คณะของอินกองได้เดินทางมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีทางแยกหลายทางมาบรรจบรวมกัน
เพดานของห้องสูงเลยขึ้นไป และขนาดของห้องก็ใหญ่มากพอที่จะให้ออร์ค 50 ตัวเข้ามายืนได้หมดโดยไม่แออัด
มีเสียงดังมาจากทากแยกโดยรอบ และจุดแดงในแผนที่ย่อของอินกองก็มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมอาวุธของตนเองให้พร้อมรับศึก อินกองก็ตะโกนขึ้นมา
“แมงมุมศิลา! ทุกคนหลับตาซะ!”
สิ้นเสียงอินกอง คารัคและเหล่าทหารออร์ครีบพยายามปิดตาตัวเอง เนื่องจากเขาตะโกนขึ้นมากระทันหัน ทำให้มีบางตนที่ตั้งตัวไม่ทัน แต่ในสถานการณ์อันขับขันนี้ เขาไม่สามารถเสียเวลาตะโกนสั่งอีกครั้ง หรือรอให้ทุกคนพร้อมได้ อินกองหลับตาของเขาให้แน่นแล้วขว้างบางสิ่งออกไป
เสียงเหมือนแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างจำนวนมากที่เข้าปกคลุมทุกอาณาบริเวณ อินกองรีบลืมตาขึ้นมาพร้อมตะโกนออกคำสั่ง
“ตอนนี้แหละ ลืมตาแล้วรีบโจมตีมันซะ! คอยระวังพิษของพวกมันให้ดีด้วย!”
เขายังตาพร่าเล็กน้อย จากแสงสว่างที่ยังหลงเหลือ แต่เขาสามารถมองเห็นก้อนสีเทาขนาดเท่ามนุษย์จำนวนมากที่รายล้อมพวกเขา
แมงมุมศิลา สัตว์อสูรที่พบได้ทั่วไปตามห้องมืดและในถ้ำ พวกมันมักจะอาศัยเป็นกลุ่ม และพิษของพวกมันสามารถทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตได้ จึงเป็นการยากที่จะสู้กับมันโดยตรง
แต่ด้วยที่แมงมุมพวกนี้อาศัยอยู่ในที่มืดตลอด เมื่อเจอเข้ากับแสงสว่างอย่างจัง พวกมันจะมึนงงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ชั่วขณะ บ้างก็อาจจะสลบไปเลยทีเดียว
‘ดีนะที่เราเตรียมของพวกนี้ไว้เผื่อ’
เขาไม่พบสัตว์อสูรในการสำรวจครั้งที่แล้วก็จริง แต่เขาก็เตรียมอุปกรณ์ไว้รับมือในกรณีต่างๆ
‘ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าคอยแก้ไข!’
แน่นอนว่าอุปกรณ์เวทมนตร์แบบนี้ไม่มีอยู่ที่ค่ายของฉัตร อุปกรณ์ที่เขาเตรียมมาทั้งหมด ล้วนมาจากค่ายของคริสต์ ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเขาจะเจอเข้ากับอะไรบ้างในถ้ำ และเมื่อแมงมุมศิลาปรากฎตัวออกมา อินกองก็รู้สึกโล่งใจที่เขาเตรียมตัวมาดีพอ
‘แมงมุมศิลาออกล่าเป็นฝูง และฝูงก็ต้องมีจ่าฝูง!’
เขาค่อนข้างมั่นใจ เพราะแมงมุมศิลาในเกมก็เป็นแบบนั้น!
‘ถึงเวลาล่าจ่าฝูงสินะ!’
จ่าฝูงของแมงมุมศิลามีขนาดใหญ่กว่าปกติ 2-3 เท่า อินกองกวาดสายตาดูแผนที่ย่อของเขา ในบรรดาจุดสีแดงมากมาย มีจุดหนึ่งที่ขนาดใหญ่กว่าจุดอื่นเป็นพิเศษ
“คารัค! ตามผมมา! ไปล่าจ่าฝูงกัน!”
เขาก้มลงหยิบคบเพลิงที่ออร์คบางตนทำหลิ่นทิ้งไว้ จุดอ่อนของแมงมุมศิลา ถัดมาจากจากแสงสว่างก็คือไฟ
“ในทันที!”
คารัคคำรามออกมา มันวิ่งนำหน้าอินกองแทนที่จะตามหลังเขาตามที่อินกองบอก แต่วิธีการไม่สำคัญเท่าผลลัพท์
“ออร่าาาาา!”
ora ora ora oraaaaa อุ๊บส์ ขอโทษครับ ผิดภาษาไปนิด
ขวานของคารัคเหวี่ยงใส่เหล่าแมงมุมศิลาในขณะที่มันวิ่งฝ่าไปข้างหน้า อินกองวิ่งตามเส้นทางที่คารัคเปิดให้ พร้อมหยิบบางอย่างออกมาอีกรอบ
“อีกรอบนะ! หลับตาซะ!”
เขาต้องการทำให้แมงมุมจ่าฝูงอยู่ในสภาพมึนงง อินกองหลับตาแล้วขว้างขวดแก้วที่บรรจุเวทมนตร์ออกไป
เขาเห็นแสงสว่างวาบขึ้นมาใต้เปลือกตาที่ปิดแน่น อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เข้าวิ่งไล่ตามจ่าฝูงออกมายังทางเดินแคบๆ ไม่ใช่ในห้องโถงแบบเมื่อครู่ ทำให้แสงดูสว่างกว่าเดิม
อินกองนับหนึ่งถึงสามก่อนที่จะลืมตาขึ้น
‘มันดูเหมือนปูยักษ์มากกว่าแมงมุมนะเนี่ย’
แมงมุมศิลาขนาดใหญ่เทียบเท่าคารัคนอนหงายท้องอยู่ห่างออกไปไม่ไกล คารัคเงื้อขวานของมันแล้วรีบวิ่งปรี่ไปหาร่างไร้การป้องกันของสัตว์อสูรตนนั้นในทันที
เคล้ง!
เสียงที่เกิดขึ้นจากการปะทะของคมขวานกับเปลือกท้องของแมงมุม ดั่งสนั่นราวกับเป็นการปะทะกันระหว่างอาวุธโลหะ คารัคยืนงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อินกองรีบขว้างคบเพลิงที่เขาถือให้คารัค
“คารัค! มันแพ้ไฟ!”
คบเพลิงแหลกสลายในทันทีที่คารัคฟาดมัน ทำให้สะเก็ดไฟกระจายไปทั่ว เอายังไงดี? ขวานของคารัคก็ฟันเปลือกมันไม่เข้า คบเพลิงก็พังง่ายเกินไปที่จะใช้เป็นอาวุธ
‘หรือว่าเราจะลองใช้ลมปราณ?’
ในขณะที่อินกองกำลังรวมลมปราณเพื่อเสริมพลังให้ร่างกายของเขา
“ฉัตร! ใช้ดาบของเธอ!”
เคทลินตะโกนมาจากด้านหลัง อินกองรีบกระโดดถอยออกมา แล้วชักดาบของเขาที่เหน็บอยู่ที่เอว
“เบิร์นนิ่ง เบลด!”
อาฮ์ 버닝 블레이드 ในที่สุดก็มีทับศัพท์ให้ใช้กับเค้า แปลง้ายง่าย o(≧▽≦)o
ประกายไฟและไอร้อนลอยออกมาจากดาบในมือของอินกองทันทีที่สิ้นเสียงของเคทลิน มันเป็นเวทมนตร์ที่เสริมธาตุไฟเข้าให้กับอาวุธ
ไม่ใช่เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาจากดาบนะ แต่นึกภาพดาบเหล็กร้อนๆที่เพึ่งออกมาจากเตาหลอม เหล็กร้อนระอุสีเงินปนแดง เศษตะกอนกลายเป็นสะเก็ดไฟปลิวอยู่รอบๆ
“โอ้วว?”
เวทมนตร์ นี่มันคือเวทมนตร์!
แบบนี้เราก็จะสามารถใช้เบิร์นนิ่งเบลดได้?’
อินกองจินตนาการภาพที่เคทลินใช้มีดเสริมธาตุไฟเข้ามาแทงเขา แล้วรีบส่ายหน้า
‘แบบนั้นได้ตายกันจริงๆพอดี!’
อินกองใช้ดาบในมือของเขาแทงใส่ท้องของแมงมุมศิลาตรงหน้า เหงื่อทั่วร่างของเขาระเหยกลายเป็นควัน จากไอร้อนในมือและผลของลมปราณ ขั้น3 ดาบที่เสริมพลังธาตุไฟแทงทะลุเปลือกแข็งของแมงมุมศิลาได้อย่างง่ายดาย เป็นไปได้ที่การโจมตีจากขวานของคารัคและคบเพลิงทำให้พลังป้องกันของมันอ่อนลง
“ไฮ้ย่าาา!”
อินกองออกแรงใช้ดาบตัดเปลือกหนาของมัน คารัคใช้ขวานฟาดซ้ำลงไปทันที ขาของแมงมุมบิดด้วยความเจ็ปปวด
‘ยอดเยี่ยม!’
อินกองวาดดาบเฉือนไปทั่วร่างสัตว์ร้าย ก่อนจะปักดาบลงที่หัวของจ่าฝูงแมงมุมศิลา
“กี๊ซซซซซซซ!”
ขาของมันเริ่มเคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขยะแขยง คารัคจับขาของมันเอาไว้ในขณะที่อินกองกระชากดาบของเขาออกมาจากหัวของมัน
“ฉัตร! อีกนิดเดียวเท่านั้น!”
เคทลินวิ่งเข้ามาส่งเสียงเชียร์อยู่ใกล้ๆ เธอไม่มีทีท่าว่าจะโจมตีแต่อย่างใด ดูเหมือนเธออยากจะให้อินกองจัดการกับมันด้วยตัวเอง
“ครับ! นูนะ!”
การมีคนเชียร์อยู่ข้างๆทำให้เขาฮึกเหิมขึ้น เขาวาดดาบแทงเข้าใส่หัวของสัตว์ร้ายเข้าอีกที
ไม่มีเสียงร้องดังออกมาแต่อย่างใด ขาของมันงองุ้มขึ้นมาก่อนจะหยุดนิ่ง
มันเป็นสัญญาณที่ทำให้อินกองเชื่อว่าวิญญาณในร่างตรงหน้าได้ดับสิ้นเป็นที่เรียบร้อย
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
ถึงแม้คารัคจะช่วยเขาไว้มาก แต่การโจมตีของอินกองส่งผลมากกว่า และด้วยการที่จ่าฝูงของแมงมุมศิลาไม่ใช้สัตว์อสูรที่เขาสามารถสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว นั่นยิ่งทำให้เขาได้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น
‘เลเวลเก้า!’
อินกองกำลังจะเปิดดูหน้าต่างสถานะอย่างอารมณ์ดี แต่เคทลินเร็วกว่าเขา
“ฉัตร? เธอไม่เป็นอะไรนะ?”
ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความกังวลและประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น อินกองสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจ เธอกังวลเพราะแสงที่สว่างออกมาจากตัวเขา ตอนที่เขาเพิ่มเลเวล
“อ่า ครับ ผมสบายดี แสงนั่นเป็นเหมือนพร? มันเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง ใช่ไหม คารัค?”
“อ่าใช่ ข้าเห็นมันอยู่บ่อยครั้ง”
คารัคตอบเห็นด้วยกับเขา แต่นั้นก็ยังคงเป็นปัญหา พรอะไร? จากใคร? แล้วทำไมถึงเกิดขึ้น?
แต่เคทลินก็ทักขึ้นมา ซึ่งนั่นช่วยเป็นข้ออ้างให้เขาได้หลายอย่าง
“คนธรรพ์?”
“ครับ พรคนธรรพ์”
อันที่จริงแล้ว นี่ไม่ใช่ลักษณะของคนธรรพ์แต่อย่างใด แต่เขาเลือกจะใช้มันเป็นข้ออ้างไปก่อน หากนับจำนวนเผ่าทั้งหมดแล้ว คนธรรพ์ถือเป็นส่วนน้อย และฉัตรก็เป็นลูกผสมคนธรรพ์กับสุรด้วย นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ถึงลักษณะเฉพาะที่แท้จริงของเขา
“เวทมนตร์ของนูนะช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณนะครับ”
เธอช่วยเหลือได้เหมาะกับเวลามาก แต่เคทลินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย
“ต้องขอบคุณตัวฉัตรเองนั่นแหละ ฉันก็แค่ใช้เวทมนตร์ตามที่ได้ยินเธอพูด”
“ฮ่ะ? ไม่ใช่ว่านูนะเคยสู้กับแมงมุมศิลามาก่อนหรอกหรือ?”
“นี่เป็นครั้งแรกของฉันนะ”
‘เอิ่ม งั้นจะบอกว่า เธอใช้เวทมนตร์นั้นเพราะได้ยินที่เราตะโกนบอกคารัค?’
ถึงมันจะฟังดูทำง่าย แต่อินกองก็อดชื่นชมไม่ได้ ที่เธอทำอย่างไม่ลังเล
“เธอเคยสู้กับแมงมุมพวกนี้มาก่อนหรือ? ถ้าให้พูดตรงๆ ฉันตกใจไม่น้อยเลยละ”
เคทลินเป็นฝ่ายส่งคำถามกลับมาทางอินกอง
“เอ่อ… พวกแค่เคยเห็นผ่านๆในหนังสือนะครับ”
เขาสู้กับพวกแมงมุมพวกนี้ในเกมจนเบื่อ เขาเจอมันครั้งในแรก ตามคู่มือแนะนำการเล่นในอินเตอร์เน็ต แต่เขาก็เคยอ่านเจอในหนังสือ เพราะอย่างนั้น ที่เขาบอกว่าเห็นผ่านๆในหนังสือก็ไม่ได้โกหกเสียทีเดียว
“ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อนะครับนูนะ ขอผมจัดกระบวนทัพก่อน”
“อื้ม”
เคทลินพยักหน้าแล้วดึงชุดคลุมของเธอขึ้นปิดศีรษะ ธาตุที่ผสานคลายตัวออก ทำให้ดาบของอินกองกลับคืนสภาพเดิม
อินกองเดินกลับไปยังบริเวณที่เหล่าออร์คสู่กับแมงมุมศิลาที่เหลือพร้อมคารัค