เสวี่ยหนิงเซียงกับเซี่ยเทียนหยางมองจั๋วฝานอยู่นาน

จากปฏิกิริยาของจั๋วฝาน มันสามารถพูดได้ว่าเขาพูดความจริง แต่ข่าวนี้อุกอาจเกินไป แม้กรั่งเลวร้ายกว่าสวรรค์และโลกสลับที่กัน

เจ็ดตระกูลใหญ่สามารถยืนได้เทียบเคียงตระกูลราชวงศ์ ถ้าพวกเขาพบตระกูลศักยภาพสูง การทำข้อตกลงบริวารจะเหมาะสมกว่า

แต่ข้อตกลงพันธมิตรจะเกิดขึ้นระหว่างเจ็ดตระกูลใหญ่เท่านั้น

การกระทำเช่นนั้นจะทำให้เจ็ดตระกูลใหญ่และจักรพรรดิดูเหมือนเป็นคนมีจิตกุศล แต่สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้โดยพื้นแล้ว แล้วจั๋วฝานทำได้ไง

เซี่ยเทียนหยางมองจั๋วฝานแต่ส่ายหัว”น้องชาย มันไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่อยากพูด แต่เจ้าจำต้องโกหกด้วยหรือ?”

เสวี่ยหนิงเซียงกลอกตา”พี่ชายจั๋ว เราบอกเจ้าทุกอย่างเกี่ยวกับเรา ขณะที่เจ้ายังเก็บความลับ นี่ไม่ยุติธรรม!”

จั๋วฝานส่ายหัว ความจริงถูกมองว่าโกหก และเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไง

“เอาล่ะ ช่างมัน เราจะแยกทางกันเมื่อเรื่องนี้จบลง ด้วยโอกาสเล็กน้อยที่จะได้พบกันใหม่ ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกันและกันหรอก”

จากนั้นเซี่ยเทียนหยางก็ปรบมือ”เรามาฟังแผนของน้องจั๋วกันดีกว่า”

จั๋วฝานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

เขาชอบทัศนคติของเซี่ยเทียนหยางมาก ไม่มีศัตรูและมิตรชั่วนิรันดร์ในโลกนี้ มีแค่ผลประโยชน์ พวกเขาเป็นมิตรกันแล้ว ต้องขอบคุณเป้าหมายร่วม แต่พรุ่งนี้พวกเขาอาจอยู่ตรงข้ามกัน ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมากนัก

ในทางกลับกัน มันดีกว่าที่จะปกปิดความลับและปกป้องตัวตน

มีเพียงเสวี่ยหนิงเซียงที่ทำหน้ามุ่ย”ในเมื่อเราถูกโชคชะตาพาให้พบกัน ทำไมเราถึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้?”

จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางแค่ยิ้ม

จากนั้นจั๋วฝานก็ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากแหวน เริ่มวาดมัน 15 นาทีต่อมา มีภาพแปลกๆประดับอยู่

เสวี่ยหนิงเซียงมึนงง ขณะที่เซี่ยเททียนหยางรู้สึกทึ่งกับงานวาด

“นี่.”

เซี่ยนเทียนหยางมองมันด้วยความตกใจ”ค่ายกลระดับหนึ่ง?”

“ตะ-แต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิตข้า “

จั่วฝานลอบพยักหน้า เซี่ยเทียนหยางจากเจ็ดตระกูลใหญ่ เหมือนหลงขุ่ย เขาเรียนรู้ค่ายกลมาตั้งแต่เด็ก แต่บางส่วนของค่ายกลนี้มาจากยุคโบราณและไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้

เซี่ยเทียนหยางศึกษามันอยู่นาน จากนั้นก็มองจั๋วฝานเจ้า..เจ้ามาจากเจ็ดตระกูลใหญ่ ไม่สิ บางทีอาจเป็นราชวงศ์…”

เขาไม่แน่ใจ เพราะยิ่งเขารู้จักจั๋วฝาน พรสวรรค์ของจั๋วฝานก็ยิ่งทำให้เขากลัว มันมากจนเขายืนยันไม่ได้ว่าจั๋วฝานมาจากตระกูลใด

เขายังรู้สึกว่าแม้แต่เจ็ดตระกูลก็เลี้ยงคนน่ากลัวแบบนี้ไม่ได้ งั้นกลุ่มเดียวที่เหนือเจ็ดตระกูลก็คือราชวงศ์

จั๋วฝานส่ายหัว”ข้าได้พูดไปแล้ว มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกัน”

เซี่ยเทียนหยางพยักหน้า

“ตามข้ามา!”

จั๋วฝานหยิบแผนที่ออกมาและเดินไปข้างหน้าโดยมีอีกสองตามหลัง

หลังผ่านไปครึ่งวัน จั๋วฝานก็มาถึงที่ เขามองพื้นที่ครั้งหนึ่งและพยักหน้า เสวี่ยหนิงเซียงกับเซี่ยเทียนหยางเต็มไปด้วยความอยากรู้

สถานที่นี้อยู่ไกลจากบ่อน้ำพุทองคำมาก และใกล้กับชายแดนไปยังพื้นที่ที่สองในเทือกเขาหมื่นอสูร

เทือกเขาหมื่นอสูรแบ่งออกเป็นสามพื้นที่ตามความอันตรายของสัตว์อสูร

พื้นที่แรกปลอดภัยสุด มีแค่สัตว์อสูรระดับหนึ่งกับสองสัญจรไปมา ยากจะพบระดับสาม เหล่านี้เหมาะกับผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานและกลั่นลมปราณเพื่อจับสัตว์อสูร

และบ่อน้ำพุทองคำก็อยู่ในพื้นที่นี้

พื้นที่สองคือพื้นที่ล่าขุมทรัพย์ ที่สัตว์อสูรระดับสามกับสี่ชอบอยู่ การเข้ามันขณะที่ต่ำกว่าระดับหลอมกระดูกจะเท่ากับความตาย
แต่พื้นีท่นี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูร สถานที่สำคัญซึ่งยอดฝีมือได้รับสัตว์อสูรของพวกเขา

พื้นที่สามอันตรายสุด สัตว์อสูรที่นี่จะอยู่ในระดับห้าและหก แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับนภาก็ยังตายที่นี่

เช่นนั้น ถ้าไม่มีใครมั่นใจในพลังพวกเขา เขาจะไม่ก้าวเท้าเข้าไป

จั๋วฝานตอนนี้กำลังยืนอยู่ใกล้พรมแดนระหว่างพื้นที่หนึ่งและสอง เมื่อพวกเขาเข้าพื้นที่สอง เสวี่ยหนิงเซียงที่มีพลังแค่กลั่นลมปราณจะพบกับความตายที่ซุ่มซ่อนอยู่

จั๋วฝานสูดหายใจลึกและพยักหน้า”นี่แหละ!”

เสวี่ยหนิงเซียงกับเซี่ยเทียนหยางงงวย แต่จั๋วฝานกลับโบกมือ”พี่เทียน ข้าจะใช้หนูของท่านขุดอุโมงค์ไปยังบ่อน้ำพุทองคำ จากนั้นก็ขุดตามรูปแบบนี้”

จั๋วฝานชี้แผนที่”นี่คือที่ที่บ่อน้ำพุทองคำอยู่!”

“ว่าไงนะ?”เซี่ยเทียนหยางตกใจ”การขุดดไปบ่อน้ำพุทองคำไม่ใช่ปัญหา แต่การให้มันจัดเรียงหินลมปราณและตั้งค่ายกล มันจะต้องใช้เวลามากกว่าพันรอบ!”

“ถ้าให้ถูกก็ 3221 รอบ!”จั๋วฝานพยักหน้า”หนูดินมีขนาดเล็กและสามารถแบกหินปราณได้แค่ก้อนเดียว นี่หมายความว่ามันจะต้องไปกลับ 3221 รอบเพื่อตั้งค่ายกลรอบบ่อน้ำพุทองคำ”

เซี่ยเทียนหยางอ้าปากค้าง ขณะที่เสวี่ยหนิงเซียงตาเหลือก”เจ้าอยากใช้มันทำงานจนตาย!’

แม้กระทั่งหนูดินก็ยังเข้าใจและทรุดลงบนไหล่ของเซี่ยเทียนหยาง

[บัดซบ เด็กนี่คือมารร้ายในชีวิตข้า ข้าไม่สามารถทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ได้!]

หนูดินหลับตา ต่อให้มันจะตกจากไหล่เขาและกระทบบนหิน มันก็ไม่ลืมตาขึ้น

จั๋วฝานแสยะยิ้ม และเมินอสูรตัวน้อยขณะคุยกับเจ้าของมัน”เวลาเป็นสิ่งสำคัญ ทรายเพชรอาจปะทุได้ทุกนาที”

“ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?”เซี่ยเทียนหยางถาม

จั๋วฝานยิ้ม”ถ้าเจ้าสามารถชิงทรายเพชรได้จากใต้จมูกพวกเขา งั้นก็เอาเลย!’

เซี่ยเทียนหยางจ้องเจ้าตัวน้อยที่นิ่งไม่ขยับบนพื้นด้วยความสงสัย

จั๋วฝานเพิ่มแรงจูงใจ”มีหนูดินอีกมากที่เจ้าจะได้มา แต่สำหรับทรายเพชร…ฮี่ๆ ถ้าเจ้าพลาดเจ้าจะเสียใจไปชั่วชีวิต!”

ดวงตาของเซี่ยเทียนหยางทอประกายและพยักหน้า”ได้ มันก็แค่สัตว์อสูรระดับหนึ่งอยู่แล้ว ใครจะไปต้องการมัน ฮ่าๆ!”

หนูดินดีดตัวขึ้น วิงวอนต่อเจ้าของมันด้วยดวงตาเอ่อล้น

[นายท่าน ท่านใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง!ข้าจะจบลงด้วยการทำงานจนเหลือแต่กระดูก!]

แต่เซี่ยเทียนหยางไม่สนใจท่าทางมัน ขณะที่เขากับจั๋วฝานแสยะยิ้มให้เจ้าตัวน้อยเหมือนปีศาจร้าย

เสวี่ยหนิงเซียงมองเจ้าตัวน้อยด้วยความสงสารจับใจ นางกอดมัน ปลอบมันขณะจ้องสองปีศาจร้าย

แต่ทำไมทั้งสามถึงต้องสนใจสัตว์อสูรตัวน้อยเมื่อทรายเพชรอยู่ตรงหน้า?

ภายใต้ร่างอันยิ่งใหญ่ของนายม่าน เซี่ยเทียนหยาง หนูดินถูกบังคับให้ขุดไปบ่อน้ำพุทองคำ ในเวลา 15 นาที รูปแบบใหม่ก็เริ่มปรากฏใต้บ่อน้ำพุทองคำ ตามการออกแบบของจั๋วฝาน

แต่ผู้อาวุโสที่ประจำอยู่ที่บ่อน้ำพุทองคำกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใต้จมูกเขา

นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการกดขี่หนูดิน ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานใต้ดินด้วยตัวมันเอง เมื่อถึงเวลาที่ทั้งสามเห็นมันก็คือตอนมันออกมาเอาหินปราณก้อนต่อไป มันเร็วในตอนแรก แต่เมื่อมันขนครบร้อยก้อนแรก มันก็เหมือนหมาแก่หมดแรง แม้แต่ขนมันก็ยังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ

ในการเดินทางรอบที่ 500 มันอ้าปากหอบหายใจ

หัวใจของเสวี่ยหนิงเซียงกำลังหลั่งเลือด อยากให้มันได้พัก แต่จั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยางยืนเหมือนปีศาจ เช่นเดียวกับเจ้าของที่ที่มองชาวนา ทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะเหนื่อยจนตาย

โดยเฉพาะเซี่ยเทียนหยางที่ไม่มีอะไรในหัวเลยนอกจากทรายเพชร เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นสัตว์อสูรของเขาจะตายจากการทำงานหนักเกินไป

สิ่งนี้ทำให้หนูดินต้องทำงานต่อไป เสวี่ยหนิงเซียงให้มันกินน้ำด้วยความเห็นใจ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือช่วยมันบรรเทา

ในสายตาของเจ้าตัวน้อย นางกลายเป็นเทพธิดา

มันเริ่มเกลียดตัวเองที่เลือกไม่ดี เจ้าของมันเพิ่งได้รู้จักราชาปีศาจจั๋วฝานและก็โดนโน้มน้าวให้เข้าสู่ด้านมืด!

เมื่อมันออกมาเป็นครั้งสุดท้าย มันก็แทบสิ้นใจ เสวี่ยหนิงเซียงกอดและปลอบมัน ปล่อยให้มันรู้สึกถึงความสุขของผุ้รอดชีวิต

จั๋วฝานยิ้มให้เซี่ยเทียนหยาง”ดูสิ ข้าบอกแล้วว่ามันจะไม่เป็นไร!”

เซี่ยเทียนหยางถอนหายใจ”ใช่ แต่มันคงเกลียดข้าเข้ากระดูกแล้ว”

“ไม่มีทางเลือก ถ้าเราอยากให้ค่ายกลเสร็จภายในสามวัน นี่เป็นทางเลือกเดียว”จั๋วฝานยักไหล่”ถ้ามันตายจากการทำงานจริง งั้นมันคงไม่ถือเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่ง”

จั๋วฝานยืนขึ้น และมือของเขาก็ไหววูบขณะที่เขาติดตั้งค่ายกลอื่นบนลำธาร ด้วยการประสานมือ หินปราณในพื้นเริ่มส่องสว่าง

ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายและตอนนี้ค่ายกลทั้งสองที่อยู่ห่างกันนับพันลี้ก็ได้เชื่อมต่อกันแล้ว

แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสที่บ่อน้ำพุทองคำก็ตัวสั่นสะท้าน เขาลืมตาขึ้นอย่างสงสัย”เกิดอะไรขึ้น?ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา?’

ถัดจากลำธาร จั๋วฝานเผยรอยยิ้มชั่วร้าย”อีกแค่ก้าวเดียว!เมื่อทรายเพชรปะทุ ผู้อาวุโสของโหยวหมิงกู่จะตกใจจนตาย ฮี่ๆๆ..”