ดินแดนที่สูญสิ้น
มันเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากอาณาจักรลัคซีเรียทางตะวันตก
ที่นั้นมันเป็นผืนดินกว้างใหญ่ที่มีแต่หินผาและทรายกระจายอยู่โดยทั่วบริเวณ
[ อุว้าา . . นี่มันสุดยอดมาก ดูจำนวนพวกนั้นสิ ]
หลังจากลงมาจากรถลาก
อาคาเนะมองสำรวจบริเวณโดยรอบ
และนั้น มันทำให้เธอได้พบกับกองทัพขนาดใหญ่ที่มองด้วยตาคล่าวๆคงทะลุแสนคนเป็นแน่
[ อุว้าา . .ทุกๆคนดูแข็งแกร่งจังเลย ]
ผู้ที่ลงมาจากรถต่อจากอาคาเนะ คือ อากิระ
เขาตกใจมากกับภาพลักษณ์ของทหารเหล่านี้ทันทีที่เขาสังเกตุเห็น
[ ดินแดนที่สูญสิ้น . .เห้อ จริงๆชั้นหวังไว้ว่าจะเจออะไรที่มันดีกว่านี้นะแต่นี่มันเต็มไปด้วยทะเลทรายที่ทำให้เดินลำบาก แถมบรรยากาศยังดูแย่เอาเสียมากๆ ]
หญิงสาวผู้ถือทวนที่ดูยาวกว่าความสูงของเธอซะอีก
เธอคือ ซาคุยะ
เธอได้นั่งลงเพื่อดูสภาพของพื้นดินของดินแดนแห่งนี้
เพราะขณะที่เธอพูดออกมานั้น
มันเป็นจังหวะที่พระอาทิตย์ก็ถูกก้อนเมฆบดบัง
จากท้องฟ้าที่เคยสว่างกับกลายเป็นมืดมิด
และมีลมพัดมาค่อนข้างแรง จนเกิดพายุทรายเล็กๆ . .
สภาพโดยรวมของที่นี่มันก็มากพอที่จะทำให้กองทัพทั้งกองทัพเริ่มที่จะตื่นตระหนก
[ พวกมัน . . กำลังมาที่นี่สินะ ]
เด็กหนุ่มผู้ลงมาเป็นคนสุดท้าย
สายตาของเขาได้ทอดยาวออกไปในทิศทางที่คาดว่าพวกศัตรูจะโผล่ออกมา
วันนี้คือวันที่เหล่าผู้กล้าได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาที่โลกรูนเบิร์ก
พวกเขาสวมชุดที่มีโทนหลักเป็นสีขาว
มีเพียงแค่ อามากิ ไคโตะ เท่านั้นที่ดูแตกต่าง
เขาสวมผ้าคลุมสีแดงที่พันอยู่บริเวณคอของเขา
[ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับ ]
เขาได้กล่าวขอบคุณหญิงสาว
ด้วยเส้นผมสีทองที่ปลิวไสวและภาพลักษญ์ของเธอจัดได้ว่าเธอเป็นบุคคลที่งดงามเป็นอย่างมาก เธออยู่ในชุดเกราะสีขาวที่ดูเปราะบางแต่กลับแข็งแกร็งอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะมันถูกสร้างจาก ”เหล็กสีขาว”
ซึ่งทับอยู่ในชุดกระโปรงสำหรับต่อสู้สีแดงสด
เธอก็คือเจ้าหญิงแห่งลัคซีเรีย “ไอริส คราว โรว เอ . ลัคซีเรีย”
ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมเจ้าหญิงถึงได้ออกมารอกลุ่มของไคโตะ
ก็เพราะเจ้าหญิงต้องการให้กลุ่มของไคโตะบัญชาการกองทัพนับแสนนี้แทนตัวเธอนั้นเอง
[ มันน่าตกใจจริงๆสำหรับทหารจำนวนมาก . . .ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาณาจักรลัคซีเรียมีทหารมากมายขนาดนี้ ]
เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนเด็กผู้หญิง อากิระ พึมพัมออกมาในข้อสงสัยของเขา และนั้นทำให้เจ้าหญิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย . . .
[ เอ๋? . . ชั้นพูดอะไรแปลกๆออกไปหรอ? ]
[ ดูนั่นสิ . . .ทหารเหล่านั้น พวกเขาสวมเครื่องป้อมกันที่ต่างกัน และที่สำคัญพวกเขา ถือธงหน้าตาไม่เหมือนกันอยู่ แสดงว่าพวกเขาเป็นทหารคนละอาณาจักรกันน่ะ ]
ไคโตะไขข้อสงสัยให้กับอากิระ
เมื่อมองดูที่ชุดของพวกเขาเหล่านั้น
มันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และธงเหล่านั้น ยืนยันได้ว่าพวกเรามาจากหลากหลาย อาณาจักร
[ อย่างที่คุณไคโตะพูดค่ะ ที่นี่ไม่มีเพียงแค่ทหารอาณาจักรเราค่ะ กองทัพหลัก ณ ตอนนี้ คือ อาณาจักรวาแลนเชลและอาณาจักรลีซาเรี่ยนค่ะ พวกเขาส่งทหารมามากที่สุด และยังมีทหารอาณาจักรอื่นๆจากกลุ่มรัฐอิสระกาลาเรียกำลังเดินทางมาอีกค่ะ ]
[ วาแลนเชล? ชั้นเคยได้ยินมาอาณาจักรลีซาเรียนคืออาณาจักรที่อัญเชิญผู้กล้าคนที่แล้วมา แล้ว อาณาจักรวาแลนเชล ? ]
[ อาณาจักรวาแลนเชลคือ—– ]
[ มีธุระอะไรกับอาณาจักรของข้างั้นรึ? ]
เจ้าหญิงที่กำลังจะตอบคำถาม
แต่ก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งที่จู่ๆปรากฎตัวขึ้นมาตอบแทรกขึ้น
ด้วยผิวที่ดำสนิท ชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีผมสีแดงราวกับเปลวเพลิงปรากฎตัวขึ้น
เกราะที่เขาใส่คงไม่สามารถเรียกได้ว่าเกราะเบา เพราเขาไม่สวมเกราะท่อนบนเลย เขาสวมเพียงเครื่องป้องกันสีดำแค่ช่วงล่างเท่านั้น มีเพียงถุงมือเหล็กเท่านั้นที่เขาสวมอยู่ มันคงจะบอกได้ว่ากล้ามของเขานั้นเทียบเท่ากับเกราะเลยทีเดียว
[ หาาา? . . เป็นบ้าอะไรของแก— ]
[ หยุดนะ อาคาเนะ . . บางทีเขาคนนี้อาจเป็น 1 ในราชวงค์วาแลนเชล ]
อาคาเนะกำลังจะระบายความโกรธของเธอกับผู้ชายคนนี้
ผู้ซึ่งได้มาขัดการสนทนาของเธอ
แต่ไคโตะได้ พูดขัดเธอขึ้นมาก่อน
[ มันก็ไม่ถูกต้องเท่าไร แต่ช่างเถอะ ข้ามีชื่อว่า ลิปซาล โดร่า จีกอเรีย วาแลนเชล
ถึงตอนนี้ข้าจะยังเป็นเจ้าชาย แต่ในท้ายที่สุดข้าก็จะได้เป็นราชาของอาณาจักร ]
ชายที่ดูหยิ่งผยองอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าชายด้วยท่าทางกอดอก
แต่ถึงอย่างงั้นเขาคนนี้ก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง
เพราะพวกไคโต๊ะถูกคนเหล่านั้นประจบประแจงอยุ่ตลอดเวลา มันทำให้เขาเหมือนจะแยกแยะคนดีคนไม่ดีได้. .
[. . ฟุฟุ ช่างงดงามจริงๆ . . เอาล่ะข้าตัดสินใจแล้ว เธอตรงนั้น!!มากับข้าซะ แล้วข้าจะมอบให้ทุกสิ่งอย่าง ]
ลิปซาลได้ยื่นมือของเขาเข้าไปใกล้อาคาเนะ
แต่ก็ถูกเธอปัดออกในทันที
[ อย่าเอามือสกปรกของแกมาใกล้ชั้นนะ ไอ้โรคจิต ]
[ ข้ารึ โรคจิต? . . อุก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยมยอด เธอมันเยี่ยมยอดจริงๆ ข้าชอบ และข้าไม่สนใจหรอก ข้าจะเอาพวกเธอทั้งหมดมาเป็น 1 ในฮาเรมของข้า ว่ายังไง ]
อาจเพราะลิปซาลถูกด่าว่าเป็นไอ้โรคจิต
เขาได้หัวเราะออกมา พร้อมยังหันไปหา ซาคุยะ และ อากิระ
[ อากิระเป็นผู้ชาย รู้รึปล่าว ]
หลังจากที่ไคโตะได้พูดออกมา
ลิปซาลได้ถกชุดคลุมของอากิระขึ้นในทันที พร้อมทั้งดึงกางเกงยาวลงจนเหลือแต่กางเกงใน . .
[ เอ่!! ]
อาจเพราะยังตั้งตัวไม่ทันในตอนนั้น
อากิระได้แต่ส่งเสียงร้องออกมา
[ โอ้ นายมีมันจริงๆด้วย . .แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าเป็นพวกที่สามารถทำมันกับผู้ชายได้ถ้าหากพวกเขาสวยพอนะ . . . เพราะงั้นทำไมเธอไม่ลองมาเป็นที่รักของข้าดูล่ะ ]
[ เเเเเเเเเอ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋ —————– ]
อาจเพราะไอ้โรคจิตได้กระซิบคำพูดของเขาใกล้ๆ
มันทำให้อากิระถึงกับร้องเสียงหลง
[ ทำบ้าอะไรของแก ไอ้โรคจิต!!! ]
อาคาเนะได้เตะออกไปอย่างสุดแรงไปยังลิปซาลผู้ซึ่งแอบมองช่วงล่างของอากิระ
และเขาเองก็ป้องกันการโจมตีนั้นอย่างง่ายๆด้วยกำปั้นเหล็กของเขา . .
[ โอ้? . .เธอช่างเยี่ยมยอดจริงๆ . .มันทำให้ชั้นอยากได้เธอยิ่งขึ้นไปอีกเลยรู้รึปล่าว ]
ลิปซาล กล่าวออกมาหลังจากรับการโจมตีอย่างสุดแรงของอาคานะ
ตอนนี้เขากำลังหัวเราะ พร้อมกำลังกางมือออก ทำท่าเหมือนกับกำลังจะกอด. .
[ คุณควรจะหยุดได้แล้ว ลิปซาล ]
เสียงที่งดงามและเย็นฉานั้น
มันทำให้เขาหยุดลง . .
[เธอเองก็เป็นคนที่สวยอยู่ตลอดเวลาเลยนะรู้ตัวบ้างรึปล่าว เอาอย่างงี้ ทำไมเธอไม่มาเป็นผู้หญิงของข้าล่ะ ถ้าเธอยอมล่ะก็ ข้าจะให้เธอเป็นราชินีเลยก็ได้ ]
ลิปซาลได้เผยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา
มันรอยยิ้มนั้นมันแสดงออกว่า”ข้าจะทำให้เธอเป็นของข้าให้ได้”
ดวงตาของเขากำลังจับจ้องไปยังร่างที่สวยงามจนหาที่ติไม่ได้ของหญิงสาวผู้มีผมสีเงินเงางาม มันเปร่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์
[ ชั้นไม่มีทางที่จะแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณหรอกนะ . . ]
[ เธอแน่ใจที่พูดอย่างงั้นหรือ ซิลเวีย ]
แม้ลิซาลจะพูดออกมาอย่างงั้น
แต่ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า ซิลเวียกับไม่สนใจ
เธอเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของ ไอริส และกลุ่มของไคโตะ
[ โอ เจ้าหญิงลัคซีเรีย ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ]
หลังจากซิลเวียได้กล่าวออกมา
เจ้าหญิงเพียงพยักหน้าออกมาเล็กๆ
[ ค่ะท่าน มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ]
พวกเธอทั้งสองยิ้มให้กันเพียงเล็กน้อย
แต่ดวงตาของพวกเธอนั้นกับไม่ยิ้มด้วยเลยสักนิด
[ พวกคุณคือ? ผู้กล้าคน (ปัจจุบัน) สินะคะ ]
ซิลเวียหันสายตาของเธอไปถามกับไคโตะและพักพวก
[ เอ๋ะ อ่าา ครับ . .แล้วคุณคือ? ]
ไคโตะแปลกใจตรงที่เธอเน้นคำว่า ปัจจุบัน จนเห็นได้ชัด . .
[ อืมม . . .ชั้นมีชื่อว่าซิลเวีย , ซิลเวีย โลโต้ เชอรีออตโต้ ลีเซอร์เรี่ยน ชั้นเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 2 ผู้เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “ผู้กล้าคนก่อน” ค่ะ ]
ซิลเวีย
เธอพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ . . .