บทที่ 11 หมัวเทียนผิดใจกับผู้เป็นอาจารย์ (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 11 หมัวเทียนผิดใจกับผู้เป็นอาจารย์ (ต้น)

บทที่ 11 หมัวเทียนผิดใจกับผู้เป็นอาจารย์ (ต้น)

ใบหน้าของซวี่รั่วหลิงขึ้นสีแดงเรื่อ และความห่วงใยของลู่หยวนชวนให้นางอบอุ่นหัวใจ

อีกด้านหนึ่ง หมัวเทียนเห็นแล้วว่าทั้งสองรักกันเพียงใด เขาสบฟันแน่น

นังสุนัขเพศเมีย!

เหยียนโจวกล่าวต่อ “เจ้าหนู ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเขา รีบไปได้แล้ว!”

หมัวเทียนใช้ประโยชน์จากที่ลู่หยวนยังไม่ได้สนใจเขาเพื่อถอยออกไปในเวลานี้

ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นพร้อมยกยิ้มจางบนใบหน้า

หมัวเทียนถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เปลวไฟอันคุโชนเกี่ยวกระหวัดกับใบมีดของกระบี่ยาวตลอดคม

ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ วิชาจารึกสวรรค์ก็ตื่นขึ้นจนถึงขีดสุด ชายหนุ่มถือกระบี่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะโคจรพลังทั้งหมดแล้วฟาดฟันออกไปอย่างรุนแรง!

เปรี้ยง!

เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มกระบี่ยาวเอาไว้ปะทะเข้ากับค่ายกลป้องกัน อากาศโดยรอบผันผวนเล็กน้อยก่อนจะเงียบสงบอีกครั้ง และสิ่งกีดขวางที่บุตรศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นไม่แม้แต่บุบสลาย

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น”

ลู่หยวนเอ่ยในลำคอ “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในวันนี้ แม้จะใช้เวลาร้อยปีในการทำลายมัน เจ้าก็ไม่มีวันทำลายเคล็ดวิชาจารึกสวรรค์นี้ได้!”

หมัวเทียนไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวคำ เขารีบโคจรฐานการฝึกฝนทั้งหมดไว้ที่มือ เปลวเพลิงแผดเผาจนแทบจะละลายใบมีดของกระบี่ยาวทั้งหมด

รูม่านตาหรี่ลง ก่อนภาพลวงตาปรากฏขึ้นในแววตาคู่นั้น อีกทั้งกระบี่ในมือก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น

“หายไปซะ!”

หมัวเทียนคำรามก่อนจะเหวี่ยงกระบี่ในมือออก

เปลวเพลิงกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า กระบี่เพลิงเล่มนี้พลันโจมตีค่ายกลป้องกันอย่างรุนแรง

ตู้ม!

การระดมโจมตีคราวนี้ยิ่งใหญ่ราวภูเขาถล่มลงมา เปลวไฟพุ่งไปตามแนวปราการโดยรอบ แต่สุดท้ายแล้ว… มันก็ยังไม่บุบสลายแต่อย่างใด

ดวงตาของหมัวเทียนกลายเป็นแดงฉาน ความคับแค้นพวยพุ่งขึ้นเต็มหัวใจ

ทำไม?

ทำไมข้าจึงอ่อนแอเช่นนี้?!

แม้จะเป็นเคล็ดวิชาจารึกสวรรค์ธรรมดา แต่ข้ากลับไม่สามารถสั่นสะเทือนมันได้!

เหยียนโจวเห็นว่าอารมณ์ของหมัวเทียนกลับกลายเป็นผันผวน เขารีบกล่าวปลอบประโลมเพื่อให้จิตใจของหมัวเทียนสงบลง

“หนุ่มน้อย อย่าได้คิดมากไป! มอบร่างกายเจ้าให้กับข้า!”

ทันทีที่กล่าวจบ หมัวเทียนหลับตาลง และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลิ่นอายในกายพลันแปรเปลี่ยนไป

จู่ ๆ รูม่านตาคู่นั้นก็ลืมขึ้น สายตาเย่อหยิ่งเผยออกมาซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้

เขาหันกลับมา พร้อมสีหน้าสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความสุขและเศร้าในดวงตาคู่นั้น… ปราศจากอารมณ์ทั้งปวง

“อ่า? ในที่สุดก็เปลี่ยนตัวแล้วหรือ?”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่ที่ใบหน้าของลู่หยวน “ข้าคิดว่าเจ้ามัวแต่จะซ่อนอยู่ด้านหลังและไม่ยอมออกมาเสียอีก”

เหยียนโจวสับสนเมื่อได้ยินคำพูดของคุณชายตำหนักธารสุญญะ ดูเหมือนว่าลู่หยวนจะรู้ว่าหมัวเทียนถูกควบคุมแล้ว!?

เป็นไปได้อย่างไรกัน…

ยอดฝีมือเฒ่านึกตกใจอยู่ชั่วขณะ

หลังจากไตร่ตรองดู นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่ลู่หยวนจะทราบ ท้ายที่สุดแล้ว… ในห้องโถง ยอดฝีมือผู้เป็นอารักษ์ขั้นเทียมเทพของตระกูลอวิ๋นก็ได้ตรวจพบการมีอยู่ของเขามาก่อนแล้ว

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มีสายตาที่เฉียบแหลม”

เหยียนโจวกล่าวคำ แม้จะเป็นน้ำเสียงของหมัวเทียน แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์อันล้ำลึก สอดคล้องกับกลิ่นอายในกายทั้งหมด เขาไม่ใช่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์อีกต่อไป แต่เป็นชายชราที่ผ่านพ้นความยากลำบากมานับไม่ถ้วน

ลู่หยวนเอ่ยผ่านรอยยิ้มแสยะ “หึ… มันไม่ง่ายเลยที่จะช่วยเหลือคนโง่เขลาอย่างหมัวเทียน ในขณะที่เศษวิญญาณของผู้อาวุโสยังมีสติดีอยู่ ไม่คิดจะเปลี่ยนผู้คุ้มครองบ้างเลยหรือ?”

ตึกตัก…

เสียงหัวใจของร่างกายหมัวเทียนถึงกับเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง

เมื่อเหยียนโจวได้ยินเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไร

“หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการเอาชนะชายชราผู้นี้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ ชายชรามีศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือบุตรแห่งโชคชะตา!”

“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปฏิเสธ…”

ลู่หยวนหยิบยาอายุวัฒนะออกมาแล้วโยนไปทางเหยียนโจว มันลอยอยู่ตรงหน้าคู่ต่อรอง พร้อมส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ราวกับปีศาจหยิบยื่นของล้ำค่าให้ โดยเก็บซ่อนรอยยิ้มแสยะกว้างไว้เบื้องหลัง

“นี่คือยาอายุวัฒนะระดับสาม… โอสถหล่อวิญญาณ มันมีประโยชน์มากกับสถานการณ์ในปัจจุบันของผู้อาวุโส”

เหยียนโจวมองยาอายุวัฒนะตรงหน้า และคงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่หวั่นไหวไปกับมัน

นี่คือโอสถหล่อวิญญาณ!

แม้ว่าสำหรับจิตวิญญาณยอดฝีมือเฒ่าผู้ข้ามผ่านช่วงเวลาอันยาวนานมาแล้ว ยาอายุวัฒนะระดับสามมิใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

แต่เวลานี้ เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ และไม่มีความสามารถจะสรรหายาอายุวัฒนะระดับสามมาครอบครองได้ ในขณะที่หมัวเทียนนั้นไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์

และเมื่อเวลาผ่านไป จิตวิญญาณของยอดฝีมือเฒ่าก็ยิ่งอ่อนแอลง เหยียนโจวทุ่มเททุกสิ่งให้กับศิษย์รัก แต่เขาก็ยังมีความกังวลอยู่มากเพราะกลัวว่าวิญญาณที่เหลือนี้จะสูญสลายไป ก่อนที่หมัวเทียนจะเติบโตพอเพื่อหลอมสร้างร่างกายใหม่ให้เขา

แต่ถ้าหากเขามีโอสถหล่อวิญญาณ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนั้นเลย

โอสถหล่อวิญญาณไม่เพียงแต่ทำให้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังทำให้มั่นใจได้ว่าในหลายร้อยปีข้างหน้าตนจะไม่สูญสลายไป และจะมีเวลาขัดเกลาจิตวิญญาณเพื่อให้พลังวิญญาณเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้ เพื่อให้เขาทรงพลัง และแข็งแกร่ง!

เหยียนโจวละสายตาจากยาหล่อวิญญาณก่อนจะหันกลับมา “เจ้าต้องการใช้เม็ดยานี้เพื่อเอาชนะชายชรางั้นหรือ?”

ลู่หยวนยกยิ้ม “ผู้อาวุโส ไม่จำเป็นต้องกังวล การมอบยาให้กับผู้อาวุโสนี้ถือว่ามันเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรา และเพื่อให้ผู้อาวุโสได้พิจารณาหนทางใหม่”

“ผู้อาวุโสสมควรเห็นความแตกต่างระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลหมัว หากผู้อาวุโสติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ข้าย่อมทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ร่างกายของผู้อาวุโสสมบูรณ์โดยเร็ว”

แม้ร่างกายของหมัวเทียนจะถูกเหยียนโจวควบคุม แต่เจ้าของร่างก็ยังมีสติรับรู้ เมื่อเห็นว่าลู่หยวนเกลี้ยกล่อมอาจารย์ของตนอย่างไร้ยางอาย เขาสบฟันแน่นด้วยความโกรธ อยากจะกลืนกินเนื้อของอีกฝ่ายให้หมดสิ้น!

เหยียนโจวมองยาอายุวัฒนะพลางตกอยู่ในความเงียบงัน

ลู่หยวนเพียงแค่ปล่อยให้ยอดฝีมือเฒ่าไตร่ตรองอย่างช้า ๆ

แต่เมื่อหมัวเทียนเห็นว่าชายชราเงียบไป เขายิ่งกังวลทันที

เหยียนโจวคือที่พึ่งหนึ่งเดียวของเขา เป็นเพราะอาจารย์ทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้ จากหนุ่มน้อยไร้ชื่อกลายเป็นที่เลื่องลือ แล้วหากเหยียนโจวจากไปแล้ว ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา?!

จากนั้นไม่นาน เหยียนโจวเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวตอบ “แล้วหากชายชราปฏิเสธ?”

ลู่หยวนยิ้ม “ผู้อาวุโส หากท่านมีสิ่งอื่นในใจแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ย่อมไม่บังคับท่านแน่นอน และโอสถหล่อวิญญาณนี้ถือว่าเป็นของขวัญให้สำหรับการพบกันคราวนี้ ข้ามอบให้ผู้อาวุโสแล้ว”

“แม้ผู้อาวุโสจะอยู่ในโลกนี้ด้วยฐานะเศษเสี้ยววิญญาณ แต่ข้าขอสันนิษฐานว่าท่านคือบุคคลที่ข้ามผ่านแผ่นดินหยวนหงมาแล้ว จึงเป็นการดีหากข้าจะผูกมิตรกับหนึ่งหรือสองคนไว้ สุดท้ายแล้วย่อมมีแต่ผลดี”

“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าเกียจคร้านเกินกว่าจะสร้างปัญหา วันนี้หากผู้อาวุโสไม่เห็นด้วย ข้าก็จะไม่เอาชีวิตของหมัวเทียนเพื่อบีบบังคับให้ผู้อาวุโสยอมจำนน”

เหยียนโจวยังไม่เชื่อใจลู่หยวนมากนัก ท้ายที่สุดแล้วนี่คือยาอายุวัฒนะระดับสาม แม้แต่ตระกูลลู่ก็มิใช่แข็งแกร่งจนสามารถมอบมันออกไปได้ตามใจชอบ

“ไม่ว่าผู้อาวุโสจะเชื่อหรือไม่ โอสถหล่อวิญญาณนี้ถูกมอบให้โดยบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว และขึ้นอยู่กับว่าผู้อาวุโสจะรับของขวัญจากข้าหรือไม่”

หลังกล่าวจบ ลู่หยวนหยุดเคล็ดวิชาจารึกสวรรค์พร้อมเดินออกไปกับซวี่รั่วหลิง