“ไหนดูซิว่ามันทำงานยังไง!”

ซู่เจินหยิบน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ พื้นที่วางภายในห้อง

ทันใดนั้นกลุ่มก้อนพลังงานสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นมา หลักจากนั้นมันก็เปลี่ยนรูปร่างไปมาอย่างรวดเร็ว เช่นโล่ที่คล้ายกับของกัปตันอเมริกา , ไม้เท้า , ปืนพก , ปืนกล , ปืนใหญ่ , รถยนต์ , เครื่องบิน ฯลฯ

ในตอนแรกการเปลี่ยนรูปร่างมันสามารถเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้แค่วัตถุขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซู่เจินเริ่มปรับตัวได้และเขาก็เริ่มชำนาญขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือซู่เจินสามารถสัมผัสได้ว่ามันมีการรวมกลุ่มของพลังทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน นั่นก็คือพลังของกรีนแลนเทิร์นและพลังของอนุภาคอีเทอร์ และอนุภาคอีเทอร์ก็ไม่ได้ดูดกลืนพลังงานจากร่างกายของเขาอีกต่อไป

มันสำเร็จแล้ว!

แน่นอนว่าความสามารถเดิมของแหวนกรีนแลนเทิร์นยังคงมีอยู่และหลังจากที่เขาหลอมรวมแหวนเข้ากับอนุภาคอีเทอร์ทำให้พลังของแหวนมันทรงพลังมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม และเขาก็ไม่ต้องกลัวผลกระทบของอนุภาคอีเทอร์อีกต่อไป และหลังจากที่เขาลองกลืนกินอนุภาคอีเทอร์ดูก็พบว่าเขายังสามารถกลืนกินมันได้และเนื่องจากที่เขามีแหวนของกรีนแลนเทิร์นเป็นตัวช่วยยับยั้งพลังของอนุภาคอีเทอร์เอาไว้ทำให้ประสิทธิภาพการกลืนกินของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

พลังของแหวนถูกใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าพลังงานของมันจะไม่ค่อยลดลงมากนัก แถมมันยังดูดซับพลังงานจากอนุภาคอีเทอร์อีกด้วย และซู่เจินก็ยังรู้สึกอีกว่าพลังงานของอนุภาคอีเทอร์ก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งโดยปกติแล้วแหวนของกรีนแลนเทิร์นจะต้องชาร์จพลังงานกับตะเกียงแลนเทิร์นทุก ๆ 24 ช.ม. แต่หลังจากที่มันได้หลอมรวมเข้ากับอนุภาคอีเทอร์มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องชาร์จพลังงานอีกต่อไป

และซู่เจินยังจำได้ว่าแหวนของกรีนแลนเทิร์นนั้นมีความสามารถในการสร้างหน้ากากพลังจิตขึ้นมาได้ และมันสามารถเป็นเครื่องป้องกันการโจมตีทางจิตได้ อธิเช่นการโจมตีทางจิตและการควบคุมจิตใจ และนี่ก็คือภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่และเขาสามารถแก้ปัญหามันได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับมัน

“คืนนี้ท้องฟ้าดูงดงามมากจริง ๆ!“

ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะว่าการที่เขาได้เห็นดวงดาวข้างนอกยาวค่ำคืนเช่นนี้ มันช่างวิเศษจริง ๆ

และซู่เจินก็นอนหลับไปพร้อมกับความสุขและเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นมันก็เป็นเวลา 9.00 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งดวงอาทิตย์ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยแสงแดดอันอบอุ่น

เขาลุกจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว หลังจากนั้นเขาก็ไปทานอาหารเช้าภายในโรงแรม

หลังจากที่ซู่เจินได้รับประทานอาหารอะไรเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งคิดเกี่ยวกับภารกิจรองทั้งสองอันของเขา

ทำให้โลกได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกรีนแลนเทิร์น ?

มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะเป็นฮีโร่กอบกู้สหรัฐอเมริกา เพราะว่าเขามีร่างกายของอบินเซอร์อยู่ ซึ่งโดยปกติแล้วทางกองทัพของอเมริกาจะได้ร่างของอบินเซอร์ไปเพื่อทำการวิจัยและได้รับเชื้อจากผลึกคริสตัลของพารัลแล็กซ์ที่หลงเหลือยู่ในร่างกายของอบินเซอร์ จากนั้นคนที่ได้รับเชื้อของพารัลแล็กซ์ก็จะไปทำลายงานเลี้ยงค็อกเทล ซึ่งภายในงานเลี้ยงค็อกเทลก็จะมีเฟลิเซ่ที่กำลังตกอยู่ในอันตรายภายในงานเลี้ยง และเขาก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อช่วยเธอ หลังจากนั้นภารกิจรองของเขาทั้งสองอันก็จะสำเร็จ แต่ตอนนี้ศพของอบินเซอร์และคริสตัลของพารัลแล็กซ์มันอยู่กับเขา ทำให้เขาจะต้องใช้วิธีอื่นเพื่อให้ภารกิจรองทั้งสองอันนี้สำเร็จ

ซู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฟลิเซ่และพูดว่า “สวัสดีเฟลิเซ่! คุณจำผมได้ไหม ผมไงซู่เจิน…คุณพอจะมีเวลาไปช็อปปิ้งด้วยกันกับผมสักหน่อยไหม ?….โอเคเดี๋ยวผมจะรอคุณอยู่ที่ชั้นล่างในโรงแรม!”

เมื่อซู่เจินวางสายโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปรอเธอที่ด้านล่างของโรงแรมทันที หลังจากนั้นไม่นานเฟลิเซ่ก็ขับรถมาถึง

โดยที่เธอสวมชุดเดรสรัดรูปสีดำ และแต่งหน้าเบา ๆ ทำให้หน้าของเธอดูเด็กลงเล็กน้อย

เมื่อซู่เจินเห็นว่าเธอมาถึงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินไปที่รถและเปิดประตูเข้าไป และเขาก็หันไปมองที่เฟลิเซ่แล้วพูดว่า “วันนี้คุณสวยมาก!”

“ขอบคุณ!” เฟลิเซ่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำชมจากปากของซู่เจิน

เพราะว่าเธอนั่งเลือกชุดนี้ตั้งนานกว่าเธอจะตัดสินใจได้เธอได้

“คุณอยากไปไหนที่ไหนงั้นหรอ?” เฟลิเซ่ถามขึ้นมา

ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…แล้วแต่คุณเลย”

“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเที่ยวรอบ ๆ นี้ก็แล้วกัน!” เฟลิเซ่ยิ้มออกมาและพาซู่เจินไปเที่ยวรอบ ๆ

ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองชายทะเล , ห้าง , ร้านอาหาร …..ฯลฯ และก็มาจบลงที่สวนสาธารณะ ซึ่งสวนสาธารณะของที่นี่มันสวยงามเป็นอย่างมาก และในขณะที่เขาเดินเล่นและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศระหว่างเขากับเฟลิเซ่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นซู่เจินก็เดินไปนั่งพักที่ม้านั่งพร้อมกับเฟลิเซ่และเขาก็เอามือของเขายกขึ้นมาและเอาไปวางไว้บนไหล่ของเธอ เฟลิเซ่มองไปที่มือของซู่เจินและหันไปมองเขาและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “วิธีนี้มันไม่ล้าสมัยเกินไปหน่อยงั้นหรอ?”

“มันไม่สำคัญว่าวิธีนี้มันจะเชยหรือไม่เชย เพราะว่าสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือคุณไม่ปฏิเสธผมและปัดมือของผมทิ้งจริงไหม ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เฟลิเซ่ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนคุณจะเชื่อฉันไหม ? เพราะว่าตอนที่ฉันยังเด็กพ่อของฉันฝึกฉันให้เป็นผู้สืบทอดของบริษัทและนักบินทดสอบ ทำให้โดยพื้นฐานแล้วชีวิตของฉันส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ใน บริษัท , บ้านและเครื่องบิน ซึ่งเดิมที่แล้วบริษัทของฉันได้วิจัยเกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่และมีแนวโน้มสูงมากที่จะได้รับคำสั่งซื้อจากกระทรวงกลาโหม แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้พวกเขาไม่ซื้อมัน ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ฉันจึงไปที่ไนต์คลับเพื่อดื่มให้ลืมเรื่องร้าย ๆ ไป และฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับคุณโดยบังเอิญ พูดตามตรงฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตจากสวรรค์ที่ได้ส่งให้พวกเราได้มาเจอกัน ซึ่งเหมือนกับว่าพระเจ้ากำลังบอกให้ฉันตกหลุมรักคุณ? “

“อาจจะใช่!” ซู่เจินตอบเธอด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็เอามือที่อยู่บนไหล่ของเฟลิเซ่ดึงตัวเธอให้เข้ามาใกล้เขา ซึ่งเฟลิเซ่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด และเธอก็ค่อย ๆ เอาหัวของเธอไปพิงที่ไหล่ของซู่เจินด้วยความประหม่าเล็กน้อย

“มันให้ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์มากเลยทีเดียว … ” เธอรู้สึกได้ถึงหัวไหล่อันแข็งแกร่งและกล้ามแขนอันทรงพลังของซู่เจิน เฟลิเซ่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “บางที … ฉันอาจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซู่เจิน… คุณจริงจังกับฉันไหม?”

“แน่นอน!”

ซู่เจินกล่าวขึ้นมาโดยไม่ลังเล

สำหรับเฟลิเซ่เธออาจจะยังไม่ได้รู้จักซู่เจินมากนัก แต่สำหรับซู่เจินแล้วเขารู้จักเธอเป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเขารู้จักผู้คนมากมาย!

แน่นอนว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเฟลิเซ่อาจจะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง เพราะว่าเธอได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้สืบทอดของบริษัทและนอกจากนี้เธอยังเป็นนักบินทดสอบ ทำให้ภายนอกเธอดูเหมือนคนแข็งแกร่ง แต่ที่จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการคนคอยให้กำลังใจในเวลาที่เธอท้อ และมีความสุขไปกับคนที่เธอรักเมื่อเขาประสบความสำเร็จ!

ตั้งแต่ที่ซู่เจินได้เดินทางมาที่โลก Marvel เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะมีผู้หญิงเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาสามารถเปิดดันเจี้ยนได้

ซึ่งมันมีผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดมากมายหลายคน มันคงจะน่าเสียดายเกินไปถ้าเกิดว่าซู่เจินไม่เอาพวกเธอเข้ามาอยู่ในฮาเรมของเขา!

“แม้ว่าผมอาจจะไม่สามารถสัญญาได้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด แต่ผมก็ขอสัญญาว่าผมจะการเรื่องอื่น ๆ ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ร่วมกับคุณมากขึ้น”

“อืม!”

เฟลิเซ่ตอบขึ้นมาเบา ๆ

ซู่เจินก้มหัวของเขาลงเล็กน้อย ทำให้เฟลิเซ่เริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง และเธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและหลับตาลง

ความโรแมนติกนี้มันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดว่าเขามีความรู้สึกแบบไหน แต่สำหรับเฟลิเซ่แล้วนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอ และทำให้เธอรู้สึกว่าจูบนี้…….มันยอดเยี่ยมมาก

“ตูม!”

ในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในห้วงของความรัก จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นทำให้เฟลิเซ่และซู่เจินได้สติขึ้นมาทันที

เฟลิเซ่มองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยและในไม่ช้าเธอก็พบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นบนถนนใกล้กับสวนสาธารณะ

“ดูเหมือนว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกเราไปดูกันเถอะ!”

เฟลิเซ่หันไปพูดกับซู่เจินและวิ่งออกไปทันที ซึ่งซู่เจินไม่คิดว่าเธอจะวิ่งออกไปก่อนเขาแบบนี้ และไม่นานเขาก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อซู่เจินวิ่งไล่ตามเฟลิเซ่จนทัน เขาก็เห็นว่าเฟลิเซ่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายจับไปเป็นตัวประกันและกำลังเผชิญหน้ากับตำรวจอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของถนน

เห็นได้ชัดเจนว่ามันคืออุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่สาเหตุจริง ๆ ของมันน่าจะไม่ใช่!

“หรือว่านี่จะเป็นโอกาสในการทำเควสให้สำเร็จ?”

ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะใบ้กิน แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฟลิเซ่เลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขามั่นใจมากว่าเขาจะสามารถช่วยเธอได้อย่างแน่นอน!