ตอนที่ 11 จุดยืน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

หญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้าประตูเรือนฉางโซ่ว มองไปยังป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนประตูอย่างเหม่อลอย ความขมขื่นและโดดเดี่ยวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย

เดิมทีนางคิดว่า ท่านย่าจะปกป้องตระกูลไป๋ ปกป้องญาติของพวกเราไว้ด้วยชีวิตเช่นเดียวกับนาง แต่ว่าท่านย่าคือองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นต้าจิ้น ท่านใช้แซ่หลิน…แคว้นต้าจิ้นเป็นแผ่นดินของตระกูลหลิน!

ชุนเถาเห็นไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังแผ่นป้ายของเรือนฉางโซ่วด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเหม่อลอย นางนึกว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นกังวลเรื่องสุขภาพขององค์หญิงใหญ่ เอ่ยปลอบเสียงต่ำ “คุณหนูเจ้าคะ องค์หญิงใหญ่ทรงมีบารมีมาก พอพ้นฤดูหนาวไป พระวรกายต้องกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงแน่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนได้สติ ถือเตาอุ่นมือในมือแน่น พยักหน้าเล็กน้อย “กลับเถิด!”

ช่างมันเถิด หากเล่าเรื่องไร้สาระเช่นการกลับชาติมาเกิดให้ท่านย่าฟัง ท่านคงไม่เชื่อเป็นแน่ หากเรื่องนี้ยิ่งทำให้ท่านระแวงในตัวนาง นางคงลงมือทำการสิ่งใดลำบากขึ้นแน่ๆ

อย่างน้อย หากไม่แตะต้องตระกูลหลินและแคว้นต้าจิ้น ท่านย่ามีจุดยืนเดียวกันกับนางนั่นก็คือการปกป้องตระกูลไป๋

ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนกลับมาที่เรือน ก็เห็นชุนเหยียนใบหน้าซีดเผือด เดินวนไปวนมาอยู่ตรงระเบียงทางเดินด้วยความกระวนกระวาย

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา ชุนเหยียนรีบถลาเข้าไปหา กุมผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือย่อกายทำความเคารพ ดวงตาแดงก่ำร้อนใจเป็นที่สุด “คุณหนูใหญ่ วันนี้เหลียงอ๋องถูกลอบสังหารที่ถนนฉางอันเจ้าค่ะ สลบไสลยังไม่ฟื้น อาการน่าเป็นห่วงมากเจ้าค่ะ! คุณหนูรีบให้หมอหงไปดูอาการองค์ชายเถิดนะเจ้าคะ! หมอหงเป็นศิษย์พี่ของหมอหลวงหวง มีชื่อเสียงมาก ต้องช่วยเหลียงอ๋องได้แน่เจ้าค่ะ!”

วันนี้ชุนเถาไปพบฉินซ่างจื้อพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน ได้ยินชุนเหยียนกล่าวออกมาเช่นนี้ใจของนางเต้นรัวอย่างระงับไม่อยู่

ดวงตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังชุนเหยียน นางเกลียดจนแทบอยากฉีกร่างของเหลียงอ๋องออกเป็นชิ้นๆ ให้เขาตายไปแบบนี้ยังง่ายเกินไปเลย จะให้นางเชิญหมอหงไปรักษาเขาอย่างนั้นหรือ…ฝันอยู่หรืออย่างไร

“ชุนเหยียนเจ้าบ้าไปแล้วหรือ! เหลียงอ๋องถูกลอบสังหารก็มีหมอหลวงคอยดูแลอยู่แล้ว ให้คุณหนูใหญ่เชิญหมอหงไปเพื่อสิ่งใดกัน ชื่อเสียงของคุณหนูมิต้องป่นปี้หมดหรือ” ชุนเถาตวาดอย่างเกรี้ยวกราด

ชุนเหยียนรีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย “คุณหนูใหญ่ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวแค่ร้อนใจแทนคุณหนู!”

“ยิ่งกล่าวยิ่งเลอะเทอะ เจ้า!…”

ไม่รอให้ชุนเถากล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังชุนเหยียนด้วยสายตาเย็นชา “เช่นนั้นข้าส่งตัวเจ้าพร้อมสัญญาทาสไปที่ตำหนักของเหลียงอ๋องเลยดีหรือไม่”

ชุนเหยียนเบิกตาโพลงอย่างตื่นตระหนก อ้อนวอน “บ่าวผิดไปแล้ว คุณหนูได้โปรดอย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ!”

“ชุนเหยียน อย่าลืมว่าเจ้าเป็นบ่าวของผู้ใด ใจของเจ้าควรอยู่ที่ผู้ใด ข้าจะไม่เก็บบ่าวทรยศไว้แน่!”

กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในห้อง หากไม่ใช่เพราะเก็บชุนเหยียนไว้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง นางคงไล่ออกไปนานแล้ว

ชุนเถาจิกสายตาไปยังชุนเหยียนแวบหนึ่ง แล้วรีบวิ่งเดินนำหน้าไปแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียน

ชุนเหยียนซึ่งคุกเข่าอยู่กลางลานมองตามแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียน ไม่กล้าเข้าไปขอร้องอีก ทำได้แต่ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่ถึงได้ใจร้ายเพียงนี้ เหลียงอ๋องรักคุณหนูใหญ่มากมายเช่นนี้ บัดนี้พระองค์อาการสาหัส คุณหนูใหญ่กลับไม่ห่วงใย หรือเป็นเพราะเคยไปออกรบหัวใจของคุณหนูใหญ่ถึงได้แข็งดั่งเหล็กกล้าเช่นนี้!

ไป๋ชิงเหยียนรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ไป๋จิ่งถงก็ตรงมาที่เรือนชิงฮุยอย่างรีบร้อน ไม่สนใจหิมะที่เกาะอยู่บนร่างกายบุกเข้าไปในห้องของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่!”

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดปาก กลั้วน้ำในปากจากนั้นบ้วนใส่กระโถน เห็นแววตามีความสุขจนปิดไม่มิดของไป๋จิ่นถงแล้วรู้สึกอุ่นวาบในใจ ได้เห็นรอยยิ้มสดใสเต็มไปด้วยความสุขของน้องสามอีกครั้งมันช่างดีอะไรเช่นนี้!

หญิงสาวเอ่ยถามยิ้มๆ “ทานอาหารมาจากเรือนของท่านย่าแล้วหรือไม่”

ไป๋จิ่นถงปลดเสื้อคลุมยื่นส่งให้สาวใช้ที่เดินตามมาด้านหลัง เดินไปหยุดอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น “พวกเจ้าออกไปก่อน!”

“ชุนเถา ไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับชุนเถา

ชุนเถาพยักหน้า เดินนำบรรดาสาวใช้ออกไปด้านนอก

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นถงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ไป๋ชิงเหยียน กุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้ด้วยความตื่นเต้น “ท่านย่ามอบเงินและกำลังคนให้แก่ข้า อนุญาตให้ข้าแต่งกายเป็นชายเพื่อทำการค้าได้เจ้าค่ะ! ท่านย่าไม่บังคับให้ข้าแต่งงานแล้ว!”

องค์หญิงใหญ่เตรียมรับหลานชายที่เลี้ยงไว้นอกจวนกลับมา วันที่สิบห้า เดือนหนึ่งท่านจะพาบรรดาสตรีของตระกูลไป๋ไปสักการะบูชาพระที่วัดชิ่งอัน จากนั้นจะอยู่ที่นั่นต่อโดยอ้างว่าอยู่เพื่อขอพรให้แคว้นต้าจิ้น คุณหนูสาม ไป๋จิ่นถงจะอยู่คอยดูแลท่าน องค์หญิงใหญ่เองก็จะได้อบรมสั่งสอนหลานชายที่ไม่ได้พบหน้าเป็นเวลาหลายปีอยู่ที่วัดด้วย

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง ถูไปที่นิ้วมืออันเย็นเฉียบซึ่งเกิดจากการวิ่งฝ่าหิมะมาของไป๋จิ่นถง จากนั้นถามต่อ “ท่านย่าบอกเหตุผลกับเจ้าหรือไม่”

ไป๋จิ่นถงกล่าวอย่างมีความสุข “ท่านย่ากล่าวว่า ตระกูลไป๋มีหลานชายสิบเจ็ดคน ภายหน้าก็ต้องแยกย้ายไปมีจวนของตัวเอง ข้ามีพรสวรรค์ด้านการค้า ท่านอยากให้ข้าสร้างกิจการให้รุ่งเรืองเพื่ออนาคตของพี่น้องเจ้าค่ะ! ข้าดูออกว่าท่านย่าไม่ได้บอกความจริงแก่ข้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ทำการค้าคือความปรารถนาของข้า!”

ไป๋ชิงเหยียนหลุบสายตาลง นึกถึงตอนที่ท่านย่าเค้นถามว่านางคิดกบฏหรือไม่ ความรู้สึกที่ควบคุมไม่อยู่และสายตาอาฆาตที่เผยออกมาโดยไม่ตั้งใจของท่าน ทำให้ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ ตีบตันในลำคอจนแทบหายใจไม่ออก

ไป๋ชิงเหยียนกลั้นความรู้สึกปวดร้าวในใจเอาไว้ รินน้ำชาให้ไป๋จิ่นถง ดันถ้วยไปตรงหน้านาง เงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างจริงจัง “คำพูดวันนี้ ให้รู้แค่เราสองคน เจ้าฟังแล้วทำตามที่เจ้าเห็นสมควร…”

บางอย่าง นางมิอาจบอกกับท่านย่าได้ แต่นางจำเป็นต้องบอกไป๋จิ่นถง พวกนางเป็นลูกหลานตระกูลไป๋เช่นเดียวกัน ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าไป๋จิ่นถงจะปกป้องตระกูลไป๋ด้วยชีวิตเช่นเดียวกับนาง

ไป๋จิ่นถงมองไปที่ไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่หญิงใหญ่ว่ามาเถิด”

“ท่านปู่เป็นบุคคลน่านับถือ ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ทำให้ไม่ลงรอยกับพวกขุนนางในราชสำนักมานานแล้ว ฮ่องเต้เชื่อในคำลวงใส่ร้ายที่ว่าตระกูลไป๋เป็นภัยควรต้องกำจัด! สถานการณ์ของท่านปู่ที่หนานเจียงบัดนี้เลวร้ายมาก…”

ไป๋จิ่นถงกำมือแน่น มองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่บัดนี้ดวงตาแดงฉานเต็มไปด้วยแววอาฆาต ตกใจเป็นอย่างมาก “พี่หญิงใหญ่?!”

หญิงสาวจุกแน่นในลำคอ จับมือไป๋จิ่นถงแน่นส่งสัญญาณให้ไป๋จิ่นถงตั้งใจฟัง “ที่ให้เจ้าเปลี่ยนชื่อและปลอมเป็นชายก็เพื่อปกป้องเจ้า และเป็นการฝากความหวังของตระกูลไป๋ไว้แก่เจ้า! เหตุใดพ่อค้าจากแคว้นอื่นอย่างเซียวหรงเหยี่ยนถึงเป็นแขกกิตติมศักดิ์ขององค์ชายแห่งแคว้นต้าจิ้น ของบรรดาคุณชายตระกูลต่างๆ นั่นก็เพราะว่าเงินปกป้องชีวิตได้…เงินทำได้ทุกอย่าง”

ไป๋จิ่นถงที่เดิมทีคิดเพียงแค่ทำการค้าตามใจปรารถนาเท่านั้น บัดนี้รับรู้ถึงภาระที่หนักอึ้ง รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนแหบพร่า “ตระกูลไป๋ของเรามิได้ขาดเงิน ขาดแค่หนทางในการเอาตัวรอด ในจวนมีท่านย่า นอกจวนต้องฝากเจ้าด้วย เจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า ความสำเร็จของเจ้าก็คือความสำเร็จของตระกูลไป๋ พี่หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

ไป๋จิ่นถงกำหมัดแน่น ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนดั่งเมื่อครู่ที่พุ่งเข้ามาในเรือนชิงฮุยอีกแล้ว บัดนี้สุขุมลงมาก นางยืนขึ้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ! จิ่นถงจะทำให้เต็มที่”

ไป๋จิ่นถงเดินออกมาจากห้องของไป๋ชิงเหยียนด้วยใจที่หนักอึ้ง สาวใช้รีบนำเสื้อมาคลุมให้แก่นาง หญิงสาวยังคงไม่รู้สึกตัว ก้มหน้ามองปลายเท้า

ด้วยนิสัยสุขุมรอบคอบของพี่หญิงใหญ่ นางไม่มีทางทำสิ่งใดโดยไร้จุดหมายแน่…

ไป๋จิ่นถงยืนอยู่นอกเรือนชิงฮุย มองดูเรือนไม้แกะสลักสวยงามของจวนเจิ้นกั๋วกง อยู่ๆ ก็เหน็บหนาวไปทั้งร่าง คงเป็นเพราะชื่อเสียงบารมีที่สั่งสมมาเป็นร้อยปีของตระกูลไป๋ทำให้นางรวมถึงคนอื่นๆ ต่างหลงใหลอยู่กับสิ่งนี้ หากไม่ใช่เพราะพี่หญิงใหญ่ นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าฮ่องเต้จะหวาดระแวงจวนเจิ้นกั๋วกง

ชุนเถาส่งไป๋จิ่นถงเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินแหวกม่านไปด้านในก็เหลือบเห็นสาวใช้ไม่คุ้นหน้าสองคนไม่รู้โผล่มาจากที่ใด…กำลังรื้อค้นกระสอบทรายที่หมัวมัวผู้ดูแลเก็บไว้เรียบร้อยดีแล้ว

ชุนเถาขมวดคิ้วแน่น หันไปมองทางห้องนอนแวบหนึ่ง ถลกชายกระโปรงขึ้นเดินลงมาจากบันได เอ่ยถามเสียงต่ำ “รื้อของสิ่งนี้ออกมาเพราะเหตุใด”

หลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บ ต่งซื่อมารดาของไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าบุตรสาวเห็นของเหล่านี้แล้วจะเสียใจ จึงให้ถงหมัวมัวผู้ดูแลเรือนชิงฮุยนำของเหล่านี้ไปเก็บไว้

“รื้อสิ่งใดออกมาหรือ”

ต่งซื่อเดินมายังเรือนชิงฮุยโดยมีฉินหมัวมัวประคองอยู่

“ฮูหยิน!” ชุนเถารีบย่อกายทำความเคารพ