ที่โรงเรียนโอโตรินั้นมีหอพักอยู่ 3 แห่งด้วยกัน
รูฟัส ซีรูเลียม และฟลาวุม…ทั้งสามหอพักนี้มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นก็คือทุก ๆ ห้องมีเตียงเป็นเตียงคู่
สิ่งที่เรียกว่ายูริน่ะ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีสองคนขึ้นไปเท่านั้น ถ้ามีคนเดียวยูริก็ไม่สามารถเบ่งบานได้หรอก ดินปลูกที่เรียกว่าห้องสำหรับทั้งสองคนนั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้ยูริเบ่งบาน
ถึงจะเป็นโรงเรียนหญิงล้วน แต่มันก็ควรจะมีห้องเดี่ยวบ้างไม่ใช่เหรอ?
นั่นถือเป็นคำถามที่ไม่น่าถามเป็นอย่างมาก
ก่อนที่จะบอกว่านี่คือโรงเรียนหญิงล้วนน่ะ ต้องบอกก่อนว่านี่มันคือโลกของเกมยูรินะครับ!?
แต่ถึงจะว่างั้น ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีเหตุผลรองรับอยู่ล่ะนะ
ถ้าเป็นห้องพักเดี่ยว ก็จะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคน มันก็จะช่วยลดอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้น รวมถึงยังช่วยทำให้นักเรียนตั้งเป้าหมายในการเพิ่มคะแนนร่วมกันได้ด้วย…จะเห็นได้ชัดเลยว่าคะแนนโดยภาพรวมดีขึ้นในทุก ๆ ปีเลยล่ะ
ในฐานข้อมูลก็ชี้ให้เห็นเลยว่าการมีเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ห้องพักด้วยกันก็ช่วยทำให้คะแนนดีขึ้นได้
แถมโรงเรียนหญิงโอโตริ ก็ยังเป็นโรงเรียนที่มีแต่คนรวยแล้วก็ชนชั้นสูงด้วย เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเหล่าคุณหนูในการหาคู่แต่งงานในอนาคตเลยเชียวล่ะ
แต่ในทางกลับกัน คนที่เล็ง “โบนัส” ไว้ ก็มีเหมือนกัน
ถ้าสกอร์เพิ่มขึ้นก็จะสามารถหาคู่แต่งงานได้
เพราะงั้น ไม่ว่าจะยังไง ห้องสำหรับ 2 คน ก็จะยังคงอยู่ต่อไป
เอาล่ะ และในตอนนี้ผมก็ได้มาอยู่ในหอพักนักเรียนนี่แล้ว
ชั้นบนสุดที่อยู่ข้างบนชั้นหก…คือห้องใต้หลังคาที่มีช่องรับแสง พื้นที่ห้องก็ทั้งกว้างและยาวพอที่จะยืนได้สบาย ๆ เลยทีเดียว
แดดส่องละอองฝุ่นลอยไปมาในอากาศ
คุณลิลลี่บอกไว้เลยว่า [จนถึงตอนนี้ก็ใช้ที่นี่เป็นห้องเก็บของมาโดยตลอด] ซึ่งที่นี่ก็รกไปหมดเหมือนที่คุณลิลลี่พูดเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของที่พวกเด็กผู้หญิงซื้อกันมาจากการไปเที่ยว
มีทั้ง พรมบ้างล่ะ ตุ๊กตาสัตว์บ้างล่ะ หรือจะชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัว สินค้าที่เกี่ยวกับตัวละครลับ กองมังงะ แล้วก็หนังสือที่มัดรวม ๆ กัน
“สำหรับห้องใต้หลังคาแล้วก็ถือว่ากว้างพอสมควรเลยนะคะ”
หลังจากที่ทักทายผู้ดูแลกับคุณลิลลี่ในฐานะคู่หมั้นของผมแล้ว สโนว์ที่ได้เข้ามาในหอพักแล้วก็บ่นพึมพำ
“แต่ว่า…แค่ก…ฝุ่นมัน…เยอะมาก…”
“เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ดูดฝุ่นแล้วก็ใช้ผ้าเปียกเช็ดก่อนแล้วกัน พวกขยะนี่ทิ้งเลยก็คงไม่เป็นไร แถมเขาก็แนะนำพวกพ่อค้าให้แล้ว ถ้าเอาไปขาย พ่อค้าก็อาจจะรับซื้อก็ได้”
“แล้วเฟอร์นิเจอร์จะเอายังไงล่ะคะ?”
“ก็คิดว่าจะซื้อให้หมดอยู่หรอกนะ…”
ผมสะบัดกระเป๋าตังที่บ๋อแบ๋ของผม
“แต่พวกยัยแก่ตระกูลซันโจนั่นดันระงับบัตรเดรดิตไปแล้ว ก็เลยไม่มีเงินเลยน่ะสิ”
ในเซ็ตติ้งนั้น พ่อแม่ของฮิอิโระได้เสียไปนานแล้ว
ซึ่งในความเป็นจริง คนที่เป็นผู้ปกครองของหมอนี่ จริง ๆ แล้วก็คือ BBA ที่เป็นพันมิตรกับตระกูลซันโจนี่แหละ แต่พวกนั้นก็ดันเรย์ให้เป็นผู้นำตระกูลซันโจอย่างเงียบ ๆ อยู่ แล้วก็ให้เงินและอำนาจกับฮิอิโระ เพื่อที่จะให้ฮิอิโระอยู่เงียบ ๆ ไปซะ
แต่หลังจากที่เห็นผมแล้ว พวกนั้นก็เลยเปลี่ยนใจแล้วล่ะ
ในเกมนั้น พวกนี้มีแต่มอบความสุขให้ฮิอิโระ แต่ในตอนสุดท้ายก็ลอบฆ่าทิ้งอยู่ดี
ทำไมฮิอิโระถึงน่าสงสารขนาดนี้กันล่ะเนี่ย…คิดว่าผมจะพูดงั้นรึไง ไปต*ยซะไป
“นี่หรือว่า ท่านฮิอิโระจะหมั้นกับฉันเพราะหวังเงินงั้นเหรอคะ?”
“เงียบไปเลยเฟ้ย ยัย 132 เยน ถึงจริง ๆ แล้วฉันจะคิดวิธีที่หาเงินไว้แล้วก็เถอะ…แต่ตอนนี้ฉันอยากจะทุ่มความพยายามทั้งหมดไปกับการเตรียมตัวสำหรับค่ายปฐมนิเทศในอีก 2 สัปดาห์หลังจากนี้ก่อนน่ะนะ”
“นายท่านคนนี้กำลังเดิมพันชีวิตกับการปฐมนิเทศเลยสินะคะเนี่ย เป็นพวกไม่เข้าสังคมตั้งแต่แรกรึไงคะ”
ไม่ล่ะ ก็เดิมพันชีวิตอยู่จริง ๆ นั่นแหละ ชีวิตของฉันจะเป็นยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับแนวทางหลังจากนี้แล้วล่ะ แต่ถึงจะอธิบายไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ผมจึงได้แต่กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“แล้วจะเอาตัวรอดยังไงกับอีกสองสัปดาห์หลังจากนี้ล่ะคะ? จะทำตัวเป็นนักปราชญ์กินเอาหรอคะ?”
“คุณลิลลี่จะเตรียมเฟอร์นิเจอร์ที่อย่างน้อยก็ควรจะมีให้ในวันนี้น่ะ ปกติแล้วนักเรียนใหม่จะย้ายเข้าหอพักได้ก็หลังสอบเข้าและได้เจอกับนักเรียนใหม่ด้วยกันแล้ว…หรือก็คือ ผู้ดูแลได้อนุญาตให้ฉันย้ายเข้าหอพักเป็นพิเศษก่อนที่การปฐมนิเทศจะจบน่ะนะ”
“งั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักหรือบ้านหลักซักพัก…”
“ไม่ได้หรอก”
ผมทิ้งชุดว่ายน้ำผู้หญิงลงไปในถุงขยะ
“บัตรเครดิตที่โดนระงับไปก็แย่แล้ว ตอนที่ฉันพาอาจารย์กลับไปดูที่บ้านพัก ก็ดันเจอมือสังหารดักรออยู่ที่นั่นอีก ฉันก็เลยจัดการไปแล้วด้วย ฉันก็เลยกอดอกและหันหลังให้กันและกันกับอาจารย์ พร้อมกับพูดว่า [คิดว่าจะชนะพวกเราได้รึไง หืม?] ให้กับพวกคนจากตระกูลด้วยแหละ”
“อาจารย์และศิษย์คู่นี้ พออยู่ด้วยกันแล้ว พลังในการยั่วโมโหนี่มันเกินพิกัดจริง ๆ”
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าลาพิสกับหน่วยเงาจะรู้ตัวก่อนพวกเรา เลยได้มุ่งหน้าไปที่บ้านพักก่อนซะอีก
ซึ่งลาพิสผู้เลือดร้อนนั้นก็คิดจะเข้าไปสู้ด้วยเหมือนกัน
แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าจะให้เจ้าหญิงของประเทศไปเผชิญหน้ากับตระกูลซันโจมันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ผมก็เลยพูดแบบนุ่มนวลไปว่า [พวกนี้คือเหยื่อของฉัน] ทำให้ลาพิสต้องถอยไป แม้จะไม่เต็มใจ
“ก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละ จากนี้ไป พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นี่แหละ”
“ว้าว แปะๆๆ”
สโนว์ปรบมือแบบไร้อารมณ์
“ก็นี่เป็นโรงเรียนคุณหนูนี่นะ แต่ละห้องมันก็เลยไม่ได้มีแค่ห้องอาบน้ำกับห้องน้ำเท่านั้น แต่ยังมีห้องดูหนังด้วย…แต่ว่าที่ห้องใต้หลังคานี้ มันไม่มีอะไรแบบนั้น ดังนั้นแล้วพวกเราจะต้องจัดการกับการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกรวมด้วย ถ้าเป็นห้องน้ำ ก็ดูเหมือนว่าจะมีห้องอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ที่ชั้นใต้ดินอยู่ สโนว์ก็ไปใช้ที่นั่นได้ตามปกติเลย สำหรับส้วมก็จะมีอยู่ที่นึงที่เป็นสำหรับผู้ดูแลหอพัก ก็ไปใช้ที่นั่นเอาก็แล้วกัน…ส่วนฉันจะวิ่งไปใช้ที่สถานีใกล้ ๆ เอา (โรงเรียนหญิงล้วน ไม่มีห้องน้ำชาย)”
สโนว์เริ่มอ่าน “คู่มือหอพัก” ที่คุณลิลลี่มอบให้
จากนั้นเธอก็เริ่มทำสีหน้าประหลาดใจ
“ข้างในหอพักมีร้านทำเล็บยังไม่พอ…ยังมีร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ สระน้ำอุ่น แล้วก็ห้องนวดด้วย…แล้วถ้าโทรไปที่เบอร์ติดต่อที่ให้ไว้ พวกเขาก็จะจัดหาทั้งขนมหวานแล้วก็ของว่างมาให้ด้วย แถมโรงเรียนนี้ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อีก…ค่าบำรุงรักษาต้องขนาดไหนกันแน่คะเนี่ย หอพักคุณหนูนี่น่ะ…?”
ค่าบำรุงรักษาหอนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากเงินบริจาคจากตระกูลไอซ์เบิร์ตทั้งนั้น
มีนักเรียนอยู่หลายคนที่ไม่ค่อยจะชอบผู้ดูแลหอพักที่อวดดีอย่างมิวล์นัก แต่หลังจากที่ได้เจอความสะดวกสบายทั้งหลายในหอพักแล้ว มันก็ทำให้พวกนั้นว่าอะไรไม่ได้เลยทีเดียว
แต่ยังไงซะ มันก็เป็นเพราะมีโลโก้ของบริษัทที่ตระกูลไอซ์เบิร์ตเป็นเจ้าของนั่นแหละนะ เพราะว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อให้เห็นชัด ๆ ว่า ใครมีอำนาจและใครบริจาคมาเพื่อที่จะทำให้คนที่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบนี้ได้
ดูจากที่เห็นก็รู้เลยว่าท่านแม่ของผู้ดูแลนั้นฉลาดหลักแหลมขนาดไหนเชียวล่ะ ไม่ใช่แค่บริจาคเงินไร้สาระให้โรงเรียนอย่างเดียว แต่พวกเขายังออกแบบหอพักนี้เพื่อที่จะทำให้อำนาจของตระกูลไอซ์เบิร์ตเป็นที่รู้จักอีก…เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เลยว่าพวกเขามีทักษะในการควบคุมคนที่อยู่ข้างล่างได้อย่างดีเลย
“พวกสิ่งอำนวยความสะดวกจะอยู่ชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่งถึงสาม ส่วนพื้นที่สำหรับนั่งเล่นได้ก็จะเป็นชั้นหนึ่งถึงหก แล้วก็ร้านอาหารที่อยู่ชั้นใต้ดินชั้นแรกก็สามารถไปใช้ห้องครัวได้ด้วย ซึ่งก็จะมีบางคนที่ทำอาหารเป็นงานอดิเรกเหมือนกัน”
ผมชี้ไปที่หนังสือคู่มือที่สโนว์กำลังมองอยู่จากทางด้านหลังเธอ
“แถมสิ่งต่าง ๆ ที่ว่ามานั่น ก็ฟรีทั้งหมดเลยด้วย แต่เพราะฉันเป็นผู้ชาย แล้วฉันก็ไม่มีความคิดที่จะไปเสนอหน้าระหว่างการทำอาหารด้วย เพราะงั้นฉันก็ใช้ของพวกนั้นไม่ได้หรอก เธอไปสนุกกับมันให้เต็มที่แทนส่วนของฉันด้วยแล้วกันนะสโนว์”
“แต่ถ้าไม่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่ มันก็แก้ปัญหาที่ไม่มีเงินไม่ได้น่ะสิคะ…แค่ใช้เฉย ๆ ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งคะ?”
“ต่อให้ต้องอดตายฉันก็ไม่ใช้เด็ดขาดล่ะ(ยิ้มอย่างสดชื่น)”
ลองนึกว่าในสถานที่ที่เด็กผู้หญิงสองคนจะมีความทรงจำร่วมกัน แล้วพวกเธอก็เพลิดเพลินไปกับมื้อค่ำพร้อมกับมองหน้ากันและกัน
แต่ทันใดนั้นกลับมีผู้ชายผมทองหน้าตาดูไม่เอาไหนเดินเข้ามาเนี่ย–ไม่ได้เลย!! ไม่ได้เด็ดขาด!! ห้ามเลย!! ต่อให้ผมโดนเอาปืนจ่อหัวก็ตาม!! ผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด!! จะต้องไม่ใช้เครื่องครัวเหล่านั้นในการทำอาหารเด็ดขาด!!
“ถ้างั้น ฉันก็จะไม่ใช้เหมือนกันค่ะ”
“ไม่ล่ะ ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า แค่ใช้มันด้วยรอยยิ้มก็พอแล้วล่ะ”
“ถ้าคู่หมั้นจะทานข้าวแยกกันมันก็แปลกน่ะสิคะ ฉันน่ะเป็นคู่หมั้นแบบจริงจังนะคะ”
“…เอาเถอะ ก็ทำตามใจชอบเลยแล้วกัน ฉันไม่บังคับหรอก”
ผมใส่เครื่องประดับประหลาดลงไปในถุงขยะ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันว่าจะกลับมาฝึกกลับอาจารย์อย่างจริงจังอีกครั้ง ตามปกติแล้ว ฉันก็น่าจะฝึกตอนเช้า เข้าโรงเรียนช่วงบ่าย แล้วก็ฝึกหลังเลิกเรียนอีก เพราะงั้นเราน่าจะได้เจอกันก็แแค่ช่วงมื้อค่ำล่ะนะ”
“นี่คิดจะทิ้งคู่หมั้นไว้แล้วไปฝึกเหรอคะ”
สโนว์ถอนหายใจออกมา
“ถ้างั้นฉันก็จะจัดการกับสภาพแวดล้อมตอนนี้ให้ดีขึ้นในระหว่างนั้นก็แล้วกันค่ะ”
“โอ้ ฝากด้วยนะ ก่อนอื่นก็ เอ้านี่ เงินสำหรับสองอาทิตย์นี้”
ผมยื่นซองหนัก ๆ ให้เธอ จากนั้นสโนว์ก็คิ้วขมวด
“เดี๋ยวสิ คุณบอกว่าไม่มีเงินนี่คะ…นี่คงไม่ได้ฟอกเงินมาใช่มั้ยคะเนี่ย?”
“ฉันกู้มาจากพวกมือสังหารนั่นอะนะ(ไม่มีดอกเบี้ยแล้วก็ไม่มีระยะเวลาคืน)”
“ไอ้เจ้าขยะเปียกนี่…!”
“อาจารย์ก็ยังซื้อนินเ*นโดสวิตช์ ด้วยเงินที่ได้มาจากพวกนั้นเลยนะ”
“ไอ้เจ้าคู่หูอาจารย์ลูกศิษย์ขยะเปียกนี่…!!”
“ก็นะ เราก็ไม่ใช่ว่าจะมีเงิน(จากนักฆ่า)ใช้ตลอดไปอยู่แล้ว เพราะงั้นเราก็ต้องคิดวิธีหาเงินแบบปกติด้วย…เงินมันก็อาจจะไม่พอซื้อเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด แต่ว่ามันก็เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตอยู่แหละนะ ตอนนี้ก็ใช้ไปก่อนเถอะ”
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ ปล่อยให้ฉันจัดการได้เลยค่ะ”
สโนว์เอาเงินค่าใช้จ่ายไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“จะว่าไปแล้ว ก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องบอกให้รู้แล้วนะคะว่าฉันกับนายท่านเป็นคู่หมั้นกัน–“
“เอ๊ะ? แต่ฉันบอกลาพิสไปแล้วนะ?”
ที่ห้องใต้หลังคาเงียบสงบลง จากนั้นสโนว์ก็ค่อย ๆ เอามือวางไว้บนหัว
“…บอกไปเมื่อไหร่”
“ตอนเลิกเรียน ฉันออกไปซื้อชุดกับลาพิสข้างนอกมา แล้วพอตอนที่ลาพิสลองใส่แล้วถามว่า [เหมาะรึเปล่า?] ฉันก็เลยตอบไปว่า [ฉันหมั้นกับสโนว์แล้วล่ะ] ไปน่ะ”
“โอ้วววววววววววววววววววววว…!!”
สโนว์ส่งเสียงร้องดังลั่นออกมาและถอยหลังไปสุดแรงเกิด
“เป็นเจ้าบ้าที่เวลาโดนถามว่า [1+1ได้เท่าไหร่?] แล้วตอบไปว่า [โชกุนมากาคุระ] รึไงคะ คุณนี่มัน…หมดคำจะพูดเลย…จะให้พูดอีกแง่ก็คือดันไปตอบสิ่งที่แย่ที่สุดในเวลาที่ไม่สมควรด้วย…แล้วท่านลาพิสเป็นยังไงบ้างล่ะคะ?”
“ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ก็รีบกลับบ้านไปเลยล่ะ แล้วหลังจากนั้น ตอนที่ฉันก็เจอกับอาจารย์แล้วก็ถ่ายรูปหันหลังกอดอกให้กัน ฉันก็เลยส่งรูปนั้นไปให้ลาพิส แล้วก็บอกด้วยว่า [คิดว่าจะชนะพวกเราได้รึไง หืม?] ด้วยล่ะ”
“ไอ้หมอนี่…เอาจริงเหรอเนี่ย ไอ้เจ้านี่…!!”
ผมยิ้มแห้ง
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ ลาพิสเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบโรแมนติกให้ฉันซักหน่อยนี่นา อย่างเรย์ก็อาจจะใช่อยู่หรอก แต่กับยัยนั่นแล้ว คงไม่ต้องรอจังหวะอะไรหรอกมั้ง”
“…ไม่รู้ด้วยแล้วค่ะ”
ทันใดนั้นเองสโนว์ก็จ้องมาทางผม
“ฉันไม่รู้ด้วยแล้วค่ะ ก็ปากของคนเรามันห้ามกันไม่ได้นี่นะคะ ถ้างั้นก็เชิญเตรียมตัวให้เต็มที่สำหรับการปฐมนิเทศเลยแล้วกันค่ะ”
พูดเสร็จสโนว์ก็คว้าถุงขยะในมือทั้งสองข้างไป แล้วก็เดินออกไปจากห้องใต้หลังคา
ตัวผมในตอนนั้นก็ได้แต่หัวเราะ คำพูดที่เวอร์วังนั้น
แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น–ผมก็หัวเราะไม่ออกอีกต่อไป