ็กก้า เซนอสและลิลี่กำลังถูกส่งตัวกลับบ้านโดยยูมินและเครย์สัน

 

「ถ้างั้น ขอบคุณที่ดูแลนะ」

 

เซนอสพูดยูมินส่ายหัว

 

「ไม่เลยคะ เซนอสซังเป็นฝ่ายดูแลเรามากกว่า」

「อาาาาาาาาพี่ใหญ่」

「เอ้า จะร้องไห้อีกนานไหมคะเครย์สัน?」

「ก็เพราะว่า……」

 

เครย์สันเช็ดน้ำตา เซนอสเองก็เกาหัว

 

「ก็แบบว่าบางอย่างมันเปลี่ยนไป นายเองก็ออกมาจากฝ่ายของโกลด์แรนแล้วนี่」

「ใช่แล้ว……」

 

เครย์สันจะพูดอะไรบางอย่างก็ส่ายหัวเล็กน้อย

 

「ข้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ความผิดของพี่ใหญ่เลย」

「โฮ่ว」

「ข้าน่ะ…ข้าหวังแต่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ตอนนี้ข้าอยากจะฝึกฝนตัวเองและกลายเป็นแบบพี่ใหญ่ แม้ว่าจะเป็นอะไรก็ตามพี่ใหญ่ก็พยายามทำทุกอย่างๆสุดความสามารถ」

「อืม….เครย์สันดูเติบโตขึ้นแล้วนะคะ?」

「หุบปากน่า」

「ก็สำหรับแกแล้ว แกอยู่ที่ไหนก็สบายหายห่วงนี่น่า」

「พี่ใหญ่」

「เครย์สันลิลี่คิดว่าเครย์สันเองก็เติบโตขึ้นมาแล้วนะคะ」

「คุณน้องสาววววววววววววว ขอบคุณน้าาาาาาาาาาาา」

「ไม่คิดงว่านั่นจะเป็นคำชมหรอกนะ」

 

เครย์สันร้องไห้อีกครั้ง แม้ว่ายูมินจะบ่นก็ตาม

เซนอสหันไปนอกหน้าต่าง

 

「ปาร์ตี้ของโกลด์แรนน่าจะเริ่มแล้วนี่? ไม่เป็นไรงั้นเหรอ?」

「ค่า ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์เบ็กก้าไปด้วยตัวเองแล้วคะ」

 

ราวกับนึกขึ้นได้ยูมินพูดต่อ

 

「อีกอย่างเมื่อคืนอาจารย์เบ็กก้าพูดว่าเขาจะไปหาเลขาคนแรกของศาตราจารย์โกลด์แรน และถามความจริงเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน」

「ไม่คิดว่าจะยอมบอกง่ายๆหรอกนะ แต่ว่าได้อะไรมาบ้างไหม?」

「ได้อะไรงั้นเหรอคะ? บางทีเพราะฉันเมามากเลยไม่ค่อยได้ยินเท่าไรแต่ว่า….ใช่แล้วคะ」

 

ยูมินปรบมือ

 

「พูดถึงเรื่องนี้ อาจารย์เบ็กก้า บอกว่าเรื่องของอาจารย์ของเซนอสซังอาจารย์เบ็กก้าเขียนจดหมายไว้ให้คะ」

「โอ้ใช่? รบกวนด้วยนะ」  

 

นี่คือรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุด

เบ็กก้าดูท่ายจะยุ่งก็เลยคิดว่าจะถามที่หลัง แต่ดูเหมือนจะเขียนจดหมายไว้ให้แล้ว

 

「อยู่ไหนน่า เขาบอกไว้ว่าวางมันบน….เดี๋ยวก่อนนะคะ」

 

ยูมินหยิบกุญแจออกมาแล้วเข้าไปในห้องของเบ็กก้า

 สักพักนั้นเอง「เอ๊ะ」ก็ได้ยินเสียงแบบนั้น  

 

「เกิดอะไรขึ้น?」

 

เมื่อเซนอสเข้ามายูมินก็ยืนทึ่ง

 

「ถ้ามองหาในลิ้นชักแล้วนี่คือ……」

 

ปลาวนิ้วสั่นเทากำลังถือภาพถ่าย

 

「นี่คือ――」

 

มนุษยหลายคนนองเลือดและทรุดตัวลง

ซากปรักหักพังของอาคารและควันดำทำให้ภาพมันดูชั่วร้ายมากๆ

 

「……ไม่มีทางเป็นภาพเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อนเหรอ?」

「ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ?」

 

ยูมินกล่าวว่าเบ็กก้าไปหาเลขาคนแรกเมื่อคืน

บางทีเขาอาจจะเมาแล้วหลับไป ระหว่างนี้ก็ค้นหาจนทั่วบ้านเลย

 

คนที่อยู่ในรูปคือโกลด์แรนในวัยหนุ่ม

และเซอร์เฟนเนลที่กำลังนอนอยู่บนพื้น

แสงสลัวจากวงเวทย์แผ่ไปยังเหยื่อรายอื่นๆ

 

บางทีมันอาจจะเป็นฉากตอนที่ดึงพลังชีวิตผู้อื่นด้วยการใช้ถ่ายโอนพลังเวทย์

 

「อ่ายังเด็กอยู่เลย แต่ว่านั่นอัลเฟรดซังไม่ผิดแน่คะ!」

 

ยูมินชี้ไปที่กึ่งกลางของภาพ

เด็กชายผมบลอนด์นอนราบอยู่ตรงพื้น

ท้องมีเลือดไหลและใบหน้าซีด

 

「ท้ายที่สุดก็เป็นความจริงสินะคะ……。อัลเฟรดซังเป็นเหยื่อของอุบัติเหตุในครั้งนั้น บังเอิญรอดชีวิตมาได้และได้รู้ถึงข้อเท็จจริงในงานเลี้ยงอาหารค่ำ และคิดจะแก้แค้น」

「……」

 

ถัดจากเซนอสที่เงียบงัน ยูมินมองไปที่รูปถ่ายและชี้ไปยังส่วนของรูปภาพ

 

「เอ๋ คนๆนี้……!」

 

 +++

 

ณ สถานที่จัดงานเลี้ยง

 

 ――เกิดอะไรขึ้น?

 

โกลด์แรนกุมหัวและลืมตาขึ้นเล็กน้อย

สิ่งที่เห็นก็คือกระจกบนสกายไลท์

เมื่อหันไปมองทางด้านข้างก็เห็นแก้วไวน์ที่แตกและกระจัดกระจายไปทั่ว

 

 ――ข้าสลบไปเหรอ?

 

ไม่ ข้าไม่ใช่คนเดียว เซอร์เฟนเนลเองก็สลบไปเช่นกัน

เมื่อยกร่างกายท่อนบนขึ้น สมาชิกในกลุ่มทั้งหมดก็ล้มลงเหมือนกัน

 

มีเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น

เขาเป็นชายผู้มีสีหน้าเย็นชาและมีผมยุ่ง

 

「เบ็กก้าคุงนี่มันอะไร……」

 

ลำคอของเขาชาจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้

 

「ก็ยาพิษไงละครับ ผสมกับสาเกและก็ขนมปัง」

 

มีเสียงตอบกลับมาด้วยท่าทางสดชื่น

 

「……เอ๊ะ ทำไม?」

「เอ๊ะ ยาพิษและยาเองก็เป็นเหรียญสองด้านนะครับ เพราะการทำยาคือสิ่งที่ชั้นถนัดที่สุด」

「อะไรนะ……」

「มันคือยาพิษที่ทำให้หมดสติและคร่าชีวิตของผู้คนที่อยู่รอบๆอย่างช้าๆ ถ้าปล่อยไว้ตามลำพัง ก็จะตายภายในสามสิบนาที แต่อันที่ชั้นเอาให้นายกินมันประสิทธิภาพด้วยกว่าชาวบ้านเขา แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมงหรอกครับ」

「ทำไปเพื่ออะไรกัน」

「ไม่รู้งั้นเหรอครับ」

 

เบ็กก้าค่อยๆคลานขึ้นไปบนเวที

 

「เป็นการจำลองเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีที่แล้วไงครับ」

「แกทำไมถึง……?」

「อันที่จริง ก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ แต่ว่าเด็กฝึกพิเศษนั่นเก่งมากเลยนะครับ」

 

คิ้วของโกลด์แรนบิดเบี้ยว

 

「……ไม่มีทาง บอนด์พูดออกมางั้นเรอะ」

「ก็ไม่ได้ปริปากพูดง่ายๆหรอกนะครับ ดังนั้นจึงยืมพลังจากสาเกและยา แต่โชคดีว่าเจอรูปถ่าย คิดว่าจะโดนกำจัดทิ้งไปแล้วซะอีก」

「อะไรนะ? ยังมีรูปถ่าย….อีกเหรอ」

「ดูเหมือนว่าจะมีรูปถ่ายอยู่สองรูปนะครับ บอนด์ซังคงให้ชิ้นหนึ่งไปเพื่อรับประกันชีวิตตัวเอง แต่ว่าก็มีอีกอันหนึ่งไว้ประกันอีกด้านหนึ่งนะครับ」

「……ไอ้หมอนั่น」

「เห็นได้ชัดเลยนะครับ คุณเนี่ยมองคนไม่เก่งเลยจริงๆนะครับ」

「เหอะก็แค่ลมปาก……」

「คุณ・ค่า・ของ・ชี・วิ・ต・คน・เรา・ไม่・เท่า・กัน・」

 

คำพูดนั้นดังก้องในงานเลี้ยงที่เงียบสงบ

 

「ศาตราจารย์โกลด์แรน เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว คุณเลือกที่จะช่วยชีวิตคนตามความเชื่อแบบนั้น และเสียสละชีวิตของผู้อื่น」

「ก็…แล้ว…ทำไม….พวกนั้น….ยัง…ไง…ก็ต้องตาย」

「นั่นเองก็ดูเหมาะกับคุณดีนะครับ อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้ที่เสียสละจำนวนมากนั้น มีเด็กที่ชื่ออัลเฟรดอยู่ครับ」

「ว่าไงนะ……」

「และก็ภรรยาของชั้นที่สัญญาว่าจะแต่งงานด้วยกัน」

「……อึก」

 

เบ็กก้าพูดอย่างแจ่มแจ้งกับโกลด์แรนที่ลืมตาตืนขึ้น

 

「แทบไม่มีพลังเวทย์เหลือในการใช้ถ่ายโอนพลังเวทย์แล้วใช่ไหมละครับ ต้องใช้พลังอย่างมากในการหยุดการลุกลามของพิษได้อย่างสมบูรณ์ แต่ว่าคราวนี้จะให้ใครเป็นผู้เสียสละและคนไหนคือผู้รอดชีวิตกันละครับ? ชีวิตของตัวเอง? หรือชีวิตของเซอร์เฟนเนล? หรือกรรมการคณะที่ปรึกษาที่ลงคะแนนเลือกผู้อำนวยการ?」

 

และคำพูดเงียบๆก็ดังขึ้น

 

ซา อิโนจิ・ โนะ・-เซ็น-・ทาคุ・เดสึ ―― โตะ

(เอาล่ะ ทาง・ เลือก・ของ・ชีวิต・ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว―― )

 

 

 

 

 

ตอนที่ 74 ทางเลือกของชีวิต【ตอนกลาง】

「ทางเลือกของชีวิตงั้นเหรอ……」

 

โกลด์แรนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว แก่เบ็กก้าที่มองเขา

 

จะเลือกชีวิตของคณะกรรมการที่ปรึกษา

วันนี้คือการเฉลิมฉลองก่อนการเข้ารับตำแหน่ง

 

จุดสูงสุดแห่งความรุ่งโรจน์ มีฝันร้ายที่คาดไม่ถึงปรากฏขึ้น

 

「พิษงั้นเหรอ……แกคิดจะทำอะไร――」

 

ตรงนั้นโกลด์แรนเงยหน้าขึ้น

 

「นั่นสินะ อย่างไรก็ตามมียาแก้พิษอยู่เพราะงั้นรีบเอาพิษออกซะ แล้วจะช่วยไถบาปที่แกก่อขึ้น เลิกล้อเล่นสักที――」

「นี่ชั้นจริงจังนะศาตราจารย์โกลด์แรน」

 

เบ็กก้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วเอาไวน์ที่อยู่บนโต๊ะที่ใส่ปากของเขา

ดื่มมันไปหลายอึก

 

「ทำอะไรน่ะ……」

「ก็ดื่มมามากเลยนะครับแต่ว่าก็ยังคงสติไว้ได้อยู่ แต่ว่าได้ผลดีกว่าที่คาดไว้ และเจ้านี่เองก็เป็นพิษสำหรับชั้นเช่นกันครับ」

「หมายความว่ายังไง」

「ตอนนี้คุณมีทางเลือกมากขึ้นแล้วนะครับ จะช่วยชีวิตชั้นโดยที่คิดว่ามียาแก้พิษอยู่รึเปล่า?」  

 

โกลด์แรนชกหมัดลงบนพื้น

 

「แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดเหรอ……」

「ไม่ค่อยมีเวลามาให้คุยมากนะครับ」

「ว่าไงนะ」

「ยิ่งคุณสับสนมากเท่าไร การกัดเซาะของพิษจะยิ่งรุนแรงขึ้น และพลังชีวิตที่ใช้ได้ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆนะครับ」

 

เสียงของเบ็กก้านั้นราบเรียบตลอด แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก

เหตุการณ์หลอกหลอนเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มันกำลังคืบคลานมาอีกครั้ง

 

「แกกกกกกก……」

 

โกลด์แรนเดินโซเซด้วยมือที่ค้ำยำลากร่างกายไป

ร่างกายนั้นชาและเป็นอัมพาตเพราะพิษ การไปขอความช่วยเหลือด้านนอกจึงเป็นไปได้ยาก

 

 ――แต่ว่าใจเย็นไว้

 

ยังพอมีเวลาอยู่

คิดถึงลำดับความสำคัญซะ

 

ต้องช่วยใครก่อน?  

 

โกลด์แรนหายใจออกเพื่อสงบสติ

 

อย่างแรกเลยก็ต้องตัวเองก่อน ถ้าข้าตาย ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไร้ความหมาย

จะมาตายในที่แบบนี้ไม่ได้ แม้ว่าจะเข้าถึงความรุ่งโรจน์ในอีกไม่กี่ก้าวก็ตาม

 

และต่อไปก็คือเซอร์เฟนเนล

หากเขาไปคุยกับคณะกรรมการที่ปรึกษา ก็จะได้เป็นขุนนาง

การสนับสนุนจากเซอร์เฟนเนลเป็นสิ่งสำคัญ

 

จะเชื่อมั่นในตัวเบ็กก้าว่าช่วยหมอนั่นมาและมียาแก้พิษไหม?

ไม่ มันไม่มีหลักฐานแน่นอน และไม่ใช่ว่าข้อมูลที่ให้จะถูกต้องเสมอไป

ผู้ชายคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นต้องปล่อยทิ้งไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกฝ่ายข้าเองจะต้องเป็นเหยื่อสังเวย

 

จากเวทีโกลด์แรนมองลงไปยังกลุ่มที่ล้มลงและเริ่มวาดวงเวทย์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา

 

「เข้าใจแล้ว นั่นนะเหรือทางเลือกของนาย」

「ฝ่ายของข้าจะต้องเสียสละ เพราะงั้นเพื่อความรุ่งโรจน์ของข้า」

 

 แต่ว่า……、ทันใดนั้นมือของเขาก็หยุด

ต้องใช้พลังชีวิตมากแค่ไหนในการยับยั้งพิษ?

หากลดจำนวนฝ่ายตัวเองมากเกินไป อาจจะแพ้ให้กับฝ่ายอื่น ในแง่จำนวนคะแนนที่ได้รับการเลือกตั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางเลือกมากมายนัก

ถ้าตายที่นี่ทุกอย่างก็จบลง

 

โกลด์แรนเริ่มร่ายเวทย์เพื่อเปิดใช้งานถ่ายโอนพลังเวทย์

แสงหลายแสงทอดยาวไปถึงด้านหลังของพวกทีล้มลง

 

「ขอโทษนะ ศาตราจารย์โกลด์แรน」

 

เขาได้ยินเสียงเบ็กก้า

 

「ที่พูดว่าพิษของนายมีประสิทธิภาพน้อยกว่าคนอื่น」

「ว่าไงนะ」

「กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตของนายช่วยผู้คนได้จำนวนมากเลยนะ เพราะนายมีพลังชีวิตเยอะที่สุด 」

「คุณค่าของชีวิตของทุกคนไม่เท่ากันชีวิตของข้าต้องมาก่อน」

 

โกลด์แรนบอกปัด

 

「คุณค่าของชีวิตทุกคนไม่เท่ากันงั้นเหรอครับ?」

「แม้แต่เหรียญก็เหมือนกัน มีทั้งเหรียญทองและเหรียญทองแดง….ชีวิตเองก็เหมือนกัน」

「……ถ้างั้นคุณจะเลือกเส้นทางเดียวกับเมื่อสิบห้าปีที่แล้วสินะครับ หากคนในฝ่ายได้ยินคงเสียใจน่าดูเลยนะครับ」

「หาาาาา……มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะช่วยคนมีค่าก่อน」

「……」

 

เบ็กก้าหันไปมองโกลด์แรนด้วยแววตาสมเพช และเอามือเข้าปากตัวเอง

ไวน์บางส่วนถูกไอออกมาและเกาะติดกับมือเหมือนกับเลือด

 

「พิษ……」

 

เมื่อพูดอะไรแบบนั้นประตูทางเข้าก็เปิดขึ้นอย่างรุนแรง

 

「อาจารย์เบ็กก้าคะ!」

 

เมื่อมองดู หญิงสาวใส่แว่นหายใจด้วยความโล่งอก

 

「ยูมิน มาที่นี่ทำไม……?」

「ฉะฉันเจอรูปในห้องของอาจารย์ และก็เห็นรูปคู่หมั้นเก่าของคุณ เลยรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น……」

「……สถานการณ์แบบนี้วางยาพิษใส่ตัวเองงั้นเหรอ」

 

ท่ามกลางแสง ชายสวมเสื้อคลุมสีดำปรากฏขึ้นจากด้านหลังของยูมิน

 

「……เซนองคุงเองก็มาด้วยงั้นเหรอ?」

「อาจารย์เบ็กก้าทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ละคะ……」

 

ยูมินตะโกนด้วยเสียงเศร้าๆและเบ็กก้าก็หันไปมองโกลด์แรน ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนเวที

และพูดอย่างเงียบๆ

 

「คุณค่าของชีวิตไม่เท่ากันงั้นเหรอ? พอดีชั้นกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่น่ะ」

「……」

「สิบห้าปีที่แล้ว ชั้นกับคู่หมั้นกำลังจะได้เป็นฮีลเลอร์ที่มีประสบการณ์ เธอคนนั้นบอกว่าอยากจะเป็นฮีลเลอร์ที่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก เธอคนนั้นดูเป็นประกายสำหรับชั้นมากเลยละครับ」

 

เบ็กก้าเดินช้าๆบนเวทีพร้อมกับลากสังขารตัวเอง

 

「เมื่อได้ยินว่าเธอประสบอุบัติเหตุในการระเบิดครั้งนั้นและเสียชีวิต ชั้นก็เสียใจอย่างมากที่ความตายมาเยือนคนดีๆแบบเธออย่างไร้ความปราณี พระเจ้านั้นโหดเหี้ยมเสียเหลือเกิน」  

 

เบ็กก้ามองแสงแดดที่ส่องผ่านสกายไลท์ด้วยแววตาเย็นชา

 

「ตอนนั้นชั้นคิดมาตลอดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ชั้นจึงตัดสินใจทำความฝันของเธอให้เป็นจริงและช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ถ้าพระเจ้าให้ความตายอย่างเท่าเทียมกัน ชั้นก็จะช่วยชีวิตอย่างเท่าเทียมเช่นกัน」

 

และเขาก็วุ่นกับการทำยาจำนวนมาก

บังคับแจกจ่ายไปทั่วสลัมและช่วยชีวิตคนจำนวนมาก

 

「ถูกต้อง อาจารย์เบ็กก้าช่วยชีวิตไว้มากมายเลยนะคะ? แต่แล้วทำไม――」

 

เบ็กก้าพูดต่อเพื่อกันยูมินที่กำลังจะพูดต่อ

 

「แต่ว่า หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำของโกลด์แรน อัลเฟรดก็มาหาชั้นแล้วบอกว่าโกลด์แรนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ระเบิดเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มันไม่ใช่อุบัติเหตุ」  

「แต่ แล้วทำไมละคะ?」

「บางทีเพราะว่าเขาได้ยินรายละเอียดจากบอนด์และก็หายตัวไปเมื่อพูดเช่นนั้น เพราะงั้นชั้นก็เลยไม่สามารถสงบสติได้เลย เพราะคู่หมั้นชั้นก็ตายในเหตุการณ์นั้น」

 

และเขาก็คิดแบบนี้

 

「บางทีคู่หมั้นของชั้นคงตายเพราะการฆาตกรรมมากกว่าอุบัติเหตุ」  

 

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องโถง

 

「อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรยืนยันได้ ชั้นไม่สามารถหาตัวอัลเฟรดเจอและถามข้อมูลใดๆได้」

「เพราะงั้นก็เลยจ้างชั้น?」

「อา ขอโทษด้วยนะ ชั้นหวังว่าจะหาตัวอัลเฟรดได้ และแม้ว่าจะทำไม่ได้ ชั้นก็จะแทรกตัวไปในงานเลี้ยงอาหารค่ำและหาข้อมูลบางอย่าง แต่นายก็ทำงานได้ดีเกินคาด」

 

เบ็กก้าส่ายหัวเพื่อตอบคำพูดของเซนอส

ยูมินก้าวออกมาแล้วขึ้นเสียง

 

「แต่ว่านั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม――」

「ขอโทษด้วยนะยูมิน แต่ว่าชั้นน่ะ――」

「หนวยหูโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

 

เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆเซนอสซึ่งพูดดังก้องออกมา

 

「เธอคือ….เครย์สันสินะ?」

 

เครย์สันกำหมัดแน่นและมองดูเหมือนกับเข้าใจสถานการณ์แล้ว

 

「เออ เข้าใจแล้ว เป็นข้าเองก็ยกโทษให้ไม่ได้ถ้าตายโดยไร้เหตุผลแบบนี้ แต่ว่าข้าไม่มีคนรักอะไรแบบนั้น สิ่งที่พูดได้อย่างเดียวไอ้โกลด์แรนมันทำชั่วอย่างแน่นอน」

「แกกกกกกกกกก」

 

มีรอยย่นระหว่างคิ้วบนหน้าของโกลด์แรน

อย่างไรก็ตาม เพราะพิษเริ่มกัดเซาะร่างรึเปล่าเลยดูไม่ค่อยมีแรง

 

「แต่ว่านะ……」

 

โกลด์แรนขึ้นเสียง

 

「แบบนี้เองก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง วางยาพิษและพยายามจะแก้แค้นโดยเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาพัวพันด้วยเนี่ยนะ」    

 

แต่ถึงยังง้น เครย์สันก็พูดออกมาทั้งน้ำตา

 

「คุณเป็นฮีลเลอร์ไม่ใช่เหรอไงครับ มันเป็นงานของพวกเราไม่ใช่เหรอที่จะต้องช่วยชีวิตผู้คนน่ะ!」

「……」

 

เสียงร้องไห้ดึงสะอื้นไปทั่ว

เบ็กก้าเองก็เลิกคิ้วอย่างเงียบๆ

 

「พูดได้ดีนี่เครย์สัน」

ด้วยมือของเขาที่วางไว้บนไหล่ของเครย์สัน เซนอสก้าวไปข้างหน้า

 

「เน่ เบ็กก้า จะบอกนายไว้ก่อนเลยนะ ตอนที่เหรียญกระจัดกระจายอยู่บนพื้น นายถามสินะว่าชั้นจะเลือกหยิบเหรียญอันไหน? มันมีมากมายเลยล่ะ」

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของฮีลเลอร์ระดับพิเศษเซนอสยิ้มและพูดต่อ

「――แต่ว่านะคำตอบก็คือ ชั้นจะเก็บมันทั้งหมด」

ตอนที่ 75  ทางเลือกของชีวิต【ตอนจบ】

「ทั้งหมดงั้นเหรอ……?」

 

เบ็กก้าพูดซ้ำประโยคของเซนอสและมองไปรอบๆห้องโถง

มีฮีลเลอร์ของฝ่ายโกลด์แรนหลายคนนอนอยู่บนพื้น

 

เบ็กก้าพูดด้วยน้ำเสียงมึนๆ

 

「มีคนโดนวางยาพิษจำนวนมากขนาดนี้ แต่นายก็เลือกที่จะช่วยทุกคนงั้นเหรอ?」

「แน่นอนสิ」

「ทำไมล่ะ?ทำแบบนั้นแล้วนายจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?」

「ก็นะงานที่นายจ้างมาเสร็จแล้วก็จริง」

 

 แต่――、เซนอสพูดต่อ

 

「หากปล่อยไว้เช่นนี้ นายก็จะเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนจำนวนมาก เพราะงั้นมันจะเดือดร้อนเอาได้น่ะสิ」

「เซนอสซัง……」

 

ยูมินพูดพร้อมกับร้องไห้

 

「ขอร้องละคะ ช่วยได้ไหมคะ?」

「ปกติจะคิดเงินด้วยนะขอบอก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จัดงานเลี้ยงอำลาเพราะงั้นถือเป็นเซอร์วิสพิเศษแล้วกัน」

「ขอบคุณมากเลยนะคะ」

 

ยูมินพยักหน้าทั้งน้ำตาและตะโกนใส่อาจารย์ของเธอ

 

「อาจารย์เบ็กก้า ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกสินะคะ ฉันไม่เชื่อหรอกคะว่าอาจารย์จะทำเรื่องแบบนี้」

「……」

 

เบ็กก้าที่โดนพิษจนสีหน้าเปลี่ยนไป มองมาที่ยูมินอย่างเงียบๆ แล้วหันไปมองเซนอสขณะหายใจ

 

「เซนอสคุง นายบอกว่าจะช่วยทุกคนสินะครับ แต่เวทมนตร์ที่ใช้ชำระล้างพิษอย่างแม่นยำนั้น หากไม่รู้องค์ประกอบของพิษที่แท้จริงก็ชำระล้างไม่หมดหรอกนะครับ」  

「งั้นเหรอ?」

「งั้นเหรอเนี่ย….เข้าใจแล้วดูเหมือนคุณจะใช้เวทย์ล้างพิษแบบอเนกประสงค์ได้สินะครับ? ถ้าพิษทั่วไปมันก็คงง่ายอยู่หรอกนะครับ แต่นี่ไม่ใช่พิษทั่วไปนะครับ?」

「ถ้างั้นองค์ประกอบใช่แบบนี้รึเปล่า?」

「ไม่จริงน่าาา」

「นี่นายรู้องค์ประกอบแต่แรกอยู่แล้วเหรอ?」

「……เซนอสคุง นายจะทำอะไร……」

「ก็นะ ไม่มีเวลามาชักช้าแล้วนะ」

 

เซนอสขัดจังหวะคำพูดของเบ็กก้าและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

ใบหน้าของกลุ่มคนที่ล้มลงเริ่มซีด

แสงแห่งชีวิตจำนวนมากจะดับลง

 

บางทีเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีที่แล้วก็คล้ายๆกัน

 

เซนอสพูดพร้อมกับกางมือทั้งสองข้าง

 

「<<ฮีล>>」

 

 แสงสีขาวไหลออกจากฝ่ามือของเซนอสและตกลงไปในห้องโถง  

 

「……<<ฮีล>>?แค่<<ฮีล>>?คิดอะไรอยู่กัน」

 

เบ็กก้าที่อยู่บนเวทีพูดด้วยท่าทางสงสัย

 

「<<ฮีล>>คือเวทย์รักษา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ แต่ไม่สามารถรักษาพิษได้หรอกนะคะ」

「แต่ว่ามันก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้นะ」

「แต่ผลกระทบมันก็แค่ชั่วคราวยาพิษคงกรัดกร่อน……」

 

เบ็กก้าหยุดพูดทันที

แสงสีขาวอบอุ่นจากตัวเซนอสส่องประกายไปทั่วทั้งห้องโถงโดยไม่หยุดนิ่ง

 

「ไม่มีทาง……」

 

เบ็กก้าส่งเสียงแหลมในลำคอ

 

「ไม่มีทางหรอกหรือว่านาย……」

「ก็นะชั้นไม่ค่อยคุ้นเคยกับพิษเท่าไร แต่ว่ามันมีความแตกต่างของระยะเวลาและการแสดงผลของมัน หากเป็นพิษที่ออกฤทธิ์ทันทีหลังจากกินขนมปัง ก็ไม่ควรจะอยู่ได้นานขนาดนี้」

「นี่คิดจะใช้เวทย์รักษามนุษย์จำนวนมากไปเรื่อยๆจนกว่าพิษจะหมดออกจากตัวงั้นเหรอ……」

 

เสียงแผ่วเบาออกมาจากลำคอของเบ็กก้า

เซนอสตอบกลับโดนหันมือไปข้างหน้า

 

「เป็นการวัดพลังระหว่างพิษกับเวทย์รักษางั้นเหรอเนี่ย ตกใจเลยนะ」  

 

ไม่ว่าพิษจะรุนแรงขนาดไหน พิษจะถูกเผาผลาญจากร่างกายที่ฟื้นฟูและสูญเสียความเป็นพิษในที่สุด

 จนกว่าจะถึงตอนนั้นใช้<<ฮีล>>คอยรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพิษ

 

「เอาจริงๆก็ใช้เวทย์ฟื้นฟูอัตโนมัติได้แหละนะ แต่ว่าต้องปรับพลังให้เข้ากับแต่ละคน ดังนั้นมันไม่ค่อยเหมากับคนจำนวนขนาดนี้」

「นายเป็นใครกันแน่……」

「พี่ใหญ่ข้าเองก็จะช่วยด้วย」

「ฉันเองก็ด้วยคะ」

 

เครย์สันและยูมินวิ่งออกจากจุดนั้น

 

「ฝากด้วยนะ ถ้าขนมปังมีพิษ ปริมาณที่ได้รับพิษจะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ให้เน้นไปรักษาคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน」

「เข้าใจแล้ว」

「เข้าใจแล้วคะ!」

 

ทั้งสองเข้าหาทั้งสองฝ่ายที่ล้มลงและเริ่มร่ายเวทย์รักษา

เซนอสบอกเบ็กก้าที่เฝ้าดูสถานการณ์บนเวทีอย่างเงียบๆ

 

「เบ็กก้า ลูกน้องนายและรุ่นน้องของนายเองต้องมาตามเช็ดล้างสิ่งที่นายก่อเน่ย ขอบคุณพวกเขาด้วยล่ะ」

「งั้นเหรอครับ……」

 

เบ็กก้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

เมื่อเวลาผ่านไปเวทย์รักษาของเซนอสก็ยังคงไหลเวียนต่อไป

ยูมินและเครย์สันวิ่งไปรอบๆ

 

ในที่สุดเบ็กก้าก็เริ่มพูด

 

「สามารถใช้<<ฮีล>>ได้นานขนาดนี้ไม่อยากจะเชื่อเลย แถมยังใช้ต่อไปได้เรื่อยๆ…แบบนี้มันไม่ใช่เวทมนตร์แล้ว」

「งั้นเหรอ」

「มันสุดยอดมากเลยละ แต่ว่าก็ไม่มีอะไรน่าทึ่งมากกว่านี้」

「ก็นะชั้นไม่ได้รับการศึกษาดีๆเหมือนคนอื่นนี่」

 

หายใจออกเบาๆเบ็กก้ากล่าว

 

「……เซนอสคุงคู่หมั้นของชั้นบอกว่าเธออยากจะเป็นฮีลเลอร์ที่ช่วยคนจำนวนมาก เธอเป็นคนที่น่าเคารพและมีความปรารถนาที่ดี」

「อา」

「แต่ว่าเพราะแบบนั้นแหละจึงให้อภัยโกลด์แรนไม่ได้ที่ไม่ยอมช่วยเธอเอาไว้ และยังจะได้เป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาหลวงคนถัดไป มันเป็นบุคคลที่ตรงกันข้ามกับความปรารถาของเธอและไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย」

「อา」  

 

เบ็กก้ารู้สึกว่าความหนาวและความเหนื่อยล้าเริ่มหายไปทีละน้อย

 

「แต่ถ้าอยู่นานๆจะค่อยๆสังเกต มีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นในโลกใบนี้ครับ บางคนได้รับการรักษาอย่างดี บางคนไม่ได้รับยาเลยแม้แต่น้อย」  

「อาาา」

「บางคนที่สุขภาพดี บางคนก็อยู่ในสภาพที่ใกล้ตายเต็มทน」

 

เบ็กก้าจ้องมองไปยังโกลด์แรน ซึ่งหายใจออกอย่างบ้าคลั่ง

 

「คุณค่าของชีวิตคนเราเท่ากันจริงๆเหรอครับ?บางทีคนเป็นชั้นเองที่ยึดติดกับคำพูดนั้นมากที่สุดก็ได้」

「อา……」  

 

 ถัดไปเบ็กก้าเหลือบมองยูมินและเครย์สันที่เข้าไปรักษาผู้อื่น

 

「แต่ว่า……สำหรับผู้ที่หมดหวังที่จะช่วยชีวิตตรงหน้า……」

 

เบ็กก้าสำลักออกมาและพูดต่อ

 

「บางทีเจตนารมณ์ของอดีตคู่หมั้นของชั้นได้รับการสืบทอดแล้ว……」    

「……นั่นสินะ」

 

สิบห้าปีที่แล้ว ถ้าฮีลเลอร์แห่งความมืดคนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ อาจจะมีอนาคตที่ต่างไปจากเดิม

อย่างไรก็ตามอดีตมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้

 

ถึงอย่างนั้นอนาคตนั้น――

 

เบ็กก้าเช็ดขอบตาของเขาและยืนขึ้นช้าๆ

 

「เซนอสคุง」

「ว่าไง」

「……ขอบคุณมากครับ」

 

เซนอสพูดด้วยรอยยิ้มและหายใจเข้า

 

「ไม่ต้องการคำขอบคุณหรอก อย่างไรก็ตามนี่เหนื่อยกว่าที่คิดเพราะงั้นจ่ายเพิ่มมาซะดีๆ」  

 

เหงื่อที่ไหลออกจากหน้าผากนั้นตกลงสู่พื้น

เบ็กก้าที่เห็นใบหน้าของฮีลเลอร์ที่นอนออยู่ก็พูดขึ้น

 

「เซนอสคุง…คือว่าพิษนี้มาจากพืชชนิดพิเศษ…นอกจากผลกล่อมประสาทแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีสูตรต่างๆมากมาย แต่เอฟเฟกต์จะหายไปในไม่กี่นาที….อาจเป็นไปได้ว่า」  

「อาจจะเหรอ?แต่ว่านี่มันไม่ใช่แล้วนะ」

「หมายความว่ายังไงเหรอคะเซนอสซัง」  

 

เซนอสตอบคำถามของยูมินขณะที่มองไปข้างหน้า

 

「ไม่ใช่เบ็กก้าที่เป็นคนทำพิษนี่ขึ้นมา」

「เอ๋ หมายความว่าไงคะ?」

「เรื่องราวจะเล่าภายหลังเพราะงั้นทำหน้าที่ตรงหน้าให้เสร็จก่อน」

 

ขณะที่ฟังเสียงประหลาดใจของยูมิน เซนอสก็เพิ่มพลังเวทย์ของเขา

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกห์……!」

 

แสงสีขาวอ่อนเอ่อล้นพัดเข้ามาอย่างอบอุ่นราวกับลมพายุในฤดูใบไม้ผลิ

 

「สุดยอดดดดดดดด……」

「สุดยอดมาก……」

「ให้ตายสิ….นี่ชั้นเอาคนแบบไหนมากันเนี่ย?……」

 

ทั้งสามบ่นเช่นนั้น ฮีลเลอร์ที่ล้มลงก็เริ่มได้สติทีละคน และมองมาด้วยใบหน้าลึกลับ

 

ผลของพิษลดลง และการฟื้นตัวของร่างกายจะเอาชนะมาได้

 

ดวงตะวันที่ส่องแสงผ่านสกายไลท์ทำให้ห้องโถงสว่างไสว

ในขณะเดียวกัน――

 

「รอก่อน……」

「เอ๊ะ?」

 

ได้ยินเสียงเบาๆจากบนเวที

เมื่อมองดูโกลด์แรนมีใบหน้าซีดและหมอบลง

 

「ข้าก็น่าจะได้รับการฟื้นฟูนี่ใช่ไหม..แต่ว่าเกิดอะไรขึ้น」

「อะ ขอโทษ พอดีลืมแกไปเลย」

「อย่ามาล้อกันเล่นนะโว้ย」

 

มีริ้วรอยสีน้ำเงินบนใบหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะติดพิษหนักและไม่ค่อยมีแรงจะพูดแล้ว

 

「นี่คือคำสั่ง ช่วยข้าด้วย」

「คำสั่งงั้นเหรอ แกเป็นคนไล่ชั้นออกเองนะไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่ง……」

「ฮี้……」

 

โกลด์แรนกัดฟันแน่น

 

「ทำยังไงดี」

「ชั้นเป็นดาร์กฮีลเลอร์ ถ้าอยากได้รับการรักษาก็จ่ายมาซะ」

「เท่าไร……」

 

เซนอสก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างหนักหน่วงและแสดงใบราคา

 

「เหนื่อยมากเลยล่ะเพราะงั้นขอเท่านี้พอ ถ้าอยากให้รักษาก็จ่ายมา」

「อย่ามาพูดบ้าๆ….ใครจะไปจ่ายไหวกัน」

「งั้นเหรอ?ถ้างั้นก็ถือว่าไม่เคยคุยกันแล้วกัน」

「รอรอรอรอรอรอรอรอก่อน จะจ่าย จ่ายให้ก็ได้ ช่วยข้าด้วย……」

 

โกลด์แรนบอกเช่นนั้นพร้อมกับจะยอมจ่ายเงินด้วยมือที่สั่นเทา

 

「ศาตราจารย์โกลด์แรน พอดีได้ยินส่วนหนึ่งของการสนทนาแล้ว คุณช่วยจะเล่าเรื่องราวโดนละเอียดที่หลังได้ไหม」

「เซอร์เฟนเนล….」

 

คำพูดของหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ โกลด์แรนมีสีหน้าซีดเผือก

 

「ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย」

 

ตรงกันข้ามกับความเจ็บปวดรวดร้าวของโกลด์แรน เครย์สันยกนิ้วด้วยน้ำเสียงที่สดใส

 

「พี่ใหญ่ สุดยอดไปเลย!」

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 76  เยี่ยม<ปัจฉิมบท①>

ณ เวลาเดียวกับเหตุการณ์วางยาพิษที่งานปาร์ตี้ของโกลด์แรนสิ้นสุดลง

 

พวกพนักงานต่างพากันทำความสะอาดที่อยู่ในศูนย์รักษาหลวงอยู่ในกล่องเครื่องมือทำความสะอาดพร้อมสภาพโดนมัดแขนขา

 

ชายคนนี้เป็นฮีลเลอร์ระดับกลางและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมาชิกฝ่ายโกลด์แรน

 

เขาพูดว่า

 

จู่ๆก็มีคนเข้ามาโจมตีเขาจากด้านหลังแล้วขโมยบัตรเชิญงานเลี้ยงไป――

 

 +++

 

「ไง เซนอสคุง แล้วก็ยูมิน มาตามหาชั้นจนถึงนี่เลยเหรอ」

 

วันถัดมา

 

เซนอสและยูมินเข้าไปเยี่ยมที่อาคารของรัฐบาลที่สามซึ่งเป็นกองทหารรักษาการณ์ในเขตปกครองพิเศษ

นี่คือสถานที่ที่ผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรรมถูกคุมขังและสอบปากคำชั่วคราว

 

เบ็กก้าที่อยู่ทางห้องด้านหลังมองมาผ่านแผ่นกระจกหนาๆ

 

「อา โดนสอบปากคำเป็นครั้งแรกเลยละ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ดีนะครับ」

 

เบ็กก้าพูดตามปกติ

 

หลังเหตุการณ์นั้นพวกกองทหารรักษาการณ์ก็ได้รับแจ้งถึงการวางยาพิษใส่คนจำนวนมากและเข้าจับกุมโกลด์แรนกับเบ็กก้า

เมื่อขอมาเยี่ยมก็ได้รับอนุญาติและก็เข้ามา

 

เบ็กก้านั่งลงบนโต๊ะและท่าทางแปลกๆ

 

「อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะอยู่ระหว่างการสอบสวนหลังจากวันเกิดเหตุ แต่ว่าก็ได้รับอนุญาติให้มาเยี่ยมงั้นเหรอเนี่ย?」

 

เซนอสเกาแก้ม

 

「อืม…พอดีมีคนรู้จักกับทหารรักษาการณ์นิดหน่อย」

「คนรู้จักเหรอ……?」

「ไงคุณเซนอสคะ」

 

คนที่ปรากฏจากด้านหลังคือผู้หญิงผมบลอนด์และมีตาสีฟ้าเป็นประกาย

นั่นคือคริสน่า หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวง

 

「อุหวาาาาา สาวสวยละคะ……」

 

ยูมินสูดหายใจเข้า คริสน่าก็พูดกับเซนอสอย่างเขินอาย

 

「คุณเซนอส ฉันดีใจนะคะที่อยากมาหาฉันแบบนี้พร้อมกับข้ออ้างที่ว่าอยากมาเยี่ยมผู้ต้องหาน่ะ」  

「ไม่ไม่ได้มาหาเธอสักหน่อยนะ…ทำไมเธอถึงได้ดูดีใจนักล่ะ?」

 

เซนอสยังคงพูดต่อ

 

「อย่างไรก็ตาม ช่วยได้มากเลยล่ะ ขอบคุณมากนะคริสน่า」

「อะไรนะคะ ดิฉันเป็นประโยชน์ให้แก่คุณเซนอสงั้นเหรอคะเนี่ย」

「เอ่อ ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแบบไหนเหรอ……?」

 

เบ็กก้ามองหน้าทั้งสองคน

เซนอสชิงพูดก่อนที่คริสน่าจะพูดอะไรแปลกๆ

 

「วันนี้มีเรื่องจะถามนายเยอะแยะเลยล่ะคะ」

「……แล้วอยากได้ยินเรื่องอะไรครับ?」

「อ่านั่นสินะคะ……อาจารย์เบ็กก้าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษจริงๆสินะคะ?」

 

ยูมินที่อยู่ข้างๆก็ถามด้วยความกดดัน

 

เบ็กก้าอธิบายองค์ประกอบของยาพิษที่พวกนั้นดื่มไป

กล่าวอีกนัยหนึ่งยังไม่รู้องค์ประกอบแน่ชัด

ดังนั้นไม่ใช่เบ็กก้าที่วางยาพิษนั่น

นั่นคือสิ่งที่เซนอสพูดระหว่างเกิดเรื่องขึ้น

 

บางทีอาจจะกลัวที่จะได้ยินคำตอบจากปากเขา ยูมินเลยกำมือตัวเองด้วยความสั่นเทา

หลังจากเงียบสักพัก เบ็กก้าก็มองหน้าของคริสน่าและพยักหน้า

 

「……เอ๊ะถ้าพูดให้ถูกก็ถูกต้องในความหมายหนึ่ง」

「ความหมายหนึ่ง?」

「ชั้นไม่สามารถปล่อยโกลด์แรนไปได้ที่ฆ่าอดีตคู่หมั้นของชั้น ให้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการได้ ก็คิดว่าจะประจานหมอนั่น แต่ไม่มีหลักฐาน」

「ไม่มีรูปถ่ายของบอนด์ซังงั้นเหรอคะ?」

「โกลด์แรนเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในศูนย์รักษาหลวง และมีขุนนางผู้ยิ่งใหญ่สนับสนุนอยู่ด้านหลังถ้าไม่มีอะไรชัดเจน ก็ทำอะไรมันไม่ได้」

「……」

「ก็เลยวางแผนวางยาพิษและสร้างสถานการณ์คล้ายกับเมื่อสิบห้าปีก่อน และเดิมทีก็คิดว่าจะปล่อยให้หมอนั่นพูดถึงบาปในอดีตที่ก่อขึ้นและเปิดเผยพฤติกรรมโง่ๆของหมอนั่นให้ฝ่ายต่างๆรู้」  

 

แน่นอน หากเป็นการกระทำเมื่อสิบห้าปีที่แล้วปรากฏให้เห็น แรงสนับสนุนจะลดลงอย่างมาก

 

「แต่ว่าอาจารย์เบ็กก้าบอกว่าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษนี่คะ――」

「ชั้นไม่ได้วางยาพิษชั้นแค่เตรียมยาที่ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตชั่วคราวและไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต ตั้งใจจะหลอกเจ้าโกลด์แรนว่ามีพิษอยู่ในอาหาร」

 

เบ็กก้าบอกว่าไม่มีพิษจริงๆ

แต่ทุกฝ่ายนั้นดื่มยาพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายลงไปอย่างแน่นอน

 

「ชั้นเองก็ดื่มไวน์เพื่อสร้างเรื่องให้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ว่ามันก็เริ่มแปลกๆ ตอนแรกนึกว่าใส่ยาผิดลงไป――」

 

เบ็กก้าเงียบครู่หนึ่งและพูดต่อ

 

「แต่ว่ามันไม่ใช่เลย มันเป็นอีกคนหนึ่งที่วางยาพิษลงไปในอาหารและเครื่องดื่มด้วยพิษอีกชิดหนึ่งอย่างแน่นอน――」

「คนอื่นที่วางยาพิษนอกจากคุณ? ไม่จริงน่าหรือว่า――」

「อัลเฟรดงั้นเหรอ?」

 

ยูมินและเซนอสพูด เบ็กก้าพยักหน้าช้าๆ

 

「แน่ใจว่าอัลเฟรดจับตาดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็แอบเข้ามาในงานเลี้ยงและวางยาพิษลงไป บางทีอาจจะพยายามสร้างเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อนจริงๆขึ้นมาใหม่」

「จากนั้น อัลเฟรดซังก็……」

「อาาา เขาอาจจะอยู่ที่นั่น เขาแสร้งทำเป็นโดนพิษกับฮีลเลอร์คนอื่นๆและเฝ้าสังเกตสถานการณ์」

「……」

 

มีความเงียบปกคลุมไปทั่ว

 

หากเรื่องนี้เป็นความจริง ยาที่เบ็กก้าเตรียมไว้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต

อย่างไรก็ตามอัลเฟรดเป็นคนเอาพิษจริงๆใส่ในอาหาร

พิษมากพอที่จะฆ่าอดีตเพื่อนร่วมงานทั้งหมดทิ้ง

 

คริสน่าเอาหลังพิงกำแพงและกอดอก

 

「จากรายงานส่วนตัวทางนี้ทราบมาว่ามีชายคนหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายและโดนขโมยบัตรเชิญเข้างานไปคะ」

「ถ้างั้นก็อยากที่คิด――」

 

ยูมินลุกขึ้นและพูดว่า

 

「แต่ว่าอาจารย์เบ็กก้าน่าจะรีบพูดออกมานะคะ……」

「ไม่หรอก ชั้นเองก็มีความผิดเหมือนกัน ชั้นเอามันไปปนกับพิษจริงๆโดยไม่สังเกต เมื่อเห็นโกลด์แรนพยายามจะทำแบบเดียวกันกับเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ก็รู้สึกนั่นสินะคือทางเลือกของชีวิตและชั้นก็คิดว่ามันก็ดีสำหรับทุกคนรวมทั้งชั้นที่ต้องตายไป」

「อาจารย์เบ็กก้า……」

 

ข้างยูมินที่ก้มหน้าลง เซนอสมองไปทางคริสน่าที่พิงกำแพง

 

「แล้วเกิดอะไรขึ้นกับโกลด์แรน?」

「ก็สิ้นหวังนะสิ และไม่ยอมรับว่าตัวเองก่อคดีขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน แต่ว่า――」

 

คริสน่าสะบัดภาพหลักฐานที่ยูมินเอามาให้

 

「มีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ จะไม่มีความผิดได้ยังไงกันละคะ」

「แต่ว่ามีหนึ่งในเจ็ดขุนนางผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังนะ」

「คิดว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนางแล้วดิฉันจะยอมให้ลงมือง่ายๆเหรอคะ?」

「นั่นสินะ」

 

เมื่อเซนอสยิ้ม คริสน่าเองก็ยิ้มเช่นกัน

 

「โชคดีที่เซอร์เฟนเนลเป็นหนึ่งในขุนนางที่ฉลาดหลักแหลม มีข่าวลือว่าเขาจะถอนตัวจากการสนับสนุนโกลด์แรน เซอร์ ชาร์เบิร์ดที่ได้ยินเหตุการณ์ดังกล่าวก็ยกเลิกการเกษียณของตัวเอง และเป็นที่ทราบกันดีว่าเขาพยายามจะสละชีวิตของคนในฝ่าย ทำให้ตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่างแล้วคะ」

「แล้วจะจ่ายชั้นได้ไหมเนี่ย……」

「ถ้างั้นจะเก็บค่ามัดจำไว้ก่อนก็ได้นะคะ เพราะงั้นเดี๋ยวดิฉันจะเอาคฤหาสน์ของเขาไปขายทอดตลาดค่ะ」

「ฝากด้วยนะ」

「ถ้าคุณเซนอสบอกว่าอยากจะปลดเปลื้องเมื่อไร ดิฉันคนนี้ก็พร้อมจะปลดเปลื้องให้นะคะ แต่ว่ามันน่าอาย……」

「ไม่ อะไรกันฟะ……?」  

 

「งั้นเหรอเนี่ย……」

 

เมื่อเบ็กก้าได้ยินจุดจบของโกลด์แรนเขาก็ถอนลมหายใจออกมาอย่างหมดแรง

เป็นใบหน้าที่เหมือนยกความทุกข์ทั้งหมดออกไป มันเป็นใบหน้าที่ดูโล่งใจมากๆ

 

คริสน่าลูบคางของเธอ

 

「ไม่ต้องห่วงผู้ชายคนนี้หรอกคะ ถ้าไม่ได้วางยาพิษจริงและคุณเซนอสยืนยันได้ ฉันก็สามารถปล่อยตัวให้ได้ในฐานะหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์」

「ไม่เลย อย่าใช้อำนาจในทางผิดๆสิ ตัดสินอย่างยุติธรรม……」

「ขอบคุณมากเลยนะคะ」

 

ยูมินก้มหัวให้กับคริสน่า「อาจารย์เบ็กก้า จะรอนะคะ」พูดแบบนั้นและออกจากห้องไปด้วยใบหน้าโล่งใจเล็กน้อย

 

เบ็กก้าหยุดเซนอสที่กำลังจะยืนขึ้นและออกไป

 

「เซนอสคุง」

「อะไร?」

「อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่ชั้นอยากจะรู้น่ะ」

「……เรื่องรูปของอัลเฟรดเหรอ?」

 

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เซนอสที่ตอบกลับ และเบ็กก้าก็พยักหน้าด้วยความตกใจเล็กน้อย

 

「ท้ายที่สุดก็สังเกตเห็นจนได้」

「ก็นะ ก็ว่ามันแปลกๆอยู่หรอก」

「หมายความว่ายังไงเซนอสคุง?」

 

เซนอสบอกคริสน่าที่กำลังเอียงคอให้แสดงภาพหลักฐานให้ดู

ภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุเมื่อสิบห้าปีที่ปล้ว แสดงให้เห็นว่ามีเด็กชื่ออัลเฟรดเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

เลือดไหลออกจากท้องและหน้าซีด

 

คริสน่ามองเข้าไปในรูปถ่ายแล้วพูดว่า

 

「ชายคนนี้คืออัลเฟรด ที่ดูเหมือนจะเป็นอาชญากรที่แท้จริงของคดีนี้สินะคะ? ถ้างั้นก็จะจำใบหน้าไว้คะ แต่อะไรที่แปลกเหรอคะคุณเซนอส?」

「โกลด์แรนใช้พลังชีวิตของเหยื่อเพื่อรักษาเซอร์เฟนเนล นั่นคือเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว」

「ก็ได้ยินมาแบบนั้นนะคะ……」

「แต่อย่างที่เห็นเลยอัลเฟรดได้รับบาดเจ็บสาหัส」

「อ่าาา ตรงนั้นก็พอเข้าใจอยู่หรอกคะ」

「คิดดูยังไงก็ไม่น่าจะรอดชีวิตมาได้หากโดนถ่ายโอนพลังเวทย์เข้าไป」

「……」

 

คริสน่าขมวดคิ้ว

 

「หรือว่าชายที่ชื่อโกลด์แรนจงใจไม่ได้ใช้เวทย์ใส่เขางั้นเหรอคะ?」

「ไม่มีทางหรอก และไม่มีประโยชน์ที่โกลด์แรนจะทำแบบนั้นด้วย มันจะมีปัญหามากกว่าหากมีคนที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ดังกล่าว」

 

เมื่อเบ็กก้าเสริม คริสน่าก็สับสน

 

「อย่างไรก็ตาม ก็มีชายคนหนึ่งที่ชื่ออัลเฟรดอยู่ในห้องวิจัย?」

「อ่าาา นั่นเป็นเหตุผลที่มันทำให้ชั้นสนใจมาตลอดตั้งแต่เห็นภาพ」

 

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เบ็กก้าก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

「อัลเฟรดเคยติดต่อพูดคุยกับใครบ้าง?……ไม่สิต้องบอกว่ามันคืออะไรมากกว่า?」

 

เบ็กก้าหันไปมองเซนอสที่เงียบ

 

「เซนอสคุงบางทีนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างการแก้แค้นเกี่ยวกับเมื่อเหตุการณ์สิบห้าปีที่แล้วหรอกนะครับ」

「……」

「และคุณที่หยุดการแก้แค้นของเขา เซนอสคุงนายอาจจะเป็นเหยื่อรายถัดไปก็ได้นะครับ」

 

เซนอสเกาหัว

 

「ก็อยากจะหลีกเลี่ยงความยุ่งยากถ้าเป็นไปได้ แต่ถ้ามาโผล่ต่อหน้าชั้นละก็ จะขอเก็บเงินที่มาทำให้ชั้นต้องลำบากเลยคอยดูเถอะ」

 

เซนอสพูดด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดและออกจากห้องไป

เบ็กก้าและคริสน่ามองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม

 

「อืมเห็นแบบนั้นก็โล่งใจ」

「คุณเซนอสเขาเหนือความคาดหมายในหลายๆด้านโดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยเลยคะ」

「จากประสบการณ์ที่ได้เข้ามาที่ศูนย์รักษาหลวงอย่างน้อยก็ช่วยรู้ตัวหน่อยเถอะว่าตันตนของตัวเองเป็นยังไง」

「ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ……」

 

คริสน่าปลดกุญแจมือออก

 

「อย่างไรก็ตามเกลียดคุณจริงๆคะ ที่คุณเซนอสมาเยี่ยมคุณแบบนี้」

「ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนความปรารถนาของเธอหรอกนะ แต่ว่าชั้นไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย」

「โฮ่ว」

「น่าจะเป็นเพราะยูมิน」

「ยูมิน……ใช่ผู้หญิงใส่แว่นที่อยู่กับคุณเซนอสหรือเปล่าคะ? เห็นทีต้องกำจัดทิ้งซะแล้วคะ」

「แม้ว่าฝ่ายโกลด์แรนจะโดนกำจัดไปแล้ว แต่ก็มีคนเก่งๆมากมาย ยังไงซะจุดจบก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ยูมินนั้นต่างออกไป ท้ายที่สุดดแล้ว ภายในห้องวิจัยของชั้นเด็กคนนั้นก็สังเกตเห็นถึงสิ่งนั้น เธอยังเด็กอยู่และก็เป็นหลานสาวของชั้น ถ้าชั้นถูกกล่าวหาว่าพยายามฆ่าคนตาย เธอก็คงไม่มีคนให้พึ่งพิงอีกต่อไป เพราะงั้นชั้นก็เลยพยายามเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเพื่อเด็กคนนั้น」

「……เพราะงั้นคุณเซนอสต้องการช่วยผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ?ไม่มีทางคุณเซนอสเนี่ยนะคุยกับผู้หญิง――」  

「เขาบอกว่าจะเก็บมันทั้งหมด――」

 

ในคำพูดของเบ็กก้า คริสน่าเงยหน้าขึ้น

ฮีลเลอร์ระดับพิเศษจ้องมองไปที่ความว่างเปล่าแล้วพูดขึ้น

 

「นี่คือคำพูดของเซนอส ตอนที่เขาเข้ามาในห้องงานเลี้ยง ชั้นเคยถามเขาไปว่า ในบรรดาเหรียญที่กระจัดกระจายอยู่นั้น จะหยิบเหรียญทอง หรือเหรียญทองแดง หรือเหรียญเงิน แต่ว่าเขาตอบกลับมาว่า “จะเก็บมันทั้งหมดนั่นแหละ” เขาจะช่วยทุกคนทั้งยูมินทั้งฮีลเลอร์ที่ล้มฟุบไป ไม่รู้ว่าเขาจริงจังแค่ไหน แต่เขาก็ทำตามที่พูดไว้และช่วยชีวิตทุกคนมาได้ แม้แต่โกลด์แรนที่ควรจะปล่อยให้ตายเขายังช่วยหมอนั่นขึ้นมาเลย」

「……งั้นเหรอคะ……」

 

คริสน่าให้กุญแจเล็กๆกับเบ็กก้าและพูดขึ้น

 

「นั่นหมายความว่าบรรดาเหรียญพวกนั้นก็รวบคุณด้วยคะ」

「……!」

 

เบ็กก้ากระพริบตาราวกับเขาสตั้นไปครู่หนึ่ง

จากนั้นก็มองลึกไปยังประตูที่เซนอสออกไป

 

「เอาจริงเหรอเนี่ย…..ผู้ชายคนนั้น」

「จริงสิคะ ในขั้นต้นแล้วการสอบปากคำขั้นต้นจะไม่ควรเชื่อใจผู้ต้องสงสัยง่ายๆ――」

 

หลังพูดเช่นนั้นคริสน่าก็เชิดหน้าเล็กน้อย

 

「ฉันเองก็เป็นคนเห็นด้วยกับความคิดนั้นเองคะ」

 

 +++

 

ในเวลาเดียวกันมีเงาหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านป่าออกจากศูนย์รักษาหลวง

 

เป็นบุคคลที่สวมฮู้ดคลุมทั่วทั้งร่ายพึมพำออกมา

 

「ไม่มีทางเซนอสคุงเข้ามาขวางทางอีกแล้วเหรอ ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณนะ」

 

คนๆนั้นกัดเล็บนิ้วโป้งของเขาแน่น

 

「กำลังคิดว่าคนอื่นจะคิดยังไงและเป็นยังไงในสถานการณ์นั้นแล้วเชียว? อาาา…..อยากได้ข้อมูลที่มากมายกว่านี้จังเลย ถ้าไม่โดนขวางละก็นะ」

 

ลมกรรโชกแรงพัดผ่านจนผ้าคลุมหลุดออก

 

ใบหน้านั้นสะท้อนอยู่ที่แอ่งน้ำตรงเท้า

มองไปที่รูปลักษณ์ที่ดูทั่วไปและพูดขึ้น

 

「อัลเฟรด….ร่างนี้ก็ไม่เลว ถ้างั้นก็มาทำความคุ้นเคยและทำการค้นคว้าข้อมูลต่อไปสักพัก」

 

สวมฮูดลึกอีกครั้ง และบุคคลนั้นก็หายไปในเงามืดของต้นไม้

 

 

ตอนที่ 77 ถึงเวลาบอกลา<ปัจฉิมบท②>

หลังจากเสร็จสิ้นการพูดคุยกับเบ็กก้า

เซนอสกลับไปที่อาคารวิจัยและเก็บสัมภาระที่เหลือ

 

ยูมินและเครย์สันอยู่ด้านนอกถนนด้านหลังของศูนย์รักษาหลวง

 

「ขอบคุณที่ดูแลมาตลอด」

 

เซนอสกับลิลี่มองย้อนกลับไปที่พวกเขาทั้งสอง

 

「พูดอะไรกันฝั่งนี้เป็นฝ่ายที่ถูกดูแลมากกว่านะคะ」

「ได้เลยพี่ใหญ่」

 

ยูมินและเครย์สันพูดด้วยความเสียใจ

 

「เพราะได้เซนอสซังช่วยเรื่องคดีวางยาพิษขึ้น ดิฉันผิดหวังมากคะที่ไม่มีใครเห็นผลงานของเซนอสซังเลยแม้แต่น้อยเพราะสติคลุมเครือ」

「นั่นสินะ พวกกลุ่มโกลด์แรนรอดเพราะพี่ใหญ่เลยแท้ๆ」

「ไม่เอา ชั้นไม่อยากเด่นเข้าใจไหม……」

 

อย่างไรก็ตามเขาเป็นดาร์กฮีลเลอร์

มันจะดีกว่าถ้าเขาได้กลับบ้านอย่างเงียบๆหลังจากการฝึก

 

เซนอสยอมแพ้และหยิบจดหมายออกจากอกของเขา

 

「อ่าเจ้านี่นะ ขอบคุณมากเลย」

 

มันเป็นจดหมายถึงเซนอสที่เบ็กก้าเตรียมไว้ให้

ยูมินหาจนทั่วในที่สุดก็เจออยู่ในห้องวิจัย

 

บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์ของเขา และเป็นจุดประสงค์เดิมที่เขามาที่นี่

 

「ถ้างั้นไปกันเลยไหมลิลี่」

「อืม ยูมินซัง แล้วก็พี่ชายสุดแปลก ไว้เจอกันนะคะ!」

「อืม ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ」

「คุณน้องสาว ข้าดีใจจริงๆที่ในที่สุดก็ยอมเรียกข้าว่าพี่ชาย」

 

ยูมินโบกมือกับเครย์สันร้องไห้ เซนอสและลิลี่ก้าวเท้าไปตามถนนที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี

 

ระหว่างทางเซนอสมองย้อนกลับไปเพียงครั้งเดียวและยกมือข้างหนึ่งเพื่อบอกลาทั้งสองคน

ข้างหลังพวกเขาสองคน ชั้นเห็นอาคารสีขาวของศูนย์รักษาหลวงที่เคยใช้เวลาอยู่ในนั้น

เมื่อมองขึ้นไปอย่างตื่นตาตื่นใจเซนอสก็พูดขึ้นเล็กน้อย

 

「――ลาก่อนนะ ศูนย์รักษาหลวง」

 

 

อีกสองคนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นแม้ว่าเซนอสจะหายไปแล้วก็ตาม

 

「อาาา ไปซะแล้วคะ……」

「……นั่นสินะ…ฮึก」

「จะร้องไห้อีกนานไหมคะ? ขยะแขยงคะ」

「โหดร้ายจังเลยนะ คุณเพื่อนร่วมงาน?」

 

เครย์สันเช็ดน้ำตาและมองไปทางยูมิน

 

「สำหรับเธอดีแล้วเหรอ? ที่ปล่อยพี่ใหญ่ไปน่ะ」

「พูดอะไรของคุณคะ มีคนรอเซนอสซังกลับไปมากมายดิฉันไม่ควรจะรั้งเขาไว้หรอกนะคะ」

「แต่ว่าไม่ใช่ว่าเธอตกหลุกรักพี่ใหญ่เหรอ?」

「นะนะนนะนะนะนะนนั่นเป็นเหตุผล――」

 

ยูมินหน้าแดงและโบกมือปัดอย่างรวดเร็ว

เครย์สันยักไหล่เบาๆแล้วพูดว่า

 

「ไม่รู้หรอกนะ ถึงอย่างนั้นก็เห็นเข้ากันได้ดีเลยนี่น่า」

「……」

 

ยูมินท่าทางดูงุ่มง่ามและเริ่มขยับปากพร้อมกับขาสั่น

 

「ไม่หรอก…ฉันเคารพเขาในฐานะที่เขาเป็นคนที่สุดยอดในหลายๆความหมาย แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ ฉันคิดว่าอาจารย์เบ็กก้าอาจวางยาพิษให้ฉันทานก็ได้คะ หัวของฉันมันโล่งไปหมด และฉันก็ยืนนิ่งเหมือนคนโง่ทำอะไรไม่ได้เลยคะ……」

 

ยูมินวางมือลงบนอกและมองไปที่ถนน

 

「ถึงเวลานั้น เซนอสซังก็ช่วยพวกเราทั้งหมด…แม้ว่าเขาจะเหนื่อยมากแค่ไหนแต่ก็ยังก้าวเดินอย่างภาคภูมิใจ เขายังช่วยรักษาทุกคน…ถ้าผู้หญิงทุกคนเห็นแบบนั้นละก็……」

 

ยูมินกลืนคำพูดลงไป

เครย์สันเองก็พูดออกมาด้วยความตกใจ

 

「ความรู้สึกมันถ่ายทอดไปไม่ถึงอีกฝั่งเพราะเธอไม่ยอมทำตัวให้เป็นนี่น่าดึงดูดเองนี่」

「ถ้าทำได้ฉันก็ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้หรอกคะ」

「ก็นั่นสินะ」

 

ยูมินเบ้ปากเล็กน้อยให้กับเครย์สันที่ตอบตรงๆ

ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกเสียงดังและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

「……แต่ว่าก็ดีแล้วละคะ …เซนอสซังไม่ใช่คนประเภทที่จะอยู่ในศูนย์รักษาหลวงได้ เพราะงั้นฉันห้ามเขาไม่ได้หรอกคะ」

「ให้ตายสิยังเร็วไปที่จะยอมแพ้นะ ถ้ายอมแพ้ไปเธอก็ไม่มีความสุขกับชีวิตสิ」

「ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ」

「ข้าเองก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ」

「หาาา?」

「ในอนาคตข้าเองก็จะไปยืนอยู่ข้างๆพี่ใหญ่」

「……เอ๋?」

 

ยูมินสับสน

 

「ไม่จริงน่าเครย์สันคนนั้นจะไปยืนข้างๆเซนอสซัง?」

「หนวกหูน่า ยังไงก็ต้องทำให้พี่ใหญ่ไม่ลืมพวกเรา」

「อะไรกัน…ทำฉันตกใจเลยนะคะเนี่ย」

 

เครย์สันเกาแก้มเห็นยูมินที่โล่งอก

 

「นั่นเป็นเหตุผลที่……」

「อะไรเหรอคะ?」

「ข้าหวังว่าข้าจะเป็นผู้ชายที่เก่งพอแบบพี่ใหญ่ ข้าหวังไว้แบบนั้นเพราะงั้น……」

「อะไรกันคะเนี่ย? พูดเสียงเบาเกินไปแล้วนะคะ」

「ไม่มีอะไรหรอก」

 

เครย์สันถอนหายใจและหันไปข้างหน้า

หายใจเข้าลึกๆและตะโกนออกมา

 

「ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยยยยยยยยยยยยยยยพี่ใหญ่!」

 

ยูมินยิ้มแล้วเอามือป้องปากพร้อมกับพูดเสียงดัง

 

「ลาก่อนนะคะ เซนอสซัง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะคะ!」

 

เสียงของทั้งสองดังก้องไปในท้องฟ้าสีคราม

 

เสียงนั้นก้องหายไปในทิวเขาอันไกลโพ้น ลมผัดผ่านถนนที่เย็นสงบ

 

 

 

 

ตอนที่ 78 บทเสริม――จดหมายจากเบ็กก้า

ถึง เซนอสคุง

 

 

ตอนนี้ชั้นกำลังเขียนจดหมายอยู่ในห้องวิจัยล่ะครับ

นั่นเพราะอาจจะมีปัญหาเล็กน้อยหากคนอื่นได้เห็นชั้นเข้า

 

ก่อนอื่นเลยก็ขอขอบคุณในความพยายามอย่างหนักในเรื่องของอัลเฟรด

ต้องขอบคุณเพราะงั้นความจริงเมื่อสิบห้าปีก่อนถึงได้ไขกระจางแจ้งแล้วครับ

ที่งานเลี้ยงก่อนการเลือกตั้งของศาตราจารย์โกลด์แรน พรุ่งนี้ ชั้นจะผลักดันให้เขาต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างครับ

 

อย่างไรก็ตาม ขอข้ามเนื้อหาตรงนั้นเพราะไม่เกี่ยวข้องกับจดหมายฉบับนี้

 

 

แต่พูดตามตรงเลยนะครับ ชั้นไม่มั่นใจเลยที่จะให้คุณทำงานนี้ด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวยังไง ก็รู้สึกว่าอัลเฟรดคงไม่ได้กลับมาที่ห้องวิจัยอีกแล้วครับ

 

หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำของศาตราจารย์โกลด์แรน อัลเฟรดก็เข้ามาชั้นแล้วหายตัวไป พร้อมกับ    บอกว่าโกลด์แรนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดเมื่อสิบห้าปีก่อนและเขาก็เป็นเหยื่อในเหตุการณ์นั้นครับ

ชั้นรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่เขาพูดตอนนั้นแตกต่างจากอัลเฟรดทีชั้นรู้จักไปอย่างเห็นได้ชัด

 

เขาหายไปหลังจากที่มาบอกกับชั้นเช่นนั้น

ชั้นมีคำถามมากมายอยากจะถามเขาเต็มไปหมดเลยล่ะครับ และแน่นอนว่าชั้นเองก็ตั้งใจจะค้นหาด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งคนนอก

 

แต่ว่าชั้นก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นชุดคลุมสีดำที่ศูนย์รักษาของคุณครับ

 

ใช่แล้ว ชั้นรู้สึกคุ้นเคยกับเสื้อคลุมตัวนั้นอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

เสื้อคลุมที่คุณใช้นั้นคุณบอกว่าได้มันมาจากอาจารย์ของคุณสินะครับ?

 

 

 ――เพราะแบบนั้นเอง

พูดพร่ำทำเพลงก็มากมายแล้วล่ะครับ เพราะงั้นจะพูดเรื่องของอาจารย์ของคุณเลยก็แล้วกันครับ

 

สิ่งแรกที่ชั้นอยากจะขอโทษคือชั้นไม่สามารถอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเขาได้มากพอที่จะทำตามความคาดหวังของคุณครับ

ไม่ใช่ว่าชั้นไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาหรอกนะ แต่ชั้นสนิทกับเขามากเป็นพิเศษเลยต่างหาก

เหตุผลนั้นจะอธิบายในภายหลังครับ

 

 

ประการแรกปัจจุบันมีฮีลเลอร์ระดับพิเศษอยู่ในประเทศนี้เจ็ดคนครับ

ถึงชั้นจะพูดเองก็ยังไงอยู่ แต่พวกเขาเป็นคนที่เหนือชั้นยิ่งกว่าหลายๆคนในประเทศนี้ครับ

 

ในจำนวนนั้นมีสี่คนที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์รักษาหลวง

มีชั้น,ศาตราจารย์โกลด์แรน,เซอร์ชาร์เบิร์ดที่เป็นผู้อำนวยการคนปัจจุบัน

มีอีกคนหนึ่งที่ไปทำธุรกิจที่ด้านนอกแต่ชั้นไม่สามารถแนะนำให้คุณรู้จักได้

 

อีกสามคนที่เหลือลงทะเบียนที่ศูนย์รักษากลาง แต่กำลังทำกิจการของตัวเองด้วยเหตุผลหลายประการครับ

 

ไว้จะพูดรายละเอียดอีกครั้งนะครับ แต่อันที่จริงแล้วมีฮีลเลอร์ระดับพิเศษคนที่แปดเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้

แล้วถ้างั้นคนๆนั้นไปไหนงั้นเหรอครับ?

 

โดยสรุปแล้วหนึ่งในนั้นคือหนึ่งในอาจารย์ของคุณครับ

และเขาก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นเพื่อนของชั้น

 

 กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษ แต่ก็มีคนอย่างชั้นที่เป็นคิดค้นและวิจัยยารักษาโรค และมีคนอย่างศาตราจารย์โกลด์แรนที่ได้ตำแหน่งมาด้วยอำนาจ ดังนั้นมีผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายสาขาครับ

 

อย่างไรก็ตามในแง่ของความสามารถในการรักษาที่บุริสุทธิ์ ชั้นคิดว่าอาจารย์ของคุณอยู่ระดับแนวหน้าของโลกอย่างแน่นอนครับ

มีคนแปลกมากมายในหมู่ฮีลเลอร์ระดับพิเศษ แต่เขาเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นและเป็นคนที่ตลกขบขันเป็นที่รักของผู้คนมากมายครับ

 

แต่ชั้นคิดว่าคุณคงไม่เคยได้ยินข่าวลือแบบเดียวกับชั้นที่อยู่ในศูนย์รักษาหลวงหรอกนะครับ

เขาเป็นหนึ่งในฮีลเลอร์ระดับพิเศษไม่กี่คนแต่เขาดึงดูดผู้คนได้มากมาย แต่ว่าทำไมพวกคุณกลับไม่รู้จักเลยงั้นเหรอครับ?

 

นั่นเป็นเพราะทางศูนย์รักษหลวงได้ปกปิดข้อมูลและประวัติของเขาไว้เป็นความลับครับ

 

 

 

เหตุผลก็คือเขาได้หมกมุ่นอยู่กับเวทมนตร์บางอย่างครับ

 

คุณอาจจะเคยได้ยินนะครับ เวทมนตร์บางอย่างที่เรียกว่าเวทย์ต้องห้าม และมนุษย์ไม่ควรไปแตะต้องมันครับ

ว่ากันว่าถ้าฝืนธรรมชาติแตะต้องคำสาปและเรียนรู้เกี่ยวกับมันจะทำให้ความรู้ของมนุษย์ตกต่ำลงครับ

 

 แต่ว่าเขาก็ยื่นมือออกไป――ถ้าชั้นจำไม่ผิด――มันเป็นเวทย์ชุบชีวิตครับ

 

 

อย่างไรก็ตามชั้นไม่รู้รายละเอียดมากนัก

บางทีอาจเป็นเพราะคำสาป ความทรงจำเกี่ยวกับเขาค่อยๆเลือนหายไป

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือแม้แต่ชั้นที่เป็นคนสนิทของเขาที่สุด ก็ยังจำชื่อเขาไม่ได้เลยครับ

แต่ว่าสิ่งที่ชั้นจำได้เพียงอย่างเดียวก็คือเสื้อคลุมสีดำตัวสุดท้ายที่ชั้นเห็น ชั้นจำได้แค่นั้นจริงๆ

 

ดังนั้นเซนอสคุง ถ้าหากคุณต้องการจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้มองหาบันทึกความทรงจำของเขานะครับ

 

แม้ว่าเขาจะเป็นจะเป็นคนที่ดูนิสัยดื้อรั้น แต่ว่าหากพูดถึงเวทมนตร์เมื่อไรเขาจะระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษเลยละครับ

 ชั้นคิดว่าน่าจะมีที่ไหนสักแห่งที่บันทึกเหตุการณ์ชีวิตของเขาเอาไว้นะครับ

 

 แต่ว่ามันอาจจะเหมือนกล่องแพนโดร่าที่ไม่ควรไปเปิดมัน

 

 หลังจากได้ยินเรื่องราวของคุณ ชั้นก็คิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้วครับ

 มันคงน่าเศร้ามาก แต่ว่าชั้นกลัวแม้กระทั่งความรู้สึกและความทรงจำเกี่ยวเขาจะหายไปทั้งหมด

 ชั้นกลัวมากๆเลยล่ะ

 ชั้นอยากจะรู้เรื่องราวของเขามากกว่านี้ตั้งแต่ได้พบกับคุณ แต่จิตใจของชั้นไม่กล้าจะไปแตะต้องมันอีกต่อไปครับ  

 คุณไม่ควรจะรู้จักเขามากไปกว่านี้ครับ และถ้าคุณรู้จักตัวตนเขาแล้วมันอาจนำพาหายนะครั้งใหญ่มาให้ก็ได้นะครับ

 

 อย่าได้แตะต้องคำสาปเป็นอันขาด

 ชั้นไม่ควรจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลย แต่ว่าชั้นเชื่อคุณในฐานะฮีลเลอร์แล้ว ดังนั้นหน้าที่การตัดสินใจชั้นจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครับ  

 

 

 สุดท้ายแต่ไม่สุดนะครับ เมื่อชั้นได้คุยกับคุณ ชั้นรู้สึกหวนคิดถึงวันเก่าๆ

 เมื่อชั้นนึกขึ้นได้ แต่มันก็เลือนลาง แต่ชั้นแน่ใจว่าชั้นอาจจะสัมผัสถึงตัวตนของคุณซ้อนทับกับเพื่อนเก่าของชั้นอาจารย์ของคุณครับ

 บางอย่างเช่นการที่ดึงดูดผู้คนโดยธรรมชาติ

 

 

 แต่ว่ามันก็มีหลายๆสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเส้นทางของฮีลเลอร์นะครับเซนอสคุง

 

 ในฐานะเพื่อนของอาจารย์คุณ――

 

 

 เออร์นัลโด・เบกก้า(エルナルド・ベッカー)  

 

จบเล่ม 2 เล่ม 3 รอไปก่อน ไม่ค่อยยาวนะสำหรับโนเวลเรื่องนี้