“เราจะแบ่งทรายเพชรกันก่อนแล้วค่อยหนี!’

จั๋วฝานกระตือรือร้นที่จะแบ่งของตอนเห็นทรายระยิบระยับ

เสวี่ยหนิงเซียงกับเซี่ยเทียนหยางยิ้มขมขื่น

นับตั้งแต่พวกเขามาเจอกับจั๋วฝาน พวกเขาก็ได้แต่ทำตามเขา จั๋วฝานจะทำทุกอย่างตามใจชอบ

เหมือนกับตอนสั่งเจ้าตัวน้อยให้วางค่ายกลเพื่อขโมยทรายเพชรทั้งหมด

แต่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ทุกอย่างที่เขาทำไร้ที่ติและสำเร็จ ดังนั้น แม้จั๋วฝานจะทำเรื่องไร้เหตุผล ซึ่งเพิ่มความกังวลของพวกเขา ทั้งสองก็เชื่อว่าเขามีความมั่นใจ

ดังนั้นเซี่ยเทียนหยางจึงไม่ตั้งคำถามและตื่นเต้นกับทรายระยิบระยับทั้งหมดตรงหน้าเขา

ซวบ!

ฝุ่นไหลเหมือนน้ำออกแหและเติมเต็มถังสูงหนึ่งเมตร และนั่นก็แค่หนึ่งในสาม

ทุกคนจึงเริ่มคิดหาภาชนะที่พวกเขามีจากแหวนและในไม่ช้าทรายเพชรก็เติมเต็มภาชนะทุปรูปทรง

เมื่อเห็นแบบนั้น เซี่ยเทียนหยางก็ยิ้มด้วยความตื่นเต้น

ตอนแรก เขาหวังใช้หนูดินเพื่อเอาทรายเพชรสักเล็กน้อย และตอนนี้ ด้วยจั๋วฝาน พวกเขาจึงได้ทั้งหมด

ในการสร้างอาวุธจิตวิญญาณระดับห้า ทรายเพชรหยิบมือหนึ่งก็พอจะเพิ่มพลังมันแล้ว ทำให้มันเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับห้าชั่นนำ แต่ด้วยกองทรายเพชร ใครจะไปรู้ว่ามันสามารถสร้างอาวุธเช่นนั้นได้กี่ชิ้น และเขาสามารถเพิ่มทรายได้มากเท่าที่ต้องการในกระบวนการหลอม

ตอนหลอม คนจะเพิ่มกรัม ผสานมันได้ดี จากนั้นก็เพิ่มเข้าไปอีก

[ด้วยผลตอบแทนมากขนาดนี้ มันเป็นไปได้ที่จะสร้างอาวุธจิตวิญญาณทรายเพชรแท้ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ]

เซี่ยเทียนหยางเริ่มหัวเราะ แม้เขาจะมีตำแหน่งสูงในตำหนักกระบี่และไม่จน แต่เทียบกับทรายเพชรตรงหน้าแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับขอทาน

จั๋วฝานเห็นเซี่ยเทียนหยางหัวเราะ แววตาของเขาเป็นประกายขณะหันไปมองทรายด้วยรอยยิ้ม

[สาวกของตำหนักกระบี่ช่างไม่สนใจโลกภายนอกเลย!]

จากนั้นจั๋วฝานก็เก็บทรายครึ่งหนึ่งเข้าแหวนขณะพูด”นี่คือส่วนแบ่งของข้า และที่เหลือเป็นของเจ้า!”

เซี่ยเทียนหยางกะพริบตาแล้วยิ้ม”ไม่มีปัญหา ต่อให้เจ้าเอาไปมากกว่านี้ก็ย่อมได้”

พวกเขารวยแล้ว ต่อให้จั๋วฝานแบ่งไปครึ่ง มันก็ยังมีมากพอสำหรับทั้งสอง

แต่สุดท้าย ความมั่งคั่งนี้ก็ถูกแบ่งเป็นสอง ด้วยเสวี่ยหนิงเซียงที่ไม่สนใจมันเลย เทียบกับการมีของล้ำค่าแบบนี้ นางอยากออกไปจากเมืองมากกว่า

จั๋วฝานเอาแต่ส่วนแบ่งเขาไป เซี่ยเทียนหยางลอบพยักหน้าและนำทรายเพชรที่เหลือไป ถามจั๋วฝาน”เราจะหนีกันยังไงดี?”

ซวบ!

มือของจั๋วฝานถือขวดใบเล็กและหยิบเม็ดยาสีแดงสามเม็ดออกมา เขากินมันหนึ่งเม็ดและมอบให้อีกสอง

“นี่คือเม็ดยาระดับหนึ่ง เม็ดยาปกปิดพลัง มันสามารถซ่อนกลิ่นอายเราได้ทั้งวัน ช่วยให้เราผ่านเขตสองขณะไม่ดึงดูดสัตว์อสูร”

เซี่ยเทียนหยางมองเม็ดยาทึ่งๆ”วิเศษ!เจ้าไปเอามันมาจากไหนกัน?”

เทือกเขาหมื่นอสูรเป็นขุมทรัพย์ที่ผู้บ่มเพาะของทวีปนี้น้ำลายไหลมาหลายพันปี แต่น่าเสียดาย สัตว์อสูรที่นี่ดุร้ายมาก ถ้าพวกเขารู้ว่ามีเม็ดยาเช่นนี้อยู่ พวกเขาคงสู้แย่งมัน ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นแค่เม็ดยาระดับหนึ่งเท่านั้น!

เท่าที่เซี่ยเทียนหยางรู้ ทวีปนี้ไม่มีเม็ดยาเช่นนี้ ไม่งั้นผู้บ่มเพาะคงแห่กันมาที่นี่แล้ว

เสวี่ยหนิงเซี่ยงเองก็ทึ่ง

จั๋วฝานถูจมูก”ข้าปรุงมันขึ้นมาเอง!”

เซี่ยเทียนหยางตะโกน”เจ้าเองก็เป็นผู้หลอมโอสถด้วยรึ?”

บางทีเขาอาจทึ่งเกินไปจนเซี่ยเทียนหยางต้องใช้คำไม่สุภาพ แต่จั๋วฝานไม่สนใจ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการยักไหล่”ใช่ ยิ่งมีความเชี่ยวชาญหลายด้านยิ่งดี!”

เซี่ยเทียนหยางตกใจจนแก้มสั่น

[หมอนี่เป็นใคร?เขาเป็นผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณ แต่ยังเทียบได้กับข้า ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูก และตอนนี้เขายังเป็นผู้หลอมโอสถด้วย?]

[ไม่ใช่แค่นั้น แต่เขายังสร้างค่ายกลที่สาบสูญและปรุงเม็ดยาที่ไม่เคยมีมาก่อน!]

จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเขาได้พบกับสุดยอดอัจฉริยะเหมือนกับเขาเท่านั้น แค่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกคนเหมือนอัจฉริยะที่เขาพบในเจ็ดตระกูลใหญ่

แต่จั๋วฝานได้เปิดเผยว่าเขาเป็นผู้หลอมโอสถด้วย ทำให้จิตใจของเซี่ยเทียนหยางสั่นสะท้าน ครั้งต่อไป เขาจะไม่มีวันบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ อย่างน้อยก็ตอนจั๋วฝานยังอยู่

เซี่ยเทียนหยางกลืนเม็ดยาและกระโดดข้ามลำธาร เข้าไปในเขตสอง”ไปกันเถอะ”

จั๋วฝานกับเสวี่ยหนิงเซียงตกใจ[เกิดอะไรขึ้นกับเขา?]

พวกเขาไม่รู้ว่าอัจฉริยะที่หยิ่งทะนงคนนี้เพิ่งตกลงจากสวรรค์ชั้นเก้า

สองชั่วโมงต่อมา เงาร่างสีเทาบินโฉบลงข้างลำธาร มันคือผู้อาวุโสเจ็ด

ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธตอนเห็นลาวา และดวงตาของเขาก็หรี่ลงด้วยจิตสังหารที่ระเบิดออกมา

“มีคน..มีคนดึงทรายเพชรมาที่นี่…”

ผู้อาวุโสเจ็ดหอบหายใจอยู่สักพักก่อนสงบลง แต่ความเย็นชาบนใบหน้าของเขากลับมีแต่หนาวเหน็บขึ้น

เขามองไปรอบๆและพึมพำ”พวกมันเพิ่งได้ทรายเพชรไปและควรหนีไปได้ไม่ไกล ถ้าพวกมันอยู่ในเขตแรก ความตายจะเป็นเรื่องของเวลา …”

ผู้อาวุโสเจ็ดหันไปมองตรงข้ามลำธาร”คิดว่าเจ้าจะกำจัดข้าได้ด้วยลูกไม้ตื้นๆแบบนี้?”

จากนั้นเขาก็ทะยานเข้าเขตสอง!

ไกลออกไปร้อยลี้ กลุ่มของจั๋วฝานกำลังหนีแต่จู่ๆก็มีนกอีกาบินตามหลังมา

จั๋วฝานหยุด หันกลับไปมองพร้อมขมวดคิ้ว

“อะไร?”เซี่ยเทียนหยางกับเสวี่ยหนิงเซียงหยุด

“เกิดอะไรขึ้น?”จั๋วฝานพึมพำ”ผู้อาวุโสนั่นกำลังเข้าเขตสองมา!”

“ว่าไงนะ?”เซี่ยเทียนหยางกังวล”เอาไงกันดี?เขาจะตามเราทันแน่”

จั๋วฝานถอนหายใจ”ข้าไม่รู้ ข้าคิดว่าผู้อาวุโสจะค้นหาเขตแรกก่อนหลังตรวจสอบลาวาเพื่อความมั่นใจ ดังนั้น มันจะช่วยเราซื้อเวลาได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขตสองอันตรายมาก ข้าเดาว่าเขาจะไม่มาที่นี่เพื่อค้นหาเร็วนัก นั่นทำให้ข้าเลือกเขตนี้เพื่อหนี”

“และเมือ่ถึงเวลาที่เขาคิดออก เราก็คงล้ำหน้าไปหกชั่วโมง และเพื่อความปลอดภัยของเขาในเขตสอง เขาต้องบินช้าเพื่อเลี่ยงสัตว์อสูรระดับสี่ ตอนนั้น เราจะอยู่ในเขตสามและเขาต้องล้มเลิกการไล่ตาม ในพื้นที่นั้น เขาจะลงเรือลำเดียวกับเรา เป็นอาหารสำหรับสัตว์อสูร เขาจะไม่มีวันตามเราเข้าไป”

จั๋วฝานหรี่ตา”แต่เขากลับมุ่งเข้าเขตสองตั้งแต่ต้น ในกรณีนี้ เราจึงนำหน้าแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าเขาตามเรามาทัน เราจะตายแน่!’

“น้องจั๋ว เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้อาวุโสเจ็ดทำไหม?”เซี่ยเทียนหยางถาม

จั๋วฝานตกใจ”ข้ารู้แค่ว่ามีผู้อาวุโสของโหยวหมิงกู่ประจำอยู่ที่นี่ แต่ไม่ทราบรายละเอียด”

เซี่ยเทียนหยางส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มันเป็นปกติที่เจ้าจะทำผิดพลาดตอนเจ้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดน่ากลัวแค่ไหน”

“น่ากลัว?”จั๋วฝานขมวดคิ้ว

เซี่ยเทียนหยางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง”เขาได้รับความชื่นชมอย่างมากในโหยวหมิงกู่และแม้กระทั่งเจ้าหุบเขา โหยวหวัซานก็ยังต้องปรึกษากับเขา ไม่งั้นเขาคงไม่ถูกทิ้งไว้ในเมืองสำคัญเช่นนี้”

“เจ้ากำลังบอกว่าเขาแข็งแกร่ง?”

เซี่ยเทียนหยางส่ายหัว”ไม่ใช่พลังของเขา แต่เป็นแผนการของเขา!เขาเป็นคนเหลี่ยมจัด เป็นที่รู้จักในนามปีศาจเจ้าเล่ห์ ความคิดของเขาเต็มไปด้วยแผนร้าย ผู้อาวุโสหลายคนของเจ็ดตระกูลใหญ่เคยติดกับเขา แม้กระทั่งผู้อาวโสจิ่วของศาลาเฉียนหลงก็ยังเสียเนตรทองสายฟ้าม่วงเพราะแผนของเขา”

“หลายคนเกลียดเขาเข้ากระดูก แต่ก็ยังกลัวเขากว่า!”

ไม่น่าแปลกใจที่แผนของจั๋วฝานจะล้มเหลว[เขาเป็นอีกคนที่ชอบวางแผน แผนแบบนี้ไร้ประโยชน์ต่อเขา]

แต่ความตายถูกร่ายมา ทางเลือกเดียวของจั๋วฝานคือเอาชนะในเกมนี้!

“น้องจั๋ว ทางเลือกเดียวของเราคือทิ้งหนิงเอ๋อร์ไว้ด้านหลัง ด้วยความเร็วเรา เราอาจสามารถหลบหนีผู้อาวุโสเจ็ดได้”ดวงตาของเซี่ยเทียนหยางทอประกายขณะพุดอย่างแน่วแน่

เสวี่ยหนิงเซียงตัวสั่นและคว้าแขนของจั๋วฝานด้วยท่าทางน่าสงสาร”พี่จั๋ว ท่านรับปากกับข้าแล้วว่าจะพาข้าออกไป”

“น้องจั๋ว นี่ไม่ใช่เวลามาใจอ่อน ทิ้งนางไว้ซะ นางจะถ่วงเวลาผู้อาวุโสเจ็ดขณะที่เราหนี!”

จั๋วฝานหรี่ตาขณะครุ่นคิด จากนั้นก็แสยะยิ้มให้เซี่ยเทียนหยาง”ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเม็ดยาปกปิดพลังของข้า เจ้าคงทิ้งข้าไปด้วยเช่นกัน”

ปากของเซี่ยเทียนหยางเม้มสนิท

จั๋วฝานหัวเราะ”ข้าจะไม่ทอดทิ้งใคร สำหรับผู้อาวุโสนั่น ข้ามีวิธีจัดการกับเขา ข้าจะสู้กับเขาที่นี่ ด้วยค่ายกล!”

เซี่ยเทียนหยางพยักหน้าหลังไตร่ตรอง เขารู้ฝีมือของจั๋วฝานในด้านค่ายกลและมั่นใจว่าจั๋วฝานเป็นปรมาจารย์ด้านนี้

เสวี่ยหนิงเซียงฉีกยิ้มสดใสเมื่อนางได้ยินและแกว่งแขนของจั๋วฝานไม่หยุด

แต่ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของจั๋วฝาน…