หลังจากที่ผู้ดูแลหอพักทั้งสามแนะนำตัวเรียบร้อยแล้ว ก็มีการโฮมรูมที่ค่อนข้างใช้เวลาขึ้น

หลังจากที่นักเรียนแต่ละคน แนะนำตัวกันทีละคนแล้ว การสัมภาษณ์เพื่อเข้าหอพักทั้งสาม ก็เริ่มขึ้นทุก ๆ ช่วงหลังเลิกเรียน ตลอดเวลา 1 สัปดาห์

ซึ่งในช่วงเวลานี้ นักเรียนทุกคนก็จะสามารถเข้าร่วมการสัมภาษณ์ของหอพักได้ทุกเวลา

เพียงแต่ว่า หนึ่งคนสามารถเข้าสัมภาษณ์ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จะถูกตัดสินว่าจะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งก็จะมี 3 หอด้วยกันคือ รูฟัส ซีรูเลียม และฟลาวุม

ในเกมนั้น การจะเตรียมตัวให้พร้อมเข้าเงื่อนไขของซีรูเลียมในช่วง 1 สัปดาห์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างรูฟัสเอง ก็ยังต้องมีการทำให้ค่าพลังเพียงพอสำหรับเข้าด้วย

เพราะเหตุนั้น ส่วนใหญ่ก็เลยต้องเลือกเข้าฟลาวุม ซึ่งอยู่ในการดูแลของนางเอกคนที่สาม [มิวล์ เอสเซ่ ไอซ์เบิร์ต] แต่ยังไงตัวเอกก็จะถูกกำหนดให้เป็นผู้ถูกเสนอชื่อพิเศษในการเข้าฟลาวุมอยู่แล้วนั่นแหละนะ

“……”

ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อพิเศษ…ทั้งที่คิดว่ามีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อพิเศษอยู่แล้วแท้ ๆ แต่ด้านหน้าของผมกลับมีประตูขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นนกอินทรีย์สีทองอยู่ 2 ข้าง

พอเงยหน้าขึ้นไปผมก็เห็น ฟลาวุม หอพักสีเหลืองเต็มสองตา

ที่ดินพอจะเทียบได้กับบ้านพักตระกูลซันโจเลยทีเดียว…ถึงจะบอกว่าเป็นแค่หอพัก แต่ก็มีทั้งสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยกุหลาบสีเหลือง ห้องน้ำชา หรือแม้กระทั่งน้ำพุที่มีรูปปั้นเทพธิดาอยู่ตรงกลาง

ที่พื้นที่ฝึกสำหรับผู้อาศัยในหอพักเอง ก็มีเสียงเปิดใช้งานเวทมนตร์ เหมือนกับว่ามีคนกำลังจะใช้ที่นี่อยู่ด้วย

อาคารหกชั้นขนาดใหญ่ ที่ดู ๆ แล้วน่าจะใหญ่ยิ่งกว่าพวกแมนชั่นหรู ๆ แถวนี้หลายเท่าเลยทีเดียว สัญลักษณ์รูปนกอินทรีย์ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของหอลาวุมเองก็มีอยู่บนนาฬิกาใหญ่เหมือนกัน

หอรูฟัสจะเป็นรูปสิงโตสีแดง หอซีรูเลียมจะเป็นยูนิคอร์นสีน้ำเงิน และ หอฟลาวุมจะเป็นนกอินทรีย์สีเหลือง

หลังเข้าอยู่หอพัก นักเรียนแต่ละหอก็จะได้รับป้ายที่แสดงสัญลักษณ์หอพักแต่ละแห่ง ทำให้รู้ว่านักเรียนคนนั้นอยู่หอพักไหน

และต้องขอแนะนำใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าหอฟลาวุม ซึ่งผมกำลังปวดหัวเลยในตอนนี้

เอาล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

ทำไมผมถึงได้ถูกเลือกเป็นผู้ถูกเสนอชื่อพิเศษของหอพักฟลาวุมกันนะ…ผมต้องหาเหตุผลที่เนื้อเรื่องมันเปลี่ยนไปแบบนี้ให้ได้ เพื่อการนั้นแล้ว อย่างน้อยผมก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์ก่อนล่ะนะ

แต่ถึงผมจะไปสัมภาษณ์ก็เถอะ ยังไงมันก็ยังคงหนีประเด็นเรื่องที่ว่า [ควรรับซันโจ ฮิอิโระเข้ามาที่หอพักสีเหลืองอย่างงั้นเหรอ?] ไม่พ้นอยู่ดี แน่นอนว่าถ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็ต้องเข้าฟลาวุมให้ได้ล่ะนะ ถ้าผมพลาดโอกาสนี้ไป ความเป็นไปได้ที่ผมจะได้เข้าหอพักก็คงจะไม่มีอีกแล้วล่ะ

ตัวฮิอิโระนั้น ไม่สามารถเข้าหอพักได้ก็เพราะว่าเจ้านี่มันแย่แหละนะ…แต่เดิมทีแล้ว เจ้านี่ก็ไม่น่าจะย้ายเข้าไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหละ ก็เจ้านี่เป็นผู้ชายนี่นา ถ้าทำแบบนั้นมันก็เท่ากับว่าให้ผู้ชายมาอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ยังไงล่ะ

ขนาดในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ชายยังต้องอยู่แยกกับผู้หญิงเลย เพราะงั้นสาว ๆ ในโลกนี้ยิ่งไม่มีทางโอเคแน่ ๆ ที่จะต้องมาใช้ชีวิตกับผู้ชายน่ะ

จุดยืนของผู้ชายนี่ จะเรียกว่าต่ำเตี้ยสุด ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะงั้นก็แทบจะไม่มีทางที่ผู้ชายจะเข้าหอพักได้เลย…เว้นแต่จะมีกรณีที่ได้เป็นผู้ถูกเสนอชื่อพิเศษนี่แหละ

“……”

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น จริง ๆ มันพอหาข้อเท็จจริงได้อยู่

ถ้าผมคิดถูกล่ะก็ ตัวการที่ทำให้เนื้อเรื่องมันเปลี่ยนไป มันจะต้องเป็นยัยนั่นแน่ ๆ

ณ จุดนี้ การจะได้เข้าหอหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่าทีในการโต้ตอบของผมแล้วล่ะนะ เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว

แหม่ แล้วจะเอายังไงดีล่ะเนี่ยทีนี้

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

นักเรียนที่ไม่อยากย้ายเข้าหอ ก็ไม่ต้องเข้าสัมภาษณ์กได้ โดยที่จะต้องแจ้งให้อาจารย์ทราบก่อน (หรือจะเข้าก็ได้) ถ้าเป็นในกรณีนี้ สิทธิ์ในการเลือกก็จะไม่ใช่ของนักเรียน แต่จะเป็นของอาจารย์แทนโดยที่นักเรียนคนนั้นก็จะถูกจัดให้เข้ากับแต่ละหอโดยคำนึงถึงความพอดีด้วย

ในกรณีของนักเรียนที่ไม่ได้เข้าหอพักไหนเลย ถ้าคะแนนของนักเรียนคนนั้นเพิ่มขึ้น ก็จะไม่นับว่าเป็นคะแนนหอพักนั้น และนักเรียนคนนั้นก็จะไม่ได้รับโบนัสค่าพลังหรือสิทธิประโยชน์จากหอพักแต่ละแห่งเลย

แม้ว่าพวกนั้นจะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งระหว่างหอพักได้ แต่พวกนั้นก็ไม่สามารถเพิ่มคะแนนของหอพักได้

ดังนั้น ในฐานะของผู้ดูแลหอพักที่สามแล้ว ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรกับนักเรียนที่ไม่ได้อยู่หอพักเลย เพราะแบบนั้น พวกนั้นก็เลยจะถูกจัดแจงไปอยู่ใน ซีรูเลียม หรือ รูฟัส ที่เข้าได้ยากกว่านั่นเอง

และผุ้ที่ถูกเสนอชื่อพิเศษนั้น ก็จะเป็นเหมือนที่นั่งพิเศษ ที่ผู้ดูแลหอพักจะว่างไว้ให้เสมอ

ถึงแม้ว่าการไม่เข้าหอจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรก็ตาม แต่ถ้าไม่เลือกเข้าย้ายเข้าหอพักล่ะก็ ยังไงก็จะถูกบังคับให้อยู่ในหอพักที่กำหนดอยู่ดี

พูดกันตามตรงเลย ผมต้องการโบนัสค่าพลังที่จะได้จากการเข้าหอฟลาวุมสุด ๆ เลย ก็ผลประโยชน์ที่จะได้จากคะแนนนั้นมันก็มีประโยชน์กับตัวเอกด้วยล่ะนะ เพราะงั้นนี่ก็ถือเป็นของดีสำหรับฮิอิโระเลยทีเดียวล่ะ

แต่ว่าถ้าย้ายมาอยู่ที่หอนี้แล้ว จะโดนจับไปอยู่ท่ามกลางยูริอีกมั้ยเนี่ย

มีแค่เรื่องนั้นแหละที่กวนใจผมสุด ๆ….แต่ถ้ายังไม่ผ่านการสัมภาษณ์ก็ยังพูดอะไรไม่ได้ล่ะนะ

ผมเดินเข้าไปที่หอพักฟลาวุม (สีเหลือง)

–ปั้ง!!

ชั้นวางตกลงมาอยู่ใต้เท้าของผม

เสียงดังกึกก้อง และชั้นหนังสือไม้ที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ รวมถึงมีเสียงการโต้เถียงกันดังออกมาจากภายในหอพัก และต่อมา โต๊ะก็ล้มลง หนังสือเรียนก็หล่น เหล่าคนที่อาศัยอยู่ในหอพักก็มองขึ้นไปดูนอกหน้าต่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากนั้นพวกเขาก็กลับไปพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนจะสื่อว่า [อีกแล้วเรอะ] ด้วย

“ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วนะ!!”

รุ่นพี่คนหนึ่งที่มีตรา ฟลาวุม กระโดดออกมาจากหอพักและตะโกนกลับเข้าไปในหอพักด้วยหน้าที่แดงก่ำ

“สุดจะทนที่ต้องอยู่ร่วมหอนี้กับคนโง่ ๆ อย่างเธอเต็มทีแล้ว พอกันที!! ยัยตัวล้มเหลวเอ๊ย! เชิญทำตัวเป็นราชันย์แห่งขุนเขาไปตลอดชีวิตเลยเถอะไป!!”

“หะ…หุบปากไปเลย!! ทางนี้น่ะ ต่อให้จะมาก้มหัวขอเข้าหอพัก ก็อย่าหวังจะได้เข้ามาเหยียบอีกเชียว!! จะไปเข้ารูฟัสหรือซีรูเลียมหรือที่ไหนก็ไปเลยไป๊!! ยัยบ้า!!”

มิวล์มองออกมาจากหน้าต่างกลมที่ชั้นบนสุดและตะโกนใส่เธอ

นักเรียนที่เป็นรุ่นพี่คนนั้นรีบเก็บสมุดขึ้นมาและเดินผ่านพร้อมมองผ่านผมไปด้วย สายตาของเธอนั้นเหมือนจะสื่อประมาณว่า [ทำไมผู้ชายถึงมาอยู่ที่นี่] เลย แต่บางทีเธออาจจะโกรธมากก็ได้ เธอเลยอยากจะทำดีกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่มิวล์ เธอก็เลยพูดออกมาเบา ๆ

“หอพักแบบนี้น่ะ อย่าเข้าไปเลยจะดีกว่านะ ยัยนั่นน่ะเฮงซวยสุด ๆ ไปเลยล่ะ”

เธอเดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังกระหึ่ม–

ผมยิ้มอย่างขมขื่นและเงยหน้าขึ้นมองนางเอกคนที่สามคนนั้น

“โอ้~! ซันโจ ฮิอิโระนี่! ในที่สุดก็มาแล้วสินะ! ยินดีต้อนรับสู่หอพักของข้านะ!”

เมื่อกี้ก็เพิ่งจะไล่ตะเพิดรุ่นพี่สาวคนนั้นไปแท้ ๆ แต่ก็ยังกอดอกและหัวเราะด้วยท่าทางที่ดูอวดดีอยู่อีกนะนั่น

“หอพักสีเหลือง ฟลาวุม ขอยินดีต้อนรับนายนะ! เอ้า เข้ามาสิ เข้ามาเลย!!”

เธอตะโกนด้วยเสียงน่ารัก ๆ นั่น พร้อมกับหันหลังกลับเข้าไป

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเป็นครั้งที่สอง

ไม่รู้จะทำไงดีจริง ๆ เลยแฮะ…ในหลาย ๆ เรื่องเลย