“มีสายมาจากโรงเรียนหรอจ๊ะ เขาพูดว่าไงบ้าง?”

“อ่ะ ใช่ค่ะ คือเขาบอกว่าหนูได้ห้องธรรมดา”

 

ฉันบอกแม่ไปอย่างงั้นในตอนที่เธอถึงบ้าน คุณแม่ก็ดูช็อคเหมือนกันที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้น บางทีเธออาจจะจินตนการว่าฉันจะได้ห้องที่สูงที่สุด

 

“โอเคจ๊ะ งั้นอย่างแรกเลยก็คือ ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ สำหรับลูก แม่เชื่อว่าลูกไปห้องดีๆได้แน่นอน”

 

ฉันหัวเราะออกมา “หนู ก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันค่ะ”

 

ฉันคิดว่ามันไม่มีทางหรอกนะ เมื่อลองคิดกลับไป ตอนที่ฉันรับสายนั้นดูเหมือนว่า

 

 

 

* * *

 

[อยากจะมาเป็นเด็กห้องพิเศษของเราไหม?]

 

“คะ?”

 

 

ไม่ๆ ฉันว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

 

ฉันคิดไปอย่างนั้น

 

ฉันรู้ว่าฉันสอบเป็นยังไงบ้าง

 

แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าคะแนนตอนสอบมันต้องไม่ดีพอที่จะได้เป็นเด็กห้องพิเศษด้วยซ้ำ

 

หรือว่าคะแนนภาษาอังกฤษของฉันมันจะเหนือความคาดหมายกันนะ?

 

แต่ถึงยังไงฉันก็คือว่ามันต้องไม่พอที่จะทำให้ฉันกลายเป็นเด็กพิเศษได้สิ มันต้องมีพวกเด็กที่เก่งกว่าฉันแล้วได้คะแนนเหมือนกันแน่ๆ

 

แต่ในตอนที่ฉันฟังเรื่องราว ฉันก็เข้าใจวิธีการทำงานของระบบ

 

เธอได้อธิบายว่า เด็กห้องพิเศษไม่ได้วัดจากคะแนนที่ได้ แต่มาจากการคัดเลือกที่ต้องผ่านเงื่อนไขพิเศษ

 

ซึ่งมีอยู่ 2 เงื่อนไข

 

เงื่อนไขแรกก็ นักเรียนที่สมัครคอร์สต้องสอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่เข้ายากให้ได้

 

อีกอย่างก็คือ ต้องได้เกรดสูงๆ ในตอนที่สอบหลังจบคอร์สฤดูร้อน

 

ในอีกความหมายก็คือ ฉันเข้าใจสิ่งที่เขาพูดมาถูก มันหมายถึง

 

[เธอมีโอกาศที่จะได้เป็นเด็กห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนนั้น]

 

นี่ฉันคิดถูกใช่ไหมเนี่ย?

 

นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกไหม?

 

ไม่มีเด็กคนไหนรู้สึกแย่ตอนโดนบอกว่ามีพรสวรรค์ ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของครอบครัวเหมือนกันที่อยากได้ยินว่า ลูกของคุณเป็นอัจฉริยะ

 

ฉันพนันเลยว่าโอกาศมันไม่เป็นศูนย์หรอก ใช่ไหมล่ะ?

 

ฉันผิดหวังนิดหน่อย เพราะมันไม่ตรงกับความคาดหวังของฉัน

 

นั่นมันเป็นแค่เหยื่อล่อเฉยๆ

 

ใช้คำพูดว่า เด็กห้องเรียนพิเศษ (เด็กทุน) เพื่อเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนนั้นเลย.

 

คุณแม่เองก็เล็งที่ให้ฉันไปเรียนอยู่แล้วด้วย

 

ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าพวกนั้นบอกกับครอบครัวและเด็กว่ามีพรสวรรค์เหมือนกันอยู่แล้วทุกคน

 

เพราะยังไงแล้ว ทั้งหมดมันก็เป็นแค่คำพูด

 

เพราะยังไงการที่ได้เป็นเด็กห้องพิเศษและได้เข้าโรงเรียนมัธยมต้นที่ยากๆ มันเป็นผลดีต่อโรงเรียนอยู่แล้ว

 

และถึงจะทำไม่ได้ โรงเรียนก็ยังทำเงินจากค่าคอร์สตอนจบได้อยู่ดี

 

พวกพ่อแม่เองก็ยินดีที่จะให้ลูกติวฟรีเพื่อที่จะได้เป็นเด็กห้องพิเศษ

 

มันไม่น่าตกใจเลยซักนิดที่ครอบครัวจะหันหลังกลับจากเห็นค่าธรรมเนียมแพงๆ แต่ก็ยังจะลองโดยที่คิดไว้ว่า แค่ตอนนี้เท่านั้น

 

เด็กพิเศษจะมีอยู่ 2 ประเภท

 

A เป็นเด็กที่โรงเรียนจ่ายให้ทั้งหมด B เป็นนักเรียนที่โรงเรียนจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ถ้ามีคนมาบอกฉันอย่างงั้นฉันก็จะได้ 1 จากในนั้นแหละ

 

เพราะคนที่ลงทุนไป ก็หวังว่าอยากให้สิ่งที่ลงทุนไปดีขึ้นใช่ไหมล่ะ

 

แถมการที่ลงเงินไปแล้วมันก็ยากที่จะเอากลับมา

 

เงินส่วนนั้นจะถูกแช่แข็งเอาไว้ จนกว่าจะถึงเดือนกุมพาพันธ์ตอนที่สอบเข้าได้จบลง

 

และก็แน่นอน พวกครูเหล่านั้นเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก

 

มันก็เป็นแค่พื้นฐานของระบบเศรษฐกิจที่อยากให้ลูกค้ามาลองก็แค่นั้น

 

 

* * *

นั่นแหละคือความจริง

 

ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะคาดหวังมันนิดนึงตอนที่พวกเขาพูดงั้น แบบ ฉันเก่งนะอะไรงี้

 

กลับมาดีกว่า

 

วันนี้ฉันได้คอแลปกับวีทูบเบอร์ของประเทศเกาหลี

 

และฉันกำลังเล่นเกมที่ปกติฉันจะไม่ค่อยเล่นนั้นคือเกม fps ที่มันเป็นภาษาเกาหลี

 

 

<ผมเข้าใจดีเลยล่ะ พวกวิชาการในเกาหลีเองก็เดือดมากๆ ถึงมันจะไม่มีการสอบเข้าพวกม.ต้น หรือ ม.ปลายก็เถอะ แต่เพราะโรงเรียนเป็นที่ๆเรียน มันเลยไม่มีพวกชมรมเหมือนของญี่ปุ่น>

 

<เป็นงั้นเองหรอคะเนี่ย..?>

 

<ใช่ครับ ในตอนที่ผมเป็นเด็นม.ปลาย ผมจะกังวลในวันสอบเสมอ และในวันสอบเองคนทั่วทั้งประเทศก็จะส่งเสียงเชียร์ให้กับพวกนักเรียน>

 

 

 

 

나는 시험이 싫습니다. (ผมเกลียดการสอบ)

 

ตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากสอบเลยล่ะครับ ถึงแม้จะให้เงิน 10 ล้านวอนก็เถอะ

 

ตอนสอบผมเกือบจะมาสายแล้ว ผมเลยต้องนั่งรถของตำรวจเพื่อมาสอบเลย

 

<อะไรนะคะ รถตำรวจ?>

 

 

ตอนที่ผมกลับบ้าน มีชายแก่ที่ไหนก็ไม่รู้มาขี่มอเตอร์ไซค์พาผมกลับบ้านด้วย

 

ผมยังฝันร้ายตอนที่ผมเกือบสายอยู่เลย

 

 

<ทุกคนคนมีเวลาที่ลำบากกับการสอบเหมือนกันสินะคะเนี่ย..>

 

<เดียวนะ อิโรฮะจังไม่ได้อ่านคอมเม้นของผมเป็นอังกูลหรอ?>

 

<อ่ะ ค่ะพึ่งเห็น งั้นเดียวอ่านเลยนะคะ>

 

 

งั้นแสดงว่าตอนนี้อ่านได้แล้วสินะ

 

จริงดิ๊? ในลองอ่านให้ฟังหน่อย

 

 

ผู้จัดการโรงงานซีอิ๊วคือผู้จัดการโรงงานคัง และผู้จัดการโรงงานมิโซะคือผู้จัดการโรงงานช้าง

(간장공장의 관리자는 강공장의 관리자이다. 그리고 된장 공장장은 코끼리 공장장이다.)

 

 

 

 

 

<หัวหน้าโรงงานซีอิ๊วคือผู้จัดการโรงงานคัง และหัวหน้าโรงงานมิโซะคือผู้จัดการโรงงานช้าง>

(간장공장의 관리자는 강공장의 관리자이다. 그리고 된장 공장장은 코끼리 공장장이다.)

 

 

 

!?!?!?

 

นี่อิโรฮะจังพูดเกาหลีได้ดีกว่าคนเกาหลีอย่างผม ?

 

ลิ้นพันหมดแล้วจ้า

 

<อะไรหรอทุกคน มันเป็นคำที่พูดยากหรอ?>

 

 

 

กันจัง กอนจัง กอนจัง จัง อุนคัง กอนจังจังกยิโก, เทนจัง กอนจัง กอนจังจัง อุนชาน กอนจังจังกยิดา…

( TL : ? )

 

ว๋าา พูดอยากจังเลย

 

ฉันไม่รู้เลยนะ ว่าเมื่อกี้ฉันพูดเร็วขนาดนี้

 

แล้วฉันพูดเร็วได้ไงเนี่ย ก็การร้องเพลงของฉันมันกากซะขนาดนั้น ?w?

 

 

 

(TL : ในส่วนของหัวหน้าโรงงานซีอิ้ว มันเป็นประโยคที่คล้ายๆคำพ้องเสียงกับอ่ะครับ มันก็ประมาณนี้)

 

ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงกันไหมครับ ? กลับมาแล้วครับ เย้ เย้ เย้ แต่พรุ่งนี้ยังมีสอบนะ wwwww