ด้วยทุกอย่างที่พร้อม ฝ่ายของจั๋วฝานจึงเข้าสู่ช่วงเวลารอให้ทรายเพชรปะทุ

เป็นเวลาชั่วขณะ ทุกอย่างเงียบสงบมาก เซี่ยเทียนหยางรู้สึกเบื่อที่ยืนเฝ้าทุกวันและคิดถึงการฝึกวิชา แต่ก็ยังกังวลถึงทรายเพชร

เพราะเขารู้ท่าทีของจั๋วฝาน แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจเขา และเพราะเขาไม่เข้าใจจั๋วฝานด้วยเช่นกัน เขาจึงรู้สึกไม่ไว้วางใจ

ขณะที่เสวี่ยหนิงเซียงดูเหมือนจะลืมเรื่องทรายเพชรไปสนิทและเล่นกับหนูดินทุกวัน เซี่ยเทียนหยางพยายามเรียกเจ้าตัวน้อยมา แต่มันกลอกตาให้เขา ซึ่งทำให้เขาอับอาย

มันเป็นสัตว์อสูรของเขาแต่มันกลับใกล้ชิดกับเสวี่ยหนิงเซียง..

เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังจั๋วฝาน มองเขาด้วยสายตาสงสัย

จั๋วฝานเป็นปริศนา ไม่ว่าจะภูมิหลังหรือต้นกำเนิด เขาไม่มีวันเชื่อคำพูดของจั๋วฝานว่ามาจากตระกูลเล็กๆ

ท่ามกลางกลุ่มพวกเขา จั๋วฝานสงบสุด ตลอดสิบวันที่ผ่านมา ที่เขาทำคือนั่งสมาธิ ราวกับเขาไม่สนใจทรายเพชรเลย ขณะที่จริงๆแล้วเขากังวลสุด

จั๋วฝานในความคิดเซี่ยเทียนหยางอยู่สูงขึ้น มันหายากที่จะมีคนเช่นนี้ในจักรวรรดิเทียนอวี่

อย่างน้อยเขาก็ไม่มีสภาพจิตใจเช่นนี้ที่จะบ่มเพาะขณะรอทรายเพชรเหมือนจั๋วฝาน

การบ่มเพาะด้วยความวิตกกังวลและกระสับกระสายมีแต่จะทำให้เบี่ยงเบน ขณะที่จั๋วฝาน…

เซี่ยเทียนหยางตรวจสอบจั๋วฝานและเกิดอิจฉา

ทันใดนั้นจั๋วฝานก็ตื่นขึ้น”ในที่สุด กลั่นลมปราณขั้นหก”

แก้มของเซี่ยเทียนหยางสั่น แสดงสีหน้าหน่ายใจ

เพื่อทะลวงผ่านในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันเข้าถึงสภาพจิตใจของจั๋วฝานได้เลย

นี่คือวิธีที่ทั้งสามใช้เวลาร่วมกันอีกเดือน เซี่ยเทียนหยางเบื่อมาก เสวี่ยหนิงเซียงกับหนูดินเล่นกันอย่างบ้าคลั่ง ยิ้มแย้มกันทุกวินาที ขณะที่จั๋วฝานนั่งสมาธิเฉยๆ

เซี่ยเทียนหยางกลอกตา เขาถูกผลักดันไปสู่จุดที่แทบเป็นบ้า[ถ้าข้ารู้ว่านี่จะเกิด ข้าคงไม่ผลักดันหนูดินขนาดนั้น]

เจ้าตัวน้อยเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาด มันยังไม่มาช่วยเขาบรรเทาความเบื่อหน่ายด้วยซ้ำ!”

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”เซี่ยเทียนหยางคร่ำครวญ

ทันใดนั้นเสียงดังโครมครามก็เกิดขึ้นทั่วเทือกเขา และพื้นก็เริ่มสั่น

“ถึงเวลาแล้ว!’

จั๋วฝานดีดตัวขึ้น เสวี่ยหนิงเซียงผู้กำลังเล่นกับเจ้าตัวน้อยตกใจเล็กน้อย และหันไปมองจั๋วฝานกับเซี่ยเทียนหยาง

แต่ทั้งคู่ไม่กลัวเลย มีแค่ตื่นเต้น!

ผู้อาวุโสเจ็ดของโหยวหมิงกู่ที่ประจำการอยู่บ่อน้ำพุทองคำบินขึ้นสูง”ฮ่าๆ ข้ารอมันมาสองเดือนแล้ว”

“พวกเรา เหวี่ยงแหเพื่อรวมทรายเพชร!”ผู้อาวุโสเจ็ดคำรามและผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกก็โค้งคำนับ”ครับ!”

พวกเขาเริ่มโยนแหสีทองลงในบ่อน้ำพุทองคำจนมันเป็นสีทองอร่าม

ในเวลาเดียวกัน ที่ลำธาร จั๋วฝานถาม”เจ้าเตรียมแหไว้หรือยัง?”

“ฮ่าๆๆ ข้าจะมาหามันทำไมถ้าข้าไม่มี?”เซี่ยเทียนหยางหัวเราะและเหวี่ยงแห

ทรายเพชรปะทุพร้อมกับลาวาและต้องใช้แหพิเศษเพื่อกรอง

จั๋วฝานเองก็โยนแหทองของตัวเองลงในลำธาร

เซี่ยเทียนหยางจ้องเขาอย่างสงสัย”น้องจั๋ว นั่นเจ้าทำอะไร?”

“ดูให้ดี!”

จั๋วฝานยิ้มอย่างมั่นใจและประสานมือ”สวรรค์และโลกพลิกกลับ ภูเขาและแม่น้ำจงสลับ หยินและหยางผันแปร ค่ายกลสลับด้าน!”

หินปราณที่วางอยู่ใต้ดินเปล่งแสงและยิงลำแสงขึ้นฟ้า

เสาแสง 3221 ต้นรอบบ่อน้ำพุทองคำทั้งหมดยิงขึ้นฟ้า ผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความที่ทรายเพชรกำลังปะทุ เขาจึงไม่มีเวลาไปสนลูกไม้เหล่านั้นและจดจ่อกับปากของบ่อน้ำพุร้อน

ทันใดนั้น เสาน้ำก็พุ่งจากน้ำพุ แค่ว่าความร้อนจากมันต่ำมาก

ผู้คนตกตะลึง

เหตุผลเพราะการปะทุของทรายเพชรนั้นควรมีลาวาไหลออกมาด้วย น้ำของบ่อน้ำพุร้อนต้องร้อนจนแม้แต่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้

แต่ทำไมถึงมีแค่น้ำเปล่า?

ผู้อาวุโสเจ็ดกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็หน้าชา”บัดซบ มีคนกำลังเล่นงานเรา”

เขารีบบินขึ้นสูง และเห็นเสาแสงนับพันแต่ไกล

“นั่น!”

ผู้อาวุโสเจ็ดคำรามด้วยความโกรธ”พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

ในขณะเดียวกัน ลำธารตรงหน้ากลุ่มจั๋วฝานก็หายไป แทนที่ด้วยหลุมมืดที่พ่นลาวาออกมาพร้อมอนุภาคเจิดจรัส

“ทรายเพชร!”เซี่ยเทียนหยางยินดี เขาหันไปมองจั๋วฝานด้วยความตกใจ”น้องจั๋ว เจ้าสุดยอดมาก ทรายเพชรมาปะทุที่นี่ได้ยังไง”

จั๋วฝานยิ้ม”ค่ายกลนี้เรียกว่าสวรรค์และโลกพลิกกลับ มันคือค่ายกลระดับหนึ่งดาษๆ แต่มันสามารถโยกภูเขาและแม่น้ำได้ ข้าแค่สลับให้ทรายเพชรมาปะทุที่นี่”

จั๋วฝานพูดว่ามันง่าย แต่เซี่ยเทียนหยางกลับตกใจกับแก่นแท้

เท่าที่เขารู้ มีแค่ค่ายกลระดับหกและเหนือกว่านั้นถึงทำแบบนั้นได้ และพวกมันก็สูญหายไปแล้ว แต่จั๋วฝานไม่เพียงทำมันได้ แค่ยังใช้แค่ค่ายกลระดับหนึ่ง

เขาเริ่มนึกถึงข้อตกลงพันธมิตรกับศาลาหลงเจียงที่จั่วฝานพูด

[มันอาจไม่ใช่เรื่องเกินจริงสำหรับศาลาเฉียนหลงที่จะทำข้อตกลงเช่นนี้ถ้าพวกเขารู้ถึงพรสวรรค์ของจั๋วฝาน]

เซี่ยเทียนหยางจ้องจั๋วฝานด้วยรอยยิ้มลึกลับ เขาไม่คิดว่าเขาจะพบคนเช่นนี้ตอนเขาตัดสินใจมาชิงทรายเพชร

[อาจไม่มีสักคนในจักรวรรดิที่สามารถตั้งค่ายกลนี้ได้]

เซี่ยเทียนหยางพูด”น้องจั๋ว เจ้าอยากมาเข้าร่วมกับตำหนักกระบี่ในฐานะผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ไหม?”

เสวี่ยหนิงเซียงกัดลิ้น จั๋วฝานยังหนุ่มมาก แต่เขากลับได้เป็นผู้อาวุโสของหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่!

จั๋วฝานกลอกตา และแทบทำให้เสวี่ยหนิงเซียงสำลักน้ำลายตายกับคำพูดต่อไป”เก็บไว้เถอะ ศาลาเฉียนหลงได้ลองแล้วและข้าก็ปฏิเสธเหมือนกัน นั่นทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้ข้อตลงพันธมิตร!”

“พี่จั๋ว ท่านกำลังอวด”เสวี่ยหนิงเซียงสงสัยคำพูดเขา

แต่เซี่ยเทียนหยางพยักหน้า”เอาล่ะ ข้าจะส่งคนไปพร้อมข้อตกลงพันธมิตรตอนข้ากลับไป จะให้ข้าส่งไปที่ไหน?”

“ตระกูลลั่วแห่งเมืองเนตรสายลม ข้าจะกลับไปตอนข้าจัดการธุระเสร็จ!”

เซี่ยเทียนหยางลังเล”ถ้างั้นข้าจะรอให้เจ้ากลับไป ข้าอยากทำข้อตลงกับเจ้า ด้วยฝีมือเจ้า เมื่อเจ้าออกตระกูลลั่วในอนาคต จากนั้นเราจะขาดทุน!”

จั๋วฝานส่ายหัว”ทำไมเจ็ดตระกูลใหญ่ถึงเหมือนกันหมด?”

เสวี่ยหนิงเซียงอ้าปากค้าง ใบหน้าของนางกระตุก[ตำหนักกระบี่ตื้อขนาดนี้เชียว ทำไมพวกเขาถึงอยากทำสัญญากับคนนอกนัก?]

และมันยังไม่ใช่ตระกูล แต่เป็นชายคนเดียว!

แต่สิ่งที่หลุดกรอบความคิดนางคือการที่เซี่ยเทียนหยางให้ความสำคัญกับจั๋วฝานมากขนาดนี้ ตระกูลทั่วไปจะไม่มีวันเห็นคุณค่าของจั๋วฝาน

ครั้งนี้ ถ้ำมืดปล่อยลาวาปะทุครั้งสุดท้าย เมื่อเห็น จั๋วฝานก็เร่ง”รีบเก็บแหมาเร็ว!”

“ทำไมต้องรีบ?”

เซี่ยเทียนหยางโบกมือและยิ้มต่อ”แหทำจากโลหะวิญญาณ พวกมันจะไม่โดนลาวาหลอม”

จั๋วฝานแค่นเสียง”เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือไง?ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ เราอาจไม่มีชีวิตได้เพลิดเพลินกับมัน”

เซี่ยเทียนหยางตกใจ”เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสทั้งหมดจากโหยวหมิงกู่ตาบอดหรือไง?ใครจะไม่สังเกตเห็นเสาแสง?แค่รอ เจ้าจะมียอดฝีมือปราณนภาลอยอยู่เหนือหัว!”

เซี่ยเทียนหยางรีบเก็บแห เมื่อแหยกขึ้น ทั้งสามก็เห็นประกายระยิบระยับท่ามกลางลาวาและบนเส้นแหก็คืออทรายที่ส่องแสง

“เราจะทำยังไงกันต่อ?”

เซี่ยเทียนหยางดีใจที่เห็นแต่ก็ตระหนักถึงอันตราย จั๋วฝานลากพวกเขามาสถานที่นี่เป็นเวลา 12 ชั่วโมงก็เพื่อซื้อเวลา แม้กระทั่งยอดฝีมือปราณนภาก็ต้องใช้เวลาส้องชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่

ระหว่างนี้ พวกเขาสามารถเก็บทรายเพชรและจากไปได้ แต่จะหนีไปไหนนั่นคือคำถาม?ที่ไหนถึงปลอดภัย?

เมื่อสังเกตเห็นว่าจั๋วฝานจับจ้องฝั่งตรงข้ามของลำธาร ทั้งคู่ก็ตะโกน”เขตสอง?”

“ผิดแล้ว!”จั๋วฝานพูดเสียงแหบ”เขตสาม!”

ทั้งสองจ้องจั๋วฝานเหมือนกำลังมองคนบ้า

[หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ?เขตสองก็ว่าอันตรายแล้ว แต่การไปเขตสามคือการฆ่าตัวตาย!]

แต่พวกเขาทั้งคู่ลืมไปว่าเป้าหมายของจั๋วฝานตั้งแต่ต้นอยู่ในเขตนั้น

สัตว์อสูรระดับหก วิหคสายฟ้า…