“ไม่ได้ครับ !”

 

        ชวีเสี่ยวปอพูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ไม่รู้ว่าใจที่คิดอยากจะปฏิเสธนั้นออกอาการรุนแรงเกินไปหรือเปล่า จิตใต้สำนึกของชวีเสี่ยวปอเลยกระตุ้นให้เขารีบลุกขึ้นยืน แล้วม้านั่งก็ล้มลงไปด้านหลังเสียงดังปัง ตอนแรกในชั้นเรียนก็ยังมีเสียงกระซิบกระซาบกันอยู่ แต่คราวนี้กลับเงียบสนิท แล้วทุกคนก็หันมามองผู้กล้าที่เพิ่งจะเปิดเทอมก็กล้าต่อล้อต่อเถียงกับคุณครูอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

        “เพราะอะไร? ” คุณครูสาวไม่ได้ตำหนิในท่าทีของเขา มือก็กอดอกเอาไว้ รอฟังคำอธิบายที่สมเหตุสมผลของชวีเสี่ยวปอ

 

        “เพราะว่า…” ชวีเสี่ยวปอใช้สมองให้ทำงานอย่างรวดเร็ว “เพราะว่า ครูก็ดูเขาสิครับ เขาสูงมาก ถ้าเขามานั่งตรงนี้ก็จะส่งผลกับเพื่อนที่นั่งข้างหลังตอนมองกระดานด้วยนะครับ”

 

        ยอดเยี่ยม ! ชวีเสี่ยวปอเห็นซือจวิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ชูนิ้วโป้งให้เขา

 

        “ก็จริง”  คุณครูสาวทำหน้าครุ่นคิดแล้วจึงพยักหน้า พลางพูดกับตัวเองว่า “ฉันนี่หาปัญหามาให้จริงๆ”

 

        ชวีเสี่ยวปอที่กำลังจะโล่งอก ก็ได้ยินคุณครูพูดขึ้นมาอีกว่า : “งั้นเอาแบบนี้ ชวีเสี่ยวปอเธอไปนั่งข้างๆ เซี่ยเจิง เธอก็ตัวสูงอยู่นะ ถ้าหากเธอไม่เตือนครูก็คิดไม่ถึงเหมือนกันนะเนี่ย”

 

        ตั้งเริ่มจนจบเซี่ยเจิงยืนอยู่ตรงนั้นมาตลอดไม่ได้ขยับไปไหน แม้ขนาดเปลี่ยนสีหน้าให้ยิ้มออกมาก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อหลังจากที่ได้ยินคุณครูพูดประโยคนั้นออกมาแล้ว เหลือบไปเห็นสีหน้าของชวีเสี่ยวปอที่แสดงออกมาว่า “สวรรค์นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เซี่ยเจิงจึงอดไม่ไหวที่จะยกมุมปากขึ้นมา

 

        และชวีเสี่ยวปอก็มองไปเห็นรอยยิ้มนั้นพอดี ทั้งยังโจมตีออกไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้ออกเสียงว่า “ยิ้มหาทวดนายเหรอ”

 

        เซี่ยเจิงที่ไม่เคยยอมแพ้ในการต่อปากต่อคำ และเลือกที่จะต่อสู้กลับไปอย่างไม่ลังเลว่า “ยิ้มกับหลานฉันไง”

 

        หลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงด้วยกันอย่างเงียบๆ แล้ว และในที่สุดก็มีกลุ่มคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านในชั้นเรียนส่งตัวแทนออกมา มีคนพูดกระซิบเบาๆ ขึ้นว่า : “นี่ๆ ฉันรู้สึกจะจำได้ว่าเขาทั้งสองคนเหมือนจะเคยอ่านคำสำนึกผิดของตัวเองด้วยกันใช่ไหม? ”

 

        ตัวแทนชั้นเรียนเบอร์ 2 : “ใช่ๆๆ พอเธอพูดฉันก็นึกขึ้นได้เลย ที่พวกเขาทั้งคู่ต้องมาอ่านคำสำนึกผิดเป็นเพราะครั้งก่อนเขาทะเลาะต่อยตีกันไม่ใช่เหรอ ? ฉันจำไม่ผิดใช่ไหมเนี่ย? ”

 

        ตัวแทนชั้นเรียนเบอร์ 3 : “ฉันมีคำถาม พวกเขาเคยมีเรื่องกันทำไมครูยังจับไปนั่งด้วยกันอีกอะ? ”

 

        ตัวแทนชั้นเรียนเบอร์ 1 และเบอร์ 2 : “เบอร์ 3 เธอจับประเด็นสำคัญได้แล้ว”

 

        ในขณะนั้นนักเรียนก็ทยอยกันเข้ามาในห้องเรียนจนครบ คุณครูสาวก็มองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งเพื่อที่จะตรวจดูว่าในห้องไม่มีที่ว่างเหลืออยู่แล้ว หลังจากนั้นจึงหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนชื่อกับเบอร์โทรของตัวเองไว้บนกระดานดำ

 

        โหยวเจีย  เบอร์โทร : 130XXXXXXXX

 

        “เอาล่ะ นักเรียนครบแล้วงั้นครูแนะนำตัวเองก่อนละกันนะคะ ครูชื่อโหยวเจีย หลังจากนี้จะเป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ แล้วก็เป็นครูประวัติศาสตร์ของพวกเธอด้วย” โหยวเจียหันกลับไปมองกระดานและพูดต่อไปว่า : “เบอร์โทรศัพท์ของครูพวกเธอก็จำเอาไว้ด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นต้องมาแจ้งครูทันที ที่จริงแล้วครูก็อายุมากกว่าพวกเธอแค่ไม่กี่ปี และอีกอย่างพวกเธอก็จะเป็นนักเรียนที่ครูต้องดูแลในชั้นมอห้าครั้งแรกด้วย นอกจากในฐานะครูแล้ว ครูยังหวังว่าพวกเธอก็จะมองครูเป็นเพื่อนด้วยเช่นกัน ในสองปีต่อจากนี้ครูจะพยายามอย่างสุดกำลังที่จะช่วยเหลือและผลักดันพวกเธอทุกคนให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันให้จนได้ ! ”

 

        คำพูดของโหวยเจียประโยคนี้ดูจริงใจมาก และหลังจากที่แนะนำตัวจบ นักเรียนก็พร้อมใจกันปรบมือขึ้นมา แต่หนึ่งในนั้นไม่รวมชวีเสี่ยวปอ

 

        จิตใจของเขายังคงตกอยู่ในภวังค์กับคำว่า “สวรรค์นี่ผมกำลังฝันไปใช่ไหม” อยู่ชั่วขณะ และเขาไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ในทันที

 

        “โอเค งั้นไว้แค่นี้ก่อน” โหยวเจียพยักหน้า พอใจกับบรรยากาศในชั้นเรียนมาก “ทุกคนเตรียมเรียนวิชาต่อไปกันไปนะคะ เซี่ยเจิง เธอออกมาหาครูหน่อย”

 

        ไม่รู้ว่าทำไมในตอนที่ชื่อของเซี่ยเจิงถูกเรียกขึ้น ชวีเสี่ยวปอกลับรู้สึกตื่นตระหนกมากกว่าเซี่ยเจิงที่ต้องตกใจเสียอีก

 

        “นายทำอะไรเนี่ย” เซี่ยเจิงรู้สึกตลก แต่ครั้งนี้เก็บอาการเอาไว้ได้ เซี่ยเจิงมองไปที่เขาเพียงครู่เดียว แล้วจึงลุกขึ้นยืน

 

        “ไม่ต้องยุ่ง” ชวีเสี่ยวปอบิดหน้ากลับมามอง แล้วก็มองเขาแบบไม่อยากเห็นหน้า

 

        โหยวเจียยังคงยืนรอเซี่ยเจิงอยู่ที่ระเบียง เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็เดินออกไป

 

        “ตามครูมา” โหยวเจียเดินนำหน้า เซี่ยเจิงเดินตามหลังเขามาจนถึงห้องพักครู ช่วงเวลานี้คุณครูส่วนใหญ่ก็ออกไปสอนกันหมดแล้ว นอกจากเขาทั้งสองคนยังแล้วมีคุณครูผู้ชายอีกคนกำลังพิมพ์ตัวหนังสืออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โหยวเจียวางของในมือลง ทั้งยังดึงเก้าอี้ออกมาหนึ่งตัว และพูดขึ้นว่า :

 

        “เธอนั่งลงก่อนสิ”

 

        “ขอบคุณครับ” เซี่ยเจิงกับเขาจึงนั่งหันหน้าเข้าหากัน

 

        “คะแนนเธอดีมาก” โหยวเจียพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “พอผู้อำนวยการรู้ว่าเธอไม่ได้เลือกเรียนสายวิทย์ก็รู้สึกเสียดายมาก เขาตั้งใจกำชับครูให้ดูแลเธอให้ดี”

 

        เซี่ยเจิงยิ้มออกมา ไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 

        “กดดันครูมากเลยนะเนี่ย ถ้าคะแนนสอบของเธอไม่ดี ผู้อำนวยการไม่ปล่อยครูไว้แน่” โหยวเจียเป็นครูวัยรุ่ยที่ค่อนข้างจะสบายๆ แต่ก็มีความมุ่งมั่น “ดังนั้นพวกเราก็มาพยายามไปด้วยกันเถอะ แล้วเธอล่ะว่าไง? ”

 

        แน่นอนว่าเซี่ยเจิงทำได้เพียงตอบตกลง

 

        “อืม ดีมากจ้ะ” โหยวเจียมั่นใจเต็มร้อย “ใช่แล้ว ให้เธอกับชวีเสี่ยวปอมานั่งด้วยกัน ไม่มีปัญหาใช่ไหม”

 

        “ผมไม่มีครับ” เซี่ยเจิงบอกออกไปตามตรง “แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีปัญหาไหม”

 

        “แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ” โหยวเจียอธิบายต่อไปว่า “เพราะว่าคุณครูเฝิงที่เป็นครูประจำชั้นของชวีเสี่ยวปอก็มาหาครู เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้พวกเธอมีเรื่องทะเลาะต่อยตีกัน เขาเลยค่อนข้างที่จะกังวลว่าพวกเธอจะไม่สามารถจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนได้ดีสักเท่าไหร่ แต่จากที่ครูเห็นนะ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันก็ต้องค่อยๆ คุยกันค่อยๆ ปรับตัวกันไป ทำให้เห็นว่าก่อนแบ่งสายทะเลาะกัน หลังจากแบ่งสายแล้วสามัคคีกัน”

 

        เซี่ยเจิงรู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? เป็นหนังสือฉบับหนึ่งที่ชื่อว่าสามีภรรยาทะเลาะกันหัวเตียง ดีกันปลายเตียงอย่างนั้นเหรอ?

 

        “และอีกอย่างที่ครูให้พวกเธอมานั่งด้วยกันก็เพราะครูอยากให้เธอช่วยเขาเรียนด้วย” จู่ๆ โหยวเจียก็กระแอมออกมาเบาๆ หลังจากนั้นจึงดึงใบคะแนนออกมาจากชั้นเก็บเอกสารใต้โต๊ะ แล้วกางมันออกมาวางไว้บนโต๊ะ พลางพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า: “เธอดูสิ คะแนนของชวีเสี่ยวปออยู่ลำดับสุดท้ายของชั้นเรียนเลย ครูจะไม่ยอมให้เขามีคะแนนแบบนี้ภายใต้การดูแลของครูอีกเด็ดขาด ดังนั้นเซี่ยเจิง เธอก็ช่วยครูหน่อยนะ ! ครูจะต้องเป็นครูประจำชั้นมอห้าที่เก่งที่สุดในโรงเรียนมัธยมที่สี่ !”

 

        โหยวเจียจะเป็นครูประจำชั้นที่เก่งที่สุดได้หรือเปล่า เซี่ยเจิงก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

        แต่สิ่งที่เขาแน่ใจในตอนนี้ก็คือ โหยวเจียจะต้องมีปัญหากับชั้นมอห้าอย่างแน่นอน

 

        หลังจากที่ออกมาจากห้องพักครูแล้ว เซี่ยเจิงก็เดินไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ถ้าให้พูดตามตรงเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะได้มาอยู่ห้องเดียวกับชวีเสี่ยวปอ ทั้งยังนั่งโต๊ะเดียวกันอีก ปัญหาที่จะเกิดหลังจากนี้คงจะไม่น้อยอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับ

 

        เซี่ยเจิงดับบุหรี่ลงพร้อมกับปล่อยควันสุดท้ายออกมาอย่างผ่อนคลาย ในหัวก็นึกไปถึงตอนที่ชวีเสี่ยวปอหมอบลงไปกับโต๊ะเพี่อหลบหน้าตัวเองเมื่อครู่ในห้องเรียน

 

        แล้วจู่ๆ เซี่ยเจิงรู้สึกว่ามันตลกมาก ท่าทางยอมจำนนเช่นนั้นของชวีเสี่ยวปอดูน่าสนใจกว่าท่าทางหาเรื่องของเขาตั้งเยอะ แต่เมื่อเซี่ยเจิงคิดว่าท่าทางที่ชวีเสี่ยวปอทำนั้นมีต้นเหตุมาจากตัวเขาเอง ในใจของเขาก็มีความสุขขึ้นมาอย่างประหลาด ราวกับได้เล่นแกล้งกันกับเพื่อนในสมัยเด็ก แล้วสามารถทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจได้ช่างเป็นความสุขเสียจริง

 

        แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเซี่ยเจิงไปถึงหน้าห้องเรียน ชวีเสี่ยวปอที่เมื่อครู่นี้ยังทำตัวสบายๆ อยู่ แต่พอเห็นเขาก็รีบยกแผ่นหลังตั้งตรงขึ้นมา

 

        เซี่ยเจิงรู้สึกว่าตอนที่ชวีเสี่ยวปอทำท่าตั้งรับป้องกันแบบนี้มันน่าตลกสุดๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินก้มศีรษะกลับเข้าไปยังที่นั่งของตัวเอง ทว่าบริเวณรอบๆ ดูเหมือนจะยังมีคนมองมาที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร