ตอนที่ 16 การกลับมาของผู้กล้ารุ่นที่ 2

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ณ ลานกว้างในปราสาทลัคซีเรีย 

หญิงสาวผู้สวมถุงมือเหล็ก เธอกำลังเหวี่ยงหมัดของเธออย่างบ้าคลั่ง 

ด้วยภาพลักษ์ที่น่ารักของเธอเป็นทุนเดิม ภาพเหล่านี้มันจึงทำให้ดูไม่เข้ากันเลย 

และการเคลื่อนไหวนั้น 

มันทำให้ทรงผมทวินเทลสีแดงของเธอโบกสบัดไปมาในอากาศ

 

[ ฮ่าาา ]

 

หลังจากที่เธอส่งเสียงร้องออกมา 

หมัดของเธอที่ชกออกไปนั้นทำให้เกิดแสงสว่างว๊าบพร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นใส่ศัตรูในความว่างปล่าว

 

[ ย๊าา ]

 

ต่อจากนั้น เธอได้หมุนตัวด้วยความเร็วสูง มันเร็วสุดๆที่มนุษย์จะทำได้

มันเป็นการหมุนตัวเตะไปในอากาศ

 

[ อี๊ย๊าา!! ]

 

ที่อีกมืออีกข้างหนึ่ง

มือนั้นกำลังเปล่งแสงสีฟ้าออกมา

มันเป็นการร่ายเวทย์เพื่อป้องกันแรงระเบิด

 

[ แฮก แฮก ]

 

ตอนนี้

หญิงสาวผู้มีผมทวิลเทลสีแดงได้ทิ้งตัวลงนอนแผ่ที่พื้น 

ด้วยเหงื่อจำนวนมากที่ไหลออกมานั้น 

ทำให้แทบจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในชุดได้เลย

ในตอนที่เธอกำลังหอบอยู่ 

เพราะอากาศที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งเธอได้สูดเข้าไปเต็มปอด

มันเหมือนกับยิ่งทำให้เหงื่อของเธอยิ่งใหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม

 

[ เธอกำลังจะกลายเป็นสาวหยาบกระด้างแล้วนะรู้ตัวรึปล่าว อาคาเนะ ]

 

หญิงสาวอีกคนที่ดูอายุรุ่นเดียวกับเธอได้ปรากฎขึ้น 

ด้วยที่เธอสวมชุดกิโมโนและฮาคามะ 

มันยิ่งทำให้เธอดูเหมือนมิโกะเอามากๆ

หญิงสาวผู้มีผมสีดำได้นั่งลงข้างๆและที่มือของเธอมีผ้าชุบน้ำ 

เธอได้ส่งให้กับหญิงสาวที่นอนแผ่หลา

 

[ . . อืมม ]

 

หญิงสาวที่นอนแผ่อยู่นั้น เธอชื่ออาคาเนะ เธอกำลังเช็ดหน้าตาของเธอด้วยผ้าชุบน้ำผืนนั้น มันทำให้เธอดูสดชื่นขึ้นสักหน่อย

 

[ เป็นเพราะไคโตะสินะ ]

[ งะ . เงียบน่า ]

[ คิคิ ไม่เป็นไรหรอกที่จะเงียบเอาไว้ เป็นชั้นก็ทำแบบเดียวกับเธอ ]

[ เอ๊ะ. .ซาคุยะ . .หรือว่า เธอก็ . .  ]

[ ชั้นไม่ได้หมายถึงแบบเดียวกับอาคะเนะหรอกนะ . .”ที่ตกหลุมรัก” น่ะ ]

[ เงียบน่า!! ]

 

อาคะเนะได้หลบสายตาของเธอไปอย่างรวดเร็ว 

หญิงสาวอีกคนที่ชื่อซาคุยะ เธอได้หัวเราะออกมาเล็กๆ

และทันใดนั้นเอง บรรยากาศของทั่งคู่ก็ได้มืดครึมลงทันที

 

[ ชั้นว่าเวลานี้ควรที่จะต้องพูดอะไรบ้างแล้วล่ะ เพราะว่าไคโตะตอนนี้ เค้าดูจะเปลี่ยนแปลงไปมาก ]

[  . . . . .  ]

 

อาคาเนะได้แต่เงียบไม่กล่าวอะไรออกมา

 

[ เขาพึ่งจะได้เห็นการตายอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตา และนั้นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้น นี่มันก็ผ่านไป 5 วันแล้ว ที่เขาเข้าไปที่ “เขาวงกต” ด้วยตัวคนเดียว แต่นั้น ก็เป็นเหตุผลที่บ่งบอกสิ่งที่เขาพยายามฝึกอย่างเอาเป็นเอาตาย เขานั้นมีความมุ่งมั้นที่จะปราบจอมมารมากขนาดใหน ]

 

ใช่แล้ว 

หลังจากผ่านพ้นการต่อสู้กับ อัคนีร่า คนนั้น 

อามากิ ไคโตะ เขาได้ฝึกตนเองราวกับว่ามันเป็นการลงโทษตัวเองอยู่

 

[ เขาเอาแต่พูดว่า ”ในตอนนี้ ตัวผมจัดการพวกปีศาจไม่ได้หรอก” และเขาก็ขอร้องหัวหน้าจอมเวทย์วังหลวงเพื่อที่จะขอเข้าไป “เขาวงกตแห่งกาลเวลา” เพราะเวลาของที่นั้น มันได้เดินเร็วกว่าข้างนอกมากนัก ]

 

สถานที่แห่งนั้น 

เดิมเป็นที่อยู่ของมังกรโบราณ และ ที่ถ้ำของมังกรนั้นมีพลังเวทย์โบราณไหลเวียนอยู่

และนั้นเอง ถ้าหากคุณต้องการจะเรียนเวทย์มนต์พิเศษ คุณจำเป็นต้องได้รับการสอนโดยมังกรโบราณตนนั้น ผู้ที่อยู่ในส่วนลึกของ “เขาวงกตแห่งกาลเวลา”

 

[ ไคโตะตอนนี้กำลังเจ็บปวด และเธอก็ไม่สามารถจะเป็นพลังให้กับเขาได้ นั้นคือเหตุผลที่เธอกำลังฝึกฝนอย่างหนักในขณะนี้เช่นกัน ถูกรึปล่าว แต่เธอยังเข้าใจมันผิดไปนะ เพราะสิ่งนี้มันเกินจะเรียกว่าการฝึกแล้ว มันควรเรียกว่า บ้าคลั่ง มากกว่า ]

[ . . . ]

 

ด้วยคำพูดของซาคุยะ . . 

มันคือสิ่งที่ยืนยันว่ามันคือความจริงทุกอย่าง

ไคโตะเปลี่ยนไปมากหลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้น

แต่ก่อน รอยยิ้มที่สดใสของเขาที่มักจะแสดงออกมาบ่อยๆ 

แต่ทว่าตอนนี้ ใบหน้าของเขากับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า 

และถ้าเขาถือดาบอยู่ในมือ. . . 

ดวงตาของเขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง. . 

ความรู้สึกของอาคาเนะได้บอกว่า ไคโตะคนเก่าได้หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงไคโตะที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเหล่าปีศาจ

ตอนนี้ไคโตะที่กำลังโศกเศร้า 

เขาต้องการเพียงสิ่งเดียว

นั้นคือแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น

และที่เธอเสียความรู้สึก 

นั้นเพราะ

เสียงของเธอส่งไปไม่ถึงไคโตะเลย

มันเป็นความรู้สึกทุกข์ใจที่กำลังก่อตัวขึ้น 

มันทำให้เธอถึงกับพุ่งตรงเข้าไปที่ป่า 

และการฝืนจนทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บนั้น 

มันเรียกว่าการฝึกไม่ได้จริงๆ

 

[ ถึงมันจะถูกอย่างที่เธอพูดมา แม้สิ่งนั้นจะเรียกว่าบ้าคลั่งก็เถอะ แต่เธอจะยังสนับสนุนชั้นได้ไหม ]

 

ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยคำพูด 

ซาคุยะดึงดาบคาตาน่าของเธอออกมาจากฝักดาบ

คาตาน่าของเธอนั้นถูกสร้างจากช่างตีเหล็กที่เก่าแก่ 

มันเป็นอาวุธที่มีพลังเวทย์มนต์อยู่ในตัว

 

[ มาเลย ชั้นอยากจะลองสู้แบบจริงจังกับซาคุยะมาตั้งนานแล้ว ]

 

หลังจากเห็นดาบคาตาน่า 

อาคาเนะได้เด้งตัวขึ้นมายืนอยู่ในท่าพร้อมที่จะต่อสู้ 

บรรยากาศที่เศร้าหมองของทั้ง 2 ตอนนี้ได้หายไปแล้ว 

เหลือเพียงบรรยากาศที่พร้อมที่จะสู้กันของทั้ง 2 คน

 

[ เข้ามา ]

[ ลองรับมันดู ]

 

หญิงสาวยังคนยืนถือดาบคาตาน่าอยู่กับที่

และหญิงสาวอีกคนได้พุ่งตัวออกไปพร้อมกับหมัดของเธอ 

มันพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย

 

[[ พลังของข้าจงตื่นขึ้น “ร่างศักดิ์สิทธิ์” ]]

 

เมื่อหญิงสาวทั้ง2ได้ตะโกนออกมา 

ร่างกายของพวกเธอได้ถูกหุ้มไปด้วยแสงสว่าง

มันคือการเพิ่มพลังกายด้วยเวทย์มนต์ “ ร่างศักดิ์สิทธิ์ “

มันเป็นเทคนิคขั้นสูงในการเพิ่มความสามารถทางร่างกาย โดยที่แขนและขาของเธอนั้นเพิ่มพลังขึ้นอย่างมาก และมีแสงห่อหุ้มไว้ราวกับว่าเป็นเกราะป้องกัน

ร่างของทั้งคู่ที่ถูกเพิ่มพลังกายแล้วประทะกันด้วยความเร็วที่ราวกับแสงแฟลช

การโจมตีของดาบและหมัดนั้น มันรวดเร็วมากจนคนธรรมดาไม่สามารถจะมองตามทัน และเมื่อทั้ง2ปะทะกัน พวกเธอแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว

 

[ ฟุฟุ สำหรับอาคาเนะ ที่ไม่มีวิชาต่อสู้ติดตัว การที่ทำได้ถึงขนาดนี้ถือว่าแข็งแกร็งมากทีเดียว ]

 

หญิงสาวที่กำลังเหวียงดาบได้กล่าวขึ้น 

ซาคุยะนั้นมั่นใจในความเร็วของเธอมาก 

แต่หมัดนั้นก็ยังตามเร็วของคาตาน่าของเธอทัน 

มันบอกได้ว่าในอนาคตอาคาเนะจะต้องแข็งแกร็งขึ้นกว่านี้มากแน่นอน

 

[ เห้ อย่าพึ่งคุยกับชั้นตอนนี้สิ ]

 

สำหรับอาคาเนะ 

ซาคุยะเป็นคู่ต่อสู้ที่มีทักษะการต่อสู้สูงมาก 

และนั้น มันทำให้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะคุยมากนักนอกจากจดจ่อกับการเหวี่ยงหมัด

 

[ ชั้นว่า ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อไคโตะ สินะ ]

[ อะไรนะ!! ]

[ จิตใจหวั่นไหวคือศัตรูที่แท้จริง ]

 

ซาคุยะรู้ว่า อาคาเนะกำลังตกหลุมรักไคโตะ จึงใช้คำพูดเหล่านี้กระตุ้นเธอ 

และนั้น มันทำให้ซาคุยะโจมตีออกมาอย่างกะทันหันในระหว่างที่อาคาเนะกำลังตกหลุมพลาง

 

[ เธอขี้โกง! ]

[ โฮ. . ]

 

ถึงอาคาเนะจะรับการโจมตีนั้นได้ แต่ก็ทำให้เกิดช่างว่างทางด้านหลัง 

ถึงเธอจะพยายามเตะตวัดกับไป แต่มันก็ถูกดาบคาตาน่ากันเอาไว้ได้

 

[ เธอเสร็จชั้นล่ะ ]

 

ร่างของเธอถูกกดลงพื้น และมือขวาของเธอถูกกดไพ่หลังเอาไว้ 

อาคาเนะพยายามดิ้นเพื่อให้มือขวาหลุดออกจากกันพันธนาการ

ทันใดนั้นก็มีแสงรวบรวมขึ้นทีมือขวาของอาคาเนะ 

แสงเหล่านั้นทำท่าเหมือนจะระเบิดออก 

นี่คือ 1 ในท่าของเธอ

 

[ ระเบิ—  ]

[ โฮมันคงจะเจ็บน่าดู ชั้นไม่เอาด้วยหรอก ]

 

แขนของอาคาเนะถูกปล่อยออก

เมื่อมองดูใกล้ๆ ซาคุยะนั้นตอนนี้ได้เก็บฝักดาบเข้าที่เอวไปแล้ว

 

[ มันไม่ยุติธรรม ซาคุยะ ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่าเธอจะใช้ฝักดาบในการโจมตีด้วย ]

[ มันเป็นความผิดพลาดของอาคาเนะเอง ที่ตัดสินว่านักรบนั้นทำแบบนี้ไม่ได้ ฟุฟุ นี่แสดงว่าชั้นยังเหนือกว่าเธอไงล่ะ ]

 

อาคาเนะได้แต่กลืนน้ำลาย

เมื่อนึกถึงการโจมตีของซาคุยะที่ตรงมาที่คอของเธอ 

ด้วยดาบที่เปล่งแสงนั้น . .

 

[ อาคาเน่ซังงงงงง  ซาคุยะซังงงงง ]

 

หลังจากผลตัดสินของทั้งคู่ได้ออกมา 

ก็มีเสียงจากของเด็กผู้หญิงซักแห่งหนึ่งกำลังร้องเรียกพวกเธออยู่

 

[ ชั้นว่าชั้นได้ยินเสียงของเขาเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงนะ ]

[ ไม่ใช่ว่าเขากลายเป็นเด็กผู้หญิงไปแล้วหรอ? ]

 

เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งตรงมาทางพวกเธอ 

มันเป็นร่างของคนผู้สวมชุดผ้าคลุมสีดำและแขนเรียวสวยคู่นั้น มันกำลังถือคถาที่ทำจากไม้ และวิ่งตรงมาทางนี้

บอกได้ว่าสิ่งที่คุณกำลังเห็น

เป็นเด็กผู้ชาย. . 

 

[ เกิดอะไรขึ้น อากิระ เธอลืมไปแล้วรึว่าตัวเองห้ามออกกำลังกาย ]

 

อาคาเนะ 

กังวลเกี่ยวกับเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนี้ 

เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา อากิระเหมือนจะมีปัญหาโรคหอบเวลาหายใจไม่ทัน

 

[ เขากลับมาแล้วไคโตะซัง-.กลับมาจาก”เขาวงกต”นั้น— ]

 

ยังไม่ทันอากิระจะได้หอบ 

อาคาเนะเธอได้วิ่งออกไปในทันที. .

 

[ เอ๋? รอชั้นด้วยสิ อาเคเนะซังงง!! ]

[ เอาล่ะใจเย็นๆก่อน อากิระ อย่าเพิ่งลืมเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอเองสิ เราไม่ต้องรีบไปก็ได้ ]

 

หลังจากอาคาเนะได้ออกวิ่งไป 

อากิระทำถ้าเหมือนจะวิ่งตามเธอไป 

แต่เหมือนซาคุยะจะจับไหล่ของเขาได้ทัน . . 

 

[ ไคโตะ!! ]

 

สถานที่ที่อาคาเนะได้มาถึง 

มันเป็นประตูขนาดยัก 

และคนที่ยืนอยู่ที่นั้น 

คือเด็กหนุ่มผมสีดำ 

เสื้อผ้าของเขาขาดรุ้งริ้ง 

และตามร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลและเศษฝุ่นโคลน 

แต่ดวงตาและดาบเวทย์มนต์ของเขายังคงส่องสว่างราวกับยังไม่ลืมจุดมุ่งหมายในตัวเอง

ดูเหมือนองค์หญิงลัคซีเรียและเหล่าองครักษ์ได้ออกมาต้อนรับเขา 

แต่อาคาเนะได้วิ่งออกมาข้างหน้าสุด

และได้พุ่งตัวเข้าไปกอด  . . .

 

[ ว้าา .อะไรหรอ อาคาเนะ? ]

 

ไคโตะรู้สึกสับสนที่เพื่อนสมัยเด็กของตนอยู่ๆก็พุ่งเข้ามากอดเขา

 

[ เงียบน่า ขออยู่แบบนี้สักพักนะ ]

 

มันผ่านไปแล้ว 5 วันสำหรับหญิงสาว 

มันก็แค่ 5 วัน . . .

แต่สำหรับไคโตะ 

ผู้ที่อยู่ใน”เขาวงกตแห่งกาลเวลา” 

เพื่อต่อสู่กับเหล่ามอนเตอร์นั้นเพียงลำพังในเขาวงกต

มันเทียบเท่ากับ 1 เดือนเลยทีเดียว

สำหรับเขาที่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา 1 เดือนเต็ม 

สำหรับอาคาเนะแล้วมันไม่มีทางเลยที่จะไม่กังวลเกี่ยวกับไคโตะตลอดเวลา

เธอยังภาวนาอยู่ตลอด

ว่าเขาจะต้องรอดกลับมา. .  

แต่เธอก็ยังกังวล 

ว่าเขาจะปลอดภัยรึปล่าว  . . 

เขาไม่ได้ทุกข์ทรมานใช่ไหมตอนนี้. . .

มันเป็นเวลา 5 วันแล้วที่พวกเขาถูกแยกออกจากกัน . . 

แต่ในเวลานี้. . 

เขาได้กลับแล้ว 

กลับมาโดยไม่เป็นอะไรมาก

ในใจของเธอตอนนี้มันเต็มไปด้วยความยินดี. .

 

[ . . . .  ]

 

ขณะที่เขากำลังถูกเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนานนับเดือนกอดอยู่ . . 

เขาก็ได้เผยรอยยิ้ม 

มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วตั้งแต่พวกเขาได้มาที่ต่างโลกแห่งนี้ . .