ตอนที่ 18 ขนของกันเถอะ

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

เพื่อที่จะเคลื่อนย้าย ฉันต้องจัดเก็บบ้านของฉันก่อน

 

เนื่องจากมีของให้ย้ายเยอะ ฉันจึงตัดสินใจไปเอารถลากที่ฉันไม่ได้ใช้มาแล้วสักพักออกมา

 

แต่รถลากของฉันอยู่ที่ไหนล่ะ?

 

เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉันก็เห็นรถลากที่ขนาดพอเหมาะอยู่ข้างหลังเต็นท์

 

มันเป็นสิ่งที่ฉันมักจะใช้ในการขนย้ายหรือไม่ก็เอาไปเก็บของที่ถูกทิ้งแล้ว

 

“รถลาก…?”

 

หญิงสาวเอานิ้วชี้ไปจิ้มรถลาก

 

สนิมสีส้มหลุดติดนิ้วของเธอ

 

“ฉันเอามันออกมาเพื่อช่วยขนของ ฉันคิดว่าฉันต้องกลับไปกลับมาสักประมาณห้ารอบ”

 

“จะย้ายของด้วยตัวเองเหรอ…?”

 

“ใช่ ฉันมีของเยอะมาก”

 

อย่างที่ลี้ภัยและตะแกรงปิ้งย่าง

 

มีของชิ้นใหญ่อยู่หลายชิ้น

 

ฉันติดสินใจค่อย ๆ ย้ายของทีละชิ้นอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองทำงานหนักเกินไป

 

‘ก่อนอื่นเลย ฉันต้องหาวิธีจัดการกับกระปุกออมสินของฉันซะก่อน’

 

ธนบัตรและเหรียญ

 

ฉันจะย้ายกระปุกออมสินที่เต็มไปด้วยเงินอย่างปลอดภัยได้ยังไง?

 

ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่คนเดียว หญิงสาวก็เดินมาหาฉันและดึงรถลากไป

 

“คยออุลจะเอาทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่ไปให้หมดเลยเหรอ? มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเอาแต่สิ่งที่คยออุลต้องการไป?”

 

“สิ่งที่ฉันต้องการ?”

 

มีอะไรที่อยู่ที่นี่ที่ฉันไม่ต้องการบ้าง?

 

ในขณะที่ฉันกำลังตรวจสอบของทีละชิ้น หญิงสาวก็หยิบหม้อที่ทีรอยบุบขึ้นมา

 

“หม้ออันนี้มีรูที่ก้น มันใช้ไม่ได้แล้วนี่”

 

“อ๊ะ ไม่! ฉันใช้อันนี้อยู่…!”

 

ฉันรีบคว้าหม้อออกมาจากมือของหญิงสาว

 

เธอกล้าดียังไงถึงได้จะมาทิ้งหม้ออันล้ำค่าของฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ฉันซ่อนหม้ออันล้ำค่าของฉันไว้ด้านหลัง

 

“มันยังใช้ได้อยู่เหรอ?”

 

“ใช่ ฉันใช้มันเป็นที่เก็บของอย่างเช่นมะเขือเทศ”

 

“อ่า…ใช้เป็นที่เก็บของนี่เอง”

 

หญิงสาวพยักหน้าและหยิบหินที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาดู

 

มันมาจากกองหินที่ฉันเก็บรวบรวมเอาไว้ เพราะคิดว่าฉันคงได้ใช้พวกมันในสักวันหนึ่ง

 

“ให้พี่เรียกรถบรรทุกมาขนของให้คยออุลดีไหม?”

 

“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร ฉันขนของไปด้วยตัวเองได้”

 

“จริงเหรอ?”

 

ในขณะที่หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง มนุษย์สัตว์ทั้งสองคนก็เดินมาพร้อมกับเสียงเท้าอันหนักหน่วง

 

“ผู้นำ! ฉันจะขนของหนัก ๆ เอง!”

 

“ฉันก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน ถ้าหากพวกเราทำด้วยกัน มันก็คงจะเสร็จไวกว่า”

 

“น-นั่นมัน…”

 

แม้ว่าฉันจะได้รับคำขอโทษจากหญิงสาวมาแล้ว แต่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์สัตว์สองคนนี้ฉันยังไม่เคยได้ยินเลย

 

เนื่องจากความไม่ไว้วางใจที่ยังเหลืออยู่ ฉันเลยยืนอยู่นิ่ง ๆ เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไร จากนั้นหญิงสาวก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์

 

“ถ้างั้นพวกเราทั้งหมดมาช่วยกันทำเป็นไง?”

 

“โอเค!”

 

“พวกเราเริ่มด้วยการขนของหนัก ๆ ไปไว้ข้าง ๆ กิลด์กันก่อนเถอะ”

 

ก่อนที่ฉันจะได้ยินยอม มนุษย์สัตว์ทั้งสองคนก็เริ่มจัดระเบียบสิ่งของที่จะขนย้ายไป

 

แม้ว่าฉันจะกังวลนิดหน่อย แต่ฉันก็ตัดสินใจปล่อยให้พวกเขาทำต่อไป เนื่องจากไม่มีของมีค่าอะไรให้ขโมยยกเว้นกระปุกออมสินของฉัน

 

และตอนนี้ฉันยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการ

 

ฉันดึงชายเสื้อของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง

 

“คือว่า…”

 

“ฮืม?”

 

“สามารถจับปลาที่อยู่รอบ ๆ กิลด์ได้ไหม…?”

 

การจับปลาซิวคืองานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของฉัน

 

พอคิดว่าต้องเสียงานอดิเรกนี้ไปมันก็แอบรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย

 

“ทำไมล่ะ? คยออุลชอบตกปลาเหรอ?”

 

“ใช่ เพราะมันสนุก”

 

เฝ้าดูปลาหลายสิบตัวกระโดดไปมาข้างในกับดักมันรู้สึกสนุกมากเลย

 

แถมมันยังมีประโยชน์อีกด้วย

 

การหางานอดิเรกที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้คงเป็นเรื่องยาก

 

“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น พี่ก็ควรทำให้มันเป็นไปได้เพื่อที่คยออุลจะได้ตกปลาได้ดีไหม?

 

“ทำได้เหรอ…?”

 

“ใช่ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ที่สวนหลังกิลด์ แค่ใช้ไอเทมเพียงไม่กี่ชิ้น ก็ทำให้พวกเราสามารถเลี้ยงทั้งปลาน้ำเค็มและปลาน้ำจืดที่นั่นได้”

 

แค่ไอเทมเพียงไม่กี่ชิ้น

 

พูดอย่างกับไอเทมราคาหลายร้อยถึงหลายพันวอนเป็นเพียงแค่เศษกระดาษเลย

 

ฉันรีบโบกมือด้วยความตกใจ

 

“ไม่เป็นไร ฉันก็แค่พูดออกมาเฉย ๆ ”

 

“ไม่หรอก ยังไงพี่ก็วางแผนจะเลี้ยงปลาสวยงามอยู่แล้ว”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ พี่แค่อยากจะขอให้คยออุลช่วยควบประชากรของพวกมันหน่อย”

 

“อ๊ะ”

 

สมเหตุสมผล

 

กิลด์ไม่ได้ใช้ไอเทมเป็นแสนเป็นล้านวอนเพียงเพื่อฉัน

 

การอณุญาตให้ฉันจับปลาสักสองถึงสามตัวเพื่อแลกกับการควบคุมประชากรของเธอก็เป็นดีลที่ดี

 

มันเป็นข้อตกลงที่มีประโยชน์ร่วมกัน

 

‘เพอร์เฟกต์’

 

ฉันมีที่อยู่ที่ปลอดภัยภายในเมือง

 

แถมยังมีบ่อน้ำให้จับปลาอีกด้วย

 

สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็มีแค่การย้ายของ

 

“ให้ฉันจัดของที่ต้องขนไปเลยไหม?”

 

“ใช่ เดี๋ยวพี่ช่วยเอง”

 

และเพราะอย่างนั้น เราจึงช่วยกันจัดระเบียบของที่ต้องขนไป

 

เนื่องจากมีคนมาช่วยหลายคน การขนย้ายเลยเสร็จแล้วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้

 

—————————————————————————

 

ณ ชั้นบนสุดของกิลด์รุ่งอรุณ

 

คังจินโฮที่เป็นกิลด์มาสเตอร์กำลังยืนถือถ้วยกาแฟและจ้องมองลงไปข้างล่าง

 

‘นั่นมันอะไรกัน…’

 

ที่สวนหลังกิลด์

 

สถานที่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่ผ่อนคลายสำหรับผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นและสมาชิกกิลด์ มีเด็กกำลังตั้งเต็นท์อยู่

 

วิธีการต่อเต็นท์ที่ฉีกขาดเข้ากับต้นไม้ด้วยเชือกนั้นไม่ธรรมดาเลย

 

การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความมีประสิทธิภาพ ราวกับคนที่ทำแบบนี้มานานแล้ว

 

คำถามก็คือ ทำไมเด็กคนที่ถึงได้มาตั้งเต็นท์ที่สวนหลังตึก

 

‘ทำไมถึงไม่อาศัยอยู่ในตึกไปเลย?’

 

คังจินโฮไตร่ตรองอย่างรวบรัด

 

เขารู้ว่าเด็กไม่ชอบของฟรี

 

ถึงแม้จะเชิญเด็กเข้ามาอาศัยข้างใน เด็กก็คงปฏิเสธ

 

ฮันยอรึมในฐานะสมาชิกของกิลด์ต้องทำอย่างเต็มที่แล้วแน่นอน

 

คังจินโฮตัดสินใจไม่ตำหนิยอรึมในเรื่องนี้

 

แถมตอนนี้ยังมีประเด็นเร่งด่วนที่น่ากังวลเข้ามาอีก

 

กล่าวคือ สายตาของคนรอบ ๆ ที่มองมาที่เด็ก

 

‘นี่เป็นเรื่องที่จริงจัง’

 

คังจินโอขยายประสาทการรับรู้ไปทั่วพื้นที่ของกิลด์เพื่อตรวจสอบ

 

สมาชิกของกิลด์ส่วนใหญ่กำลังซ่อนตัวและคอยเฝ้าดูเด็กผู้หญิง

 

สมาชิกในกิลด์น่ะไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่พลเมืองทั่วไปที่เข้ามาเยี่ยมเยือนกิลด์ต่างหาก

 

“หม่าม้า! ดูสิ มีแมวอยู่ตรงนั้นด้วย!”

 

“คุณพระช่วย…?”

 

เด็กสาวมนุษย์สัตว์ที่ยังไม่เข้าสู่วัยรุ่น

 

เป็นภาพของเด็กคนหนึ่งที่กำลังตั้งเต็นท์ที่ใกล้จะพังแล้วอยู่ที่สวนหลังกิลด์เพื่อที่จะอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น

 

มันเป็นสถานการณ์ที่กิลด์อาจได้รับการร้องเรียนที่ร้ายแรงและไม่มีวิธีป้องกันเลย

 

“ฮืม”

 

ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นผลกรรมของกิลด์

 

คังจินโฮตัดสินใจยอมรับสถานการณ์นี้

 

ถึงแม้จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็เป็นการดีกว่าที่เด็กอยู่ในสายตา

 

จากนี้ไป เขาเลือกที่จะเป็นแค่ผู้เฝ้ามอง

 

—————————————————————————

 

ที่สวนหลังกิลด์มีพุ่มไม้อยู่ด้วย

 

ฉันตั้งเต็นท์ไว้ตรงส่วนที่โล่งที่สุดของพุ่มไม้

 

“ว้าว”

 

ตอนนี้ฉันมีบ้านอยู่ตรงใจกลางเมืองแล้ว

 

แม้ฉันจะมีความสุขแต่ก็ยังผ่อนคลายไม่ได้

 

ฉันยังจัดระเบียบของไม่เสร็จเลย

 

ฉันซ่อนกระปุกออมสินไว้ที่ส่วนที่ลึกที่สุดของเต็นท์ ซึ่งเป็นที่ที่มีเพียงแค่ฉันแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้

 

การก่อไฟทำอยู่นานพอสมควร เนื่องจากฉันต้องทำให้แน่ใจว่าไฟจะไม่ลามไปไหน

 

“ท่านผู้นำ! พวกเราควรวางตะแกรงปิ้งย่างไว้ตรงไหนดีครับ?”

 

“ตรงนี้เลย”

 

“แล้วกระจกที่แตกแล้วอันนี้ล่ะครับ?”

 

“กระจกเอาไปวางไว้ข้างในเต็นท์ได้เลย!”

 

เป็นเพราะว่าเราจัดระเบียบด้วยกันหรือเปล่า?

 

การขนย้ายดำเนินการเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก

 

“ท่านผู้นำ! ผมจะไปเอาของที่หนัก ๆ มาเพิ่ม!”

 

“ฉันก็จะไปด้วย”

 

หมาป่าสาวคว้ารถลากคันเก่า ๆ ออกไป

 

ฉันรู้สึกผิดที่ให้พวกเขาทำงานหนักทั้งหมด

 

“รอเดี๋ยวก่อน ฉันไปด้วย”

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แบ่งบทบาทกันจะทำให้เสร็จเร็วกว่าค่ะ”

 

“อ-โอเค…”

 

ทำไมพวกเขาถึงช่วยฉันล่ะ?

 

ฉันไม่รู้เหตุผลเลย บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฉันคิดก็ได้

 

‘การย้ายของคงเสร็จเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้’

 

หากมีคนช่วยเหลือเรา เราก็ต้องตอบแทนคน ๆ นั้น

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าฉันจะทำอะไรให้พวกเขาได้บ้าง ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง

 

“ฮะ?”

 

หญิงสาวงั้นเหรอ?

 

เธอกลับมาเพราะตรวจสอบบ่อน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม?

 

ฉันหันไปหาเสียงนั้นอย่างเป็นธรรมชาติและรู้สึกตกใจ

 

คนที่อยู่ตรงนั้นคือมนุษย์สัตว์ที่ฉันไม่เคยพบมาก่อน

 

“วาฬ…?”

 

เด็กผู้หญิงคนนั้นมีผมสีฟ้าและหางของปลาวาฬ

 

เธอดูเด็กมากแต่ก็แก่กว่าฉัน

 

“ฉลามต่างหาก ไม่ใช่วาฬสักหน่อย”

 

“ฉลาม?”

 

“ใช่”

 

ผู้หญิงคนนั้นค้ำไม้เท้าและเดินมาหาฉัน

 

การพบปะอย่างกระทันหันนั้นน่ากลัว แต่เธอดูไม่ค่อยแข็งแรง ฉันเลยไม่ได้หนีไปไหน

 

“แล้วฉลามต้องการอะไรจากฉัน…?”

 

“อืม…ก่อนจะพูดเรื่องนั้น ฉันขอดูรอบ ๆ หน่อย”

 

ผู้หญิงคนนั้นค้ำไม้เท้าและเดินรอบ ๆ ฉันเป็นวงกลม

 

เธอค่อย ๆ หันอย่างช้า ๆ เพื่อตรวจสอบทั้งด้านซ้ายและด้านขวากับด้านหน้าและด้านหลัง

 

ฉันรู้สึกไม่สบายใจหลังจากที่ถูกจ้องมองอยู่นาน

 

“คุณเป็นใครเหรอ?”

 

“ฉันชื่อโซเฟีย”

 

“โซเฟีย?”

 

“ใช่ ฉันเป็นผู้อาวุโสของมนุษย์สัตว์”

 

อแฮ่ม

 

หลังจากที่โซเฟียกระแอมในลำคอแล้ว เธอก็ใช้ไม้เท้าของเธอแตะไปที่พื้น

 

เสียงที่กระจ่างใสของเธอดูเหมือนว่าจะทำให้จิตใจของฉันปลอดโปร่ง

 

“ผู้อาวุโสของมนุษย์สัตว์คืออะไรเหรอ?”

 

“คุณสามารถคิดว่าฉันเป็นผู้รับผิดชอบในการมอบความรู้ให้แก่กษัตริย์ในอนาคตได้ สำหรับในตอนนี้ฉันอยู่สูงกว่า เพราะงั้นช่วยแสดงความเคารพด้วย”

 

“กษัตริย์ในอนาคต…?”

 

จริงอยู่ที่มีมานาและมอนสเตอร์ แต่ที่นี่คือเกาหลีใต้ไม่ใช่เหรอ?

 

ทำไมถึงพูดถึงกษัตริย์ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย?

 

ฉันได้แต่ยืนนิ่ง ๆ พร้อมกับกระพริบตาปริบ ๆ ในสถานการณ์ที่น่างุนงงนี้

 

“เห็นได้ชัดว่าอาศัยอยู่ในป่า…”

 

ผู้หญิงที่แนะนำตัวเองว่าชื่อโซเฟียกำลังตรวจสอบเต็นท์ของฉัน

 

เธอใช้ไม้เท้าแหย่เต็นท์ ทำแม้กระทั่งกดหม้อเก่า ๆ ลง

 

“ข้อร้องละ หยุดเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวหม้อจะบุบยิ่งขึ้น”

 

“แต่มันก็บุบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ฉันไม่อยากให้มันแย่ลงไปมากกว่านี้”

 

มันมีความแตกต่างระหว่างรอยบุบมากที่ยังพอใช้ได้กับรอยบุบมากที่ใช้งานยาก

 

มันมีความแตกต่างระหว่างรอยบุบที่มีมากแต่ก็ยังพอใช้ได้กับรอยบุบที่มากจนใช้งานยากอยู่

 

คนธรรมดาไม่เข้าใจถึงความแตกต่างนี้ ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

 

“อืม…”

 

ผู้หญิงคนนั้นเอาไม้เท้าหลบออกไปและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ

 

เธอนั่งโดยถือไม้เท้าเอาไว้ราวกับผู้สูงอายุ

 

ทำไมคนที่ยังดูเด็กอยู่ถึงได้ทำตัวราวกับคนแก่ล่ะ?

 

ถึงแม้จะสงสัย แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันในตอนนี้เลยสักนิด

 

“ตอนนี้ที่นี่คือบ้านของฉันแล้ว…”

 

“ความดุร้าย…”

 

เด็กผู้หญิงคนนั้นหลับตาลงในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่ไม่สนใจคำพูดของฉันเลย

 

นิ้วของเธอแตะโดนบนยอดสุดของไม้เท้าเป็นครั้งคราวและดูเหมือนเธอกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่ด้วย

 

สักพักก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง

 

“ก็แค่เด็กที่น่าสงสารไม่ใช่เหรอ…?”

 

—————————————————————————