(หลังจากนี้ขอย่อโรงเรียนเวทมนตร์หญิงโอโตริเหลือแค่โรงเรียนหญิงโอโตรินะครับเพราะขี้เกียจเขียนไม่ไหว)

ผมรีบเดินออกจากหอพัก

คู่หมั้นของซันโจ ฮิอิโระ–ถึงในเซ็ตติ้งจะไม่ได้มีบอกไว้ก็เถอะ

แต่ก็ไม่น่าจะมาปรากฏตัวที่โรงเรียนเวทมนตร์หญิงโอโตริโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้เลยนี่

ถึงไม่น่าจะมีตัวตนอยู่ก็เถอะ…แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้

ในสถานการณ์ที่มันซับซ้อนแบบนี้ ถ้ามีคู่หมั้น (เพราะฮิอิโระชอบผู้หญิง คู่หมั้นก็น่าจะเป็นผู้หญิงละมั้งนะ) ปรากฎตัวขึ้นมาละก็ คงแย่แน่ ๆ

เนื่องจากลงบันไดเร็วกว่ารอลิฟต์ ผมจึงรีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

แต่ผมรู้สึกว่ามันช้า ผมก็เลยกดทริกเกอร์ และกระโดดออกจากหน้าต่างชั้น 3 ลงมา

ข้างหน้าผมมีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง

เธอยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรงคนนั้น ทำให้ผมถึงกับเบิกตากว้าง

“ทำไม…เธอถึง…”

คู่หมั้นค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ นายท่–โอ๊ยย!!”

ผมลงกำปั้นใส่หัวของเมดหัวขาวของบ้านพักตระกูลซันโจ

“นะ…นี่มันคือการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนะคะ…!!”

“หยุดทำเป็นเล่นได้แล้ว…ทางนี้ต้องโดดลงมาจากชั้นสามทั้งที่ตัวเปียกโชกเลยนะเฟ้ย…? แล้วนี่อะไรเนี่ย มาบอกว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นคนอื่นเนี่ยนะ ฉันนี่ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลยนะรู้รึเปล่า…?”

“ยังคงเป็นนายท่านงี่เง่าคนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”

“ห๊า?”

“ก็นะ จะมายืนคุยกันตรงนี้มันก็ยังไงอยู่ ช่วยเลี้ยงชาหน่อยสิคะ”

ในโรงเรียนหญิงโอโตรินั้น ไม่ได้ห้ามเมดเข้ามาในโรงเรียน

แต่ดูเหมือนว่าการที่ผู้ชายกับผู้หญิงมายืนเถียงกันอยู่แบบนี้…มันค่อนข่างจะกระตุ้นความ

อยากรู้อยากเห็นของเหล่าสาว ๆ ที่อยู่ในหอพักฟลาวุมอยู่พอสมควรเลย

ก่อนอื่นก็เอาเป็นว่าย้ายที่ตามที่สโนว์บอกก่อนดีกว่า

ผมมาที่แถวโรงอาหารของโรงเรียนโอโตริ ที่ที่สามารถหาสั่งขนมหรือเครื่องดื่มได้ง่าย ๆ ได้

จากนั้นผมก็นั่งฝั่งตรงข้ามกับเมดพร้อมถือเมนูไปด้วย

“……”

“เธอจะสั่งอะไรฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ว่าช่วยตอบมาก่อนสิว่า [ทำไมเธอถึงบอกว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของฉัน] น่ะ”

“ท่านฮิอิโระจะจ่ายให้เหรอคะ?”

“เดี๋ยวฉันจ่ายให้หรอกน่า เพราะงั้นช่วยรีบตอบมาที่จะได้มั้ย?”

“นี่ มาสเตอร์ค่ะ!! เอาทุกอย่างตั้งแต่ข้างบนนี่ถึงข้างล่างเมนูนี่เลยนะคะ!!”

“เกินไปแล้วนะ เอาให้พอประมาณหน่อยสิฟะ ยัยเมดนี่…!!”

“ทะ…ทำแบบนี้กับหน้าของสาวสวยได้ยังไง…!!”

ผมใช้บือข้างเดียวบีบหัวของเมดผมขาว

หลังจากที่เอ็นจอยไปกับพาร์เฟ่ต์สตรอว์เบอร์รี่กับชาที่เอามาเสิร์ฟแล้ว

ในที่สุดเมดก็เริ่มเข้าประเด็น

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ นายท่านจะต้องถูกน้องสาวของตัวเองตกหลุมรักแน่ค่ะ”

“…ครับ?”

ผมเกือบจะสำลักด็อกเตอร์เป๊*เปอร์ เพราะคำพูดที่คาดไม่ถึงของเธอ

“หมายความว่ายังไงน่ะ?”

“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละค่ะ ช่วงนี้ท่านน้องสาวน่ะ เอะอะอะไรก็ [ท่านพี่อย่างงั้น ท่านพี่อย่างงี้] จนฉันเผลอคิดว่ามีเนื้องอกอะไรในสมองอยู่รึเปล่า ก็เลยต้องสแกนดูด้วย MRI เมื่อไม่กี่วันมาก่อนนี้เองน่ะค่ะ เป็นเรื่องที่น่ากลัวสุด ๆ เลยล่ะค่ะ”

“นี่เธอน่ะ ก่อนหน้าหนี้เธอยังมาขอบคุณฉันอยู่เลยไม่ใช่เรอะ…? แล้วการพูดแบบนั้นนั่นมันอะไรน่ะ…? ส่งไปเข้าเรียนใหม่เลยดีมั้ย…?”

“ที่จะพูดต่อจากนี้น่ะ ถึงจะเป็นแค่สัญชาติญาณของผู้หญิงก็เถอะนะคะ”

เธอพูดเบา ๆ ในขณะที่ตักพาร์เฟ่ต์

“แต่ในซักวันหนึ่ง ความรู้สึกชื่นชมนั้นจะเปลี่ยนกลายมาเป็นความรักแน่ค่ะ”

ผมเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าไว้แล้วมองขึ้นฟ้า

“ก็นะ เด็กคนนั้นน่ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องของความรักเลยนี่นะ เพราะมัวแต่พัวพันกับพวกตระกูลซันโจ เลยทำให้ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้างเลยด้วย เพราะงั้นการที่จะหลงรักฉันเข้า มันก็คงเป็นไปได้นั่นแหละนะ”

ผมเอียงเก้าอี้ไปด้านหลังและมองมาที่สโนว์

“แล้วเธอก็หลงรักเรย์ ก็เลยจะมาขอความร่วมมือจากฉันว่า [ช่วยทำให้ฉันได้คบกับท่านเรย์ทีจะได้รึเปล่าคะ?] …คำตอบของฉันน่ะแน่นอนว่า YES อยู่แล้ว หน้าที่บาทหลวงน่ะ ให้ฉันเป็นคนจัดการเองก็แล้วกัน ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ฉันน่ะ จะบทสวดหรือประสานอินก็เก่งเอาเรื่องอยู่นะจะบอกให้ จะบอกว่ามาทำให้สึกิโอริกับพวกเหล่านางเอกมีความสุขไปด้วยกันเถอะ ใช่รึเปล่าล่ะ?”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันน่ะ ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิตนี้เลยค่ะ”

เมดส่ายหัวราวกับจะสื่อว่า ให้ตายสิ ยังไงยังงั้นเลย

“ฟังนะคะ ตอนนี้ท่านเรย์น่ะ มีความรู้สึกชอบต่อนายท่านในระดับนึงแล้ว เพราะงั้นก่อนที่ความรู้สึกนั้นมันจะกลายเป็นความรัก จะต้องทำให้เธอตัดใจให้ได้ค่ะ เพราะงั้นฉันถึงเสนอตัวเป็นคู่หมั้นของนายท่านยังไงล่ะคะ”

“แล้วก็ทำโดยพลการ แบบไม่บอกฉันก่อนเลยซักคำเดียวเนี่ยนะ?”

“หึ…นี่ไม่รู้จักคำว่าความเร็วเป็นของปีศาจเหรอคะเนี่ย…?”

“จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่ยักกะเคยเห็นเด็กที่เล่นอยู่ในบ้านคนไหนเขาเล่นเป็นความเร็วกันเลยนะเฟ้ย!?”

สโนว์ชี้ปลายช้อนมาที่ผม

“ฉันน่ะ เป็นหนี้บุญคุณนายท่านนะคะ เพราะงั้นฉันก็เลยอยากจะตอบแทนบุญคุณนั้นไงล่ะคะ ท่านฮิอิโระน่ะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาบ้างเหรอคะ ที่ความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้นมันจะกลายไปเป็นความรักน่ะ?”

“มองได้เฉียบขาดมาก”

ผมเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่หน่อย ๆ น่ะนะ

“แต่ว่าฉันก็อยากให้สโนว์ได้มีความสุขอยู่กับเด็กผู้หญิงเหมือนกันนะ…แล้วแบบนี้มันจะไม่แย่เอาเหรอ?”

“แบบนั้นมันก็เป็นแค่การบังคับกันเท่านั้นแหละค่ะ อย่างนายท่านเองก็คงไม่บังคับให้ใครมารักกันใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงกันแล้ว เราก็ค่อยคอยสนับสนุนพวกเขาค่ะ เพราะแบบนั้น พวกเมดของตระกูลซันโจก็เลยเป็นคู่รักกันเยอะเลยยังไงล่ะคะ”

“ทำงานได้ดีใช้ได้เลยนะเนี่ย(ยิ้มสดใส)”

“แล้ว จะเอายังไงคะ?”

สโนว์จ้องมาทางผม พร้อมกับใช้ช้อนคน ๆ แก้วพาร์เฟ่ต์ที่ว่างเปล่าไปด้วย

“มาเป็น…คู่หมั้นปลอมๆ…กับฉันมั้ยคะ…?”

ผมสีขาวสลวยและผิวที่ขาวเนียน

หน้าอกอันอวบอิ่มที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิง

ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้น จ้องมาที่ผมพร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ

“มันก็สะดวกดีสำหรับฉันอยู่ล่ะนะ ถ้าแค่ปลอม ๆ ล่ะก็ ฉันก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก…ถ้าลาพิสน่ะก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าเรย์จะยอมเชื่องั้นเหรอ?”

“จูบแลกลิ้นให้ดูต่อหน้าไปเลยดีมั้ยคะ?”

“จะหน้าด้านแค่ไหนแต่ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถอะ(กลัว)”

“เอาเถอะ เอาเป็นว่าก่อนอื่น”

สโนว์ขยับเข้ามาใกล้ผม จากนั้นก็เอาโอบแขนผมไว้และดึงตัวเข้ามาใกล้

“มาทำกันเถอะค่ะ การแกล้งเป็นคู่หมั้นกันน่ะ”

“เอ๋…แต่ว่านี่มันจะดีแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ…ก็จริงอยู่ที่ว่าฉันคงบังคับให้ใครยูริกันไม่ได้…แต่…”

ถึงแม่มันจะเป็นโลกของเกมยูริ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะต้องชอบผู้หญิงกันหมด

แถมสโนว์ก็ยังเป็นแค่ตัวประกอบด้วย ไม่ใช่นางเอกหรืออะไรเลย เจ้าตัวยังพูดด้วยว่า [ฉันน่ะ ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิตนี้เลยค่ะ] อีกด้วย

เพราะงั้น ถ้าผมจะไปยัดเยียดให้เธอคบกับผู้หญิงมันก็คงจะแปลกล่ะนะ

ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วล่ะก็ การที่ให้มาแกล้งเป็นคู่หมั้นปลอม ๆ ให้ผมแบบนี้ก็คงไม่เป็นไร…แหละมั้งนะ…?

รู้สึกเหมือนกำลังถูกชักจูงอยู่ยังไงก็ไม่รู้แฮะ…?

“ฉันจะอยู่ด้วยกันกับท่านฮิอิโระนับตั้งแต่นี้ไป เราต้องอยู่ที่หอพักนั้นสินะคะ? สำหรับท่านฮิอิโระผู้ดูจะไม่มีอนาคต ก็คงต้องมีเมดสุดน่ารักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทักษะคอยอยู่ดูแลทำงานบ้านให้ล่ะสินะคะ แล้วพวกเราก็เป็นคู่หมั้นกันแล้วด้วย จากนี้ก็สามารถเข้าออกโรงเรียนได้อย่างอิสระแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วสินะคะ?”

“อา…อืม…นั่นสินะ…?”

ผมถูกลากให้ไปยืนอยู่ข้างสโนว์

“ถ้างั้นที่รักคะ รีบไปจ่ายเงินกันเลยเถอะค่ะ”

“อืม นั่นสินะ…?”

ผมหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าเงิน

ในขณะที่ผมกำลังจ่ายเงินอยู่–พนักงานก็ได้ทำสีหน้าลำบากใจ

“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า…ดูเหมือนว่าบัตรเครดิตใบนี้จะใช้ไม่ได้น่ะค่ะ…ใช้เกินวงเงินแล้วรึเปล่าคะ?”

“ไม่สิ มันไม่จำกัดวงเงินซักหน่อยนี่ นี่มันแบล็คการ์–อ๊ะ”

ผมขึ้นเสียงสูงทันทีที่ผมนึกออกว่าทำไมผมถึงใช้บัตรเครดิตไม่ได้

เหล่ายัยแก่จากตระกูลซันโจพวกนั้นเป็นคนระงับบัตรเครดิตของสินะ…!?

ไม่สิ แต่เกิดเรื่องไปขนาดนั้นแล้ว จะโดนแบบนี้ก็ไม่แปลกล่ะนะ ไม่แปลกเลยซักนิด!!

“…นี่สโนว์ เธอมีเงินรึเปล่า?”

“ห๊ะ? นี่กำลังดูถูกฉันอยู่งั้นเหรอคะ?”

สโนว์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าตังรูปแมวและหยิบของข้างในออกมา

“132 เยนค่ะ(ภูมิใจ)”

“อะ…อืม…พอดีว่าฉันเป็นพวกไม่พกเงินสดอะนะ…”

“งั้นเหรอคะ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนั้นล่ะคะ?”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วรึเปล่า สโนว์ก็เลยหันมาหาผมอย่างเงียบ ๆ

“หรือว่าบัตรเครดิตของนายท่านจะถูกระ–“

“ฝากจ่ายให้ด้วยนะคร้าบที่ร้ากกก!!”

ผมกดทริกเกอร์แล้วพยายามจะชิ่ง แต่ผมก็ถูกสโนว์สกัดดาวรุ่งอย่างรวดเร็ว

“ถ้าจะตายเราก็ต้องตายไปด้วยกันสิคะที่รัก…!!”

“นี่ลืมฐานะเดิมที่เคยเป็นก่อนที่จะมาเป็นคู่หมั้นแล้วรึไง เมดน่ะ!! ใช้ทักษะงานบ้านที่มี (ล้างจาน) ช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปให้ได้ซะสิ้..!!”

พวกเรายืนทะเลาะกันอยู่ที่หน้าร้าน

สุดท้าย ผมก็ได้ติดต่อเรย์ไป พร้อมกันนั้นเรย์ก็พูดว่า [ท่านพี่กำลังหวังพึ่งพาฉันอยู่…!] แล้วก็จ่ายเงินทั้งหมดด้วยแบล็คการ์ดอย่างอารมณ์ดี

“ท่านพี่คะ ถ้าต้องการเงินล่ะก็ บอกมาได้ทุกเมื่อเลยนะคะ…”

แย่ล่ะสิ

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ มีหวังได้เข้ารูทเรย์แหงม ๆ

ผมหันไปมองที่สโนว์เพื่อที่จะยืนกรานอีกครั้ง ถึงความสำคัญในการแสร้งเป็นคู่หมั้นปลอม ๆ กัน–และตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ชีวิตคู่หมั้นปลอม ๆ ของผมกับสโนว์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

แต่แล้วชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ในวันถัดมา ตอนช่วงโฮมรูม ก็ได้มีสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกใหม่พัดเข้ามาอีกครั้ง

“ถะ…ถ้าอย่างงั้นก็ ทุกคนคะ! ถะ…ถึงจะกระทันหันไปหน่อย แต่โรงเรียนโอโตริของเราจะจัดค่ายปฐมนิเทศในอีกสองสัปดาห์หลังจากนี้นะคะ!”

อาจารย์มาริน่าประกาศออกมาด้วยความประหม่า

“ถึงบางคนน่าจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่ว่าการปฐมนิเทศของโรงเรียนนี้น่ะ จะเป็นจัดเป็นค่ายใหญ่น่ะค่ะ…นี่คงจะช่วยให้ทุก ๆ คนในห้อง A สนิทกันได้เร็วขึ้นแน่นอนค่ะ–ค่อก!! แค้ก!!”

ผมเหลือบมองไปที่ลาพิสที่กำลังนั่งฟังอาจารย์

ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

–[เดี๋ยวก็จะได้เข้าเรียนแล้วด้วยสิ ถ้าเข้าไปแล้วมันก็จะมีสิ่งนั้นใช่มั้ยล่ะ?]

ก็นะ ตั้งตารอสิ่งนั้นซะขนาดนั้นเลยนี่นา

ในท้ายที่สุดนั้นผมก็ไม่ได้ซื้อชุดให้ลาพิส เพราะเหตุวุ่นวายของตระกูลซันโจ…

ทันใดนั้นเองอยู่ ๆ ผมก็สบตากับลาพิสเข้า

เธอขยับปากพั่บ ๆ ส่งสัญญาณให้ผม

“เจอ-กัน-หลัง-เลิก-เรียน”

ผมพยักหน้าให้เธอ

แล้วเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ผมเองก็ควรจะเริ่มเตรียมตัวได้แล้วเหมือนกัน ไม่งั้นผมคงได้ตายแน่

ผมกำลังคิดถึงค่ายปฐมนิเทศที่กำลังจะมาถึง

การเตรียมตัวรับมือกับอุปสรรคแรกที่พวกตัวเอกจะต้องเจอ…อย่างสงบอยู่คนเดียว