การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเฟลิเซ่ ทำให้เธอโดนกลุ่มผู้ก่อการร้ายจับไปเป็นตัวประกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในตอนนี้อยู่ในความตึงเครียด และเมื่อเฟลิเซ่เห็นซู่เจินที่กำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยพวกคนร้ายพวกนี้มันมีอาวุธปืน ทำให้เธอไม่กล้าที่จะทำอะไรพลีผล่าม เธอทำได้เพียงแค่ตะโกนเตือนซู่เจินเท่านั้น

“รีบหนีออกไปจากที่นี่!”

ถึงแม้ว่าเธอจะถูกคนพวกนี้จับเป็นตัวประกัน และหวาดกลัวมากก็ตาม แต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะตะโกนเตือนซู่เจิน

และในขณะที่เธอตะโกนออกมา กลุ่มผู้ก่อการร้ายพวกนั้นก็สังเกตเห็นซู่เจินทันที และหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็ยกปืนขึ้นมาและเล็งไปที่ซู่เจินและพูดว่า “มึงอะเดินมานี่ซะ ไม่งั้นตาย!”

“เฟลิเซ่…คุณไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง!“

ซู่เจินยิ้มให้กับเฟลิเซ่เพื่อปลอบประโลมเธอ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาเธออย่างช้า ๆ

ทันทีที่ซู่เจินเดินเข้าไปใกล้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย พวกมันก็พยายามจะจับตัวของเขาเอาไว้ แต่ทันใดนั้นซู่เจินก็ยื่นมือของเขาออกมา พร้อมกับมีแสงสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเขาและเฟลิเซ่เอาไว้ หลังจากนั้นผู้ก่อการร้ายที่จับตัวของเฟลิเซ่เอาไว้ก็บินออกไปอย่างรวดเร็ว!

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของซู่เจินทำให้ทุกคนตกอยู่ในความตกตะลึง

ซู่เจินหันไปมองพวกผู้ก่อการร้ายพวกนั้นและพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า “นายบอกว่าจะฆ่าฉันด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวงั้นหรอ? โทษที…..ฉันว่าพวกนายอาจจะมีความสามารถไม่เพียงพอ!” เมื่อซู่เจินพูดจบ ทันใดนั้นก็มีกำปั้นสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาโจมตีหนึ่งในผู้ก่อการร้ายพวกนั้นจนกระเด็นไปกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง และในขณะเดียวกันผู้ก่อการร้ายคนอื่น ๆ ก็หยิบปืนขึ้นมาและยิงไปที่ซู่เจินอย่างเมามัน

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!

เมื่อซู่เจินเห็นแบบนั้นเขาก็สร้างโล่ขึ้นมากันกระสุน และโบกมือของเขา ทันใดนั้นก็มีมีดสั้นสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า และซู่เจินก็โบกมืออีกทีหนึ่ง ทำให้มีดสีเขียวพวกนั้นพุ่งเข้าไปโจมตีผู้ก่อการร้ายทั้งหมดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

“ อ๊ะ อั๊ก อ๊ากก … ”

ทำให้มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาอย่างทรมาณ และพวกผู้ก่อการร้ายพวกนั้นก็ค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นที่ละคน

ซู่เจินเดินเข้าไปหาเฟลิเซ่และถามขึ้นมาเบา ๆ ว่า “คุณเป็นอะไรไหม?”

“คุณ … คุณเป็นใครกันแน่!” เฟลิเซ่ถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ซู่เจินมองไปที่พวกผู้ก่อการร้ายที่นอนอยู่ที่พื้น หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตกใจอยู่และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าผมยังเป็นคนเดิมที่คุณรู้จัก แต่ผมก็มีความสามารถของกรีนแลนเทิร์น ดังนั้น….ผมก็เป็นกรีนแลนเทิร์นด้วยเช่นกัน”

“กรีนแลนเทิร์น?”

“เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังที่หลัง ตอนนี้….เราออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”

ซู่เจินยิ้มออกมาและเดินไปโอบเอวของเฟลิเซ่มากอดเอาไว้ จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและกลายเป็นแสงสีเขียวเข้มบินหายไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้! พวกคุณได้ยินไหม เขาบอกว่าเขาชื่อ กรีนแลนเทิร์น!”

“ได้ยินสิ พวกเราไม่ได้หูหนวกสักหน่อยเรา และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันนี้จะได้เห็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวเป็น ๆ ……กรีนแลนเทิร์นงั้นหรอ ? มันสุดยอดมาก!”

ทำให้บริเวณโดยรอบมีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่นานข่าวของกรีนแลนเทิร์นก็กระจายไปอย่างรวดเร็ว และมันก็กลายเป็นหัวข้อที่มีคนค้นหามากที่สุดในอินเตอร์อย่างรวดเร็ว

“ระบบตอนนี้ภารกิจรองของฉันน่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้วใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่กอบกู้สหรัฐอเมริกา และทำให้ผู้คนรู้จักการมีตัวตนของกรีนแลน ?” ซู่เจินถามระบบขึ้นมาในจิตใจของเขา

“ถูกต้อง!“

“เยี่ยม!“

ถึงแม้ว่าซู่เจินจะทำมันได้ไม่สมบูรณ์แบบมากนักและมันก็เป็นเพียงแค่จัดการกับผู้ก่อการร้ายธรรมดา แต่สำหรับเขาแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว ที่เขาจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงการมีอยู่ของกรีนแลนเทิร์น และเขาก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นกรีนแลนเทิร์นเพียงเพราะว่ามันเป็นภารกิจเท่านั้น!

ซู่เจินบินไปยังชายทะเลที่ห่างไกลจากตัวเมือง และค่อย ๆ ร่อนลงอย่างช้า ๆ

เฟลิเซ่ที่อยู่ในอ้อมแขนของซู่เจินในตอนนี้กำลังมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวสักหน่อย ผมก็แค่มีความสามารถพิเศษบางอย่างและความสามารถพิเศษของผมก็มาจากแหวนที่อยู่ในมือของผม…” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ และค่อย ๆ อธิบายให้เฟลิเซ่ฟังอย่างช้า ๆ

ในแง่หนึ่งที่เขาเล่าให้เธอฟังก็เพื่อเอาใจเธอ แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้บอกเธอ เดี๋ยวเธอก็จะต้องรู้ด้วยตัวเองในอนาคตอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะบอกเธอในตอนนี้เลยจะดีกว่า

“ฉันไม่ได้กลัวคุณ…ฉันแค่ประหลาดใจนิดหน่อย และฉันก็ไม่คิดว่าแฟนคนแรกของฉันจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่…มันวิเศษมากเลยล่ะ! ” เฟลิเซ่พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“มันยังมีดีกว่านี้อีกนะ!” ซู่เจินยิ้มออกมาและพูดต่อว่า “คุณอยากลองสัมผัสประสบการณ์บนอวกาศไหม?”

“อวกาศ ? คุณหมายถึง … ” เฟลิเซ่มองไปที่ซู่เจินอย่างตื่นเต้นและก่อนที่เธอจะพูดจบซู่เจินก็ปล่อยพลังสีเขียวเข้มมาห่อหุ้มร่างกายของเฟลิเซ่เอาไว้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาทั้งสองคนผ่านชั้นบรรยากาศของโลก พวกเขาก็พบกับจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เฟลิเซ่ก็ค่อย ๆ หันไปมองที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินด้วยความไม่อยากเชื่อและเธอก็ค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเธอก็หันไปกอดเอวของซู่เจินเอาไว้และจูบเขาอย่างดูดดื่ม

“ในประเทศจีนของผมมันมีตำนานเกี่ยวกับดวงจันทร์อยู่เรื่องหนึ่ง เขาว่ากันว่ามีเทพธิดานางหนึ่งชื่อว่า ฉางเอ๋อ เธออาศัยอยู่ในพระราชวังกวงฮั่นบนดวงจันทร์ และถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ตำนานและไม่มีพระราชวังกวงฮั่นหรือเทพธิดาฉางเอ๋ออะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ผมคิดว่ากำลังจะมีเทพธิดากำเนิดขึ้นบนดวงจันทร์แล้วล่ะนั่นก็คือ…..เธอไงเฟลิเซ่ “ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและบินตรงไปที่ดวงจันทร์ทันที

ซู่เจินใช้พลังสร้างเตียงขนาดใหญ่ขึ้นมาและพวกเขาทั้งสองคนก็ค่อย ๆ นอนลง โดยที่ล้อมรอบไปด้วยแสงสีเขียวเข้มที่เรืองแสงอยู่ตลอดเวลา

“มันสวยมาก!”

ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เฟลิเซ่พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ใช่มันสวยมาก และฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มีโอกาสขึ้นมาอยู่บนดวงจันทร์!”

“ไม่ ๆ ที่ผมหมายถึงก็คือ…คุณต่างหากที่สวยมาก!”

ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ และค่อย ๆ ก้มหัวลงไปจูบเฟลิเซ่

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองคนก็แยกจากกันและเฟลิเซ่ก็พูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”

“คุณไม่ต้องการทำให้ประสบการณ์ครั้งนี้มันสวยงามและน่าจดจำยิ่งกว่านี้งั้นหรอ ? แถมพรุ่งนี้ผมจะต้องออกเดินทางแล้วด้วยและจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนถึงจะกลับมาหาคุณได้ ดังนั้น … ” ซู่เจินไม่ได้พูดต่อ และเฟลิเซ่ก็เข้าใจเรื่องที่ซู่เจินต้องการจะสื่อเช่นกัน เธอรู้สึกอายเล็กน้อยและพยายามหลบสายตาจากซู่เจิน แต่เธอก็ไม่ได้มีท่างทางปฏิเสธหรือต่อต้านอะไรซู่เจินเลยแม้แต่น้อย

ฟุบ!

ซู่เจินค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของเฟลิเซ่ออกอย่างอ่อนโยน และเมื่อซู่เจินมองไปที่เฟลิเซ่ที่กำลังกระวนกระวายเล็กน้อย เขาก็จูบไปที่ปากของเฟลิเซ่เบา ๆ จากนั้น….เขาก็ค่อย ๆ เอนตัวลงเพื่อให้เฟลิเซ่ได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้……