ตอนที่ 17 ฉันเชื่อใจเธอแค่ครึ่งเดียว

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

เป็นสถานการณ์ที่น่าเคอะเขิน มีเพียงแค่ส่วนหัวของฉันเท่านั้นที่อยู่ในพุ่ม

 

มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะออกไป เนื่องจากฉันเพิ่งแสดงความโกรธออกมา และแน่นอนว่า การพยายามซ่อนตัวทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเห็นแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าแปลก

 

หลังจากยืนนิ่งราวกับหินตรงจุดที่ฉัน หญิงสาวก็เดินเข้ามาหาฉันจากด้านหลัง

 

“คยออุล ทำอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอ?”

 

“ฉ-ฉันคิดว่าก็อบลินกำลังมา ฉันก็เลยซ่อน…”

 

ฉันเสียใจทันทีหลังจากที่พูดออกไป

 

ซ่อนตัวด้วยท่าโง่ ๆ แบบนี้

 

ฉันสมควรได้รับการปฏิบัติที่เหมือนกับไก่ที่ซ่อนตัวเพียงแค่หัว

 

“งั้นเหรอ…”

 

คำตอบของฉันมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

เสียงของเธอดูระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

ฉันมองเห็นแต่หญ้า ฉันเลยคาดเดาสีหน้าของเธอไม่ออกเลย

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าแบบไหน ในหัวของเธอก็คงจะคิดแต่เรื่องไม่ดีที่จะทำกับฉันอยู่นั่นแหละ

 

ในขณะที่ฉันกำลังถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ อยู่ในพุ่มไม้ หญิงสาวก็สะกิดหลังส่วนล่างของฉัน

 

“อ๊ะ!”

 

ด้วยความตกใจจากการถูกสัมผัสอย่างกระทันหัน หางของฉันก็ชูตั้งตรง

 

แปะ!

 

ดูเหมือนว่าหางของฉันจะหลงไปโดนร่างของหญิงสาว

 

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงที่ว่าฉันตีเธอก็ทำให้ฉันรีบคลานของออกมาจากพุ่มทันที

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็เริ่มคุยกับฉันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“นี่ คยออุล”

 

“อ๊ะ…?!”

 

“พี่มีเรื่องอยากจะบอกคยออุล ช่วยฟังเรื่องที่พี่จะพูดสักเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม?”

 

เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ถึงได้ใช้น้ำเสียงที่มันจริงจังขนาดนั้น?

 

ฉันกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่และพยักหน้า

 

“อย่างแรกเลย พี่ขอโทษจากใจจริงเลย คยออุล”

 

“ขอโทษ?”

 

“ใช่ พี่ขอโทษจริง ๆ สำหรับทุกเรื่องจนถึงตอนนี้เลย”

 

โน้มตัว—

 

หญิงสาวโค้งตัวให้ฉัน

 

ท่าทางการขอโทษของเธอสมบูรณ์แบบมากเหมือนกับในหนังสือเรียนเลย แม้แต่การวางมือไว้เหนือสะดือของเธอก็เช่นกัน

 

ทำไมจู่ ๆ เธอถึงมาขอโทษฉัน?

 

ฉันทำท่าป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าการโดนกลั้นแกล้ง

 

“ทำอะไรของคุณ…?”

 

“ก็อย่างที่พี่บอกเลย จริง ๆ แล้วพี่ตั้งใจจะขอโทษตั้งแต่ตอนที่คยออุลตื่นแล้ว แต่เพราะว่ามันวุ่นวายมากพี่ก็เลยพลาดเวลานั้นไป พี่ไม่ได้หัวดีมาก อย่างที่คยออุลเห็นเลย พี่ใช้ทั้งชีวิตของพี่ไปกับการฟันดาบ”

 

พลาดขอโทษ?

 

หมายความว่าไง?

 

ฉันเบิกตากว้างด้วยความไม่เข้าใจว่าแม่มดตั้งใจจะทำอะไร

 

“ทำไมคุณถึงมาขอโทษฉันล่ะ…?”

 

“พี่ไม่เคยรู้เลยว่าคยออุลไม่มีมานาจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้”

 

“นั่นมัน…”

 

การซ่อนเรื่องที่ฉันไม่มีมานาเอาไว้มันเป็นเรื่องที่ฉันตั้งใจทำเอง

 

ไม่มีเหตุผลอะไรที่หญิงสาวจะต้องมาขอโทษฉันเลย

 

เว้นแต่ว่าเธอจะขอโทษเรื่องที่ดัดแปลงร่างกายของฉัน

 

ความไม่ไว้วางใจของฉันที่มีต่อหญิงสาวยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่น่างุนงงนี้

 

“ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของคยออุลเป็นแบบไหน พี่ก็เลยคิดว่าคยออุลเป็นคนโง่ที่ไม่สามารถจับกระต่ายมีเขาได้ แต่ถ้าหากพี่ไม่มีมานา พี่ก็คงจับมดไม่ได้สักตัวด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระต่ายมีเขาเลย”

 

“งั้นเหรอ?”

 

“ใช่ พี่ขอขอโทษอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงว่าพี่รู้สึกขอโทษจริง ๆ ”

 

โน้มตัว—

 

หญิงสาวโค้งตัวให้ฉันอีกครั้งหนึ่ง

 

ถึงแม้ท่าทางของเธอจะดูจริงใจ แต่ฉันก็ไม่สามารถละทิ้งความสงสัยของฉันไปได้

 

ปัญหามันอยู่ที่เธอไม่ได้อธิบายเลยว่าทำไมร่างกายของฉันถึงเปลี่ยนไป

 

“ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณขอโทษ แต่ทำไมคุณถึงเปลี่ยนร่างกายของฉันให้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ…?”

 

“ร่างกายของคยออุล…”

 

หญิงสาวเริ่มพูดแต่หลังจากนั้นเธอก็หยุดพูด

 

หลังจากที่เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มพูดต่อ

 

“ร่างกายของคยออุลไม่มีมานา เพราะงั้นโพชั่นและเวทมนตร์รักษาเลยใช้ไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราเปลี่ยนร่างกายของคยออุลให้เป็นร่างกายที่มีมานา”

 

“อะไรนะ…?”

 

ร่างกายของฉันมีมานา?

 

ฉันมองลงไปที่มือของตัวเองด้วยความตกใจแต่ก็ไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เนื่องจากฉันไม่เข้าใจแนวคิกเรื่องมานา

 

ฉันเล่นนิ้วของตัวเองอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว

 

“ฉันไม่มีมานา”

 

“ไม่หรอก คยออุลมีแล้ว คยออุลไม่ได้สังเกตเลยเหรอว่าตัวเองมีความแม่นยำขึ้นในการล่า? หรือไม่ก็ประสาทสัมผัสไวขึ้น?”

 

“จริงด้วย ร่างกายของฉันประสาทไวขึ้นมาก”

 

“ใช่แล้วละ ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะมานา มานาช่วยเพิ่มความสามารถทางกายภาพของคยออุลเมื่อคยออุลต้องการมัน”

 

ประสาทสัมผัสที่ไวขึ้นของฉันมาจากการช่วยเหลือของมานานี่เอง

 

เมื่อเทียบร่างของฉันในตอนนี้ที่มีมานากับร่างกายก่อนหน้านั้นที่ไม่มีมานาแล้วถือว่าอยู่คนละระดับเลย

 

‘นี่เธอช่วยฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?’

 

ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหญิงสาวในไม่กี่วันมานี้

 

ความจริงแล้ว เธอไม่เคยทำร้ายฉันหรือพูดจาโหดร้ายใส่ฉันเลย

 

ทั้งหมดที่เธอทำก็มีแค่พูดจาวกวนไปมา

 

‘เรื่องจริงใช่ไหม…?’

 

ฉันตกตะลึง

 

ถ้าหากสิ่งที่เธอพูดออกมาเป็นความจริง ถ้างั้นทุกสิ่งที่เธอทำใส่ฉันก็เป็นความเมตตาที่ออกมาจากใจจริงของเธอน่ะสิ

 

ด้วยการใช้ชีวิตอย่างโหดร้าย ก็ทำให้ความไม่ไว้วางใจผู้คนของฉันสูงขึ้นมาก

 

“การแก้ไขร่างกายที่ไม่มีมานาอยู่เลยมันง่ายมากเลยเหรอ…?”

 

“เอ่อ…มันก็ไม่ง่ายหรอก ตั้งแต่พี่เกิดมา คยออุลเป็นคนแรกที่พี่เห็นว่าไม่มีมานาอยู่ในร่างกายเลย”

 

นั่นมันก็จริง

 

มันคงไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ใครสักคนที่มาจากโลกที่ไม่มีมานาจะข้ามมิติไปยังมิติอื่น

 

สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือ เธอแก้ไขร่างกายของฉันที่เป็นกรณีแรกได้อย่างไร

 

“แล้วคุณแก้ไขได้ยังไง หากมันไม่ใช่เรื่องง่าย?”

 

“น-นั่นมัน…”

 

หญิงสาวสะดุดในคำพูดของเธอ

 

แถมเธอยังหลบสายของของฉันอีก

 

เธอกำลังปิดซ่อนอะไรไว้กันแน่?

 

ในช่วงเวลาแห่งความสงสัย จู่ ๆ หญิงสาวก็ชี้ออกไปนอกพุ่มไม้

 

“อ๊ะ! ก็อบลิน!”

 

“ก็อบลิน!”

 

พวกมันมาเพราะได้ยินเสียงงั้นเหรอ?

 

มัวแต่โฟกัสไปที่การพูดคุย จนละเลยสิ่งรอบ ๆ ตัวไป

 

ฉันซ่อนตัวอยู่หลังหญิงสาวโดยสัญชาตญาณ

 

ดูเหมือนว่าการพูดคุยจะต้องรอก่อน

 

—————————————————————————

 

ตึง!

 

“เคี๊ยก!”

 

ในขณะที่ยอรึมจับก็อบลินได้ เธอก็เกิดความสงสัย

 

คยออุลจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ราคาของพร

 

เธออาจจะตกใจจนไม่เป็นอันจะกินไปหลายวันเลยก็ได้

 

ด้วยนิสัยที่เกลียดการเป็นหนี้ คยออุลจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาชดใช้แน่

 

ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเก็บเรื่องของพรแห่งเทพสัตว์ร้ายไว้เป็นความลับ

 

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ของคยออุล

 

—————————————————————————

 

‘อะไรกัน?’

 

ในคำอธิบายของหญิงสาวไม่มีอะไรแปลกเลย

 

คนที่เคยดูถูกฉันที่ไม่สามารถจับกระต่ายมีเขาได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่าฉันมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย

 

ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกผิดทั้งนั้น ถ้าหากพวกเขายังมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเหลืออยู่

 

อย่างไรก็ตาม คำถามจริง ๆ ของฉันก็คือเธอใช้วิธีไหนในการแก้ไขฉัน

 

แม้ว่าฉันจะสงสัย แต่หญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าอยากจะแบ่งปันข้อมูลนั้นให้ฉันฟังเลย

 

‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’

 

เธอไม่ยอมบอกฉันว่าร่างกายของฉันเปลี่ยนไปเป็นร่างกายที่มีมานาได้ยังไง หรือทำไมฉันถึงได้มีหูและหาง

 

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากพูดมันออกมาจริง ๆ

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงไม่อาจละทิ้งความสงสัยของฉันที่มีต่อเธอไปให้หมดสิ้นได้

 

“คือว่า…”

 

ฉันรีบวิ่งไปหาหญิงสาวที่กำลังก็อบลินอยู่

 

ชิ้นส่วนเดียวของก็อบลินที่สามารถใช้ได้คือหินมานาของมัน

 

แม้ว่าหินมานาที่มีขนาดเท่าเล็บมือจะเย้ายวนใจ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจมัน

 

เพราะคนที่จับได้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นหญิงสาวต่างหาก

 

ฉันไม่ปล่อยตัวไปตามความโลภอันโง่เขลาหรอก

 

“ฮะ?”

 

“คุณแก้ไขร่างกายของฉันได้ยังไง? มันจำเป็นต้องมีหูและหางด้วยเหรอ?”

 

“ก็แบบว่า บางทีคุณหมออาจจะรู้ดีกว่า…?”

 

เธอพูดติดอ่างอย่างงุ่มง่ามจนเห็นได้อย่างชัดเจน

 

แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่าเธอกำลังโกหกอยู่

 

‘น่าสงสัย’

 

ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เธอก็อธิบายออกมาจนน่าเชื่อถือ แล้วทำพอมาตอนนี้ถึงได้ดูงุ่มง่ามจังล่ะ?

 

ฉันยังคงไม่สามารถลบความไม่ไว้วางใจที่มีต่อเธอได้

 

“…ถึงมันจะฟังดูแปลก ๆ แต่ก็ขอบคุณที่แก้ไขร่างกายของฉันให้”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ การมีมานาในร่างให้ความรู้สึกเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง”

 

ด้วยร่างกายนี้ ฉันก็สามารถใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วไปได้แล้ว

 

ในขณะที่ฉันกำลังถูข้อมือของฉันอย่างมีความสุข จู่ ๆ หญิงสาวก็ยื่นข้อเสนอที่ไม่คาดคิดให้

 

“นี่ คยออุล อยากเข้ากิลด์ของพี่ไหม?”

 

“กิลด์?”

 

“ใช่ การที่ต้องเห็นคยออุลอาศัยอยู่บนภูเขาคนเดียวเป็นเรื่องที่พี่ทำใจได้ยากมาก”

 

ทำใจยากที่ต้องเห็นฉันอาศัยอยู่บนภูเขาคนเดียว?

 

นี่เธอเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ งั้นเหรอ?

 

แต่ทำไมเธอถึงไม่บอกความจริงเรื่องร่างกายของฉันให้ฉันฟังล่ะ?

 

ในขณะที่ฉันไม่รู้ว่าจะเลือกเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ หญิงสาวก็ยื่นหินมานาให้ฉัน

 

“เอานี่ไปสิคยออุล”

 

“ทำไมคุณถึงให้อันนี้กับฉันล่ะ…?”

 

แม้ว่าหินมานาจะเย้ายวนใจ แต่ฉันก็เลือกไม่รับมัน

 

ฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้เลย

 

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเป็นปาร์ตี้เดียวกันใช่ไหม?”

 

“ปาร์ตี้…?”

 

“ใช่ คยออุลเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าก็อบลินอยู่ใกล้ ๆ ที่พวกเราไม่ถูกซุ่มโจมตี ต้องขอบคุณคยออุลเลย คยออุลทำหน้าที่ผู้เฝ้าระวังได้สมบูรณ์แบบมาก”

 

“จริงเหรอ…?”

 

แค่การบอกว่าก็อบลินที่อยู่ในป่าปรากฏตัวขึ้นมาแล้วมันเป็นบทบาทที่สำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

แม้จะน่าสงสัย แต่ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธการมีส่วนร่วมของฉันได้

 

แต่ว่า ฉันตัดสินใจเอาหินมานาไปเพียงแค่ก้อนเดียวจากที่มีอยู่หลาย ๆ ก้อน

 

“คยออุลจะเอาไปมากกว่านี้ก็ได้นะ”

 

“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอสำหรับฉันแล้ว”

 

โลภมากลาภหาย

 

เหตุผลที่ฉันรอดมาได้จนถึงตอนนี้โดยที่ไม่มีมานาอยู่เลยก็เป็ยเพราะว่าฉันไม่ปล่อยตัวไปกับความโลภยังไงละ

 

‘มันสวยมาก ๆ เลย’

 

ว่ากันว่าหินมานาจะออกมาจากมอนสเตอร์ที่อย่างน้อยต้องแข็งแกร่งเท่าก็อบลินเท่านั้น

 

ฉันประทับใจกับความระยิบระยับของหินมานาที่ฉันเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก และหญิงสาวก็เดินมาหาฉันหลังจากที่เก็บหินมานามาหมดแล้ว

 

“แล้วคยออุลจะเอายังไงเหรอ?”

 

“เรื่องเข้ากิลด์ของคุณใช่ไหม?”

 

“ใช่ คยออุลใช้ชีวิตคนเดียวไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”

 

เธอพูดถูก

 

แต่เมื่อฉันลองคิดเรื่องนี้ดู

 

กิลด์ของเธอดูไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเลย

 

“เอ่อ…”

 

ที่พักอันหรูหราและภัตตาคารที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง

 

ค่าอาศัยอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนจะต้องอยู่ที่หนึ่งล้านวอนแน่ ๆ

 

และฉันก็ยังไม่ได้ทิ้งความสงสัยของฉันที่มีต่อเธอด้วย

 

‘แต่ก็เป็นความจริงที่ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไปตลอดได้’

 

ฉันไม่อยากใช้ชีวิตแบบก่อนหน้านี้ โดนเฉพาะในตอนนี้ที่ฉันมีมานาแล้ว

 

แต่ฉันมีเงินไม่พอที่จะเข้าสู่วงสังคมนั้น

 

ดูท่าว่าฉันคงจะต้องเจรจากับหญิงสาวแล้ว

 

“ถ้างั้น ฉันขอเช่าพื้นที่เล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับกิลด์ได้ไหม? พื้นที่มันดูกว้างขวางดีด้วย”

 

“ใกล้ ๆ ตรงนั้นงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ ฉันจะไปตั้งเต็นท์และอาศัยอยู่ตรงนั้นและฉันจะจ่ายสองแสนวอนต่อเดือน”

 

ฉันรู้ว่าที่ดินในเมืองมีราคาแพง เพราะงั้นฉันถึงได้ตั้งแคมป์อยู่ใกล้ ๆ ไม่เข้าไปในตึก

 

สองแสนวอนต่อเดือนน่าจะพอ

 

ด้วยร่างกายที่มีมานาแล้ว ฉันจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะเก็บเงินให้พอเพื่อซื้อบ้านในเร็ว ๆ นี้

 

“คือว่า เอ่อ…ฉัน…เอ่อ…เอาเป็นตอนนี้เลยไหม?”

 

“ได้เลย ขอบคุณ”

 

โค้งตัว

 

ฉันโค้งตัวขอบคุณให้หญิงสาว

 

ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอ แต่ระยะห่างในระดับนี้ถือว่าดีที่สุดแล้วในตอนนี้

 

จนกว่าเธอจะบอกความจริงทั้งหมดให้ฉันฟัง ฉันก็จะยังคงไม่เชื่อใจเธออย่างเต็มร้อยต่อไป