ตอนที่ 17 สงคราม ณ ดินแดนที่สูญสิ้น 1

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ดินแดนที่สูญสิ้น

มันเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากอาณาจักรลัคซีเรียทางตะวันตก 

ที่นั้นมันเป็นผืนดินกว้างใหญ่ที่มีแต่หินผาและทรายกระจายอยู่โดยทั่วบริเวณ

 

[ อุว้าา . . นี่มันสุดยอดมาก ดูจำนวนพวกนั้นสิ ]

 

หลังจากลงมาจากรถลาก 

อาคาเนะมองสำรวจบริเวณโดยรอบ 

และนั้น มันทำให้เธอได้พบกับกองทัพขนาดใหญ่ที่มองด้วยตาคล่าวๆคงทะลุแสนคนเป็นแน่

 

[ อุว้าา . .ทุกๆคนดูแข็งแกร่งจังเลย ]

 

ผู้ที่ลงมาจากรถต่อจากอาคาเนะ คือ อากิระ 

เขาตกใจมากกับภาพลักษณ์ของทหารเหล่านี้ทันทีที่เขาสังเกตุเห็น

 

[ ดินแดนที่สูญสิ้น . .เห้อ จริงๆชั้นหวังไว้ว่าจะเจออะไรที่มันดีกว่านี้นะแต่นี่มันเต็มไปด้วยทะเลทรายที่ทำให้เดินลำบาก แถมบรรยากาศยังดูแย่เอาเสียมากๆ ]

 

หญิงสาวผู้ถือทวนที่ดูยาวกว่าความสูงของเธอซะอีก 

เธอคือ ซาคุยะ 

เธอได้นั่งลงเพื่อดูสภาพของพื้นดินของดินแดนแห่งนี้ 

เพราะขณะที่เธอพูดออกมานั้น 

มันเป็นจังหวะที่พระอาทิตย์ก็ถูกก้อนเมฆบดบัง 

จากท้องฟ้าที่เคยสว่างกับกลายเป็นมืดมิด 

และมีลมพัดมาค่อนข้างแรง จนเกิดพายุทรายเล็กๆ . . 

สภาพโดยรวมของที่นี่มันก็มากพอที่จะทำให้กองทัพทั้งกองทัพเริ่มที่จะตื่นตระหนก

 

[ พวกมัน . . กำลังมาที่นี่สินะ ]

 

เด็กหนุ่มผู้ลงมาเป็นคนสุดท้าย 

สายตาของเขาได้ทอดยาวออกไปในทิศทางที่คาดว่าพวกศัตรูจะโผล่ออกมา

วันนี้คือวันที่เหล่าผู้กล้าได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาที่โลกรูนเบิร์ก

พวกเขาสวมชุดที่มีโทนหลักเป็นสีขาว

มีเพียงแค่ อามากิ ไคโตะ เท่านั้นที่ดูแตกต่าง 

เขาสวมผ้าคลุมสีแดงที่พันอยู่บริเวณคอของเขา 

 

[ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับ ]

 

เขาได้กล่าวขอบคุณหญิงสาว

ด้วยเส้นผมสีทองที่ปลิวไสวและภาพลักษญ์ของเธอจัดได้ว่าเธอเป็นบุคคลที่งดงามเป็นอย่างมาก เธออยู่ในชุดเกราะสีขาวที่ดูเปราะบางแต่กลับแข็งแกร็งอย่างไม่น่าเชื่อ 

เพราะมันถูกสร้างจาก ”เหล็กสีขาว” 

ซึ่งทับอยู่ในชุดกระโปรงสำหรับต่อสู้สีแดงสด

เธอก็คือเจ้าหญิงแห่งลัคซีเรีย “ไอริส คราว โรว เอ . ลัคซีเรีย”

ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมเจ้าหญิงถึงได้ออกมารอกลุ่มของไคโตะ 

ก็เพราะเจ้าหญิงต้องการให้กลุ่มของไคโตะบัญชาการกองทัพนับแสนนี้แทนตัวเธอนั้นเอง

 

[ มันน่าตกใจจริงๆสำหรับทหารจำนวนมาก . . .ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาณาจักรลัคซีเรียมีทหารมากมายขนาดนี้ ]

 

เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนเด็กผู้หญิง อากิระ พึมพัมออกมาในข้อสงสัยของเขา และนั้นทำให้เจ้าหญิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย . . . 

 

[ เอ๋? . . ชั้นพูดอะไรแปลกๆออกไปหรอ? ]

[ ดูนั่นสิ . . .ทหารเหล่านั้น พวกเขาสวมเครื่องป้อมกันที่ต่างกัน และที่สำคัญพวกเขา ถือธงหน้าตาไม่เหมือนกันอยู่ แสดงว่าพวกเขาเป็นทหารคนละอาณาจักรกันน่ะ ]

 

ไคโตะไขข้อสงสัยให้กับอากิระ

เมื่อมองดูที่ชุดของพวกเขาเหล่านั้น 

มันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และธงเหล่านั้น ยืนยันได้ว่าพวกเรามาจากหลากหลาย อาณาจักร

 

[ อย่างที่คุณไคโตะพูดค่ะ ที่นี่ไม่มีเพียงแค่ทหารอาณาจักรเราค่ะ กองทัพหลัก ณ ตอนนี้ คือ อาณาจักรวาแลนเชลและอาณาจักรลีซาเรี่ยนค่ะ พวกเขาส่งทหารมามากที่สุด และยังมีทหารอาณาจักรอื่นๆจากกลุ่มรัฐอิสระกาลาเรียกำลังเดินทางมาอีกค่ะ ]

[ วาแลนเชล? ชั้นเคยได้ยินมาอาณาจักรลีซาเรียนคืออาณาจักรที่อัญเชิญผู้กล้าคนที่แล้วมา แล้ว อาณาจักรวาแลนเชล ? ]

[ อาณาจักรวาแลนเชลคือ—– ]

[ มีธุระอะไรกับอาณาจักรของข้างั้นรึ? ]

 

เจ้าหญิงที่กำลังจะตอบคำถาม 

แต่ก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งที่จู่ๆปรากฎตัวขึ้นมาตอบแทรกขึ้น

ด้วยผิวที่ดำสนิท ชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีผมสีแดงราวกับเปลวเพลิงปรากฎตัวขึ้น

เกราะที่เขาใส่คงไม่สามารถเรียกได้ว่าเกราะเบา เพราเขาไม่สวมเกราะท่อนบนเลย เขาสวมเพียงเครื่องป้องกันสีดำแค่ช่วงล่างเท่านั้น มีเพียงถุงมือเหล็กเท่านั้นที่เขาสวมอยู่ มันคงจะบอกได้ว่ากล้ามของเขานั้นเทียบเท่ากับเกราะเลยทีเดียว

 

[ หาาา? . . เป็นบ้าอะไรของแก— ]

[ หยุดนะ อาคาเนะ . . บางทีเขาคนนี้อาจเป็น 1 ในราชวงค์วาแลนเชล ]

 

อาคาเนะกำลังจะระบายความโกรธของเธอกับผู้ชายคนนี้

ผู้ซึ่งได้มาขัดการสนทนาของเธอ

แต่ไคโตะได้ พูดขัดเธอขึ้นมาก่อน

 

[ มันก็ไม่ถูกต้องเท่าไร แต่ช่างเถอะ ข้ามีชื่อว่า ลิปซาล โดร่า จีกอเรีย วาแลนเชล

ถึงตอนนี้ข้าจะยังเป็นเจ้าชาย แต่ในท้ายที่สุดข้าก็จะได้เป็นราชาของอาณาจักร ]

 

ชายที่ดูหยิ่งผยองอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าชายด้วยท่าทางกอดอก 

แต่ถึงอย่างงั้นเขาคนนี้ก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง 

เพราะพวกไคโต๊ะถูกคนเหล่านั้นประจบประแจงอยุ่ตลอดเวลา มันทำให้เขาเหมือนจะแยกแยะคนดีคนไม่ดีได้. . 

 

[. . ฟุฟุ ช่างงดงามจริงๆ . . เอาล่ะข้าตัดสินใจแล้ว เธอตรงนั้น!!มากับข้าซะ แล้วข้าจะมอบให้ทุกสิ่งอย่าง ]

 

ลิปซาลได้ยื่นมือของเขาเข้าไปใกล้อาคาเนะ 

แต่ก็ถูกเธอปัดออกในทันที

 

[ อย่าเอามือสกปรกของแกมาใกล้ชั้นนะ ไอ้โรคจิต ]

[ ข้ารึ โรคจิต? . .  อุก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยมยอด เธอมันเยี่ยมยอดจริงๆ ข้าชอบ และข้าไม่สนใจหรอก ข้าจะเอาพวกเธอทั้งหมดมาเป็น 1 ในฮาเรมของข้า ว่ายังไง  ]

 

อาจเพราะลิปซาลถูกด่าว่าเป็นไอ้โรคจิต 

เขาได้หัวเราะออกมา พร้อมยังหันไปหา ซาคุยะ และ อากิระ

 

[ อากิระเป็นผู้ชาย รู้รึปล่าว ]

 

หลังจากที่ไคโตะได้พูดออกมา 

ลิปซาลได้ถกชุดคลุมของอากิระขึ้นในทันที พร้อมทั้งดึงกางเกงยาวลงจนเหลือแต่กางเกงใน . .

 

[ เอ่!! ]

 

อาจเพราะยังตั้งตัวไม่ทันในตอนนั้น 

อากิระได้แต่ส่งเสียงร้องออกมา

 

[ โอ้ นายมีมันจริงๆด้วย . .แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าเป็นพวกที่สามารถทำมันกับผู้ชายได้ถ้าหากพวกเขาสวยพอนะ . . . เพราะงั้นทำไมเธอไม่ลองมาเป็นที่รักของข้าดูล่ะ ]

[ เเเเเเเเเอ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋ —————– ]

 

อาจเพราะไอ้โรคจิตได้กระซิบคำพูดของเขาใกล้ๆ 

มันทำให้อากิระถึงกับร้องเสียงหลง

 

[ ทำบ้าอะไรของแก ไอ้โรคจิต!!! ]

 

อาคาเนะได้เตะออกไปอย่างสุดแรงไปยังลิปซาลผู้ซึ่งแอบมองช่วงล่างของอากิระ

และเขาเองก็ป้องกันการโจมตีนั้นอย่างง่ายๆด้วยกำปั้นเหล็กของเขา . .

 

[ โอ้? . .เธอช่างเยี่ยมยอดจริงๆ . .มันทำให้ชั้นอยากได้เธอยิ่งขึ้นไปอีกเลยรู้รึปล่าว ]

 

ลิปซาล กล่าวออกมาหลังจากรับการโจมตีอย่างสุดแรงของอาคานะ

ตอนนี้เขากำลังหัวเราะ พร้อมกำลังกางมือออก ทำท่าเหมือนกับกำลังจะกอด. .

 

[ คุณควรจะหยุดได้แล้ว ลิปซาล ]

 

เสียงที่งดงามและเย็นฉานั้น 

มันทำให้เขาหยุดลง . . 

 

[เธอเองก็เป็นคนที่สวยอยู่ตลอดเวลาเลยนะรู้ตัวบ้างรึปล่าว เอาอย่างงี้ ทำไมเธอไม่มาเป็นผู้หญิงของข้าล่ะ ถ้าเธอยอมล่ะก็ ข้าจะให้เธอเป็นราชินีเลยก็ได้ ]

 

ลิปซาลได้เผยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา 

มันรอยยิ้มนั้นมันแสดงออกว่า”ข้าจะทำให้เธอเป็นของข้าให้ได้” 

ดวงตาของเขากำลังจับจ้องไปยังร่างที่สวยงามจนหาที่ติไม่ได้ของหญิงสาวผู้มีผมสีเงินเงางาม มันเปร่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์

 

[ ชั้นไม่มีทางที่จะแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณหรอกนะ . .  ]

[ เธอแน่ใจที่พูดอย่างงั้นหรือ ซิลเวีย ]

 

แม้ลิซาลจะพูดออกมาอย่างงั้น 

แต่ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า ซิลเวียกับไม่สนใจ 

เธอเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของ ไอริส และกลุ่มของไคโตะ

 

[ โอ เจ้าหญิงลัคซีเรีย ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ]

 

หลังจากซิลเวียได้กล่าวออกมา 

เจ้าหญิงเพียงพยักหน้าออกมาเล็กๆ

 

[ ค่ะท่าน มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ]

 

พวกเธอทั้งสองยิ้มให้กันเพียงเล็กน้อย 

แต่ดวงตาของพวกเธอนั้นกับไม่ยิ้มด้วยเลยสักนิด

 

[ พวกคุณคือ? ผู้กล้าคน (ปัจจุบัน) สินะคะ ]

 

ซิลเวียหันสายตาของเธอไปถามกับไคโตะและพักพวก

 

[ เอ๋ะ อ่าา ครับ . .แล้วคุณคือ? ]

 

ไคโตะแปลกใจตรงที่เธอเน้นคำว่า ปัจจุบัน จนเห็นได้ชัด . .

 

[ อืมม . . .ชั้นมีชื่อว่าซิลเวีย , ซิลเวีย โลโต้ เชอรีออตโต้ ลีเซอร์เรี่ยน ชั้นเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 2 ผู้เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “ผู้กล้าคนก่อน” ค่ะ ]

 

ซิลเวีย 

เธอพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ . . .