(……ฉันอยู่ที่ไหนกัน?)

ฉันพึมพำกับตัวเองขณะมองไปรอบๆตัวฉัน

มีไม่บ่อยนักที่ฉันจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่ แต่ฉันจำช่วงเวลานี้ได้โดยสัญชาตญาณ

ห้องที่เป็นสีขาวและให้ความรู้สึกสงบนี้ ดูเหมือนจะเป็นห้องในโรงพยาบาล

(…อะไรกัน? นี่ฉันฝันอยู่เหรอ?)

ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยพยายามลุกจากเตียง แต่แล้วฉันก็รู้ว่าร่างกายของฉันอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขยับได้

แขนของฉันถูกพันด้วยผ้าพันแผลและขาของฉันถูกแขวนไว้จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดูเหมือนว่าเอวของฉันก็ขยับไม่ได้เช่นกัน

ความฝันนั้นเหมือนจริงมากจนฉันเริ่มสงสัยว่ามันเป็นความฝันจริงๆหรือเปล่า

แน่นอนว่าฉันรู้สึกถึงสิ่งเร้าภายนอก และยังรวมถึงความเจ็บปวดจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง

(อ๊าา..…ดูเหมือนฉันจะพูดไม่ได้นะเนี่ย!)

เนื่องจากฉันขยับปากไม่ได้จึงพูดไม่ได้ ตอนนี้ฉันทำได้แค่พูดในใจอย่างนี้เท่านั้น

ฉันขยับตัวไม่ได้และพูดไม่ได้……แต่ถ้านี้เป็นความฝันของฉัน มันต้องมีที่ฉันบินไปบนท้องฟ้า ใช้ดาบเวทมนตร์ และฟันศัตรูให้เป็นผุยผงด้วยสิ แต่นี้มันอะไรกันแค่ขยับปากฉันยังทำไม่ได้เลย

ประตูห้องในโรงพยาบาลเปิดออกขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีถ้าไม่ตื่นจากฝันนี้

“….อา โทวะ!!”

เป็นชูนั่นเองที่เข้ามา

เขาดูเด็กกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุดเล็กน้อย แต่ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นฉันจึงต้องรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นฉันบนเตียง สีหน้าของชูก็ค่อยๆบิดเบี้ยว และเขาก็เริ่มร้องไห้ น้ำตาไหลอาบหน้าและมีน้ำมูกไหลลงมาจากจมูก

“ฉ-ฉันขอโทษ……ฉันขอโทษโทวะ! ฉัน……ฉันกำลังมองไปทางอื่น และนายก็ทำอย่างงั้น!”

ฉันแค่ดูและไม่เข้าใจว่าทำไมชูถึงร้องไห้

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของฉันก็ร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ และฉันรู้สึกว่าความโกรธนี้อาจมุ่งตรงไปที่ชู

แน่นอนว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความโกรธนี้เลย……แต่สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีความโกรธเช่นนี้

“อย่าร้องนะชู”

ปากของฉันขยับไปเอง

ฉันรู้สึกประหลาดใจกับตัวเองที่จู่ๆก็พูดออกมา

“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอน่า นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ฉันดีใจจริงๆที่นายไม่เป็นไร”

[…..ทำไม……ทำไมนายถึงร้องไห้ขนาดนั้น? ฉันต่างหากที่อยากจะร้องไห้!?]

นอกจากคำพูดที่ฉันพูดแล้ว เสียงของฉันก็ซ้อนทับกับโทวะราวกับเป็นเสียงเอคโค่

ฉันกังวลว่าจะไม่ทำให้ชูรู้สึกผิด แต่ความโกรธของฉันที่มีต่อเขากลับควบคุมได้ ทำไมกันละ?

นี่เป็นความโกรธของโทวะอย่างแน่นอน ซึ่งมันกลายมาเป็นความโกรธที่หลอมรวมเข้ากับฉันด้วย

(……อ่า นี่มัน!)

จากนั้นฉันก็เริ่มจำได้

ฉันจำได้ว่าทำไมฉันถึงอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ทำไมร่างกายของฉันถึงเป็นขนาดนี้ และทำไมฉันถึงโกรธชูขนาดนี้

มันง่ายมาก—ฉันประสบอุบัติเหตุ

ตอนนั้นฉันนึกอะไรไม่ออกและวิ่งไปที่ถนนและผลักเขาออกมาแล้วตัวเองก็มาลงเอยในสภาพนี้

“ตอนนี้ฉันค่อยข้างแย่เลยละ ฉันขยับร่างกายไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าฉันจะไปห้องน้ำยังไงดี ฉันอายที่ต้องให้คุณพยาบาลช่วยดูแลฉันด้วยสิ”

[ทำไม……ทำไมต้องเป็นช่วงนี้ด้วย! การแข่งใกล้เข้ามาแล้ว…… ฉันซ้อมอย่างหนักเพื่อทำให้แม่มีความสุข!!!]

การแข่งขัน……ใช่แล้ว จะมีการแข่งขันฟุตบอลเร็วๆนี้

ทั้งชมรมซ้อมกันอย่างหนักแล้วยังมีคนที่คอยตามเชียร์เรา และฉันก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบรับพวกเขา!

แม่ยังสละเวลางานเพื่อมาให้กำลังใจฉันอีกด้วยนะ! อายานะบอกว่าจะมาเชียร์ฉันด้วย ฉันจะทำยังไงดี…….

(น่าขยะแขยงเป็นบ้า..…อารมณ์ของฉันสับสนไปหมด…)

มันแปลกเพราะฉันรู้สึกเหมือนฉันกับโทวะมีอารมณ์สับสนปนเปกันไปหมด

ฉันไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงนั้นได้ และยังคงเผชิญกับอารมณ์ทั้งสองที่ปะปนกันอยู่ทันใดนั้นคนที่ดูเหมือนเป็นหมอก็เข้ามาในห้อง

“……ยูกิชิโระคุง”

“……ฉันขออยู่กับเขาสองคนหน่อยนะเธอช่วยออกไปรอข้างนอกก่อน”

หมอดูราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี แต่ในไม่ช้าหมอก็เริ่มพูดราวกับว่าเขากำลังเตือนฉันถึงเรื่องในอนาคต

“ยูกิชิโระคุง ฉันขอพูดตรงๆนะ การแตกหักที่แขนขาของเธอนั้นร้ายแรงมาก แต่….หลังของเธอแย่กว่านั้นอีก มันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลแบบเดิม และถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นฉันว่ามันอาจถึงขั้นทำกิจกรรมหนักๆไม่ได้เป็นปีๆหรือมากกว่านั้นเลยละ”

คำพูดของหมอบาดใจฉันได้อย่างง่ายดาย

ฉันตกใจมากราวกับว่าฉันถูกแทงเข้าที่หน้าอกด้วยมีด……แต่เพื่อที่จะรักษาความสุขุมไว้ ฉันจึงอ้าปากพร้อมกับหัวเราะ

“ฮาฮา…..นั้นสิ มันคงเป็นไปไม่ได้กับผมในสภาพแบบนี้……ฮ่าๆๆ ช่วยไม่ได้ละนะ”

[……]

ฉันไม่ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธอีกต่อไป

ปากของฉันขยับไปเอง คำพูดถูกพ่นออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต และน้ำตาก็ไม่ไหลแม้ว่าใจฉันจะยุ่งเหยิงและฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของโทวะเองหรือเพราะเขาตกใจมากจนไม่สามารถยอมรับความจริงได้

“นั้นฉันไปก่อนนะ”

“ครับ…..”

จากนั้นหมอก็เดินออกไปที่ประตูและคนที่เดินเข้ามาคืออายานะกับฮัตสึเนะซังแม่ของชูและชูที่เดินเข้าตามมาติดๆ

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม……?”

ดวงตาของอายานะเป็นสีแดงสด เธอเข้ามาหาฉันทันทีและจับมือฉันไว้

การได้เห็นเธอแบบนั้น มันทำให้ฉันอยากร้องไห้มากและฉันรู้สึกเสียใจมากที่ทำให้เธอเป็นกังวลถึงขนาดนี้

“ฉันทำให้เธอกังวล……ใช่ไหม?”

“แน่นอนสิ! ตอนฉันเห็นโทวะคุงล้มลงและนิ่งไป ฉัน……ฮือ..ฮื..อ…!”

ฉันลูบหัวของอายานะที่กำลังร้องไห้อยู่เบาๆด้วยมือที่พอขยับได้

มันไม่เหมาะที่จะคิดแบบนี้ แต่ฉันดีใจที่เห็นเธอร้องไห้แบบนั้น และฉันก็พยายามยิ้มเพราะไม่อยากให้อายานะร้องไห้

แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของฮัทสึเนะที่พูดกับชู

“ลูกกับอายานะไปข้างนอกก่อนนะ แม่ต้องคุยกับอะไรกับเขาหน่อย”

จากคำพูดของฮัทสึเนะ ชูพยักหน้าแล้วออกไปข้างนอก แต่อายานะก็ไม่ขยับจากจุดของเธอ ราวกับว่าเธอจะไม่อยากทิ้งฉันไป

แม้ว่าเธอจะมองฉันด้วยสายตาที่บอกว่าฉันไม่อยากทิ้งนายไว้ แต่ฮัทสึเนะซังก็หันสายตาตำหนิมาที่ฉันในทันที

ฉันรู้ว่าครอบครัวของชูรวมถึงฮัทสึเนะซังและแม่ของอายานะ ไม่ได้มองฉันดีเท่าไหร่เพราะประวัติในอดีตที่ฉันพาอายานะไปเที่ยวเล่น……แล้วเธอจะว่ายังไงกับฉันล่ะ?

“เธอจะทำอย่างไรถ้าชูหรืออายานะซังได้รับบาดเจ็บ? น่ายินดีจริงๆที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ”

“……เอ๊ะ?”

“!?”

ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดกับฉัน

ดูเหมือนว่าอายานะจะเป็นเหมือนกันกับฉัน เธอเงยหน้าขึ้นจากท่าคว่ำและมองฮัทสึเนะซังราวกับว่าเธอพึ่งได้ยินคำพูดที่ไม่น่าเชื่อจากฮัทสึเนะซัง

ฉันอยู่ในอาการตกตะลึง แต่ฮัทสึเนะยังคงพูดกับฉันต่อไป

“ดูสิ ไม่มีใครต้องการเธอเลย ชูมีอายานะ และอายานะก็มีชู มันเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบ เธอที่เป็นสิ่งแปลกปลอมดังนั้นถูกแล้วที่เธอจะต้องถูกลงโทษ”

“ฮัทสึเนะซัง! คุณพูดอะไรนะ!?”

ขณะที่ฉันฟังเสียงอันดังก้องของอายานะ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

ฉันอยู่ที่นั่นกับพวกเขาในฐานะเพื่อนของพวกเขาเท่านั้น……ฉันทำอะไรผิดกัน?

“……อ้อฉันเข้าใจแล้ว เป็นอย่างงี้เองสินะ”

“มีอะไรเหรอ โทวะคุง?”

“ไม่มีอะไร….”

ฉันเข้าใจแล้ว โลกของพวกเขาสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเอง

โลกที่ชูและอายานะอยู่ด้วยกัน นั่นคือโลกที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาจะไม่ยอมทนต่อสิ่งแปลกปลอมที่มาทำร้ายโลกของพวกเขา……อ่า ฮ่าๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ฉันหัวเราะ

มันจะเป็นความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ในโลกที่ฉันอาศัยอยู่นี้ แต่ฉันเดาว่าคงเป็นเพราะโลกมันกว้างใหญ่มากเลยมีคนที่มีความคิดบิดเบี้ยวแบบนี้อยู่ด้วย

(……ฉันสงสัยว่าโทวะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้)

ต่างจากฉันที่สามารถมองสถานการณ์นี้อย่างเป็นกลางได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าฉันจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ของโทวะ แต่ฉันสงสัยว่าโทวะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับคำพูดเหล่านี้

เขาจะไม่พอใจหรือจะยอมแพ้กัน?

หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าฮัทสึเนะซังจะพูดสิ่งที่ต้องการจะพูดจบแล้วจึงออกจากห้องไป ทิ้งบรรยากาศที่ไม่อาจอธิบายได้ระหว่างอายานะกับฉันไว้

“ฉัน…..ไม่คิดว่าเธอจะเกลียดฉันขนาดนี้”

“โทวะคุง……”

แม้ว่าฉันไม่คิดว่าเธอจำเป็นต้องพูดมันออกมา แต่ฉันเข้าใจความคิดที่ว่าโทวะเป็นเหมือนแมลงที่กำลังทำลายสวนของพวกเขา……ถึงแม้ฉันจะไม่อยากจะเข้าใจ แต่ฉันก็เข้าใจความคิดที่พวกเขามีได้

“……………”

ฉันรู้สึกเศร้าเหมือนกัันนะ แต่ตอนนี้หัวใจของฉันได้รับการเยียวยาจากอายานะซึ่งอยู่เคียงข้างฉัน

เมื่อฉันเอื้อมมือไปหาอายานะ เธอก็โอบมือของเธอรอบมือของฉันทันที และฉันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของเธอ

ด้วยความรู้สึกไม่มั่นคงในใจ ฉันจึงขอความช่วยเหลือจากอายานะ

นี่คือสิ่งที่ฉันไม่เคยจะพูดในสถานการณ์ปกติ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะพูดแล้ว

“……ขอกอดได้ไหม? ถ้าฉันร้องไห้จะไม่เป็นไรเหรอ?”

“……..ไม่เป็นไรหรอก”

ฉันซบหน้าลงบนหน้าอกของอายานะ

สัมผัสที่นุ่มนวลบนแก้มและกลิ่นหอมทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ……ความอบอุ่นของอายานะห่อหุ้มฉันราวกับจะรักษาบาดแผลที่ฉันได้รับในใจ

“ฮือ..ฮื..อ…ฉัน……”

และฉันก็ร้องไห้

ฉันไม่สามารถที่จะกลั้นไม่ให้ร้องไห้ได้อีกต่อไปแล้วเมื่อถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของอายานะ และเธอก็ปล่อยให้ฉันร้องไห้ที่ไป ราวกับจะบอกว่าให้น้ำตาของฉันไหลออกมาให้หมด

ตลอดเวลาที่ฉันร้องไห้ออกมา อายานะไม่เคยปล่อยฉันเลย

ฉันไม่รู้ว่าอายานะทำหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ได้รับการช่วยเหลือจากการมีเธออยู่ข้างๆ

“……?”

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดฉันก็สงบลงและพยายามถอยห่างจากอายานะ แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยฉันไป

“อายานะ?”

ฉันเรียกชื่อเธอและได้ยินเสียงที่เย็นชาที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินจากเธอ

“นี่มันไร้สาระชะมัน ทำไมโทวะคุงต้องมาผ่านเรื่องแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นด้วย”

อายานะยังไม่หยุดและพูดต่อ

“แม้ว่าโทวะคุงจะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด……ฉันก็หวังว่าฉันจะได้เข้ามาแทนที่นายถ้าทำได้ แต่ทำไมเธอถึงพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับนาย—”

“…………….”

ดูเหมือนว่าอายานะจะรู้สึกถึงความขุ่นเคืองของฉันเช่นกัน

ฉันเชื่อว่ามันเป็นความเมตตาที่เราสามารถมีต่อผู้อื่นได้ และสามารถเสียใจกับผู้อื่นได้

ฉันคงจะโกรธพอๆกับอายานะเหมือนกันถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ……อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความโกรธของอายานะจะมีความหมายแตกต่างออกไปเล็กน้อย

“คนพวกนั้น……หือ? คนพวกนั้นเหรอ? พวกนั้น……คนอย่างนั้นเหรอ? ไม่ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่คน……สิ่งเหล่านั้นคือ……พวกนั้นคือ……”

อายานะพึมพำต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างถึงที่สุด

ฉันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจากอายานะ และฉันก็ถอยห่างจากเธอเพื่อเริ่มบิดขี้เกียจสักหน่อย

อายานะจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับกลอกตาไปมา บางทีอาจจะตกใจเล็กน้อย และบรรยากาศที่เธอเป็นอยู่ก่อนหน้านี้ก็หายไป

“……ฟู่”

แม้ว่าฉันจะพลาดความรู้สึกจากการโอบกอดของอายานะ แต่ฉันก็นอนลงบนเตียงโดยหันหลังให้เธอ เหนื่อยจริงๆทั้งๆที่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น

อายานะเอาใจใส่ฉันมาก

“เธอไม่กลับบ้านเหรอ?”

“ฉันจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย ฉันแน่ใจว่าแม่ของโทวะคุงจะมาที่นี่ในไม่ช้า”

“อา……ตอนนี้แม่ควรจะไปทำงานได้แล้ว”

“โทวะคุงประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะต้องมา”

“…….ก็จริงของเธอ”

ฉันสงสัยว่าแม่ของฉันจะร้องไห้เหมือนกันหรือเปล่า……ฉันแน่ใจว่าเธอจะร้องไห้

ฉันจะต้องปลอบแม่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และดูเหมือนว่าฉันจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อปลอบแม่

“โทวะคุง”

“หืม?”

“ฉันจะมาเยี่ยมนายทุกวันเลย นายจะได้ไม่รู้สึกเหงา”

“ฉันดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ฉันไม่อยากให้เธอมาทุกวันหรอก….”

“ไม่ ฉันจะมาทุกวันแน่นอน”

ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของอายานะทำให้แก้มของฉันคลายลง

“นั้น ฉันขออะไรหน่อยได้ไหม? ฉันอยากคุยกับอายานะทุกวันเหมือนกัน”

“ได้สิ!”

ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้แล้ว

ใบหน้าเศร้าโศกของเธอหายไป และรอยยิ้มที่เธอแสดงให้ฉันเห็นอยู่เสมอก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

(……ฉันจะจำความฝันนี้ได้ไหม? ตื่นมาฉันจะลืมหรือเปล่านะ?)

ฉันกังวลว่าฉันจะลืมความฝันนี้ซึ่งมันจะทำให้ฉันเข้าถึงหัวใจของโทวะได้อย่างแน่นอนหรือเปล่านะ? แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันคงจะไม่เป็นไร

ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งนี้ ฉันไม่มีอะไรมายืนยันแต่ฉันมั่นใจ

ฉันมีความฝันที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอดีตที่ซ่อนอยู่ของโทวะ และในขณะเดียวกัน มันเป็นความฝันอันเจ็บปวดที่ฉีกหัวใจของฉันออกจากร่าง

“……อายานะ ฉันจะ……”

ฉันสาบานอย่างหนักแน่น ว่าจะปกป้องเธอ……และปกป้องหัวใจของเธอ

———————————————————————————————————————————————————–

คุยท้ายตอน

อืมมมมมมม……….นี้คือคำพูดของคนที่เป็นแม่คนจะพูดออกมาใส่เด็กที่อายุเท่าลูกชายตัวเองเหรอ? แถมโทวะคุงช่วยลูกชายป้าไว้นะ

พระเจ้าอาจจะให้อภัย…..แต่กูไม่วะ ครอบครัวซาซากิแม่งเ*ี้ย (ไม่รับความเห็นต่าง)