เป็นสถานการณ์ที่น่าเคอะเขิน มีเพียงแค่ส่วนหัวของฉันเท่านั้นที่อยู่ในพุ่ม
มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะออกไป เนื่องจากฉันเพิ่งแสดงความโกรธออกมา และแน่นอนว่า การพยายามซ่อนตัวทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเห็นแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าแปลก
หลังจากยืนนิ่งราวกับหินตรงจุดที่ฉัน หญิงสาวก็เดินเข้ามาหาฉันจากด้านหลัง
“คยออุล ทำอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอ?”
“ฉ-ฉันคิดว่าก็อบลินกำลังมา ฉันก็เลยซ่อน…”
ฉันเสียใจทันทีหลังจากที่พูดออกไป
ซ่อนตัวด้วยท่าโง่ ๆ แบบนี้
ฉันสมควรได้รับการปฏิบัติที่เหมือนกับไก่ที่ซ่อนตัวเพียงแค่หัว
“งั้นเหรอ…”
คำตอบของฉันมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอ?
เสียงของเธอดูระมัดระวังเป็นพิเศษ
ฉันมองเห็นแต่หญ้า ฉันเลยคาดเดาสีหน้าของเธอไม่ออกเลย
แต่ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าแบบไหน ในหัวของเธอก็คงจะคิดแต่เรื่องไม่ดีที่จะทำกับฉันอยู่นั่นแหละ
ในขณะที่ฉันกำลังถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ อยู่ในพุ่มไม้ หญิงสาวก็สะกิดหลังส่วนล่างของฉัน
“อ๊ะ!”
ด้วยความตกใจจากการถูกสัมผัสอย่างกระทันหัน หางของฉันก็ชูตั้งตรง
แปะ!
ดูเหมือนว่าหางของฉันจะหลงไปโดนร่างของหญิงสาว
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงที่ว่าฉันตีเธอก็ทำให้ฉันรีบคลานของออกมาจากพุ่มทันที
อย่างไรก็ตาม เธอก็เริ่มคุยกับฉันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ คยออุล”
“อ๊ะ…?!”
“พี่มีเรื่องอยากจะบอกคยออุล ช่วยฟังเรื่องที่พี่จะพูดสักเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม?”
เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ถึงได้ใช้น้ำเสียงที่มันจริงจังขนาดนั้น?
ฉันกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่และพยักหน้า
“อย่างแรกเลย พี่ขอโทษจากใจจริงเลย คยออุล”
“ขอโทษ?”
“ใช่ พี่ขอโทษจริง ๆ สำหรับทุกเรื่องจนถึงตอนนี้เลย”
โน้มตัว—
หญิงสาวโค้งตัวให้ฉัน
ท่าทางการขอโทษของเธอสมบูรณ์แบบมากเหมือนกับในหนังสือเรียนเลย แม้แต่การวางมือไว้เหนือสะดือของเธอก็เช่นกัน
ทำไมจู่ ๆ เธอถึงมาขอโทษฉัน?
ฉันทำท่าป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าการโดนกลั้นแกล้ง
“ทำอะไรของคุณ…?”
“ก็อย่างที่พี่บอกเลย จริง ๆ แล้วพี่ตั้งใจจะขอโทษตั้งแต่ตอนที่คยออุลตื่นแล้ว แต่เพราะว่ามันวุ่นวายมากพี่ก็เลยพลาดเวลานั้นไป พี่ไม่ได้หัวดีมาก อย่างที่คยออุลเห็นเลย พี่ใช้ทั้งชีวิตของพี่ไปกับการฟันดาบ”
พลาดขอโทษ?
หมายความว่าไง?
ฉันเบิกตากว้างด้วยความไม่เข้าใจว่าแม่มดตั้งใจจะทำอะไร
“ทำไมคุณถึงมาขอโทษฉันล่ะ…?”
“พี่ไม่เคยรู้เลยว่าคยออุลไม่มีมานาจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้”
“นั่นมัน…”
การซ่อนเรื่องที่ฉันไม่มีมานาเอาไว้มันเป็นเรื่องที่ฉันตั้งใจทำเอง
ไม่มีเหตุผลอะไรที่หญิงสาวจะต้องมาขอโทษฉันเลย
เว้นแต่ว่าเธอจะขอโทษเรื่องที่ดัดแปลงร่างกายของฉัน
ความไม่ไว้วางใจของฉันที่มีต่อหญิงสาวยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่น่างุนงงนี้
“ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของคยออุลเป็นแบบไหน พี่ก็เลยคิดว่าคยออุลเป็นคนโง่ที่ไม่สามารถจับกระต่ายมีเขาได้ แต่ถ้าหากพี่ไม่มีมานา พี่ก็คงจับมดไม่ได้สักตัวด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระต่ายมีเขาเลย”
“งั้นเหรอ?”
“ใช่ พี่ขอขอโทษอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงว่าพี่รู้สึกขอโทษจริง ๆ ”
โน้มตัว—
หญิงสาวโค้งตัวให้ฉันอีกครั้งหนึ่ง
ถึงแม้ท่าทางของเธอจะดูจริงใจ แต่ฉันก็ไม่สามารถละทิ้งความสงสัยของฉันไปได้
ปัญหามันอยู่ที่เธอไม่ได้อธิบายเลยว่าทำไมร่างกายของฉันถึงเปลี่ยนไป
“ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณขอโทษ แต่ทำไมคุณถึงเปลี่ยนร่างกายของฉันให้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ…?”
“ร่างกายของคยออุล…”
หญิงสาวเริ่มพูดแต่หลังจากนั้นเธอก็หยุดพูด
หลังจากที่เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มพูดต่อ
“ร่างกายของคยออุลไม่มีมานา เพราะงั้นโพชั่นและเวทมนตร์รักษาเลยใช้ไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราเปลี่ยนร่างกายของคยออุลให้เป็นร่างกายที่มีมานา”
“อะไรนะ…?”
ร่างกายของฉันมีมานา?
ฉันมองลงไปที่มือของตัวเองด้วยความตกใจแต่ก็ไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เนื่องจากฉันไม่เข้าใจแนวคิกเรื่องมานา
ฉันเล่นนิ้วของตัวเองอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว
“ฉันไม่มีมานา”
“ไม่หรอก คยออุลมีแล้ว คยออุลไม่ได้สังเกตเลยเหรอว่าตัวเองมีความแม่นยำขึ้นในการล่า? หรือไม่ก็ประสาทสัมผัสไวขึ้น?”
“จริงด้วย ร่างกายของฉันประสาทไวขึ้นมาก”
“ใช่แล้วละ ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะมานา มานาช่วยเพิ่มความสามารถทางกายภาพของคยออุลเมื่อคยออุลต้องการมัน”
ประสาทสัมผัสที่ไวขึ้นของฉันมาจากการช่วยเหลือของมานานี่เอง
เมื่อเทียบร่างของฉันในตอนนี้ที่มีมานากับร่างกายก่อนหน้านั้นที่ไม่มีมานาแล้วถือว่าอยู่คนละระดับเลย
‘นี่เธอช่วยฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?’
ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหญิงสาวในไม่กี่วันมานี้
ความจริงแล้ว เธอไม่เคยทำร้ายฉันหรือพูดจาโหดร้ายใส่ฉันเลย
ทั้งหมดที่เธอทำก็มีแค่พูดจาวกวนไปมา
‘เรื่องจริงใช่ไหม…?’
ฉันตกตะลึง
ถ้าหากสิ่งที่เธอพูดออกมาเป็นความจริง ถ้างั้นทุกสิ่งที่เธอทำใส่ฉันก็เป็นความเมตตาที่ออกมาจากใจจริงของเธอน่ะสิ
ด้วยการใช้ชีวิตอย่างโหดร้าย ก็ทำให้ความไม่ไว้วางใจผู้คนของฉันสูงขึ้นมาก
“การแก้ไขร่างกายที่ไม่มีมานาอยู่เลยมันง่ายมากเลยเหรอ…?”
“เอ่อ…มันก็ไม่ง่ายหรอก ตั้งแต่พี่เกิดมา คยออุลเป็นคนแรกที่พี่เห็นว่าไม่มีมานาอยู่ในร่างกายเลย”
นั่นมันก็จริง
มันคงไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ใครสักคนที่มาจากโลกที่ไม่มีมานาจะข้ามมิติไปยังมิติอื่น
สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือ เธอแก้ไขร่างกายของฉันที่เป็นกรณีแรกได้อย่างไร
“แล้วคุณแก้ไขได้ยังไง หากมันไม่ใช่เรื่องง่าย?”
“น-นั่นมัน…”
หญิงสาวสะดุดในคำพูดของเธอ
แถมเธอยังหลบสายของของฉันอีก
เธอกำลังปิดซ่อนอะไรไว้กันแน่?
ในช่วงเวลาแห่งความสงสัย จู่ ๆ หญิงสาวก็ชี้ออกไปนอกพุ่มไม้
“อ๊ะ! ก็อบลิน!”
“ก็อบลิน!”
พวกมันมาเพราะได้ยินเสียงงั้นเหรอ?
มัวแต่โฟกัสไปที่การพูดคุย จนละเลยสิ่งรอบ ๆ ตัวไป
ฉันซ่อนตัวอยู่หลังหญิงสาวโดยสัญชาตญาณ
ดูเหมือนว่าการพูดคุยจะต้องรอก่อน
—————————————————————————
ตึง!
“เคี๊ยก!”
ในขณะที่ยอรึมจับก็อบลินได้ เธอก็เกิดความสงสัย
คยออุลจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ราคาของพร
เธออาจจะตกใจจนไม่เป็นอันจะกินไปหลายวันเลยก็ได้
ด้วยนิสัยที่เกลียดการเป็นหนี้ คยออุลจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาชดใช้แน่
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเก็บเรื่องของพรแห่งเทพสัตว์ร้ายไว้เป็นความลับ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ของคยออุล
—————————————————————————
‘อะไรกัน?’
ในคำอธิบายของหญิงสาวไม่มีอะไรแปลกเลย
คนที่เคยดูถูกฉันที่ไม่สามารถจับกระต่ายมีเขาได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่าฉันมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย
ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกผิดทั้งนั้น ถ้าหากพวกเขายังมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม คำถามจริง ๆ ของฉันก็คือเธอใช้วิธีไหนในการแก้ไขฉัน
แม้ว่าฉันจะสงสัย แต่หญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าอยากจะแบ่งปันข้อมูลนั้นให้ฉันฟังเลย
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
เธอไม่ยอมบอกฉันว่าร่างกายของฉันเปลี่ยนไปเป็นร่างกายที่มีมานาได้ยังไง หรือทำไมฉันถึงได้มีหูและหาง
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากพูดมันออกมาจริง ๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงไม่อาจละทิ้งความสงสัยของฉันที่มีต่อเธอไปให้หมดสิ้นได้
“คือว่า…”
ฉันรีบวิ่งไปหาหญิงสาวที่กำลังก็อบลินอยู่
ชิ้นส่วนเดียวของก็อบลินที่สามารถใช้ได้คือหินมานาของมัน
แม้ว่าหินมานาที่มีขนาดเท่าเล็บมือจะเย้ายวนใจ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจมัน
เพราะคนที่จับได้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นหญิงสาวต่างหาก
ฉันไม่ปล่อยตัวไปตามความโลภอันโง่เขลาหรอก
“ฮะ?”
“คุณแก้ไขร่างกายของฉันได้ยังไง? มันจำเป็นต้องมีหูและหางด้วยเหรอ?”
“ก็แบบว่า บางทีคุณหมออาจจะรู้ดีกว่า…?”
เธอพูดติดอ่างอย่างงุ่มง่ามจนเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่าเธอกำลังโกหกอยู่
‘น่าสงสัย’
ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เธอก็อธิบายออกมาจนน่าเชื่อถือ แล้วทำพอมาตอนนี้ถึงได้ดูงุ่มง่ามจังล่ะ?
ฉันยังคงไม่สามารถลบความไม่ไว้วางใจที่มีต่อเธอได้
“…ถึงมันจะฟังดูแปลก ๆ แต่ก็ขอบคุณที่แก้ไขร่างกายของฉันให้”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ การมีมานาในร่างให้ความรู้สึกเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง”
ด้วยร่างกายนี้ ฉันก็สามารถใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติทั่วไปได้แล้ว
ในขณะที่ฉันกำลังถูข้อมือของฉันอย่างมีความสุข จู่ ๆ หญิงสาวก็ยื่นข้อเสนอที่ไม่คาดคิดให้
“นี่ คยออุล อยากเข้ากิลด์ของพี่ไหม?”
“กิลด์?”
“ใช่ การที่ต้องเห็นคยออุลอาศัยอยู่บนภูเขาคนเดียวเป็นเรื่องที่พี่ทำใจได้ยากมาก”
ทำใจยากที่ต้องเห็นฉันอาศัยอยู่บนภูเขาคนเดียว?
นี่เธอเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ งั้นเหรอ?
แต่ทำไมเธอถึงไม่บอกความจริงเรื่องร่างกายของฉันให้ฉันฟังล่ะ?
ในขณะที่ฉันไม่รู้ว่าจะเลือกเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ หญิงสาวก็ยื่นหินมานาให้ฉัน
“เอานี่ไปสิคยออุล”
“ทำไมคุณถึงให้อันนี้กับฉันล่ะ…?”
แม้ว่าหินมานาจะเย้ายวนใจ แต่ฉันก็เลือกไม่รับมัน
ฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้เลย
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเป็นปาร์ตี้เดียวกันใช่ไหม?”
“ปาร์ตี้…?”
“ใช่ คยออุลเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าก็อบลินอยู่ใกล้ ๆ ที่พวกเราไม่ถูกซุ่มโจมตี ต้องขอบคุณคยออุลเลย คยออุลทำหน้าที่ผู้เฝ้าระวังได้สมบูรณ์แบบมาก”
“จริงเหรอ…?”
แค่การบอกว่าก็อบลินที่อยู่ในป่าปรากฏตัวขึ้นมาแล้วมันเป็นบทบาทที่สำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
แม้จะน่าสงสัย แต่ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธการมีส่วนร่วมของฉันได้
แต่ว่า ฉันตัดสินใจเอาหินมานาไปเพียงแค่ก้อนเดียวจากที่มีอยู่หลาย ๆ ก้อน
“คยออุลจะเอาไปมากกว่านี้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอสำหรับฉันแล้ว”
โลภมากลาภหาย
เหตุผลที่ฉันรอดมาได้จนถึงตอนนี้โดยที่ไม่มีมานาอยู่เลยก็เป็ยเพราะว่าฉันไม่ปล่อยตัวไปกับความโลภยังไงละ
‘มันสวยมาก ๆ เลย’
ว่ากันว่าหินมานาจะออกมาจากมอนสเตอร์ที่อย่างน้อยต้องแข็งแกร่งเท่าก็อบลินเท่านั้น
ฉันประทับใจกับความระยิบระยับของหินมานาที่ฉันเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก และหญิงสาวก็เดินมาหาฉันหลังจากที่เก็บหินมานามาหมดแล้ว
“แล้วคยออุลจะเอายังไงเหรอ?”
“เรื่องเข้ากิลด์ของคุณใช่ไหม?”
“ใช่ คยออุลใช้ชีวิตคนเดียวไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”
เธอพูดถูก
แต่เมื่อฉันลองคิดเรื่องนี้ดู
กิลด์ของเธอดูไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเลย
“เอ่อ…”
ที่พักอันหรูหราและภัตตาคารที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง
ค่าอาศัยอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนจะต้องอยู่ที่หนึ่งล้านวอนแน่ ๆ
และฉันก็ยังไม่ได้ทิ้งความสงสัยของฉันที่มีต่อเธอด้วย
‘แต่ก็เป็นความจริงที่ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไปตลอดได้’
ฉันไม่อยากใช้ชีวิตแบบก่อนหน้านี้ โดนเฉพาะในตอนนี้ที่ฉันมีมานาแล้ว
แต่ฉันมีเงินไม่พอที่จะเข้าสู่วงสังคมนั้น
ดูท่าว่าฉันคงจะต้องเจรจากับหญิงสาวแล้ว
“ถ้างั้น ฉันขอเช่าพื้นที่เล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับกิลด์ได้ไหม? พื้นที่มันดูกว้างขวางดีด้วย”
“ใกล้ ๆ ตรงนั้นงั้นเหรอ?”
“ใช่ ฉันจะไปตั้งเต็นท์และอาศัยอยู่ตรงนั้นและฉันจะจ่ายสองแสนวอนต่อเดือน”
ฉันรู้ว่าที่ดินในเมืองมีราคาแพง เพราะงั้นฉันถึงได้ตั้งแคมป์อยู่ใกล้ ๆ ไม่เข้าไปในตึก
สองแสนวอนต่อเดือนน่าจะพอ
ด้วยร่างกายที่มีมานาแล้ว ฉันจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะเก็บเงินให้พอเพื่อซื้อบ้านในเร็ว ๆ นี้
“คือว่า เอ่อ…ฉัน…เอ่อ…เอาเป็นตอนนี้เลยไหม?”
“ได้เลย ขอบคุณ”
โค้งตัว
ฉันโค้งตัวขอบคุณให้หญิงสาว
ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอ แต่ระยะห่างในระดับนี้ถือว่าดีที่สุดแล้วในตอนนี้
จนกว่าเธอจะบอกความจริงทั้งหมดให้ฉันฟัง ฉันก็จะยังคงไม่เชื่อใจเธออย่างเต็มร้อยต่อไป