บทที่ 16 ขูดเลือดขูดเนื้อ

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 16 ขูดเลือดขูดเนื้อ

บทที่ 16 ขูดเลือดขูดเนื้อ

เยี่ยเฟยเฟยที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน จึงนอนทอดกายกับที่นอนเป็นเวลานาน สุดท้ายผล็อยหลับ ตอนที่ตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าฟ้ามืดสนิทแล้ว และที่ห้องโถงด้านนอกก็ไม่มีเสียงของอู๋ฝานแล้วเช่นกัน

เยี่ยเฟยเฟยเปิดประตูออกไปยังห้องโถง พบว่าอู๋ฝานไม่อยู่แน่แล้ว วัตถุดิบที่จัดเรียงเอาไว้ก่อนหน้าก็หายไปด้วยเช่นกัน แต่มีกระดาษโน้ตวางเอาไว้บนโต๊ะทานอาหาร

“อาหารอยู่ในตู้เย็น อุ่นเองนะ”

แม้ว่าไม่มีการลงชื่อ แต่เยี่ยเฟยเฟยทราบแน่แก่ใจว่าเป็น ‘รูมเมท’ ที่ฝากข้อความเอาไว้

“ไม่นึกเลยว่าจะห่วงกันขนาดนี้” แม้เยี่ยเฟยเฟยยังไม่ได้หย่อนความระวังให้อู๋ฝาน แต่ความประทับใจที่มีก็ดีมากขึ้น

ปัจจุบัน อู๋ฝานกำลังดำเนินกิจการของตัวเองที่ตรงหน้าร้านแผงลอย กิจการวันนี้ค่อนข้างดี บางทีอาจเพราะมีนักศึกษามากมายกลับมายังมหาวิทยาลัยในช่วงเริ่มภาคเรียน การสัญจรจึงค่อนข้างหนาแน่น รับกับมหาวิทยาลัยที่ใกล้เริ่มภาคเรียน

แน่นอนว่า หากเทียบเปรียบกับร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างเคียง กิจการของเขาเงียบเหงากว่าเป็นไหน เพียงแต่อู๋ฝานก็ไม่มีความคิดนึกอิจฉาคนอื่น ใครใช้ให้ฝีมือของเขาย่ำแย่กับร้านแผงลอยเล็กจนเกินไปกันล่ะ

ตอนที่อู๋ฝานกลับมายังที่พัก ก็เป็นช่วงดึกแล้ว ตอนนี้เยี่ยเฟยเฟยที่เพิ่งมายังสถานที่แปลกใหม่ ยังคงนอนอยู่บนที่นอน แต่ไม่ได้หลับ ทันทีที่เธอได้ยินเสียงเปิดประตู จึงตื่นตัวในพริบตา สีหน้ากลับกลายเป็นตึงเครียด

ชายโสดกับหญิงโสด พักอาศัยในบ้านหลังเดียวกัน ทั้งยังไม่ใช่คนคุ้นเคยต่อกัน เยี่ยเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะเกิดความกระวนกระวายขึ้น

นับเป็นโชคดี ที่ไม่ช้าอู๋ฝานก็เข้าห้องนอนของตัวเองไป ยามได้ยินเสียงประตูปิดลง เยี่ยเฟยเฟยจึงผ่อนลมหายใจโล่งอก

อู๋ฝานไม่มีแก่ใจจะไปสนใจความคิดเห็นอะไรของเยี่ยเฟยเฟย พอกลับถึงห้อง เขาก็รีบอาบน้ำและเข้าสู่โลกแห่งเกมแล้ว

เมื่อกลับมายังโลกอีกแห่งหนึ่ง อู๋ฝานก็ยังคงอยู่หน้าประตูบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน พร้อมกับนึกสิ่งที่คิดออกในช่วงกลางวันขึ้นมา จึงมุ่งตรงไปพบหัวหน้าหมู่บ้าน

“ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นศิษย์ของตาแก่หลี่แล้วงั้นหรือ? ไม่เลวเลย เรียนรู้จากเขาให้ดี ข้ารับประกันได้ว่าผลประโยชน์นั้นจะอยู่ไปตลอดชั่วชีวิตของเจ้า” หัวหน้าหมู่บ้านพบเห็นอู๋ฝาน จึงเป็นฝ่ายเอ่ยคำขึ้นก่อน

“แน่นอนครับ “ อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ การได้พบกับตัวตนระดับปรมาจารย์ เขาย่อมไม่คิดพลาดโอกาสอันดีเช่นนี้ไป

“งั้นก็ดีแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านตอบรับด้วยความพึงพอใจ “แล้วต้องการอะไรจากข้ากัน? ไม่มีภารกิจอะไรให้หรอกนะ”

“ผมไม่ได้มาขอภารกิจครับ” อู๋ฝานกล่าวตอบ “อันที่จริงก่อนหน้านี้เห็นว่าด้านหลังของภูเขามีพื้นที่เปิดกว้างอยู่ ปู่หัวหน้าหมู่บ้านเองก็เห็น ว่าพื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่าไม่ได้ใช้ทำอะไร ทำไมไม่มอบให้ผมเอาไปใช้งานอย่างการเพาะปลูกล่ะครับ?”

อู๋ฝานมองหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราด้วยความคาดหวัง พื้นที่กว้างตรงด้านหลังของภูเขาไม่ใช่เล็กน้อย หากว่าหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชรายินดีฝากฝังไว้กับเขา ก็เทียบเท่าการมีพื้นที่เพาะปลูกเป็นของตัวเอง ผักที่ปลูกได้จะนำไปใช้ทำบาร์บีคิวต่อไป

“ทำไมถึงต้องการที่โล่งนั่นกันล่ะ? คิดเพาะปลูกอะไรหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านมองอู๋ฝานด้วยความสงสัย

“ก็เพาะปลูกพวกผัก หรือไม่ก็ผลไม้อะไรทำนองนั้นครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างไรหมู่บ้านของเราก็มีคนไม่มาก ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างมีอายุกันแล้ว แค่พื้นที่เล็กน้อยตรงหน้าบ้านและหลังบ้านก็เกินพอจะดูแล ข้าเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปจัดการกับพื้นที่กว้างด้านหลังของภูเขา” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวตอบ

อู๋ฝานที่ได้ยินจึงเกิดยินดี เรื่องราวกำลังคลี่คลาย!

เพียงแต่ ฉับพลันนี้เองที่น้ำเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านเปลี่ยนไป “ทว่า…”

“แต่อะไรครับ?” อู๋ฝานเร่งร้อนถามแทรก เพราะมันเกี่ยวข้องกับแผนการทำเงินในชีวิตจริง หากเขาได้รับพื้นที่โล่งที่ตรงนั้น ไม่เพียงแต่จะได้วัตถุดิบทำบาร์บีคิว แต่ยังสามารถนำไปขายเพิ่มเติม เขาเชื่อว่ามันสามารถทำเงินได้มาก ดังนั้นจะเกิดร้อนใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“ทว่า เจ้ามีเงินหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านมองอู๋ฝานด้วยสีหน้าหยอกเย้า

“เงิน?” อู๋ฝานหน้าชา ก่อนจะมองหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราที่ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “ปู่หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราต่างก็เป็นคนรู้จักกันดี ให้ผมติดไว้ก่อนได้ไหม? เมื่อไหร่ทำเงินได้ ผมรับปากจะจ่ายคืนให้ครับ”

“คงไม่ได้” หัวหน้าหมู่บ้านส่ายศีรษะ “ที่นี่ไม่รับเงินเชื่อ”

“ทำไมไร้หัวจิตหัวใจขนาดนี้กัน?” อู๋ฝานตอบกลับ “หมู่บ้านก็ตั้งใหญ่ แต่ไม่มีที่ให้ผมได้หาเงินมาใช้เลย”

ก่อนหน้านี้อู๋ฝานก็เคยคิดถึงเรื่องเงิน แต่ภายหลังสังหารมอนสเตอร์มากมาย ดร็อปอุปกรณ์ออกมา แต่ไม่พบเห็นแม้สักเหรียญทองแดง มันทำให้เขาอับจนต่อเรื่องราว

“อยากหาเงินงั้นหรือ? ไม่ใช่เรื่องยาก!” หัวหน้าหมู่บ้านตอบรับ

“แล้วจะหาเงินยังไงครับ?” อู๋ฝานเร่งร้อนถาม หากมีเงิน ปัญหาเรื่องสัญญาเช่าที่ดินเปล่าก็คลี่คลายได้ และหากคิดทำอะไรอื่นอีกก็จะยิ่งสะดวก

“ออกไปนอกหมู่บ้าน สังหารมอนสเตอร์หรือไม่ก็พวกสัตว์ป่า ขายขน กรงเล็บ หรือไม่ก็ฟันของพวกมันให้แก่คนที่ต้องการเสียสิ โดยเฉพาะตาแก่หลิวจากร้านขายของชำ เขาชอบเก็บสะสมรวบรวมเอาไว้ไม่ใช่น้อย” หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราชี้แนะหนทางการทำเงินให้แก่อู๋ฝาน

อู๋ฝานพอได้ยิน จึงเกิดนึกถึงสองร่างที่อยู่ในกระเป๋าด้านหลัง หนึ่งเป็นจิ้งจอกอสูร อีกหนึ่งเป็นเสือร้ายลายจุด เพราะเมื่อวานเร่งร้อนกลับไป จึงลืมจัดการกับพวกมัน ไม่นึกว่าตอนนี้จะกลายเป็นตัวช่วยให้เขาทำเงินขึ้นมาได้

พอคิดได้ดังนั้น เขาจึงพบหนทางทำเงินอย่างรวดเร็ว อู๋ฝานจึงเร่งร้อนตอบรับ “เดี๋ยวผมกลับมานะครับ!”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรีบออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน มุ่งหน้าตรงไปยังร้านขายของชำ อู๋ฝานค่อนข้างคุ้นเคยกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้ดี ดังนั้นจะหาร้านขายของชำจึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

“ปู่หลิว ผมมีของมาขายครับ!” อู๋ฝานที่หยุดยืนตรงหน้าประตูร้าน นำร่างของจิ้งจอกอสูรและเสือร้ายลายจุดวางลงที่หน้าประตูร้านขายของชำ

“มาแล้ว มาแล้ว!” ประตูร้านขายของชำเปิดออกในเวลาอันสั้น ชายชราออกมาจากด้านในร้าน ยามพบเห็นร่างของจิ้งจอกอสูรและเสือร้ายลายจุดบนพื้นจึงแสดงอาการประหลาดใจ ก่อนที่สุดท้ายจะเผยความยินดี

“เด็กน้อย!” เถ้าแก่ร้านขายของชำไม่คิดพูดพล่ำกับอู๋ฝาน ความสนใจนั้นมุ่งตรงยังร่างทั้งสองบนพื้น อู๋ฝานกระทั่งได้เห็นว่าในตาของอีกฝ่ายปรากฏประกายแสงวิบวับ

“ปู่หลิว เจ้าสองตัวนี้ คิดรับซื้อไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“เอาสิ เอา แน่นอน!” เถ้าแก่หลิวตอบรับโดยไม่ลังเล ได้ยินจากป้าใหญ่หวังพูดถึงเจ้าอยู่ ข้าทราบว่าเจ้าเป็นคนหนุ่มไฟแรง เจ้าสองตัวนี้คุณภาพดีเยี่ยม ข้าย่อมไม่เอารัดเอาเปรียบ เอาแบบนี้เป็นไร สองร่างตรงนี้ หากเปลี่ยนเป็นเงิน ข้าให้สองเหรียญทอง คิดว่ายังไง?”

สองเหรียญทอง?

พูดกล่าวตามตรง อู๋ฝานไม่ทราบมูลค่าของระบบเงินในโลกแห่งนี้ เขาไม่ทราบว่าสองเหรียญทองมันมากหรือน้อย แต่อย่างไรมันก็เป็นถึงเหรียญทอง อีกฝ่ายก็แสดงท่าทีจริงใจออกมา นอกจากนี้อีกฝ่ายยังพูดว่าได้ยินป้าใหญ่หวังเอ่ยชมเชยตัวเขา ราคาที่เสนอให้ เขาจึงเชื่อไปว่าจะไม่ขาดทุนแต่อย่างใด

ดังนั้น อู๋ฝานที่ครุ่นคิดแล้วจึงตอบตกลง

การซื้อขายเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายต่างยินดี

เพียงแต่ ยามเมื่ออู๋ฝานนึกถึงเงินในกระเป๋า และบังเอิญที่นี่ก็เป็นร้านขายของชำ เขาจึงเข้าไปในร้านเพื่อดูว่ามีอะไรที่เหมาะสมกับตนเองบ้างหรือไม่ สุดท้ายรอยยิ้มที่ใบหน้าพลันต้องเลือนหายวับไป

“ตาแก่หน้าเลือด!” อู๋ฝานกลับออกจากร้านขายของชำด้วยความไม่พอใจสุมอัดพลางพึมพำกับตัวเอง