ในที่สุดพิธีปิดภาคเรียนที่ 1 ก็จบลง และฉันกำลังเดินทางกลับบ้าน
อย่างน้อยก็อีกตั้งเป็นเดือนกว่าที่ฉันจะต้องกลับมาเรียน~
ใบเกรดก็ดูดีสุดๆ ถ้าจะให้ฉันชมตัวเอง
ตอนนี้ฉันจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลซักนิด~
“คือ ช่วงหยุดภาคฤดูร้อน”
ภาคฤดูร้อน..?
หมายความว่าไงอ่ะ?
ยังมีอีกตั้งหลายสิ่งที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับโลกนี้สินะ..
“ช่ายยย พวกพี่ๆ พนังงานบริษัทไม่มีหยุดฤดูร้อน สินะ ว๊ายๆ”
กำหมัดอยากสแมชหน้ายัยเด็กบ้าจริงๆ
คนทำงาน หน้าที่มันเยอะนี่เนอะ เฮ้อ..
อ่าว ซับของช่องลดลง อยู่ไม่ใช่หรอwwwwww
“อ่ะ.. ขอโทษทุกๆท่านจริงๆค่ะที่ดิฉัน เผลอ~ ไปทำความเสียหายต่อจิตใจพวกท่านเข้า ดิฉันให้กำลังทุกๆคนที่ทำงานช่วงหยุดฤดูร้อนนะคะ อิ อิ”
เอาจริงๆแล้วชีวิตก่อนของฉัน ก็ไม่ต่างจากพวกเขาเท่าไหร่หรอกนะ..
ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดีเลยล่ะ แม้แต่เวลาซักนิดที่เอามาดูแลตัวเองก็มีน้อยสุดๆ
ฉันไม่รู้ว่ากี่ปีแล้ว ที่จะมีหยุดยาวแบบนี้ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ตอนนี้ฉันตื่นเต้นสุดๆยังไงล่า~
งั้นคือ ช่วงหยุดยาว จะทำเพลงหรอ?
ขายเสียง asmr?
กวนตีนมากขึ้น?
“พวกนายก็โตกันแล้วแท้ๆ ยังไม่ได้หยุดอีกหรอ หืม? แม้แต่เด็กประถมยังมีเลยนะ น่าสงสารจังเลยนะ ขี้แพ้ ~”
หยุดได้แล้ว wwww
แล้วทำไมถึงไปหยิบเอาคอมเม้นนั้นมาเล่า!
ขอบคุณครับ tysm
“ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ นะทุกคนแต่ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันต้องไปเรียนภาคฤดูร้อนล่ะw”
อ่าว
ทำไมยังใจเย็นกับสถานการณ์แบบนี้อ่ะ !
ทำไมถึงไม่มีหยุดภาคฤดูร้อนอ่ะ ต้องเตรียมสอบด้วยนะ..?
“เอาจริงๆแล้วก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะสอบไหม หมายถึงแบบ มันต้องควบคู่กับการบ้านภาคฤดูร้อนไปด้วย แถมยังมีคลาสอีก มันเลยคงต้องยุ่งมากกว่าที่โรงเรียนแน่ๆ มันมีแค่การดูพวกวีทูบนั่นแหละที่ทำให้ฉันผ่อนคลายลงบ้าง เฮ้อ..”
เฮ้อ~
ยังต้องเรียนพิเศษอีกนี่เนอะ
มีการบ้านฤดูร้อนด้วยหรอ?
“ใช่แล้วล่ะ งานแม่งโครตเยอะเลยทั้งๆที่เป็นแค่เด็กประถมแท้ๆ แต่นะ ฉันว่าวันนี้ไดอารี่น่าจะเสร็จแล้วล่ะ”
ทำไมถึงรีบทำไดอารี่ให้เสร็จตั้งแต่วันแรกล่ะ?
จะแต่งเรื่องใส่ไดอารี่เอาหรอ?
จุดประสงค์ของไดอารี่ไม่ใช่ต้องเขียนทุกวันหรอ?
“ทำไมพวกนายไม่เอาไดอารี่ของปีก่อน แล้วก็ทำซ้ำล่ะ อ่ะ พวกนายเป็นเด็กดีนี่หน่า เพราะงั้นอย่าทำนะ”
???
แล้วทำไมไม่ไปทำวันสุดท้ายเอาล่ะ?
เพราะว่าปีนี้ต้องไปเรียนภาคฤดูร้อน เพราะงี้จึงต้องรีบทำสินะ lol
“พวกนายต้องเขียนไดอารี่ทุกวันด้วยนะ เข้าใจไหม มันเป็นการสร้างนิสัยที่ดี และทำให้เรารู้ถึงความมีค่าของเวลาด้วยนะ ผู้ใหญ่ที่ดีควรเขียนไดอารี่ทุกวันไงล่า~”
เหตุผลอะไรฟร๊ะ?
อย่างงี้นี่เอง ไม่เข้าใจอ่ะ
….w…
“แล้วเวลาที่เหลือเอาไปทำไรดีอ่ะ ทำรายงานหรอ?”
ผมสงสัยเกี่ยวกับการเรียนฟรีของอิโรฮะจังอ่ะ
เกี่ยวข้องกับวีทูบแน่นอน
”งั้นมาทำรายงานด้วยกันไหมคะ?☆”
!?!?!?
อาเนโกะ…!!
อาเนโกะปรากฎตัว!
“เดียวนะ พี่อาเนะ..?”
คอแลปเฉยเลย
ทำไมรู้สึกคุ้นๆกับอะไรแบบนี้นะ
อย่าไปบังคับอิโรฮะจัง คอแลปเซ้
“อ่ะเห็นข้อความที่ส่งมาแล้วนะ งั้นเดียวจะทำในสตรีมนี้เลยก็ได้ มันเป็นโปรเจ็คคอแลปกันอ่ะนะ และพี่อาเนะก็ทำคนเดียวไม่ได้~”
LOL
ใช้งานเด็กประถม โหดร้ายชะมัด @Anego
อาเนโกะต้องโตมากกว่านี้นะ www
“ส่วนรายละเอียดจะประกาศใน X และในสตรีมตอนที่รายละเอียดโปรเจ็คเสร็จนะทุกคน อย่าลืมไปดูด้วยล่ะ~”
รอ~
ข้าไม่สามารถทำนายได้ว่าอาเนะแม่งจะทำอะไรในคอแลป..
“ฉันก็รออยู่นะ บัย☆”
แล้วเธอก็ออกจากแชทไป
ฉันไม่ค่อยเก่งเรื่องการวางแผนโปรเจ็คเท่าไหร่ ตอนนี้เลยคุยเล่นๆกันมากกว่า
ฉันเลยคิดว่านี่คงเป็นวิธีการฝึกของพี่อาเนะมั้งนะ? เพราะยังไงตอนนี้ฉันก็ยังเป็นสตรีมเมอร์เด็กอยู่ ต้องเป็นแบบนั้นใช่มะ ต้องใช่แน่ๆ
คงไม่ใช่โยนงานมาให้ฉันใช่ไหม..?
ฉันหยุดคิดแล้วกลับไปที่หัวข้อหลัก
“แล้วก็อีกหนึ่งการบ้านสุดแสนน่าเบื่อ~ จดคันจิ..”
คิดถึงจังเลยน้า
ผมเกลียดสิ่งนี้สุดๆ
อิโรฮะจังโอเคที่เขียนคันจิซ้ำแล้วซ้ำอีกหรอ?
“พวกนายหมายความว่าไงอ่ะ?”
ผมเคยได้ยินมาว่าพวกอัจฉริยะจะไม่ค่อยชอบทำอะไรซ้ำๆนะ แบบมันทำให้ปวดหัวอะไรงั้น
ผมก็เคยได้ยินเหมือนกันด้วยว่าบางคนถึงกับเครียดจนต้องไปโรงบาลเลยก็มี
จริงอ่ะ?
“จริงหรอ?”
แม้แต่ฉันก็ยังคิดเหมือนกับช่องแชท
คำว่า “อัจฉริยะ” มักจะทำให้คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีเรื่องแย่ๆเลย แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีด้วยแฮะ..
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนะ ก็ตามที่พึ่งพูด ฉันไม่ใช่อัจฉริยะซักหน่อย ก็แค่ขยับมือพร้อมกับดูคริปไปก็แค่นั้นเอง~”
ไม่ใช่อัจฉริยะ และ พูดโดยอัจฉริยะ
อิโรฮะเป็นพวกชิวๆหรือเปล่า?
ผมดีใจแล้วล่ะ ที่ไม่เป็นอะไร
อย่างน้อยก็ไม่ส่งผลเสียอะไรนะ
“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โครตเกลียดมันเลย แบบมันจะมีเด็กที่ไหนชอบทำไรแบบนี้อ่ะ?”
ก็จริงนะ w
พูดถูก
จริง
“แต่ถึงบ่นไปยังไง ก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดี เหอะๆ.”
นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายเข้าใจวิธีการเรียนอยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กประถมมันก็ยังคงเป็น ต้องจำยังไง เป็นสิ่งแรก
อิโรฮะจังฉลาดอยู่แล้ว แต่ถูกบังคับมาทำอะไรแบบนี้ก็ดูน่าเบื่อจริงๆแหละ
รูปแบบการเรียนของโรงเรียนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่สร้างมาแบบไม่อยากให้ลาออก เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจ
นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมมัธยมต้นถึงมีสอบเข้าไง
“จริงหรอ..?”
ถ้าพูดกันแบบนั้น มันก็คงสมเหตุสมผลมั้ง
แต่มีหนึ่งอย่างคือ ฉันไม่ใช่อัจฉริยะ ฉันเป็นแค่คนๆหนึ่ง
ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ แต่คนอื่นไม่เชื่ออ่ะ..
* * *
วันต่อมา ฉันกับคุณแม่ได้เดินทางมายังโรงเรียนกวดวิชา
So the next day I was visiting an exam-cram school with my mother.
“ฟุเอ๊ ใหญ่จังเลย..”
“ไปๆ ไปกันเถอะ~”
ฉันไม่รู้ว่าคุณแม่คิดอะไรหรอกนะตอนนี้
สิ่งก่อสร้างมันใหญ่มากถ้าจะให้เรียกว่า โรงเรียนกวดวิชา หรือมันเป็นตึกสอบ แต่ฉันก็ตกใจนะที่จะได้มาเรียนในโรงเรียนกวดวิชาใหญ่ๆแบบนี้
ฉันเดินเข้าไปข้างใน และพวกเขาได้แสดงห้องเปล่าให้ฉันเห็น
เธอบอกกับฉันว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าคลาส แต่แค่ต้องเตรียมตัวไว้
อย่างแรก ฉันต้องไปสอบเพื่อที่จะเข้าโรงเรียนกวดวิชานี้
ฉันต้องอยู่ในห้องนี้คนเดียว ตอนที่ฉันกำลังสอบอยู่นั้น คุณแม่ก็ได้แยกไปอยู่อีกห้องดูเหมือนว่าเธอฟังเกี่ยวกับระบบของโรงเรียน และค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย
“ยากจังเลยแฮะ..”
ฉันพูดหลังจากที่แก้คำถามได้ ฉันไม่ได้หวังกับผลลัพธ์เท่าไหร่ ในฐานะคนที่เตรียมพร้อมมาก่อนอ่ะนะ xD
ทุกๆคำถามเป็นไปไม่ได้ที่เนื้อหาชั้นประถมนั้นจะตอบมันได้
แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ก็ชิวๆ~
และคุณแม่ก็ได้กลับมาที่ห้องนี้
พวกเขาบอกกับฉันว่าคะแนนสอบจะใช้เพื่อคัดห้องที่จะได้เรียน ตามแต่ล่ะหลักสูตร
พวกเขาบอกฉันว่าผลการทดสอบจะถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดตำแหน่งชั้นเรียนของฉันในแต่ละหลักสูตร ฉันไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ พึ่งรู้ตอนที่เขามาอธิบาย แต่จากที่ฟังมา มันมีหลักสูตรความรู้พื้นฐานสอบมัธยมต้น , หลักสูตรแอดวานส์มัธยมต้นที่เข้ายากๆ , หลักสูตรทบทวนเนื้อหาชั้นประถม
เธอได้บอกว่าในหนึ่งๆคอร์สจะแบ่งเป็นหลายๆชั้นเรียน เพราะมีเด็กนักเรียนมาก
“ลูกอยากเข้าอันไหนหรอ?”
“อยากเข้าแบบธรรมดาค่ะ”
แน่อยู่แล้ว ฉันไม่เล็งไปที่โรงเรียนที่สอบเข้ายากๆอยู่แล้ว แบบธรรมดาเพื่อโรงเรียนธรรมดา~
และ ก ร ะ บ ว น ก า ร คั ด ค น ก็ เ ริ่ ม ขึ้ น
* * *
วันต่อมา ฉันรับสายจากโรงเรียนกวดวิชา
ดูเหมือนว่าจะเป็นการแจ้งเตือนผลสอบและห้องที่จะได้
วันนี้คุณแม่ไม่อยู่บ้าน ฉันเลยต้องเป็นคนรับสาย
ฉันรู้ศักยภาพฉันอยู่แล้ว เพราะงั้นฉันต้องได้ห้องต่ำแน่นอน
[หนูอยากที่จะเป็นเด็กพิเศษของโรงเรียนเราไหม?..]
“คะ??????????”
ยังไม่ได้ตรวจคำจ้า!