มิวล์ เอสเซ่ ไอซ์เบิร์ต เป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูล ไอซ์เบิร์ต

ตระกูลไอซ์เบิร์ตนั้น เป็นตระกูลดยุกที่โด่งดังในฐานะตระกูลนักเวทย์อันทรงเกียรติ

ในโลกนี้ ตระกูลไอซ์เบิร์ตนั้น เป็นตระกูลดยุกที่เป็นตระกูลหญิง (พ่อแม่เป็นผู้หญิง)

ทั้งตระกูลมีแต่ชื่อผู้หญิงจนถึงขนาดที่ว่ารัฐบาลยังสงสยเลยว่ามีการคัดเลือกเพศแบบผิดกฎหมายรึเปล่า

เธอมีพี่น้องอยู่ 5 คน ซึ่งทุกคนนั้นเรียนจบจากโรงเรียนเวทมนตร์หญิงโอโตริ ด้วยคะแนนสูงสุดทั้งหมด และถึงแม้ว่าพวกเธอจะเรียนจบไปแล้ว พวกเธอก็ยังมีชื่อหรือหน้าตาปรากฎให้เห็นในหนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับ แล้วมียังมีหน้ามีตาในด้านการเมือง ธุรกิจ และสังคมเวทมนตร์ด้วย ขยันกันสุด ๆ เลยล่ะ

ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ตระกูลไอซ์เบิร์ตน่ะ อยู่ในระดับตระกูลชั้นนำเลยทีเดียว

และแน่นอน มิวล์เองก็เกิดมาพร้อมกับความคาดหวังนั้น…แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่พ่อแม่ต้องการ

ตัวเธอเองเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางเวทย์

พลังเวทย์ของเธอนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์เลย แถมเธอยังไม่สามารถร่ายเวทย์อะไรได้เลยด้วย

อุปกรณ์เวทย์ที่เป็นไม้กายสิทธิ์ที่ห้อยอยู่ข้างเอวของเธอนั้นก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น ที่ฉายาของเธอคือ [จอมปลอม] นั้น เพราะเธอมักถูกเรียกว่า [นักเวทย์จอมปลอม] นั่นเอง

ถึงเธอจะไม่สามารถใช้เวทย์ได้ แต่อย่างน้อย ถ้าเธอแสดงความสามารถในด้านอื่นได้ มันก็อาจจะดีกว่านี้ก็ได้

แต่ทว่า แม้ในด้านวิชาการเธอก็ไม่มีความสามารถเลย ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับเวทมนตร์ของเหล่าพี่น้องได้เลย

ในทุก ๆ วัน วันแล้ว วันเล่า

ที่มิวล์ต้องพยายามอย่างหนัก…จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเธอก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

[พอแล้ว ลูกน่ะเลิกพยายามซะเถอะ]

ในจังหวะนั้น หัวใจของเธอก็ได้แตกสลาย

สิ่งที่เธอยังพอจะเหลืออยู่นั้น ก็มีแค่ตำแหน่งผู้ดูแลหอพักฟลาวุมที่ตระกูลไอซ์เบิร์ตมอบให้เท่านั้น และท่าทางอวดดีแบบนั้นก็เป็นผลจากการแบกรับความคาดหวังในฐานะตระกูลไอซ์เบิร์ตนั่นเอง

มิวล์จึงลืมการที่จะต้องวางตัวให้เหมือนกับคนในตระกูลไอซ์เบิร์ตไป เหลือไว้แต่เพียงท่าทางและคำพูดที่ดูอวดดี

เพราะแบบนั้น ผู้คนที่ได้รู้จักเธอในตอนแรก จึงได้เริ่มตีตัวออกห่างเธอไปกันหมด

และก่อนที่จะรู้ตัว รอบตัวเธอก็เหลือเพียงแค่คนรับใช้เพียงแค่คนเดียวแล้ว

“อึก…ฮึก…ฮือ…!”

“อะ…อะไรเนี่ย ซันโจ ฮิอิโระ จู่ ๆ ก็ร้องไห้ทำไมน่ะ?”

“กะ…ก็ไม่รู้สินะ…?”

ณ ห้องชั้นบนสุดของหอพักฟลาวุม

ผมถูกพามาที่ห้องพักใหญ่ และมาถึงที่ห้องรับแขกที่ดูดี

และจากนั้นผมก็ร้องไห้เพราะนึกถึงฉากสุดท้ายในรูทของมิวล์

นั่น…นั่นน่ะ…มันแย่มากเลย…นั่นคือเรื่องราวการเติบโตของมิวล์ที่เหนือล้ำเหมือนกับยูริ…การพัฒนาในตอนสุดท้ายนั่นน่ะ มันทำเอาซะแทบน้ำตาไหลไม่หยุดเลยล่ะ…!

“ขะ…ขอโทษนะครับ”

ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาได้พูดต่อหน้ามิวล์ด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“ผะ…ผมน่ะอยู่ข้างคุณนะครับ…พวกศัตรูของ…และอุปสรรคที่คอยขัดขวางไม่ให้คุณมีความสุขนั่นน่ะ…ผมจะใช้ร่างกายนี้ กำจัดมันไปให้เองครับ…!”

“ถะ…ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ช่างเป็นความภักดีที่น่ายินดีนะ! หึหึ แม้แต่ผู้ชายก็ยังสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่มากล้นของฉันคนนี้เลยงั้นสินะ! เนอะ ลิลลี่?”

ลิลลี่ คลาสสิคอล

ผู้ที่มาพร้อมกับมิวล์และอยู่กับมิวล์ตั้งแต่แรกจนถึงท้ายที่สุด

เธอเงยหน้าขึ้นมาและพูดด้วยท่าทางที่ดูสง่างามว่า [ค่ะ ถูกต้องอย่างที่ว่าเลยค่ะ] และโค้งคำนับ

“จะว่าไปแล้วนะครับ ผู้ดูแล”

ผมเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าที่คุณลิลลี่มอบให้

“ทำไมคุณถึงได้เลือกผมให้เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อพิเศษล่ะครับ?”

“เอ๊ะ?”

หลังจากที่เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

เธอก็ได้หันกลับไปหาคุณลิลลี่ด้วยหน้าตาที่ดูเหมือนจะสื่อว่างานเข้าแล้วสิ

คุณเมดที่ยืนประสานมืออยู่ ได้หลับตาพร้อมกับตอบคำถามนั้น

“แน่นอนว่าเป็นเพราะท่านฮิอิโระ คือคนที่คุณหนูให้การยอมรับยังไงล่ะคะ”

“ชะ…ใช่แล้ว! ฉันน่ะคือมิวล์ เอสเซ่ ไอซ์เบิร์ตแห่งตระกูลไอซ์เบิร์ตเชียวนะ! เอาจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ค่อยอยากเจอหน้ากับผู้ชายอย่างนายหรอก แต่ดูเหมือนว่านายจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ฉันก็เลยเสนอชื่อนายเป็นพิเศษยังไงล่–“

“…คุณหนูคะ”

มิวล์ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกอดอกแล้วพูดว่า [ฮะ…ฮึ่ม!] ออกมา

“ปะ…เปล่าซะหน่อยนี่ ฉันก็ไม่ได้พูดผิดตรงไหนเลยนี่! ขนาดท่านแม่ยังบอกเลยว่าผู้ชายน่ะมันคือขยะน่ะ! ดะ…เดิมทีแล้วฉันก็เป็นทายาทของตระกูลไอซ์เบิร์ตด้วย ไม่ควรต้องมาเจอผู้ชายแบบนี้เลยด้วยซ้ำ! แต่ยัยนั่นยืนกรานว่า ไม่ว่ายังไงก็–“

“โฮ่”

ผมยิ้มออกมา

“หรือก็คือ [ยัยนั่น] ที่ว่า คือคนที่ขอให้ผมได้รับการเสนอชื่อเป็นพิเศษสินะครับ?”

คุณลิลลี่กุมขมับแล้วถอนหายใจออกมา

มิวล์นั้น เอาแต่โบกมือเลิ่กลั่กและพูดว่า [ฉะ…ฉันไม่รู้เรื่องนะ! ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!]

ผมยิ้มอย่างขมขื่น และตะโกนเรียกใครบางคนทางด้านหลัง

“ยังไงก็คงจะแอบฟังอยู่ใช่มั้ยล่ะ เข้ามาสิ”

ประตูเปิดออก–

“สึกิโอริ”

ตัวเอก สึกิโอริ ซากุระได้เดินเข้ามาข้างใน

“นอกจากจะเก่งดาบแล้ว หัวก็ยังดีด้วยสินะ”

“นั่นชมหรือว่าประชดล่ะ?”

เธอเดินเข้ามาในห้องรับแขก จากนั้นก็นั่่งลงที่ข้างผมและโอบแขนผมไว้

“…เฮ้ย เดี๋ยวเถอะ”

“ทำไมถึงรู้ล่ะ? ตั้งแต่ตอนไหนกัน?”

ดูเหมือนไม่ใช่ว่าจะหว่านเสน่ห์หรืออะไรเลย

ที่ยัยนี่แนบแขนผมไว้แบบนี้ ก็เพราะจะไม่ให้ผมหนีเท่านั้นเอง

มิวล์ที่เข้าใจผิด ก็ได้หน้าแดงแจ๋ ส่วนคุณลิลลี่ก็ค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ

“ก็แค่สรุปเอาตามปกติน่ะสิ ถ้าคิดดูดี ๆ แล้วล่ะก็ มันไม่มีทางที่ทายาทตระกูลไอซ์เบิร์ตจะมาเลือกผู้ชายที่มีคะแนน 0 อย่างฉันให้เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อพิเศษอยู่แล้ว ตอนแรกฉันก็นึกว่าเป็นการเคลื่อนไหวลับหลังของตระกูลซันโจด้วยซ้ำ แต่การที่จะให้ฉันเข้าหอพักมันก็ไม่น่ามีประโยชน์อะไรกับเจ้าพวกนั้นน่ะนะ”

สึกิโอริมองหน้าผมด้วยความสนใจ

“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว มันก็หมายความว่าก็ต้องเป็นใครบางคนในโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับฉัน แล้วก็อยากให้ฉันเข้าไปอยู่ในหอพักด้วย…ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ มันก็เหลือแค่เธอเท่านั้นแล้วล่ะ สึกิโอริ ซากุระ”

ผมล้มเลิกที่จะต้านแขนของผมกับเธอ และพูดต่อไปทั้ง ๆ แบบนั้น

“ในตอนเช้า ฉันได้ยินมาว่าก่อนจะเข้าโฮมรูม มีคนเห็นสึกิโอริ ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ดูแลหอพักมิวล์ ตามปกติแล้ว คนที่ถูกเสนอชื่อตอนแรกก็น่าจะเป็นสึกิโอริ…เธอใช่มั้ยล่ะ? เธอที่รู้แบบนั้นแล้ว ก็เลยหาวิธีที่จะทำให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในหอพักโดยใช้วิธีการเสนอชื่อพิเศษ จึงได้เข้าหาผู้ดูแลหอพักแล้วพูดคุยกัน คงจะพูดประมาณว่า [ซันโจ ฮิอิโระมีความสามารถที่ทัดเทียมกับฉัน ถ้าให้ฮิอิโระเข้าหอพักล่ะก็ ฉันก็สัญญาว่าจะยอมเข้าร่วมหอพักฟลาวุมอย่างไร้เงื่อนไขเลย] ใช่รึเปล่าล่ะ?”

ก็นะ เรื่องที่รู้ว่ามีคนไปเห็นน่ะมันก็โกหกแหละนะ เพราะความจริงแล้ว มันก็เป็นแค่สิ่งที่ผมรู้มาจากเกมเท่านั้น แล้วพวกสึกิโอริที่ไม่ได้รู้เรื่องนั้นก็คงจะตกใจกันไม่น้อยแน่ ๆ พวกเธอก็เลยมองมาทางผมด้วยตาที่เบิกกว้าง

“ยอดเลย…ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งอย่างเดียว แต่ยังฉลาดอีกด้วย”

สึกิโอริยิ้มและโอบแขนผมไว้ราวกับจะไม่ปล่อยให้ผมไปไหน

กลิ่นแชมพูที่ลอยมาจากผมสีเกาลัดของเธอ พร้อมดวงตาของเธอที่จ้องมาที่ผม

“ฮิอิโระคุง”

เธอกระซิบมาพร้อมกับเสน่ห์ที่ไม่อาจจะต้านทานไหว

“จะเข้า…หอฟลาวุม…รึเปล่า?”

ยะ…ยัยนี่ แค่ผู้หญิงยังไม่พอ ยังจะเอาผมที่เป็นผู้ชายด้วยเรอะ!?

“ผะ…ผู้ชายน่ะ ถ้าตั้งใจก็ทำได้เหมือนกันนะ! อย่างที่สึกิโอริพูดนั่นแหละ! เพียงเท่านี้ หอฟลาวุมของเราก็เตรียมตั้งเป้าเป็นที่ 1 ไว้ได้เลย! เนอะ ลิลลี่!?”

“ค่ะ…บอกตามตรงก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกันค่ะ…ราวกับว่าเคยเห็นมากับตาแล้วยังไงยังงั้นเลย… “

ขอโทษครับ ก็เคยเห็นกับตามาแล้วจริง ๆ นั่นแหละ

สึกิโอริจ้องมาทางผมด้วยแววตาที่เป็นประกาย…แบบนี้ผมคงหนีไม่พ้นแล้วล่ะนะ

“เข้าสิครับ เข้าหอฟลาวุมน่ะ ถึงจะคิดอะไรหลาย ๆ อย่างดูแล้ว แต่บางทีนี่คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะครับ”

สึกิโอริขยับตัวโดยเอาปากเข้ามาใกล้หูของผม

“อดใจรอไม่ไหวเลยนะ…ชีวิตรั้วโรงเรียนหลังจากนี้ไปน่ะ”

เธอยิ้มให้ผมพร้อมกับแก้มแดง ทั้งที่ผมยังไม่รู้อะไรเลย

จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปอย่างงดงาม

สมแล้วที่เป็นตัวเอกผู้แข็งแกร่งในการต่อสู้…ถ้าจะมีอะไรที่มันจะกวนใจผมล่ะก็ คงจะเป็นการที่เธอเป็นประเภทกินเนื้อที่จะทำให้อีกฝ่ายเงียบด้วยการทำคาเบะด้งแล้วจูบน่ะ…สำหรับยูริแล้ว ก็มีหลายฉากเลยที่เธอไปจูบคนอื่น…ถึงผมจะมีความสุขกับมันก็เถอะ…แต่มันทำไมถึงได้กวนใจแบบนี้กันนะ…?

“เอาล่ะ! ถ้างั้นฉัน! มิวล์ เอสเซ่ ไอซ์เบิร์ตคนนี้! อนุมัติให้นายเข้าหอพักฟลาวุมได้!”

เธอหลับตาลง จากนั้นก็โบกไม้กายสิทธิ์แล้วเอนหลังพูด

“ลิลลี่! ช่วยนำทางหมอนี่ไปที่ห้องหน่อย–“

“ไม่ล่ะ ไม่จำเป็นต้องมีห้องของผมหรอกครับ”

“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงน่ะ?”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอช็อตไปครู่นึงรึเปล่านะ เธอเลยดันเผลอแสดงปฏิกิริยาที่ดูน่ารักสมวัยออกมา

จากนั้นเธอก็กระแอม เพื่อที่จะเรียกศักดิ์ศรีของเธอคืนมา

“นะ…นั่นนายหมายความว่ายังไงน่ะ ซันโจ ฮิอิโระ?”

“ก็ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ ผมไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่มยามยูริของทุกคนกับผู้ดูแล-ไม่ใช่สิ ผมไม่อยากจะไปรบกวนชีวิตของคนอื่นเขาน่ะครับ เพราะงั้นผมขออยู่ห้องใต้หลังคาเถอะครับ ส่วนพวกสิ่งอำนวยความสะดวกรวม ผมจะพยายามใช้ตอนเช้าค่ำ ไม่ก็ตอนดึกเอา เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นผมครับ”

“โอ้ เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมมากเลยนี่! รู้สถานะที่ต่ำต้อยของตัวเองดี–“

“…คุณหนูคะ”

“เอ๊ะ ตะ…แต่ว่านะลิลลี่ ก็หมอนี่พูดออกมาเองนี่”

“คุณหนู”

“อูว…”

ผู้ดูแลหอพักถึงกับต้องหันหลังกัดฟันเลยทีเดียว

คุณลิลลี่โค้งตัวขอโทษผมอย่างสุดซึ้งด้วยความรู้สึกผิด

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ท่านซันโจ เด็กคนนี้น่ะทำอะไรให้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ–“

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่มองดูนิดหน่อย ก็พอจะรู้ได้แล้วล่ะครับว่าเธอไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ”

เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ และยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“อะ…อะไรของนายกันน่ะ! เป็นแค่ผู้ชายแท้ ๆ แต่คิดจะมาตีสนิทกับลิลลี่งั้นเหรอ! ฉันไม่ยอมหรอกนะจะบอกให้!!”

“อะฮ่ะๆ ไม่หรอกครับ (เอาแล้ว ดูอิจฉาตาร้อนสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่รึไงนั่น!! กลิ่นยูริแบบนี้มันช่างหอมเกินต้านจริง!! ยูริเอ็นจิ้นมันกำลังเริ่มอุ่นเครื่องหลังจากที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว!! แบบนี้มีแต่ต้องระเบิดมันออกมาเต็มพิกัดแล้ว!! บรื้นๆๆๆๆๆ!!)”

“ต้องขอขอบคุณสำหรับการตัดสินใจนั้นนะคะท่านฮิอิโระ แต่ไม่ต้องไปอยู่ห้องใต้หลังคาก็…”

คุณลิลลี่ดูกังวล ผมจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เลยครับๆ อย่างผมน่ะ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ ถ้าจำไม่ผิด หอพักนี้เป็นที่ที่สามารถทำให้เกิดยูริได้ง่า–ไม่ใช่สิ เป็นที่ที่ผู้หญิงจะใช้ชีวิตกันได้อย่างราบรื่น เพราะงั้นจะให้ผู้ชายอย่างผมเข้าไปแทรกแซงมันก็คงไม่ได้หรอกครับ”

“เดี๋ยวผมจะอยู่ตัวคนเดียวแล้วก็ทำความสะอาดเอาเองนะครับ”

“แต่ว่า…”

“ปล่อยไปเถอะลิลลี่! หมอนี่ก็บอกเองแล้วนี่ ว่าไม่เป็นไรน่ะ! ให้เขาทำในแบบที่อยากเถอะ!”

“…นั่นสินะคะ ถ้ามากกว่านี้คงจะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าสินะคะ”

ฮิ้ววว! ตามน้ำได้แจ๋วมาก ผู้ดูแลหอพัก!! แจ่มมาก!!

“งั้นก็พอเท่านี้”

นี่แหละคือโอกาสแล้ว!! ผมพยายามเดินออกจากห้องให้ไวด้วยความคิดแบบนั้น

“อ๊ะ จริงสิ ซันโจ ฮิอิโระ”

ผมได้ยินเสียงมาจากผู้ดูแลหอพัก

“คู่หมั้นของนายน่ะกำลังรออยู่ข้างนอกนะ ถ้าไม่อะไรกับการอยู่ใต้หลังคาล่ะก็ จะอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ”

“อ๋อ งั้นเหรอครับ ถ้างั้นก็ขอบคุณมากนะครับ”

ผมเปิดประตูออกไป

“คู่หมั้นของผมงั้นเรอะ!?”

ผมกรีดร้องออกมาดังลั่นจนผู้ดูแลถึงกับกลัวเลยทีเดียว