[ ผะ, ผู้กล้าคนก่อน– ]
[ ค่ะ . . แต่มีเหตุผลบางประการ ชั้นไม่สามารถเปิดเผยชื่อของเขาได้ แต่ชั้นพร้อมที่จะกวัดแกว่งดาบไปพร้อมกับเขาค่ะ ]
ขณะที่ไคโตะพึมพัมออกมา
ซิลเวียตอบคำถามพร้อมกับพยักหน้าเล็กๆ
[ ดังนั้น นี่เป็นโอกาสดีที่ชั้นจะพูด . . คุณน่ะ ไม่จำเป็นต้องสู้หรอก . . ]
[ ห๊าาา ? ]
คำพูดที่ซิลเวียพูดออกมาอย่างกะทันหัน
ไม่ใช่แค่เพียงไคโตะ อาคาเนะ ซาคุยะ อากิระต่างตกใจจนลืมหายใจกันเลยทีเดียว
[ สำหรับโลกที่ไม่มีจอมมาร ผู้กล้าไม่จำเป็นหรอกค่ะ . .ในตอนนี้ อาณาจักรของชั้น ได้ค้นพบการใช้เวทอัญเชิญเพื่อที่จะส่งเหล่าผู้กล้ากลับโลกเดิมได้ ถ้าพวกคุณต้องการจะกลับไปยังที่ที่พวกคุณจากมาอย่างปลอดภัยล่ะก็ คุณควรจะนั่งและรออยู่เฉยๆโดยไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้ค่ะ ]
เมื่อซิลเวียได้พูดออกมาพร้อมกับหันไปหาทุกคน
ในขณะที่ทุกคนได้แต่ยืนตะลึงอยู่นั้น
ไคโตะได้ก้าวออกมาข้างหน้า
[ จอมมารไม่อยู่ที่นี่ ที่ไม่จำเป็นต้องสู้ เธอหมายความว่ายังไงกัน . . ]
คำพูดที่สั่นเคลือของไคโตะ
เขาได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา . .
[ สิ่งที่พึมพัมออกมา . .นายพยายามจะบอกอะไรกับชั้นกันแน่ ]
คำพูดนั้นเหมือนกระตุ้นอารมณ์ของไคโตะ
จนเขาตะโกนออกมาเสียงดัง . .
[ ผมจะฆ่ามัน!!! จอมมารนั้น . .ด้วยมือคู่นี้!!! ]
[ มันเป็นไปไม่ได้หรอก . .สำหรับนาย ]
[ หาา ? ]
ซิลเวียสวนคำพูดเหล่านั้นออกไปทันทีด้วยท่าทีที่เบื่อหน่าย . .
[ แม้แต่ผู้กล้ารุ่นก่อนยังไม่สามารถฆ่าจอมมารลงได้ เพราะฉนั้น นายคงทำอะไรไม่ได้เกินเขาหรอกค่ะ . . ]
[ แต่ แต่ว่า . . ตอนนี้ผมน่ะแข็งแกร็งขึ้นแล้ว . .ผมน่ะ สามารถใช้มังกรคำรามได้!! ]
[ ชั้นจะบอกให้นะ ถ้าหากนายตายสักครั้งละก็ ทุกอย่างที่ทำมามันก็จบสำหรับนาย. .และนั้น ]
คำตอบของซิลเวียมันทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
มันแสดงว่าคนธรรมดาอย่างพวกเราที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยกับเรื่องนี้ . .
และควรออกไปจากที่นี้
[ อืมม . . ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าจะมีดาบศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ แต่มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องปราบจอมมาร ผู้ที่เกิดจากความรู้สึกด้านลบของผู้คน . . เขาจะไม่มีทางแพ้ให้กับคนที่เต็มไปด้วยความต้องการที่จะแก้แค้น. .อย่างพวกนาย . . ]
ซิลเวียเธอได้เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดของเธอ
เธอพูดออกมาราวกับพูดกับสายลมโดยไม่ต้องการจะให้ใครได้ยิน
————————–
[ บ้าเอ้ยอาณาจักรลัคซีเรีย . .ดูสิ่งที่เธอทำให้มันเกิดขึ้นสิ . . ]
มือที่มีนิ้วเรียวสวยขาวราวกับหิมะ
กำลังทุบโต๊ะที่กางแผนที่ของดินแดนที่สูญสิ้นแห่งนี้
ในเต๊นท์ที่พักของอาณาจักรลีซาเรี่ยน
ซิลเวียทีแสดงความโกรธออกมาต่อหน้าอัศวินส่วนตัวของเธอภายในเต๊นท์ที่พัก
[ มันเป็นเพราะพวกเขาสร้างมันบนเส้นชีพจรมังกร . . พวกมันทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำซะได้ ]
และอีกครั้ง . .
เธอได้ทุบโต๊ะเสียงดัง .
[ ฝ่าบาท โปรดระมัดระวังด้วย มือของท่านจะบาดเจ็บเอานะขอรับ ]
อัศวินหนุ่มผู้อยู่ในชุดเกราะสีฟ้าคราม
เขามีดวงตาสีฟ้าและรวบผมมัดไว้ที่ข้างหลัง
จัดได้ว่าดูดีมากเลยทีเดียว แต่ก็ยังด้อยกว่าซินเวียเวลาอยู่ข้างๆเธอ
[ ชั้นแค่อยากจะระบายมันออกมาน่ะ ถ้านายเห็นพวกเขาล่ะก็ นายจะเข้าใจมันด้วยตัวเอง คนเหล่านั้น เขาเป็นเพียงแค่ “คนธรรมดา” รู้รึปล่าว พวกเขามีแค่พลังเวทย์ที่มากมายเท่านั้น นั้นน่ะไม่ใกล้คำว่า “ผู้กล้า” เลยด้วยซ้ำ ]
อัสวินหนุ่มไม่ได้ตอบคำพูดเหล่านั้น . .
ตลอดเวลาที่เขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ให้กับเธอ เขาก็พึ่งจะพบกับผู้กล้ายุคปัจจุบันไม่นานนี้เอง . .
ซิลเวียกล่าวขอโทษอัศวินของเธอ และได้กล่าวออกมา . .
[ จอมมารถูกผนึกอยู่ตอนนี้ พวก 6 ดาบขุนพลไม่มีทางจะคลายผนึกที่ “ท่านพี่”
เสี่ยงชีวิตเพื่อผนึกมันได้หรอก แต่ดูสิ่งที่โลกของเราทำสิ ทำให้เกิดสงครามทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วชั้นจะไม่โมโหกับเหตุการณ์นี้ได้ไงกัน ]
มือของซิลเวียที่กำลังจะทุบลงที่โต๊ะถูกหยุดโดยอัศวินหนุ่ม . .
เขายังคงเงียบไม่พูดอะไร
[ สำหรับโลกของพวกเราในตอนนี้มันรอดมาได้ก็เพราะ ท่านพี่เสี่ยงชีวิตของเธอ และที่สำคัญ ยู นั้นได้เสียสละวิญญาณตัวเองเพื่อโลกใบนี้ . .เราจะไม่ยอมให้โลกที่ถูกสร้างมาโดย 2 คนนี้ถูกคุกคามไปได้ !! ]
อัศวินหนุ่มคุกเข่าของเขาลงข้างหนึ่งพร้อมกับรอคำสั่งของเธอที่กำลังจะพูดออกมา .
[ ลีออนฮาท รับดาบนี่ไป . .ในสงครามนี้ จงใช้มัน เพื่อที่เหล่าคนญี่ปุ่นเหมือนกับยูจะได้ไม่ต้องสู้ . พวกเราจะต้องชนะสงครามนี้เท่านั้น !! ]
ซิลเวียสวมผ้าคลุมสีแดงของเธอ
มันช่างดูเก่าและมอมแมม. .
[ ขอรับ ฝ่าบาท ]
——————–
สองอัศวิน ที่ 1 ในนั้นคือผู้ที่เคยต่อสู้ร่วมกับผู้กล้าและท่านนักบุญ
นั้นก็คือ เจ้าหญิงอัศวิน ซิลเวีย และคนที่อยู่ข้างๆเธอ อัศวินหนุ่ม ลีออนฮาท
ที่เอวของพวกเขามีดาบเวทย์มนต์ พวกเขาทั้งคู่กำลังควบม้าในดินแดนที่สูญสิ้น
( . . .ยู ชั้นหวังว่า สักวันชั้นจะได้กล่าวขอโทษต่อหน้านาย . .โลกของเรา ทำในสิ่งที่เรียกว่าอัญเชิญ ผู้กล้า อีกครั้ง การต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุดกำลังจะกลับมา ชั้นรู้ว่าถึงผู้คนโลกนี้จะทำให้นายโกรธ เศร้า หรือสิ้นหวัง แต่นายก็ยังปรารถนาที่จะช่วยพวกเขา แต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำกับนาย พวกเขาตอบรับความหวังดีของนายด้วยความชั่วร้าย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ชั้นเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน . . .อย่างน้อยที่สุด ชั้นหวังว่าชั้นจะได้ส่งพวกเขากลับโลกของเขาอย่างปลอดภัย ชั้นคิดว่านั้นคือสิ่งที่นายต้องการเหมือนกันนะ )
ซิลเวียหยุดและจ้องมองไปยังท้องฟ้า
ลมที่เคยพัดแรงตอนนี้กลับดูเงียบสงบอย่างประหลาด
(ชั้นไม่ได้หวังว่านายจะยกโทษให้ชั้นในเรื่องนี้ . . . อย่างน้อย ชั้นก็ไม่ต้องการให้นายเกลียดชั้น แค่คิดว่านายกำลังจะเกลียดชั้นแล้วนั้น ที่อกของชั้นมันก็เจ็บปวดเหลือเกิน)
ในตอนนี้ มันอาจเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ
โลกนี้กลับกลายเป็นเงียบสนิท
ราวกลับว่าโลกนี้กำลังรับฟังคำขอร้องของเธอเพื่อส่งไปถึงเขา
(ได้โปรด ขอนายมีความสุขด้วยเถิด . . .ที่รักของชั้น)
เธอกล่าวคำพูดนั้นออกไปในท้องฟ้าเหมือนกับที่ที่เคยพูดกับเขาตอนที่แยกจากกันในตอนนั้น
[ . . .เดียวนะ .ทำไมลมที่พัดแรง จู่ๆ ถึงได้หยุดลง !! ]
เพราะว่าลมที่เคยพัดแรงตอนนี้กลับเงียบสงบจนหน้าประหลาด
ความผิดปกตินี้ทำให้เธอสังเกตุเห็นมัน . .
[ หรือว่ามันเป็น—-]
——————-
[ นั้นมันกองทัพของจอมมาร !! กองทัพของจอมมาร มาแล้ว !! ]
ขณะที่หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างกำลังวางแผนและจัดการกองทัพอยู่
แต่ตอนนั้นเองความเครียดก็ได้ปกคลุมกองทัพของเขาทันที . .
แรงลมที่เคยพัดแรงขึ้นจนเกิดพายุทราย ตอนนี้กับหายไปอย่างไร้ร่องรอย และสิ่งที่โผล่มาในระยะสายตา คือกองทัพมอนเตอร์ขนาดใหญ่ พวกมันกำลังเดินทัพมาทางนี้ พร้อมกับกลุ่มควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณที่ขอบฟ้า. .
ระยะห่างจากพวกมันในตอนนี้ห่างจากฐานที่มั่นของมนุษย์ประมาณ 7 กิโลเมตร
หน่วยสอดแหนมที่สังเกตุการณ์อยู่ในขณะนั้นได้รายงานของจำนวนมอนเตอร์ให้ได้ทราบ
[ พวกมอนเตอร์มีประมาณ 300,000 ตัวครับ และในหมู่พวกมัน มีพวกชั้นสูงอยู่ด้วยประมาณ 10,000ตัว ]
[ เร็วเข้า พวกเราต้องจำแนกพวกมอนเตอร์ชั้นสูงออกมาแต่ละชนิดให้ได้!! ]
แม่ทัพของกองทัพวาแลนเชล เค๊าท์ อูลกาโร่ ตะโกนสั่งหน่อยสอดแหนม
รอยแผลแห่งสงครามที่ผ่านมาปรากฎให้เห็นได้ชัดตามร่างกายของเขา
กองทัพจอมมารนั้นมีเหล่ามอนเตอร์นั้นเป็นทหาร และเหล่ามอนเตอร์ของผู้บัญชาการนั้นจะบ่งบอกลักษณ์ของผู้บัญชาการ
ถ้าเราบ่งบอกเหล่ามอนเตอร์ใต้บังคับบัญชาได้ว่าเป็นประเภทอะไรแล้ว
เราก็จะสามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้บัญชาการกองทัพมอนเตอร์เหล่านั้น
และในเมื่อมันมีจำนวนถึง 300,000 มันเหนือกว่ากองทัพของเราทีมีเพียง 100,000
มันจึงให้เราจำเป็นต้องทำในสิ่งที่พอจะทำอะไรได้บ้าง . .
[ มอนเตอร์ลมชั้นสูง เหยี่ยววายุ แล้วก็ เอ่ออ พวกน้ำแข็งนั้นมันเหมือนจะเป็น พวกยักน้ำแข็ง หรือว่ามันเป็น—–ไม่เดี่ยว พวกเรายืนยันผู้บัญชาการกองทัพได้แล้วครับ มันคือ . . ระดับ มาร์ควิซ มังก— เอ๋ ไม่สิ นั้นมัน ระดับ ดยุค ? ]
เค๊าท์ อูลกาโล ครางออกมา จากการรายงานของหน่วยสอดแนม
[ พวกเรายืนยันได้แล้วว่าผู้บัญชาการเป็น ระดับ ดยุค น้ำแข็งและสายฟ้า พวกมันกำลังขี่ ระดับมาร์ควิซ มังกรน้ำแข็ง และ มังกรลม ครับ ]
[ ระดับ ดยุค . . ราชินีน้ำแข็ง “กลาเซรียสต้า” กับ เจ้าชายสายลม “วินทอส” แกจะบอกว่าทั้งคู่คือ 2 เสาหลัก จาก 6ดาบขุนพล คนนี้ใช่รึปล่าว !! ]
ความกังวลใจของเหล่าทหารได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
เพราะบุคคลที่ปรากฎ
พวกเขาคือ 2 เสาหลักแห่งความภาคภูมิใจของกองทัพจอมมาร. . .
———————-
[ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูนั้นสิ พวกมันกำลังตื่นกลัวว !! ]
มังกรลม มันมีเกล็ดสีเขียวและตัวมันใหญ่ราวกับกับภูเขา
ผู้ที่ยืนอยู่บนหัวของมันราวกับเป็นเจ้านาย เขามองไปที่กองทัพมนุษย์ และหัวเราะออกมาเสียงดัง . .
[. . . ถึงแม้มันจะสบายๆก็เถอะ แต่ถ้าหากนายใช้พลังแบบเอาจริง—- ]
ผู้ที่ยืนอยู่บนหัวของมังกรน้ำแข็งที่ขนาดของมันพอๆกับมังกรลมเลยทีเดียว
หญิงสาวเผ่าปีศาจผู้มีผิวสีฟ้าซีด ผมของเธอเป็นสีฟ้าสว่าง เธอกำลังพูดกับเด็กชายอีกคน .
[ เธอบ้ารึปล่าว กลาเซรียสต้า ถ้าทำแบบนั้นมันก็หมดสนุกกันพอดี ]
เด็กผู้ชายผู้มีผมสีเขียวสั้นกล่าวออกมาทั้งหัวเราะ. .
[ ชั้นก็ไม่ปฎิเสธมันหรอกนะ ]
[ ข้าไม่ชอบพายุทรายเลย มันชอบเข้าตา แถมทำเข้าไปติดในผมของข้าด้วย และที่สำคัญที่สุดมันหอบลมร้อนมา—]
[ ชั้นก็ไม่ชอบเหมือนกัน มันเหมือนจะทำให้ชั้นละลาย ]
[ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ]
ปีศาจสาวกับเด็กชายนั้นมองลงมายังมอนเตอร์จำนวนมากข้างล่างตน โดยมันมีเหล่ามอนเตอร์ประเภทสายฟ้า และน้ำแข็งมากมายหลายชนิด
พวกเขาไม่ได้สนใจมากนักที่พวกมอนเตอร์ต่างชนิดกันมากมายขนาดนี้ พวกเขาสนแค่ว่ามันแข็งแกร่งพอรึปล่าวก็แค่นั้น
[ เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าว่าควรแก่เวลาที่เราจะเป่าพวกมันให้หายไปกันได้แล้ว ]
หญิงสาวพยักหน้าให้กับคำพูดของ วินทอส
[ ใช่ ระเบิดพวกมันทิ้งเถอะ พวกมันดูกระจอกเสียจริง ]
สองเสียงได้ประกาศออกมาพร้อมกัน. .
[ [ กองทัพข้า !! ฆ่าพวกมันซะ ] ]
กองทัพปีศาจ 300,000 ตัว
ตอนนี้ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว . . .