“……?”

“มีอะไรเหรอ?”

หลังเลิกเรียน วันนี้ฉันก็มาช่วยรุ่นพี่อิโอริทำงานที่ห้องสภานักเรียนอีกครั้ง

ฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อฉันรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่สุดท้ายฉันก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร

อิโอริเอาหน้ามาใหล้ฉัน แต่ไม่นานเธอก็ละสายตาไปจากฉันเพื่อมุ่งความสนใจไปที่งานที่เหลือของเธอ

หลังจากเงียบไปสักพัก เราทั้งคู่ก็ทำงานของเราในวันนี้เสร็จ

“ฟู่ ทำได้ดีมาก ชูคุง”

“ม-ไม่หรอกครับ….ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับรุ่นพี่อิโอริ”

“….ฟุฟุ♪”

เมื่อฉันบอกเธอเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง รุ่นพี่อิโอริก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ขณะที่ฉันคิดว่ารุ่นพี่อิโอริยังคงเป็นคนที่ยิ้มสวยเหมือนเดิม รุ่นพี่อิโอริก็มองตรงมาที่หน้าฉันแล้วพูดกับฉันว่า

“ตอนฉันตามนายมาดูเหมือนตอนแรกนายจะลำบากใจเล็กน้อย แต่เมื่องานเริ่มนายมุ่งความสนใจไปที่มันและช่วยเหลือฉันจนถึงที่สุด ฉันคิดว่านายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

“…….ขอบคุณ”

ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มเมื่อเธอบอกฉันว่าฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแค่ไหน

เป็นอย่างที่รุ่นพี่อิโอริว่ามาจริงๆ ก็จริงที่ฉันรู้สึกลำบากใจ เพราะฉันก็ไม่ชอบที่เธอพึ่งพาฉันแบบนี้……แต่ฉันค่อนข้างมีความสุขที่ฉันมีประโยชน์กับเธอและสามารถทำตามความคาดหวังของเธอได้

(……ถึงแม้ฉันจะมีความรู้สึกอยู่เหนือกว่าบ้างก็เถอะ)

รุ่นพี่อิโอริได้รับความชื่นชอบจากนักเรียนหลายคนในฐานะประธานสภานักเรียนสุดสวยของโรงเรียนแห่งนี้

ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้รับความรักจากผู้ชายมากมาย และฉันได้ยินจากเธอว่าเธอได้รับการสารภาพรักจากผู้ชายหลายคน

แม้ว่าหลายๆคนจะสนใจรุ่นพี่อิโอริในลักษณะนี้ แต่ฉันรู้สึกถึงความเหนือกว่าที่เธอต้องพึ่งพาฉัน

“วันนี้กลับบ้านกันเถอะ”

“ครับ”

ฉันออกจากห้องสภานักเรียนพร้อมกับรุ่นพี่อิโอริแล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูทางออก

ตอนนี้มืดพอสมควรแล้ว และคนในโรงเรียนมีเพียงบางกลุ่มที่จะอยู่จนเย็นขนาดนี้คือนักเรียนที่อยู่ทำกิจกรรมชมรมและครูที่ยังอยู่ในห้องพักครู

อายานะกับโทวะน่าจะกลับไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ฉันจึงกลับคนเดียว……

“ชูคุง เรามาจับมือกันเถอะ”

“……เอ๊ะ?”

ทำไม? ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามนั้น มือของฉันก็ไปอยู่ในมือเธอเสียแล้ว

ฉันทนไม่ได้ที่จะละสายตาจากรุ่นพี่อิโอริที่จับมือฉันและจ้องมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ แต่รุ่นพี่อิโอริกลับมองมาที่ฉันและหัวเราะคิกคัก

คนๆนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ…..มันมักจะมากวนใจฉัน…แต่ฉันไม่รังเกียจเลยที่เธอจะปฏิบัติกับฉันแบบนี้

“นายใจเต้นบางหรือเปล่า?”

“…….”

“ฟุฟุ….นั่นหมายความว่าฉันมีโอกาสสินะ?”

รุ่นพี่อิโอริมักจะพูดสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกกังวลอยู่เสมอ

พูดตามตรงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงพูแบบนี้กับคนอย่างฉัน นั้นเป็นเพราะฉันไม่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างรุ่นพี่อิโอริ

ฉันเคยถามเธอว่าทำไมเธอถึงใส่ใจฉันมากขนาดนี้และเธอก็พูดออกมาว่า

[ถ้านายยอมไปกับฉัน ฉันจะบอกนาย แต่นายต้องการไปกับฉันไหมละ?]

ฉันต้องการไปเที่ยวกับรุ่นพี่อิโอริไหม? เธอน่าจะหมายความอย่างงั้น ฉันจำได้ว่าฉันชอบคำพูดของเธอที่ดูเป็นธรรมชาติแต่จากที่เธอมองฉัน ฉันคิดว่าเธอพูดล้อเล่น ฉันก็เลยบอกโอเคไป

(ฉันก็แค่มนุษย์ธรรมดา…ที่ไม่มีความกล้าพอที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีต)

โทวะมักจะบอกฉันว่าอย่าดูถูกตัวเองเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถแก้ไขบุคลิกของตัวเองได้

ฉันรู้ว่าตัวเองมีความภูมิใจในตัวเองต่ำและดูถูกตัวเองมากเกินไป แต่ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เลยแก้ไขมันไม่ได้ง่ายๆ

(จริงอยู่ที่รุ่นพี่อิโอริเป็นผู้หญิงที่สวย…… แต่ฉันชอบอายานะ เธออยู่เคียงข้างฉันเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่สามารถมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับรุ่นพี่อิโอริได้)

ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน บางครั้งฉันก็เลยรู้สึกประทับใจกับคำพูดหวานๆ ของรุ่นพี่อิโอริ แต่ฉันก็ยังรักอายานะ

ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องเธอ เธออยู่เคียงข้างฉันมาตลอด และฉันจะทำให้เธอมีความสุขต่อจากนี้ไป …… ใช่! ฉันจะทำให้เธอมีความสุข!

“รุ่นพี่อิโอริ เราควรรีบกลับนะ”

“ได้สิ”

ฉันกำลังคิดถึงอายานะ และฉันก็อยากเจอเธอเหลือเกิน

ขณะที่ฉันกำลังคิดจะแวะบ้านของอายานะก่อนจะกลับบ้าน ฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ของฉันและรุ่นพี่อิโอริอยู่ข้างหลังเรา

“โอ้ รุ่นพี่ชู!”

“เอ๊ะ? มาริ?”

“ฉันว่าแล้วรุ่นพี่จริงๆด้วย!”

เป็นมาริที่เรียกชื่อฉันแล้ววิ่งเข้ามาหาฉัน

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อิโอริที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มาริเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูมีหุ่นเพรียวและน่ารัก ซึ่งเธอมักถูกมองว่าน่ารักมากกว่าสวย

“รุ่นพี่ก็จะกลับตอนนี้เหมือนกันเหรอ? ฉันขอกลับกับพวกรุ่นพี่ได้ไหม?”

“ได้สิ ชูคุง เธอโอเคไหม?”

“ครับ เรากลับบ้านกันเลยไหม?”

“ไปกันเลย!”

มาริตอบอย่างมีความสุขและร่าเริง และเธอก็เข้ามาข้างๆฉัน แต่แล้วเธอก็รีบปิดระยะห่างระหว่างเราด้วยการจับมือฉันไว้

ราวกับจะโต้ตอบรอยยิ้มขี้เล่นของมาริ รุ่นพี่อิโอริก็ปล่อยมือของฉันที่จับมือเธอไว้และเปลี่ยนมากอนแขนฉันไว้แทน

(……นุ่มจัง)

ฉันเกือบจะรู้สึกว่าจมูกของฉันจะมีเลือดไหลออกมาเมื่อถูกสัมผัส

ราวกับต้องแสดงท่าทีต่อต้าน อย่างน้อยฉันก็สามารถแก้ไขสีหน้าของตัวเองได้

“อุชิดะซัง คุณไม่ได้เข้าใกล้เกินไปหน่อยเหรอ?”

“รุ่นพี่ฮอนโจ คุณไม่ดูสนิทกันกับรุ่นพี่ชูเกินไปหน่อยเหรอ? ช่วยถอยห่างจากรุ่นพี่ชูเถิดค่ะ”

ทั้งสองคนพูดเหน็บแนมกันไปมาราวกับว่าพวกเธอกำลังแข่งขันกันเพื่อแย่งความสนใจของฉัน

ถ้าอายานะเห็นฉันในตอนนี้ เธอคงจะเข้าใจฉันผิด และฉันรู้สึกขอบคุณที่เธอไม่ได้อยู่กับฉันในตอนนี้

“ฉันไม่อยากให้พวกเธอสองคนทะเลาะกันเพราะฉันหรอกนะ”

“…….ค่ะ รุ่นพี่”

“ได้จะชูคุง”

ฉันพูดอย่างนี้แล้วทั้งสองก็หยุดทะเลาะกัน

ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เพราะพวกเธอไม่เพียงหยุดทะเลาะกัน แต่ยังปล่อยแขนที่จับฉันไว้ด้วย

ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอสองคนมีความรู้สึกแบบไหนกับฉัน แต่ฉันสงสัยว่านี่คือความรู้สึกที่มีคนทะเลาะกันเพื่อแย่งฉันหรือเปล่า และฉันคงต้องกังวลเกี่ยวกับมันสินะ

(…..ฉันรู้สึกดีจัง!)

ฉันรู้สึกละอายใจกับตัวเองที่มีความคิดแบบพระเอกฮาเร็มจริงๆ

ไม่ว่ารุ่นพี่อิโอริและมาริจะชอบฉันหรือดึงดูดใจฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังมีอายานะอยู่……ดังนั้นอย่าคาดหวังอะไรแปลกๆ จากฉัน ซาซากิ ชู คนนี้!

เมื่อฉันอยู่ระหว่างการทดสอบจิตใจของตัวเองอยู่นั้น อิโอริมองมาริแล้วพูดอะไรประมาณนี้

“แล้วนายกับอุชิดะซังมีความเกี่ยวข้องกันยังไงล่ะ?”

ฉันกำลังจะตอบแต่มาริแย่งฉันตอบก่อน

“หนูมักจะวิ่งในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด หนูได้เจอกับรุ่นพี่อายานะตอนที่วิ่งอยู่ และเธอก็แนะนำให้หนูรู้จักกับรุ่นพี่ชู ที่จริงหนูทุ่มเทให้กับกิจกรรมของชมรมมาโดยตลอด ดังนั้นหนูจึงสนุกกับการพูดคุยกับพวกเขาสองคนมาก…… เอะเฮะเฮะ”

“ออ เป็นอย่างงั้นนี้เอง”

ขณะที่ฉันฟังคำพูดของมาริ ฉันก็นึกถึงวันเหล่านั้นเช่นกัน

วันนั้นเป็นวันหยุดธรรมดา ฉันแค่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่อายานะติดต่อมาและถามว่าตอนนี้ฉันอยากเจอเธอไหม

ฉันรู้สึกกังวลมากเมื่อพบมาริครั้งแรกจนบทสนทนาของเราดูอึดอัดมาก

“ฉันบอกนายแล้ว ชูคุง มาริเป็นเด็กดีมาก”

การที่ได้อายานะแนะนำมาริให้กับฉันในตอนนั้นทำให้ฉันรู้จักเธอเหมือนในตอนนี้

เราสองคนพบกันบ่อยขึ้นโดยไม่มีอายานะ และบางครั้งฉันก็มาวิ่งกับมาริ…… แน่นอนว่าฉันไม่สามารถตามความแรงของเธอได้และยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ

“โอ้ บังเอิญจัง โอโตนาชิซังก็แนะนำชูคงให้ฉันรู้เหมือนกัน ต้องขอบคุณโอโตนาชิซังที่ทำให้ฉันได้พบกับชูคุง”

“เป็นอย่างงั้นเหรอคะ?”

“ใช่”

เป็นเรื่องจริงที่ต้องขอบคุณอายานะที่ทำให้ฉันได้รู้จักรุ่นพี่อิโอริเช่นกัน

เมื่อเราสนทนากันในชั้นเรียน อายานามักจะริเริ่มเป็นผู้นำการสนทนาและจัดระเบียบความคิดเห็นของทุกคน

อายานะพาฉันไปที่ห้องสภานักเรียน และที่นั่นฉันได้พบกับรุ่นพี่อิโอริ

(ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับรุ่นพี่อิโอริมาแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่เย็นชาและน่ากลัว)

ตอนนั้นฉันกลัวเพราะเรื่องนั้นแต่ต้องขอบคุณอายานะที่เข้ากับคนเก่ง เธออยู่เคียงข้างฉัน เราจึงกลายเป็นเพื่อนกันแบบเดียวกับที่ฉันทำกับมาริ

นั่นทำให้ฉันเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่อิโอริได้เช่นกัน

“งั้น ฉันเดาว่าโอโตนาชิซังคือคิวปิดระหว่างเรา คิดเหมือนกันไหมชูคุง”

“อะ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!……ใช่ไหมรุ่นพี่ชู”

ฉันไม่อยากให้พวกเธอสองคนจ้องมาที่ฉันแบบนี้เลย

พวกเธอมองมาที่ฉันอย่างสับสน ฉันไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไง…..และทั้งคู่ก็ถอนหายใจ

“……ไม่ดีเลยนะคะ”

“ใช่ไม่ดีเลย”

“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า!”

ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปเสียงดัง

พวกเธอทั้งสองขอโทษที่ล้อฉันมากเกินไป……….

ฉันได้รู้จักพวกเธอทั้งสองผ่านอายานะและฉันก็เป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเธอ และฉันสามารถพูดได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน

(ฉันไม่ได้ไม่ชอบมันจริงๆ)

วันที่ฉันอยู่กับอายานะและโทวะ และวันที่ฉันอยู่กับอิโอริและมารินั้นสำคัญสำหรับฉันมาก

ท้ายที่สุดฉันรู้สึกสบายใจที่สุดเมื่อได้อยู่ข้างๆ อายานะ……ฉันเดานะ?

จากนั้นฉันก็สงสัยว่ามันผิดหรือเปล่าที่ฉันจะคิดถึงอายานะ และฉันก็สังเกตเห็นว่ารุ่นพี่อิโอริและมาริจ้องมองฉันอย่างอธิบายไม่ถูก

“…..อ-อะไร?”

“เปล่า ฉันแค่คิดว่าโอโตนาชิซังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจริงๆ”

“จริงค่ะ รุ่นพี่อายานะจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ทำไมชื่อของอายานะถึงโผล่ออกมาได้……

แม้ว่าฉันจะรู้สึกราวกับว่าพวกเธออ่านใจฉันได้ แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าฉันจะคิดถึงอายานะอยู่เสมอ

เธอเข้าใจฉันเป็นอย่างดีเพราะเราใช้ชีวิตมาด้วยกันทั้งชีวิตในฐานะเพื่อนสัยเด็ก

เธอยิ้มอยู่ข้างๆฉันเสมอ และรอยยิ้มของเธอคือสมบัติของฉันอย่างแท้จริง

“……ฉันรักอายานะ”

ฉันพึมพำจนทั้งสองไม่ได้ยินฉัน

พูดแบบนี้อาจจะโดนหัวเราะเยาะแต่บอกได้เลยว่าแม่ของเราสนิทกัน

อายานะอยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา ดังนั้นฉันมั่นใจว่าความคิดนี้จะไปถึงเธอ ……ดังนั้นฉันแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นไร

“อา จริงด้วย รุ่นพี่ชู!”

“มีอะไรเหรอ?”

“รุ่นพี่โอโตนาชิก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน แต่รุ่นพี่ยูกิชิโระก็น่าทึ่งมากเลย ใช่ไหม!”

ฉันพยักหน้า

เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่เป็นครั้งแรกที่มาริถามฉันเกี่ยวกับโทวะ และฉันก็กำลังจะตอบทุกอย่างที่เธอถาม ตราบใดที่ฉันรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร

“หนูมีโอกาสได้คุยกับเขามาวันก่อน แต่มีบางอย่างที่หนูไม่สามารถถามเขาได้ในตอนนั้น รุ่นพี่ยูกิชิโระเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมากเลยใช่ไหม?”

“อารา เป็นอย่างนั้นเหรอ?”

ต่างจากรุ่นพี่อิโอริที่โต้ตอบราวกับว่าเธอสนใจ ฉันรู้สึกราวกับว่ามีเงาปกคลุมหัวใจของฉัน

โทวะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน……แต่ถึงอย่างนั้น หัวข้อเรื่องฟุตบอลระหว่างเราก็ยังถือเป็นเรื่องต้องห้าม

“ตอนที่หนูอยู่มอต้น หนูเรียนกับเขาคนละโรงเรียน แต่หนูยังจำได้ว่ามีข่าวลือว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก อย่างไรก็ตามหนูได้ยินมาว่าเขาประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเลิกเล่นฟุตบอลไป”

แม้ว่าเธอจะถามฉันว่าฉันรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันหรือไม่ แต่ฉันก็ไม่สามารถตอบคำถามของมาริได้ในทันที

เพราะเหตุการณ์นั้นฉัน……ไม่ มันจบลงแล้ว

แม้แต่โทวะก็ยกโทษให้ฉัน และมันก็จบลงแล้ว!

[เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอน่า นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ฉันดีใจจริงๆที่นายไม่เป็นไร]

ดูสิ แม้แต่โทวะในความทรงจำของฉันก็พูดแบบนั้น……ไม่เป็นไร

แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะบอกมาริเกี่ยวกับ……

“จริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะ……พูดเรื่องนี้ได้หรือเปล่า ฉันแน่ใจว่าโทวะจะต้องหงุดหงิดแน่ๆ และฉันไม่คิดว่าเธอควรจะพูดเรื่องนี้กับโทวะนะ”

ฉันสรุปได้ว่านี่น่าจะดีกว่าสำหรับโทวะ

ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้ถามลึกกว่านี้เกี่ยวกับหัวข้อของโทวะหลังจากได้ยินคำพูดของฉัน และไม่นานพวกเธอก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้อในการพูดไป

“….ฟู่”

ฉันรู้สึกโล่งใจที่หัวข้อเกี่ยวกับโทวะจบลงแล้ว

ฉันรู้สึดสงบใจเมื่อได้คุยกับพวกเธอ ฉันคิดกับตัวเองว่าโทวะคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน

ใช่……โทวะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน

(แต่ความจริงก็คือ……)

ฉัน……อิจฉาโทวะ เพื่อนสนิทของฉันที่ทำอะไรได้ทุกอย่าง

ฉันอิจฉาโทวะมากที่เขาเรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง มีเพื่อนมากมาย และเข้ากับอายานะได้เป็นอย่างดี

ฉันอิจฉาเขาที่มีทุกอย่างที่ฉันไม่มี แต่ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกระแวงเขา

[…เอ๊ะ?]

[ฉันเสียใจด้วยนะ แต่นายจะไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ได้แล้วละ และฉันว่านายคงจะเล่นฟุตบอลแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วละ]

เมื่อฉันบังเอิญได้ยินการสนทนาที่ออกมาจากห้องในโรงพยาบาลระหว่างหมอกับโทวะ และฉันเห็นสีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของโทวะผ่านช่องว่างเล็กๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า “ดีแล้ว”

แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจที่แท้จริงของฉัน มันเป็นเพียงความอิจฉาริษยาที่ผลักดันฉัน

ถึงกระนั้น ฉันก็ยังหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจเมื่อเห็นโทวะอยู่บนเตียง ฉันรู้สึกเสียใจกับความเป็นจริงอันเจ็บปวดในสถานการณ์ของเขา

(ตอนนั้นฉันหัวเราะโทวะอย่างแน่นอน และในตอนนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่นด้วย)

บางทีอาจมีคนเห็นใบหน้าแสยะยิ้มของฉันในตอนนั้น…….

———————————————————————————————————————————————————–

คุยท้ายตอน

เอาละครับอย่างที่บอกไปผมจะไม่ชี้นำให้ทุกคนเกลียดไอชูนะครับ ให้ทุกคนตัดสินกันเองดีกว่า

ออแล้วตอนหน้าเป็นตอนย้อนอดีตนะครับ (แหม แม่ลูกนี้นิสัยเหมือนกันเลยนะเนี่ย) ก็ให้ความรู้สึกประมาณนั้นละครับ

โทวะคุงสูงๆนะเป็นกำลังใจให้เลย