บทที่ 6 สั่งสอนสาวใช้

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 6 สั่งสอนสาวใช้
เฟิ่งชิงหัวกลับไปยังเรือนที่ตนเองพำนักอยู่ สาวใช้ที่จวนเฉิงเซี่ยงส่งมาพร้อมกับนางยืนเรียงกันอยู่กลางลานบ้าน กำลังวิเคราะห์อย่างรังเกียจว่าเรือนแห่งนี้ใหญ่โตไม่พอ
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวเข้ามา ก็ไม่เข้าไปคำนับ แต่เดินเข้าแย่งกันฟ้องร้อง
“คุณหนูรอง วันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกท่าน ท่านอ๋องไม่ต้อนรับท่านเข้าไปในเรือนหลัก แต่กลับให้มาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจท่านเลย อีกอย่าง เตรียมสถานที่อะไรก็ไม่รู้ไว้ให้พวกเรา ที่นี่ห่างจากเรือนใหญ่ตั้งไกล พวกเราเข้าออกไม่สะดวกเลยสักนิด”
“ใช่แล้วคุณหนูรอง ที่นี่ไม่มีหญิงรับใช้แม้แต่คนเดียว พวกเรายืนอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้วก็ยังไม่เห็นว่าจะมีบ่าวไพร่มาช่วยพวกเราเก็บข้าวของ”
เฟิ่งชิงหัวหยักริมฝีปากขึ้น “ไม่มีก็คือไม่มี พวกเจ้าก็ลงมือเก็บกันเองซิ”
“พวกเรา คุณหนูรองล้อเล่นหรือเปล่า พวกเราเป็นสาวรับใช้ชั้นหนึ่ง ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเจ้านายอย่างใกล้ชิด จะทำงานสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว คุณหนูรองต้องล้อเล่นแน่ๆ”
ทั้งสองคนพูดกับเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่พอใจ ราวกับกำลังหัวเราะเยาะนางว่าแม้แต่ระดับชั้นของสาวใช้ก็ยังไม่รู้
รอยยิ้มที่มุมปากของเฟิ่งชิงหัวไม่ได้ลดน้อยลงไป แต่น้ำเสียงกลับฟังดูต่ำลงกว่าเมื่อครู่มาก “ล้อเล่นหรือ ข้าไม่ได้ล้อเล่น อยากจะอยู่ที่จวนอ๋องก็ต้องทำงานให้ดี ไม่อย่างนั้น มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น”
“คุณหนูรอง พวกเราเป็นคนที่ฮูหยินส่งมา ท่านกล้าพูดกับเราเช่นนี้หรือ ไม่กลัวพวกเราจะไปฟ้องฮูหยินหรืออย่างไร”
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นคนที่ฮูหยินส่งมาช่วยให้ท่านสามารถอยู่ในจวนอ๋องอย่างมั่นคง ไม่กลัวว่าพวกเราจะไม่ช่วยท่านหรือ”
ได้ยินดังนั้น เฟิ่งชิงหัวก็หรี่ตาเรียวยาวลงมองดูสาวใช้ทั้งสองคนที่มีรูปร่างสวยงาม ใบหน้ารูปไข่ขาวสะอาด ถึงว่าทำไมนางจึงรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ไม่ค่อยจะปกติ ที่แท้ฮูหยินเฉิงเซี่ยงมีแผนการเช่นนี้นี่เอง ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นไม่น้อยเลย
เฟิ่งชิงหัวเดินเข้าไป ตบไปที่ใบหน้าของทั้งสองคนละสองที พูดด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ฮูหยิน ที่นี่คือจวนอ๋อง ไปเอาฮูหยินมาจากไหน งานของสาวใช้ชั้นต่ำไม่อยากทำ พวกเจ้ายังไม่ได้ปีนขึ้นเตียงของท่านอ๋องเจ็ดเลย ก็เริ่มวางมาดต่อหน้าข้าแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ท่านกล้าตบพวกข้าหรือ พวกเราเป็นคนของฮูหยินนะ”เซียงเสว่จ้องมองเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“คนของฮูหยิน พวกเจ้าอย่าลืมซิว่า ตอนนี้พวกเจ้าเป็นสาวใช้ที่ติดตามข้าเป็นสินสอดติดตัว สัญญาขายตัวเป็นทาสอยู่ที่ข้า แม้ข้าจะขายพวกเจ้าไปในตอนนี้ ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็ไม่มีทางว่าอะไรข้าได้”
“อย่า คุณหนูรอง พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราเพิ่งจะออกจากจวนเฉิงเซี่ยง ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ในทันที วันหน้าพวกเราจะระวังให้มากขึ้น”หญิงสาวอีกคนรีบพูดขึ้นมาทันที
“ม่านเฉ่า เจ้า……”
เซียงเสว่ยังไม่ทันพูดจบ ม่านเฉ่าก็ส่งสายตาให้นาง เซียงเสว่เข้าใจขึ้นมาทันที และเริ่มอ้อนวอนเช่นกัน
เฟิ่งชิงหัวไม่สนใจแผนการในใจของพวกนาง เอ่ยออกไปว่า “ในเมื่อคิดได้แล้ว ก็เริ่มทำงานเถอะ เริ่มจากการทำความสะอาดเรือนก่อนแล้วกัน”
“ว่าไงนะ”เซียงเสว่ร้องอุทานขึ้น “ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะเจ้าคะ”
ม่านเฉ่ากลับบอกว่า “ได้เจ้าค่ะได้ คุณหนูรอง พวกเราจะเริ่มทำงานทันที ท่านเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะ ท่านคงยังไม่ได้กินอาหารค่ำ บ่าวจะไปทำของกินมาให้ท่านนะเจ้าคะ”
เฟิ่งชิงหัวกวาดตามองทั้งสองคนแวบหนึ่ง แก้ไขว่า “คราวหน้าให้เรียกพระชายา”
รอให้เฟิ่งชิงหัวเข้าไปในเรือนแล้ว เซียงเสว่ก็มองม่านเฉ่าอย่างไม่พอใจ “เจ้าจะกลัวนางทำไม ตอนที่อยู่จวนเฉิงเซี่ยง ฐานะของนางไม่ได้สูงกว่าพวกเราเลย แม้แต่สาวใช้ระดับสามยังไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ”
ม่านเฉ่าด่าว่านางโง่ในใจ แต่ใบหน้ากลับยิ้มอย่างนิสัยดีว่า“เซียงเสว่ นี่เจ้าลืมจุดประสงค์ที่พวกเราติดตามเป็นสินสอดติดตัวมาแล้วหรือ ยิ่งไปกว่านั้นสัญญาขายตัวเป็นทาสก็อยู่ที่มือนาง พวกเราก็อดทนกันไปก่อนสักระยะหนึ่ง วันหน้าใครจะเป็นนาย ก็ยังไม่รู้เลย ”
เซี่ยงเสว่เข้าใจขึ้นมาทันที พยักหน้าติดๆกันหลายครั้ง “ม่านเฉ่าเจ้าช่างรอบคอบจริงๆ”
และมองว่างานในเรือนนี้ก็ไม่ได้น่ารังเกียจมากขนาดนั้นแล้ว เลิกแขนเสื้อขึ้นพลางกัดฟันเก็บกวาดเรือนทันที