หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราก็ค้นพบบันไดสู่ชั้นสุดท้าย
ถ้าลองดูบนแอปแผนที่ มันอยู่ไม่ไกลจากจุดเริ่มต้นเท่าไหร่ ในอีกด้านหนึ่ง รู้สึกเหนื่อยจากการที่บันไดที่อุตส่าห์ใช้เวลาค้นหากลับมาอยู่ใกล้เกินกว่าที่คิดเอาไว้ แล้วก็รู้สึกตัวว่าถ้าไม่ใช่เพราะอิมป์แล้วป่านนี้คงได้เร่ร่อนในเขาวงกตอยู่แน่ๆ
พอเตรียมใจแล้วก้าวลงบันได สิ่งแรกที่เตะจมูกคือกลิ่นน้ำคาวปลา กลิ่นของแม่น้ำที่หยุดนิ่ง…..
หรือว่านี่จะเป็นอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์อีก! พอหันกลับไปมองข้างหลัง บันไดยังอยู่ตรงนั้น แต่ไหนแต่ไรทิวทัศน์รอบๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากทางเดินหินแบบเดิม
ตื่นกลัวไปเองสินะ…..เอามือทาบอกแล้วเดินหน้าต่อ
เส้นทางเป็นทางลาดลงเล็กน้อย น้ำมากขึ้นเรื่อยๆจนซึมมาในฝ่าเท้า
รองเท้า, ข้อเท้า, น่อง น้ำค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นมา แล้วพอมาถึงเข่าก็ทำให้ยากที่จะเคลื่อนไหวต่อ
ยูคิเห็นดังนั้นจึงเสนอขึ้นมา
「มาสเตอร์ กรุณาขึ้นมาบนหลังผมเถอะฮะ」
「โอ้…..ไม่สิ ถ้าเกิดเข้าการต่อสู้มันจะเป็นปัญหาเอาได้」
「ถ้าลงทันทีก็ไม่เป็นอะไรหรอกฮะ」
「งั้น ก็ขอรับเอาไว้ละกัน」
ผมพูดแล้วขึ้นขี่หลังยูคิ
ยูคิที่มีร่างกายเทียบเท่ากับวัว สูงกว่าที่คิดเอาไว้ทำให้กลัวนิดหน่อย
แต่ว่าพอหางที่ฟูและอ่อนนุ่มมารัดรอบเอวเอาไว้ราวกับเป็นเข็มขัดนิรภัย ความกลัวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
…..มันอะไรกันเนี่ย ความรู้สึกสุขสุดๆนี่ จากนี่ต่อไปสำรวจโดยขี่หลังยูคิเลยซะดีไหม?
พอไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลื่อนไหว ทำให้มีเวลาในการคิดถึงจ้าวของสถานที่แห่งนี้มากขึ้น
ก่อนอื่นเรื่องประเภทของมอนสเตอร์ แต่แบบนี้ก็ต้องเป็นมอนสเตอร์ประเภทสัตว์น้ำแน่ๆ เพราะพื้นที่จะถูกสร้างสรรค์โดยเขาวงกตเพื่อให้เกื้อกูลกับมัน
จ้าวของเขาวงกตแรงค์ E จะต้องเป็นมอนสเตอร์แรงค์ D อย่างแน่นอน แรงค์ D แล้วก็ประเภทสัตว์น้ำ มันจะเป็นอะไรกัน
พอคิดถึงริมน้ำแล้วแล้ว ที่ขึ้นมาในหัวทันทีเลยก็คือกบ, ปลา, และงู มอนสเตอร์ที่เป็นกบหรือปลามันมีอะไรอยู่บ้างนะ…..แล้วก็สไลม์เองก็เป็นสังกัดน้ำ เจ้านี่มันโผล่ไปได้ทุกที่ งูน้ำอย่างมิซูจิเองก็เป็นตัวเลือก แล้วก็ลิซาร์ดแมนก็เป็นพวกสะเทินน้ำสะเทินบกด้วยไม่ใช่รึนี่
ขณะที่กำลังไล่รายชื่อศัตรูที่เป็นไปได้อยู่ในหัว ระดับน้ำก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท่วมมาถึงต้นขาของเอลิซ่าไปแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่ใช่ว่าจะท่วมจนมิดหรอกนะ? ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็คงไม่สามารถพิชิตผ่านไปได้
ขณะที่คิดอะไรแบบนั้นอยู่ หูของยูคิก็กระตุกและส่งเสียงเตือนออกมาอย่างชัดเจน
「มาสเตอร์ ศัตรูกำลังเข้ามาใกล้ฮะ!」
「!」
ด้วยคำพูดของยูคิ ทำให้พรรคพวกของเราตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ผมเองก็ลงมายืนกับพื้นให้ยูคิเป็นอิสระ
…..แย่แล้ว เคลื่อนไหวลำบากกว่าที่คิด แบบนี้ไม่ใช่ว่าทั้งยูคิกับเอลิซ่าจะต่อสู้ได้ไม่เต็มที่รึ? ควรจะคิดเรื่องถอยกลับด้วย ไม่สิ อาจจะต้องถอนตัวในตอนนี้ไปเลย…..
ภายในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่ลังเลเล็กน้อย ศัตรูก็เข้ามาถึงตัวพวกเราแล้ว
「มองเห็นศัตรูแล้วค่ะ」
ด้วยเสียงของเอลิซ่าทำให้จ้องไปทางข้างหน้า
ที่ตรงนั้น มองเห็นกระดองเต่ากำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
…..ศัตรูคือเต่างั้นรึ?
พริบตาต่อมาหลังจากที่คิดแบบนั้น เงาของศัตรูก็กระโจนขึ้นจากน้ำและโจมตีเอลิซ่า
กับศัตรูที่พยายามจะใช้แรงผลักให้ล้ม กูล่าผู้มีสติและใจเย็นของทางเราก็รีบคว้าแขนของมันอย่างรวดเร็วและใช้แรงของมันเอง เหวี่ยงมันกลับเข้าใส่กำแพง
แล้วทางด้านศัตรูก็มีความว่องไวอย่างน่าตกใจ หมุนตัวแล้วใช้เท้ายันกับกำแพงไว้ได้ แล้วจึงกระโจนกลับลงน้ำไป
-ซ่า- ขณะที่กำลังมองกระดองเต่าเคลื่อนที่ออกไป ผมทำการฉายซ้ำภาพของศัตรูขึ้นในหัว
รูปร่างเป็นชายผู้ใหญ่, ผิวสีเขียวคล้ำ, มือเป็นพังพืดพร้อมด้วยกรงเล็บแหลมคม, ที่ศรีษะมีผมแต่ตรงด้านบนมีพื้นผิวคล้ายจานกระเบื้อง มองแว่บแรกจะเหมือนว่าหัวล้าน
…..ไม่ต้องสงสัย ถ้าเป็นชาวญี่ปุ่นแล้วไม่มีทางดูศัตรูนี้ผิดแน่ ศัตรูก็คือ กัปปะ
ในหมู่แรงค์ D เองถือว่าเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งพอตัว เป็นนักว่ายน้ำชั้นเลิศ, พละกำลังเองก็มี, กระดองบนหลังมีพลังป้องกันสูง, ทั้งยังมีเทคนิคจากการที่เก่งด้านซูโม่
มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะว่าใช้งานบนบกได้ไม่นาน กลับกันแล้วหากเป็นในน้ำจะเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถแสดงพลังได้เกินกว่าแรงค์ที่เป็นอยู่
นี่คือ จุดแข็งและจุดอ่อนของเผ่าที่ขึ้นกับสภาพแวดล้อมอย่างประเภทสัตว์น้ำ
เอายังไงดี เพราะตัวตนของจ้าวเป็นประเภทสัตว์น้ำ จากตรงนี้ถอยกลับน่าจะดี สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นสถานที่ในการทดสอบแห่งเดียว ถ้าหากว่ารออีกเดือน ก็จะถูกแนะนำเขาวงกตแห่งใหม่ให้
อีกตัวเลือกคือเอาอัญมณีที่ได้มาไปขาย แล้วไปซื้อมอนสเตอร์ประเภทสัตว์น้ำแรงค์ D มาไว้ใช้ทางนี้บ้าง
ผมที่เริ่มรู้สึกอยากจะถอยหลังกลับ เร็นกะก็พูดขึ้นมา
「…..โอ่ย มัวขี้เกียจอะไรอยู่? รีบๆไล่ตามมันไปสิ ในตอนนี้คงจะอ่อนแรงลงมากแล้ว」
「ว่าอะไรนะ?」
「โอ่ยโอ่ย นี่ลืมแล้วรึไง กับสกิลที่ตัวชั้นเพิ่งจะได้มาเมื่อกี้นี้น่ะ?」
「! หรือว่า…..ใช้สถานะผิดปกติไปเหรอ?」
「อา เพราะงั้นหมอนั่นถึงลนลานรีบหนีไปไงล่ะ」
「อย่าพูดเหมือนว่าเป็นผลงานตัวเองคนเดียวสิย่ะ! มาสเตอร์ ชั้นเองก็ช่วยด้วยนะ!」
「จ้าจ้า」
「แล้วเป็นสถานะผิดปกติแบบไหนล่ะ?」
ทั้งคู่ยิ้มให้กับคำถามของผม
『อ่อนแอ』
「โย้ช เสร็จแแน่ รีบไล่ตามไปกันเลย!」
เรียกเอลิซ่ากลับเข้าการ์ดแล้วขึ้นขี่หลังยูคิ ในพื้นที่น้ำนี้ มันจะเร็วกว่าถ้าเอาเลิซ่ากลับมา
ยูคิสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วแม้จะเป็นที่กึ่งน้ำนี้ ด้วยการเตะพื้นแล้วว่ายน้ำ
เคลื่อนที่กันไปได้ซัก 1 นาทีก็พบกัปปะกำลังหายใจหนัก พิงอยู่กับกำแพง รีบทำการเรียกเอลิซ่าออกมา
อ่อนแอ เป็นสถานะผิดปกติที่ทำการลดพละกำลังทางกายภาพอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้ลดพลังชีวิตเหมือนอย่างพิษ แต่ในระหว่างการต่อสู้ ที่จำเป็นต้องใช้พละกำลังทางกายภาพอย่างมากอยู่แล้ว การถูกช่วงชิงไปถือว่าเป็นผลร้ายที่ยิ่งกว่าพิษอีก
อีกทั้งในคราวนี้ยังมีสกิลร่วมมือ เวทมนตร์สถานะผิดปกติของเรนกะถูกเสริมแกร่งขึ้น ด้วยการแก้ไขค่าจากภูติปีศาจของอิมป์ จะต้องเจ็บปวดเอามากๆ
กัปปะรู้สึกตัวถึงทางนี้ ทำการจู่โจมจากในน้ำเหมือนกับครั้งก่อน แต่การเคลื่อนไหวแบบเดิมไม่มีให้เห็น ดูทื่อลงมาก
ด้านเอลิซ่าทำการคว้าแขนของมันทั้ง 2 แล้วจับล็อค ด้านกัปปะพยายามสู้กลับด้วยการกัด แต่กรงเล็บของยูคิก็เข้าโจมตีใส่
จานบนหัวของกัปปะไม่ได้เปราะบางแตกได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่แข็งแรงพอจะสามารถทานการโจมตีจากมอนสเตอร์ในแรงค์เดียวกันได้
หัวของกัปปะถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำในสมองไหลออกมา แล้วเพียงชั่วครู่มันก็หายไป
「เย้! ชนะแล้ว!」
อิมป์ตะโกนส่งเสียงดีใจ
…..ชนะแล้ว เหรอ เท่านี้ผมก็ได้เป็น 2 ดาว—-ไม่สิเดี๋ยวก่อน มันแปลกๆ
กวาดตามองไปรอบๆ และราวกับว่าจะยืนยันสิ่งที่ผมคาดการณ์ ใบหน้าของเหล่าการ์ดทั้ง 3 ต่างก็เคร่งเครียด
เร็นกะสบตากับผมแล้วพยักหน้า
「กล่องน่าผิดหวังยังไม่โผล่ออกมา ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบนะ」
「เอ๋? อะไร?」
กับอิมป์ที่ดูจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงให้คำอธิบายง่ายๆไป
「หมายความว่าเจ้านี้ไม่ใช่จ้าว แต่เป็นลูกสมุนไงล่ะ」
แต่ว่า นี่มันเชื่อมโยงแบบไหนกัน
ตามปกติ มอนสเตอร์ที่แรงค์ต่ำกว่าสามารถถูกเรียกออกมาเป็นลูกน้องได้ ในกรณีนี้ควรจะจำกัดอยู่ที่แรงค์ E แต่ทำไมถึงสามารถเรียกแรงค์ D มาเป็นลูกน้องได้?
ผมพยายามคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ศัตรูดูท่าจะไม่ยอมปล่อยให้เรามีเวลาทำแบบนั้น
「มาสเตอร์ มองเห็นศัตรูกำลังใกล้เข้ามาค่ะ! จำนวน…..6 ตัว!」
「เอาจริงดิ บ้าเอ้ย」
สาปส่งไปเล็กน้อย แล้วทำการออกคำสั่ง
「เอลิซ่ากับยูคิทำการหยุดศัตรูก่อน เร็นกะกับอิมป์ใช้อ่อนแอใส่ให้หมดทุกตัว พอโดนกันหมดแล้วอิมป์ไปสนับสนุนด้วยสลิป ส่วนเร็นกะเข้าร่วมโจมตีด้วยเวทโจมตี」
『รับทราบ!』
เวลาเดียวกับที่ทุกคนตอบกลับมา เสียงของน้ำกระแทกก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า
ที่ตรงนั้นมีกัปปะอยู่ 6 ตัว
…..โอ่ย โกงกันเกินไปหน่อยรึเปล่า?
ใบหน้าของผมกระตุกจากการต่อสู้ใหญ่ที่กำลังจะปะทุ
「อ่าา เหนื่อยแล้วนะ!」
หลังจากที่สู้ไปได้ 10 รอบ อิมป์ก็ตะโกนออกมา มันยังเป็นความรู้สึกของทุกคนอีกด้วย
「จ-จะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย」
เร็นกะที่บ่นขณะหายใจหอบแรง ได้ยูคิตอบกลับมา
「ก-ก็ จนกว่าจะจัดการจ้าว นั่นแหละฮะ」
ทางนี้ก็หายใจหอบ อันที่จริงดูจะใช้พลังกายไปมากกว่าทางเร็นกะอีกด้วยซ้ำ
ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมเองก็หมดแรงเช่นกัน ขาสั่นไปหมด
ต่อสู้ขณะที่ติดอยู่ในคุกน้ำ พวกผมที่ไม่สามารถลอยในอากาศได้มันกินพลังทางกายภาพไปด้วย
「…..จนถึงตอนนี้ กัปปะจำนวนมากเท่าไหร่แล้ว?」
ผมถามเอลิซ่าที่ไม่หอบเลยซักนิด ในช่วงเวลาแบบนี้ รู้สึกอิจฉาที่ตัวเธอสามารถกินศัตรูแล้วฟื้นฟูได้…..ไม่ล่ะ กะแล้วว่าไม่น่าอิจฉาเลยซักนิด
「เยส, มาสเตอร์ 45 ตัวค่ะ」
「งั้นเหรอ…..」
ด้วยคำตอบของเอลิซ่า อิมป์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรังเกียจ
「อู ไม่จบไม่สิ้นจริงๆเลย เน่ มาสเตอร์เองก็กลับกันเถอะ พลังเวทเหลืออีกแค่นิดเดียวแล้วนะ」
「พูดอะไรกัน มาถึงตรงนี้แล้วก็เหลืออีกแค่ก้าวเดียว มาพยายามไปอีกซักนิดเถอะน่า」
「แต่ว่านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะค่อยๆหมดกำลังแล้วก็แพ้เอาไม่ใช่เหรอ?」
「ไม่หรอก จำนวนกัปปะเกือบจะหมดแล้ว อีกเดี๋ยวหัวหน้าของศัตรูก็คงจะโผล่มา」
ด้วยคำของผมทำให้ทั้ง 3 คนนอกเหนือจากเอลิซ่าเกิดความสงสัย
「รู้เรื่องนั้นได้ยังไงกัน หรือว่า…..รู้ตัวจริงของศัตรูแล้ว?」
「อา ตัวตนที่แท้จริงของศัตรูคงจะเป็น ซุยโคล่ะ」
ตัวผมเอง ไม่ใช่แค่มองดูเหล่าการ์ดกำลังพยายามต่อสู้อยู่เท่านั้น แม้ว่าจะข้ามการออกคำสั่งไป แต่ก็ทำการค้นหาตัวจริงของศัตรูมาโดยตลอด
ซุยโค(水虎/เสือน้ำ) คือการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในแรงค์ D ถูกแลกเปลี่ยนกันที่ราคาเกือบ 10ล้านถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การ์ดเด็กผู้หญิงก็ตาม
หากจะให้พูด พลังต่อสู้ของมันเองก็แค่สูงกว่ากัปปะนิดหน่อย หากเทียบกับแรงค์ D ที่มีทั้งหมดแล้วก็ถือว่าอยู่ช่วงกลางบน
เหตุผลใหญ่ที่สุดที่ทำให้ซุยโคกลายเป็นแรงค์ D ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือสกิล『หัวหน้าใหญ่ของกัปปะ』 ที่ทำให้สามารถ『เรียกมอนสเตอร์กัปปะจากแรงค์เดียวกันได้มากสุดที่ 48 ตัว』
แม้จะมีจำกัดจำนวน แต่การ์ดนี้จะช่วยให้สามารถเรียกมอนสเตอร์ที่มีแรงค์เดียวกันกับตัวเองออกมาได้
เป็นความสามารถสุดโกงของแท้
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ความสามารถจริงๆของมันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
กัปปะที่ถูกเรียกออกมาจะคล้ายๆกับเงา โดยทั่วไปจะหายไปหลังจากการต่อสู้หนึ่งครั้ง พลังต่อสู้เองก็ต่ำกว่ากัปปะตัวจริง และเมื่อใช้กัปปะครบ 48 ตัวที่มี ก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีกในวันนั้น
บางที ซุยโคที่นี่จะถูกเขาวงกตเสริมพลังในความสามารถที่ใช้เรียกกัปปะออกมา
ซึ่งนั่นคงเป็นต้นตอที่ต้องมาชุลมุนกับมอนสเตอร์แรงค์ D ที่โผล่ออกมาเรื่อยๆแบบนี้
「เห งั้นก็หมายความว่า ที่เหลือก็แค่จัดการกัปปะอีกนิดหน่อยแล้วที่นี่ก็จะสามารถไปซัดไอ้เบื้อกนั่นได้สินะ」
「เป็นเรื่องที่ช่วยฟื้นกำลังใจได้เป็นอย่างดีเลยฮะ」
「มาสเตอร์ผู้รอบรู้…..อย่างเท่อะ」
เร็นกะกับยูคิพากันยิ้ม อิมป์เองก็มองผมด้วยความเคารพ
「หุหุหุ」
ผมหัวเราะอย่างมีเลสนัยแล้วซ่อนสมาร์ทโฟนอย่างเงียบๆ
‘โทษที ก็แค่เปิดหาในแอปน่ะ
「มาสเตอร์ ถ้าเป็นตามที่พูด เดี๋ยวตัวหัวหน้าก็คงออกมาที่นี่ด้วยความหงุดหงิดแล้วล่ะ」
「เห นึกว่าจะปล่อยลูกน้องมาสู้จนถึงที่สุดซะอีก」
พอผมบอกไป เร็นกะก็พูดพร้อมยิ้มเยาะเย้ย
「ก็นั่นไง ถ้าเกิดว่าลูกน้องหมดแล้ว มันก็จะต้องสู้ตัวคนเดียวใช่ไหมล่ะ กับตัวที่ใช้แผนลับๆล่อๆแบบนี้ ไม่มีความกล้าพอจะทำแบบนั้นหรอก」
「อย่างงี้นี่เอง」
แล้วราวกับว่าได้ยินบทสนทนาของพวกเรา
ซุยโคได้โผล่ออกมาพร้อมกัปปะจากตรงทางเดินลึกไปด้านใน พร้อมด้วยเสียงคำรามเยี่ยงสัตว์ป่า
ในขณะที่กัปปะมีขนาดร่างกายพอๆกับมนุษย์ผู้ใหญ่ ซุยโคมีขนาดร่างกายสูงกว่า 2 เมตร พร้อมด้วยกล้ามเนื้อที่ราวกับถูกฝึกฝนมาของนักเล่นกล้าม
พริบตาที่มองเห็นศัตรู อิมป์กับเร็นกะก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน
『อ่อนแอ!』
ด้วยสกิลมิตรภาพร่วมมือเวทอ่อนแอจึงที่ขยายและรุนแรงยิ่งขึ้นถูกร่ายใส่ศัตรูทั้งหมด
แล้วจากนั้นก็ใช้ไปอีกครั้ง คราวนี้กับซุยโคเพียงตัวเดียว
「โย้ช ทุกตัวโดนหมดแล้ว! ไอ้เจ้าตัวโตนั่นก็ให้แบบแรงพิเศษไปด้วย」
「ทำได้ดีมาก!」
…..แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นแค่การบั่นทอนพลังทางกายภาพ ถ้าจะให้บั่นทอนจนมาอยู่ในระดับเดียวกันอาจจะจะต้องใช้เวลาซัก 2 – 3 นาทีรึเปล่า?
ศัตรูเองก็ดูจะเข้าใจว่าหากยิ่งปล่อยเวลาไปก็จะยิ่งเสียเปรียบ พวกมันจึงเตรียมอาวุธแล้วเข้าโจมตี
กัปปะ 2 ตัวพุ่งเข้ามาหาพวกเราโดยทะลวงผ่านเอลิซ่ากับยูคิที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วพยายามขัดขวาง คมแหลมจากใต้น้ำเข้าเฉือนตัวผม
—-เล็งเป้ามาที่ผมงั้นรึ!
เอลิซ่ากำลังรับมือกับซุยโค ส่วนยูคิกำลังรับมือกัปปะA จึงไม่มีอะไรที่พวกเธอสามารถทำได้
-ซึบซึบ- พยายามฝ่าน้ำแล้วถอยหนี แต่เมื่อเทียบกับพวกที่สามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระแล้วถือว่าช้าเกินไป
ความรู้สึกที่ขาถูกเฉือนผ่านเข้ามา ขาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ไหวจึงล้มลงก้นกระแทก
ช่องว่างร้ายแรง กัปปะเร่งความเร็วราวกับว่าใช้พลังที่เหลือทั้งหมด พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้ว—-หยุด
พริบตาต่อมา เลือดสีฟ้าก็เริ่มผุดลอยขึ้นมาจากในน้ำ
แสยะยิ้ม
มันติดกับดักลวดที่ไอ้โง่บางตัววางเอาไว้ก่อนหน้า
จากนั้นพวกเร็นกะได้ใช้เวทสถานะผิดปกติเข้าใส่ เวทอัมพาต ร่างกายของกัปปะเกร็งแข็งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แล้วจึงเข้าจัดการทีละตัว
เท่านี้ก็เสร็จไปก่อน 2 ตัว
ไม่ใช่ว่าแค่สู้กับกัปปะ 45 ตัวติดต่อกันไปเฉยๆ พวกเราได้เรียนรู้วิธีจัดการกัปปะมาแล้ว
พวกกัปปะมีความมั่นใจอย่างมากในความสามารถที่เคลื่อนไหวในพื้นที่น้ำแห่งนี้ได้ และเมื่อเข้าโจมตีเป็นกลุ่ม มันมักจะพยายามโจมตีผมโดยตรงเสมอ
ในตอนแรกก็ตกใจกับการโจมตีทีเผลออยู่ แต่ถ้าหากรู้ว่ามันกำลังมาแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ต้องขอบคุณมันที่ทำให้การแกล้งทำเป็นถอยหนีแบบตะกุกตะกักของผมทำได้เนียนขึ้นมาก
ในอีกด้านหนึ่ง ศัตรูยังไม่มีข้อมูลของทางฝ่ายเรา เป็นการคุ้มค่าที่จัดการกับศัตรูที่เข้ามาโจมตีพวกเราไปทั้งหมด
เอาล่ะ เหลือแค่ซุยโคและกัปปะแล้ว ด้านเอลิซ่า…..กำลังลำบากอยู่งั้นรึ
ระหว่างตัวเธอที่เป็นแรงค์ D ระดับล่าง กับซุยโคที่เป็นแรงค์ D ที่แข็งแกร่งที่สุดและถูกเสริมพลังจากการเป็นจ้าว มันก็เป็นตามที่คาดไว้ ถึงอย่างนั้นก็พยายามปกป้องแค่ส่วนหัวไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ยูคิสามารถกดดันกัปปะเอาไว้ได้ เมื่อเวลาผ่านไป การเคลื่อนไหวของกัปปะก็ยิ่งแย่ลงและถูกโจมตีตอดไปเรื่อยๆ จากนั้นกระสุนแสงของเร็นกะก็ถูกเพิ่มเข้ามา และแล้วกัปปะตัวสุดท้ายก็ถูกจัดการ
เพียงเท่านี้ก็เหลือเพียงแค่จ้าวเท่านั้น…..
แต่ว่าจากตรงนี้ไปก็ไม่ต้องรีบร้อน เวลาได้มาอยู่ข้างเดียวกับทางเราแล้ว
ด้วยการช่วยเหลือของยูคิ การต่อสู้ระหว่างเอลิซ่ากับซุยโคมาถึงทางตัน จากตรงนั้น พวกเร็นกะได้ร่ายเวทสถานะอัมพาตเข้าใส่
ความทนทานต่อสถานะผิดปกติของจ้าวได้ถูกเสริม แล้วอัมพาตยังนับว่าเป็นของแรงในหมู่เวทสถานะผิดปกติ ทำให้ติดยาก
แต่ก็ไม่รีบร้อน ใช้ครั้งที่ 2, และก็ 3 ต่อไป และแล้วพอครั้งที่ 4 อัมพาตก็ติดในที่สุด
ร่างของซุยโคเกร็งแข็ง ในตอนนั้นทุกคนก็เข้าโจมตีพร้อมกัน และแล้วการต่อสู้ก็จบลง
น้ำลดลงไปราวกับคลื่นไหลกลับ
และที่หลงเหลืออยู่เบื้องหลังคือหินเวทที่ตกจากซุยโคและกล่องน่าผิดหวัง
『จ-จบซักที~』
เสียงของทุกคนซ้อนทับพร้อมถอนหายใจ
นี่มันอะไรเนี่ย โคตรจะเหนื่อยเลย! นี่นะเหรอเขาวงกตแรงค์ E ? ห๊ะ!? ความยากมันจะเพิ่มเยอะเกินไปแล้ว!
นี่คงจะเป็นสาเหตุที่เหล่าเด็กใหม่กว่าครึ่งต้องติดแหง๊กอยู่กับแรงค์ E
อย่างเดียวที่พูดได้เลยก็คือ ไอ้เขาวงกตแห่งนี้มันจะต้องเป็นอันที่ยากในหมู่แรงค์ E แน่ๆ
ซุยโคที่แข็งแกร่งที่สุดในแรงค์ D โผล่มาพร้อมความสามารถเรียกลูกน้องที่ถูกเสริมแกร่งขึ้น….. นักผจญภัย 1 ดาวทั่วๆไปที่พึ่งพาแค่การ์ดแรงค์ D เพียงใบเดียวไม่มีทางจะก้าวข้ามความท้าทายนี้ไปได้แน่นอน
ถ้าพลาดในการถอยกลับแล้วล่ะก็ คงต้องลอสการ์ด…..หรือแม้แต่เสียชีวิตเอาได้เลย
ก็ไม่ใช่ว่าทางกิลล์จงใจเลือกเขาวงกตที่มีจ้าวแบบนั้นปรากฏ
ในเขาวงกตรูปแบบมาตรฐานแบบนี้ เนื่องจากไม่มีคุณลักษณะอะไร มอนสเตอร์ที่ปรากฏจะเป็นแบบสุ่ม ซึ่งจ้าวเองก็เหมือนกัน
แต่ว่าไอ้การที่ซุยโคแรงค์ D ที่แข็งแกร่งที่สุดโผล่ออกมา…..นี่ผมดวงซวยจริงๆใช่ไหมเนี่ย?
แถมการ์ดซุยโคก็ไม่ตกด้วย!
ก็นะ อัตราดรอปของการ์ดแรงค์ D คือ 1% มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ตกอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อยากจะได้ของตอบแทนอะไรกลับมาหลังจากที่ต้องเจอกับปัญหายุ่งยาก
อะ ใช่แล้ว พูดถึงของตอบแทน…..
「ลืมไปเลย ต้องเปิดกล่องน่าผิดหวังสินะ」
พอลุกขึ้นก็เข้าไปหากล่องน่าผิดหวัง เหล่าการ์ดที่กระจายอยู่รอบๆก็พากันมารวมตัว
ต่อให้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่อย่างที่คิดพอเป็นช่วงเวลานี้ก็ทำให้ลืมความเหนื่อยไปเลย
「โย้ช เปิดล่ะนะ」
พอพูดก็เปิดฝากล่อง สำหรับกล่องรางวัลพิชิตจะไม่มีกับดัก จึงสามารถเปิดออกได้ด้วยความมั่นใจ
ที่อยู่ภายในคือหินเวทกับ…..หลอดทดลองที่เต็มไปด้วยของเหลว
โอ่ย ไอ้รูปแบบนี้เคยเจอมาก่อนนะ….. หลังจากพยายามกันขนาดนั้นก็เป็นโพชั่นอีกงั้นเหรอ~
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านี่มันเรืองแสงสีขาวอมฟ้าออกมาด้วย ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเอาเข้าปาก รู้สึกว่าถ้าดื่มมันแล้วจะโดนรังสีอะไรเข้า
หรือว่านี่จะเป็น พลาดครั้งใหญ่งั้นเหรอ…..
ขณะที่ผมกำลังรู้สึกเศร้าอยู่ข้างใน ก็มีเงาค่อยๆเอื้อมมือสั่นๆไปที่หลอด
「…..เร็นกะ?」
「!」
เร็นกะกลับมามีสติด้วยสีหน้าตกใจ
「เป็นอะไรไป? ทำท่าแปลกๆนะ」
「อะ อา…..ไม่สิ ไม่มี, อะไรหรอก」
ขณะที่พูดแบบนั้น ดวงตาของเธอก็จ้องติดอยู่กับโพชั่น
พอลองดูท่าทางของคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนอะไรซักเท่าไหร่ จึงมองไปที่เร็นกะด้วยความสงสัย
「หรือว่าบางที จะรู้ว่าอันนี้คืออะไรงั้นเหรอ?」
พอลองถามกว้างๆดู สายตาของเร็นกะก็กรอกไปมาแล้วตอบมาด้วยความไม่มั่นใจ
「…..บางทีแล้วอาจจะเป็นอมฤต คิดว่านะ」
『อมฤต!?』
อมฤต คือน้ำวิเศษแห่งความเป็นอมตะที่ปรากฏขึ้นในตำนานปกรณัมของอินเดีย
แน่นอนว่า มันไม่เหมือนกับอมฤตที่ถูกกล่าวถึงในตำนาน ไม่ได้มีความสามารถมอบความอมตะ แต่ก็มีความสามารถคืนความเยาว์วัยและพลังในการรักษาฟื้นฟูจากสภาพใกล้ตายขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์
เพียงความสามารถในการฟื้นฟูก็ถือว่าเป็นโพชั่นชั้นยอดแล้ว แต่ที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นคือความสามารถคืนความเยาว์วัย
1 ขวดคือ 1 ปี นั่นก็คือความสามารถคืนความเยาว์วัยของอมฤต เพียงแค่ 1 ปี แต่มันก็คือ 1 ปี เพียงแค่นี้มันก็มีคุณค่ามากพอสำหรับผู้มีอำนาจจะไขว่คว้าค้นหามัน
นั่นเพราะถ้าดื่มมัน 1 ขวดทุกปี ก็จะสามารถมีชีวิตไปได้ตลอดกาล
ด้วยเหตุนี้ อมฤตจึงมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่บ้าบอมาก
ทางกิลล์เองก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่พร้อมทำการรับซื้อในราคาขวดล่ะ 100ล้านเยน
ซึ่งนั่นเป็นแค่ราคารับซื้อเท่านั้น ถ้าเกิดมันถูกนำออกสู่ตลาด ราคาแลกเปลี่ยนของมัน…..แทบจะไม่อยากคิดเลย
เป็นของที่แม้จะมีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถได้มันมาไว้ในมือ ถ้าหากทำการแลกเปลี่ยนโดยตรงแล้วคงจะมีราคาสูงกว่าหลายเท่าตัว
…..ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีพลังมากพอที่จะให้พวกนั้นจ่ายเงินอย่างตรงไปตรงมาได้รึเปล่าด้วย
แต่ว่านี่ ได้ของที่ไม่น่าเชื่อมาไว้ในมือซะแล้ว
ไม่สิ มันยังไม่ได้ถูกตัดสินว่านี่คืออมฤตของแท้เลย แต่ถ้าลองมองดูมันที่มีสีชวนพิศวงแล้ว ช่างดูศักดิ์สิทธิ์ ราวกับดาวโลกถูกทำให้กลายเป็นของเหลว
ท-ทำยังไงดี จะขายมันไปเลยดีไหม? ถ้าแบบนั้นคงได้เป็นเศรษฐีในพริบตา ความแข็งแกร่งของการ์ดจะสามารถเสริมพลังได้ในทันที
หรือว่าจะเก็บเอาไว้ดี? กับนักผจญภัยที่ไม่รู้ว่าจะตายเอาได้เมื่อไหร่ มันก็ถือว่าเก็บเผื่อเอาไว้ได้อย่างไม่เสียหายแน่นอน มันยังเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้มันเป็นเครื่องรางในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวอีกด้วย
ไม่สิ ถ้าหากเกิดถูกเจอว่าผมมีอมฤตอยู่ มันจะต้องมีคนพยายามขโมยแม้ว่าจะต้องถึงขั้นลงมือฆ่าทิ้งเลยก็ได้….. อย่างที่คิด ขายไปน่าจะดีกว่า…..
ขณะที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ ก็รู้สึกตัวว่าเร็นกะกำลังจ้องมาทางผมอยู่อย่างแน่วแน่
ไม่สิ ไม่ได้จ้องที่ผม แต่เป็นที่อมฤต
สุดท้ายแล้ว มันก็เกิดคำถามว่าทำไมตัวเธอถึงดูยึดติดกับอมฤตอย่างมาก แล้วยังที่ว่าทำไมเธอถึงสามารถระบุได้ว่ามันคืออมฤต
「นี่เร็นกะ…..ทำไมถึงคิดว่ามันคืออมฤตล่ะ?」
「เอ๋? ไม่สิ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พอได้เห็นมันเข้า อมฤตก็ลอยเข้ามาในหัว」
「ฟุมุ…..」
เร็นกะ…..ไม่สิ ซาชิกิวาราชิกับอมฤต มีความเกี่ยวข้องอะไรกันงั้นเหรอ? ไม่ล่ะ ไม่เคยได้ยินคำบอกเล่าอะไรที่เกี่ยวกันเลย
ถ้าหากให้เร็นกะดื่มอมฤตไป อาจจะสามารถไขปริศนาออกก็เป็นได้ แต่ไม่มีความคิดจะเอาเงิน 100ล้านเยนไปใช้แบบนั้นหรอก
แต่ น่าสงสัย น่าสงสัยสุดๆ
อย่างที่คิด เก็บเจ้านี่เอาไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าเป็นอมฤตของจริงไหมแต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง จู่ๆได้เงินมา 100ล้านเยน…..น่ากลัวอยู่หน่อยๆ
จะขายเมื่อไหร่มันก็ได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็เอาไว้ในที่เก็บแข็งแรงๆเอาไว้ก่อน
พอผมตัดสินใจแล้วจึงออกมาจากเขาวงกต
ออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่ได้เริ่มเล่น Twitter มาเมื่อเร็วๆนี้
ไม่สิ ถ้าตัว Twitter เองก็มีใช้มันมาอยู่ก่อนหน้านานแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถตามหัวข้อที่โรงเรียนได้ทันปัจจุบัน มีตัวที่เป็นทางการสำหรับใช้กับเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็อันส่วนตัวสำหรับงานอดิเรก
แล้วตอนนี้ก็เริ่มสร้างบัญชีสำหรับนักผจญภัย
ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ
ถ้าจะให้พูดแล้วล่ะก็ เพราะอยากจะระบายอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่สามารถอวดการ์ดให้กับเพื่อนร่วมห้องได้
ต้องขอบคุณเหล่าแมลงทั้งหลายที่เข้ามาตอมด้วยแค่เหตุผลที่ว่าเป็นการ์ดสาวๆ ทำให้ยอดผู้ติดตามเกินไปกว่า 1,000 คนภายในเวลาที่เริ่มสร้างไม่ถึง 2 อาทิตย์ จากตรงนี้ไปหากสามารถทะลุ 10,000 คนก็จะเป็นการแสดงความสามารถที่มี
จนถึงตอนนี้ มีโพสภาพตอนผ่อนคลายจากการผจญภัยของเหล่าสาวๆ 3 คน การรีวิวขนมที่เร็นกะกิน, วิดีโอการเล่นขลุ่ยของเอลิซ่า—-แน่นอนว่าไม่ใช่ขลุ่ยของฮาเมลิน—-
พยายามอย่างที่สุดในการยกเว้นข้อมูลเกี่ยวกับความน่ารัก, เสน่ห์ทางเพศ, และรายได้
เพราะไม่อย่างนั้นจำนวนของกลุ่มผู้ติดตามแปลกๆมันจะเพิ่มเอาได้
ที่ตอบรับดีที่สุดจะเป็น การรีวิวขนมแบบอิสระของเร็นกะ
ด้วยช่องว่างของการเป็นซาชิกิวาราชิกับแยงกี้ มีความแม่นยำและเฉียบคม ดูจะสร้างความประทับใจแก่เหล่าผู้หญิงวัยรุ่น
ในอีกด้านหนึ่ง การแสดงของเอลิซ่าเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชาย มีหลายความคิดเห็นที่ชื่นชมเธอที่เป็นกูล่าที่ว่ากันว่าไร้ซึ่งอัตตาแล้วสามารถฝึกฝนได้จนถึงขนาดนี้
มีหลายความคิดเห็นที่น่าจะมาจากคนในสายอาชีพเดียวกัน แถมบางคนก็ยังมีขอให้ขายการ์ดให้ แต่ก็นะ พอเปิดเผยต่อสาธารณะไปว่าทำการตั้งชื่อให้แล้วพวกนี้ก็หายไป
โพสในวันนี้เป็นเรื่องพรรคพวกคนใหม่…..เกี่ยวกับอิมป์
คู่ไปกับภาพถ่ายใบหน้าตอนยิ้มของเธอพร้อมอธิบายลักษณะนิสัยไปสั้นๆ
มีเขียนเรื่องตอนที่ทะเลาะกับเร็นกะเรื่องขนม พร้อมตอนต่อที่ได้คืนดีกันแบบย่อๆ แน่นอนว่าไม่ได้เอ่ยถึงข้อมูลการสำรวจ
เพิ่งจะโพสไปแต่การตอบสนองนับว่าเยี่ยม
ขณะที่ตอบความคิดเห็นฆ่าเวลาอยู่ ก็รู้สึกตัวว่าคิวถูกเรียกแล้ว
ผมได้พิชิตเขาวงกตแรงค์ E ไปเมื่อวานวันอาทิตย์ แล้วจึงมาทำใบอนุญาติอันใหม่ตอนนี้หลังเลิกเรียน
「ท่านที่ถือหมายเลข 67 คิตากาว่าซัง อยู่รึเปล่าคะ?」
「อะ คร้า~บ」
รีบตรงไปโต๊ะแผนกต้อนรับ พอคุณพนักงานหญิงเห็นหน้าผมก็ยิ้มออกมา
「ขออภัยที่ต้องให้รอนาน ยินดีด้วยค่ะ ทางนี้คือใบอนุญาต 2 ดาวค่ะ」
「ขอบพระคุณมากครับ!」
โค้งหัวให้แล้วรับใบอนุญาตมา
แตกต่างไปจากใบอนุญาต 1 ดาวสีขาวเรียบๆ ใบอนุญาต 2 ดาวจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีทองแดงที่ดูหรูหรากว่าเล็กน้อย
ที่ด้านหน้ามีดาวดวงใหญ่ 2 ดวง, รูปถ่าย, ชื่อ, ที่อยู่, สถานที่ที่จดทะเบียน
ที่ด้านหลัง รายการความสำเร็จของผมจะถูกระบุไว้ ซึ่งรวมไปด้วยจำนวนเขาวงกตที่พิชิตได้ในแต่ล่ะแรงค์, และความสำเร็จในการจัดการค่าหัว
ในกรณีของผมคือ【☆ชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน(F)】ถูกเขียนเอาไว้ หมายถึงว่าได้จัดการชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินในเขาวงกตแรงค์ F
ตัวใบอนุญาตสามารถใช้เป็นการ์ดประจำตัว หรือใช้เป็นบัตรสมาชิกในร้านเช่าวิดีโอก็ได้
ด้วยการลงทะเบียนบัญชีธนาคาร จะสามารถแลกเปลี่ยนเงินค่าหินเวทและเงินรางวัลโอนมาที่ผมได้ และสามารถใช้การ์ดนี้ในการซื้อของที่กิลล์
เก็บการ์ดไว้ที่กระเป๋าอกเสื้อแล้วเดินออกมา
…..ฟุฟุฟุ เท่านี้ผมก็เป็นนักผจญภัย 2 ดาวแล้ว อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะเป็นกึ่งโปร แล้วที่นี้ก็จะสามารถอวดความสามารถได้อย่างภาคภูมิใจกับเพื่อนร่วมชั้น
ไม่สิ แค่ 2 ดาวก็น่าจะภูมิใจพอแล้วรึเปล่า? มันแทบจะไม่มีเด็กม.ปลายที่ได้เป็น 2 ดาวเลย เรื่องรายได้ในคราวนี้ ถ้ายังไม่นับอัญมณีจะได้ 300,000 จากการพิชิต, 50,000 จากการแลกหินเวท รวมเป็น 350,000, ยังมีการ์ดแรงค์ F หลายใบและการืดแรงค์ E 10 ใบที่ได้ระหว่างทาง, และอุปกรณ์เวทจากกล่องน่าผิดหวังรวมมูลค่ามากขึ้นไปอีก
เป็นรายได้ที่แยกเอาคาบังเคิลที่เป็นของบังเอิญ กับอมฤต(ชั่วคราว) ที่ไม่รู้ว่าเป็นของจริงไหมออกไป เพียงเท่านี้ก็สามารถทำเงินมากกว่าพนักงานออฟฟิศทั่วไปได้ในคราวเดียว
มันยังจะมีเด็กม.ปลายไหนอีกที่สามารถทำเงินได้ขนาดนี้ในคราวเดียวอีก? ถ้าพูดออกไป ทุกคนในชั้นจะต้องมองด้วยความชื่นชม…..ไม่สิ อย่างที่คิดไว้คงไม่ได้แน่
การแสดงตัวออกมาด้วยรายได้จะนำมาซึ่งความอิจฉา แล้วมันก็จะมีพวกที่แดกดัน หรือไม่ก็มาฉุดรั้งเอาไว้
เพื่อที่จะได้รับความชื่นชมจากคนอื่น คุณจะต้องเลือกแสดงความสามารถและเกียรติยศ ไม่ใช่รายได้
ภาพลักษณ์ของนักเสี่ยงโชคที่ได้เงินหลายร้อยล้านจากการในการซื้อขายหุ้น มันย่อมแตกต่างกับกับภาพลักษณ์ของนักกีฬาเหรียญทองที่ได้เงินร้อยล้านจากการถ่ายทำโฆษณา
อย่างที่คิด 3 ดาว ไม่ใช่รายได้ แต่ผมต้องการแสงของ 3 ดาว
อาจจะเพราะคิดอะไรแบบนั้นอยู่
ทำให้ผมไม่รู้สึกตัวถึงคนที่เดินออกมาจากลิฟท์
「—-อาเร๊ะ? ….หรือว่าจะเป็นคิตาจิ-ไม่ใช่สิ คิทากาว่าคุงไม่ใช่หรือนั่น?」
「!?」
ขณะมองไปด้วยความตกใจ ที่ตรงนั้นคือโอโน่พร้อมด้วยรอยยิ้มสบายๆบนหน้า
「แหม บังเอิญจริงๆเลยน้า~ มาทำอะไรที่นี่กันล่ะ ที่นี่คือกิลล์นะ ถ้าศาลากลางอยู่คนละชั้นกัน」
「อะ อา…..」
แย่แล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอโอโน่ในที่แบบนี้ ทำไมกันล่ะ? หมอนี่มักจะไปกับมินามิยาม่าที่สถานีทาชิกาว่าไม่ใช่รึ หรือว่ามินามิยาม่าก็ตามมาด้วย? พลาดซะแล้ว ควรจะเลือกที่ที่มันไกลกว่าสถานีฮาชิโอจิ พอมาคิดดู ทาชิกาว่ากับฮาชิโอจิมันก็ใกล้กันเกินไป ไม่น่าเลือกเพราะเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดเลย น่าจะเลือกสถานีที่ไกลๆไปจนกว่าจะได้ 3 ดาว ไม่สิ นี่มันไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนั้น จะต้องตอบคำถามของโอโน่กลับไป
「อาเร๊ะ หรือว่าจะมาที่นี่เพื่อเป็นนักผจญภัยเอง?」
โอโน่พูดพลางยิ้ม แต่สายตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
พอเห็นผมที่ลุกลี้ลุกรนอย่างเห็นได้ชัด จะต้องรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแน่ ถ้าเป็นตอนนี้จะตามน้ำไปได้ไหม? เพราะว่าอยากรู้ว่านักผจญภัยเป็นยังไงก็เลยแวะมานิดหน่อย….. ไม่ไหว ดูฝืนเกินกว่าจะเป็นข้อแก้ตัว แถมถ้าเบี่ยงเบนประเด็นไม่ดี ตอนที่เปิดตัวมันอาจจะส่งผลแย่ๆได้ ยังไงก็ตาม ผมวันนี้ไม่ได้มาเพื่อสมัครเป็นนักผจญภัย นั่นคือเรื่องจริง ส่ายหัวแล้วพูดให้น้อยเข้าไว้
「เปล่าหรอก」
「อะ หรือว่าจะเป็นนักผจญภัยอยู่แล้ว? เห ตั้งแต่เมื่อไหร่นั่น!」
ความแตกแล้ว! น้ำเสียงของโอโน่มีความมั่นใจ ไม่มีการแหย่ถาม มั่นใจว่าเป็นนักผจญภัยได้จากท่าทีของผม ปิดต่อไปไม่ได้แล้ว รอยยิ้มบนในหน้ากระตุกจนตัวเองก็รู้สึกได้
「ก็ซักพักแล้ว ล่ะนะ」
「อะไรกัน ถ้างั้นก็น่าจะบอกกันก่อน มีคนอื่นรู้เรื่องแล้วรึเปล่าล่ะ?」
กำลังสอบสวนอยู่? ไม่สิ กลัวจะมีความเป็นไปได้ว่าตัวเองเป็นแค่คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องงั้นรึ? ถ้าหากคนอื่นในกลุ่มเรียจูรู้เรื่อง ก็จะมีแค่โอโน่ที่ข้อมูลถูกบิดเบือน โอโน่เองก็พยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะรักษาสถานะของตัวเองในกลุ่มเรียจูเอาไว้? จะว่าไปแล้ว ทำไมหมอนี่จู่ๆถึงไปเป็นนักผจญภัยกัน? เคยคิดว่าเพราะเป็นอิทธิพลจากมินามิยาม่าแต่ว่า
「ไม่ล่ะ ยังไม่ได้บอกใคร」
「…..เห งั้นก็มีแค่ผมที่รู้สินะ」
「!!!」
ขนลุกขึ้นไปทั้งสันหลัง พริบตา เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของโอโน่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย
「งั้นเหรองั้นเหรอ คิตากาว่าคุงเองก็เป็นนักผจญภัยด้วย จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยละกัน」
แล้วโอโน่ก็หันเท้ากลับ ผมจึงถามกลับไป
「แล้วโอโน่ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ?」
「หืม~?」
โอโน่ตอบมาโดยที่ไม่หันกลับ
「ก็อะไรหลายๆอย่างแหละ แต่ก็ดีที่ได้มาล่ะนะ」
「…………………………」
ตัวผม ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงลางไม่ดีเมื่อเห็นโอโน่เดินจากไป
【Tips】อมฤต
ในหมู่โพชั่น มีสิ่งที่ไม่เพียงแค่รักษาบาดแผลหรือโรคภัย แต่ยังมีการคืนความเยาว์วัยและทำให้อายุยืนอีกด้วย หนึ่งในนั้นก็คืออมฤต มีพลังในการฟื้นฟูทุกอย่างตราบเท่าที่ยังไม่เสียชีวิตถึงแม้จะเหลือเพียงแค่สมอง และยังคืนความเยาว์วัยแม้จะได้เพียง 1 ปี
ของที่คล้ายๆกันก็มี อิลิกเซอร์(elixir) ที่รักษาทุกโรคภัยและยืดอายุไป 10 ปี, เหล้าโซม่า ที่เป็นเหล้าที่อร่อยที่สุด ช่วยหยุดอายุเอาไว้ได้ 10 ปี, เซียนตัน(仙丹) พืชที่ช่วยคงความเยาว์วัยไปตลอดกาลและอายุยืน
เมื่อครั้งที่เซียนตันถูกค้นพบและความสามารถได้รับการประเมิน มันถูกนำเข้าประมูลและขายไปในราคา 1ล้านล้านเยน ผู้ที่ชนะการประมูลคือมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน แต่ในวันเดียวกันนั้นเองเขาก็ถูกใครบางคนลอบสังหาร ส่วนเซียนตันก็ถูกขโมย ทางด้านนักผจญภัยที่ค้นพบเซียนตันเองก็ไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขเช่นกัน