บทที่ 15 ความกังวลของเยี่ยเฟยเฟย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 15 ความกังวลของเยี่ยเฟยเฟย

บทที่ 15 ความกังวลของเยี่ยเฟยเฟย

เยี่ยเฟยเฟยรีบโทรหาป้าสามทันที จากนั้นก็ได้รับการยืนยันว่าชายตรงหน้าคือผู้เช่าของป้าสามของเธอจริงๆ ซึ่งก็คือคนที่เธอต้องใช้ชีวิตร่วมกัน!

หลังจากที่เยี่ยเฟยเฟยรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้แล้ว เธอพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุด เพราะไม่คุ้นเคยกับการอาศัยร่วมกับชายแปลกหน้า

แต่ป้าสามของเยี่ยเฟยเฟยที่กำลังพูดคุยในสายยืนยันอย่างหนักแน่นถึงนิสัยใจคอของอู๋ฝาน ยิ่งไปกว่านั้นการพักอาศัยในที่ห่างไกลโดยมีผู้ชายที่ไว้วางใจคอยอยู่ใกล้ๆ นั้นปลอดภัยกว่า แล้วยังคอยช่วยเหลือดูแลกันยามที่เจ็บป่วยได้ด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ป้าสามของเยี่ยเฟยเฟยย้ำเตือนว่า ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ พ่อแม่ของเธอจะไม่อนุญาตให้เธอมาเรียนในมหาวิทยาลัยที่ห่างไกลแบบนี้คนเดียว และต้องกลับไปอยู่ในสายตาของพ่อแม่ในเมืองหลวงอีกครั้ง

เยี่ยเฟยเฟยลังเลและหาทางประนีประนอม กว่าจะออกห่างสายตาพ่อแม่มาได้ เธอไม่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีก

“เข้ามาก่อนสิครับ” อู๋ฝานยื่นมือออกไปหวังช่วยยกสัมภาระในมือเยี่ยเฟยเฟย

“คุณจะทำอะไร?” เยี่ยเฟยเฟยตกใจกับท่าทีของอู๋ฝาน เธอก้าวถอยหลังห่างออกไปโดยไม่รู้ตัวและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหวาดระแวง กลัวว่าเขาจะทำบางสิ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบเธอ

“ผมแค่อยากช่วยคุณยกกระเป๋าน่ะ” อู๋ฝานยักไหล่ พูดไม่ออกถึงพฤติกรรมที่ดูหวาดระแวงเกินไปของเยี่ยเฟยเฟย แต่มันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะทั้งสองไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน และสิ่งที่เยี่ยเฟยเฟยทำก็เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น

“ถ้าไม่ต้องการ คุณยกมันเข้าไปเองก็ได้” อู๋ฝานถอยหลังออกไป เพื่อเว้นที่ว่างเพียงพอสำหรับเยี่ยเฟยเฟยเดินเข้ามา

เยี่ยเฟยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่งและเดินเข้าไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ในเมื่อป้าสามยืนยันด้วยตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็จะพยายามไว้ใจชายหนุ่มคนนี้ แต่อย่างไรเยี่ยเฟยเฟยก็ไม่ได้ลดการป้องกันของตัวเองลง หากเธอเห็นว่าอู๋ฝานทำตัวไม่เหมาะสมเมื่อไหร่ เธอจะฟ้องป้าสามและใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่อยู่ในบ้านหลังนี้

หลังจากเยี่ยเฟยเฟยเดินเข้ามา อู๋ฟานจึงปิดประตู ทันทีที่ประตูถูกปิดลง หัวใจของเยี่ยเฟยเฟยก็เต้นไม่เป็นจังหวะ แม้จะเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว แต่เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง ถ้าอู๋ฝานคิดทำมิดีมิร้ายขึ้นมา เธอจะต้านทานแรงชายหนุ่มได้อย่างไร ตอนนั้นถึงธาตุแท้ของอู๋ฝานจะถูกเปิดเผย มันก็ไร้ประโยชน์เสียแล้ว

เยี่ยเฟยเฟยนึกเสียใจที่เดินเข้ามา เธอจ้องมองอู๋ฝานด้วยความประหม่า

ดูเหมือนว่าอู๋ฝานไม่ทันได้สังเกตท่าทีแปลกประหลาดของเยี่ยเฟยเฟย เขาพูดขึ้นว่า “คุณนั่งลงก่อนสิ ผมเพิ่งทำอาหารเสร็จและพร้อมทานได้ทันที”

เยี่ยเฟยเฟยมองอู๋ฝานที่กำลังเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะรู้สึกประหม่าเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีกลิ่นหอมของอาหารลอยเจือจางอยู่ภายในห้อง

“เขาทำอาหารได้? เขาคงไม่ใช่คนเลวหรอกมั้ง?” เยี่ยเฟยเฟยนั่งครุ่นคิดอยู่ในใจ กระทั่งอู๋ฝานยกอาหารมาวางไว้ตรงหน้า

“คุณน้าหวังขอให้ผมดูแลคุณเป็นอย่างดี ผมไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไร จึงเลือกทำอาหารเหล่านี้ แต่ไม่รู้ว่าคุณจะกินพวกมันได้ไหม” อู๋ฝานกล่าวขณะนั่งลง

“ฉันไม่หิว” เยี่ยเฟยเฟยไม่ได้ต้องการอาศัยในบ้านเช่าร่วมกับอู๋ฝาน เธอจึงไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับเขา

แต่ทันทีที่พูดออกไปแบบนั้น ท้องของเธอกลับส่งเสียงร้องโครกครากออกมาแผ่วเบา แม้มันจะเบามาก แต่เพราะมีเพียงอู๋ฝานและเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ ทั้งคู่จึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

ใบหน้าของเยี่ยเฟยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแทบทันที

เดินทางจากเมืองหลวง ระยะทางไม่ได้ใกล้นัก เยี่ยเฟยเฟยจึงทั้งหิวและเหน็ดเหนื่อยในเวลานี้

อู๋ฝานลอบหัวเราะอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา เขาพูดว่า “จะกินหรือไม่กินก็แล้วแต่คุณ ผมแค่ทำอาหารมากเกินไป ถ้ากินคนเดียวคงไม่หมด ถือซะว่าช่วยผมกินแล้วกัน มันจะได้ไม่เสียเปล่า”

เยี่ยเฟยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เธอกำลังหิวจริง ๆ อาหารตรงหน้าก็ดูน่าทาน เธอจึงตอบไปว่า “ก็ได้ ในเมื่อคุณชวนฉันเอง”

“ครับ ผมขอให้คุณช่วยผมกินอาหารเหล่านี้” อู๋ฝานพูดตอบ

เด็กสาวเผยสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ด้วยคำพูดของอู๋ฝาน เยี่ยเฟยเฟยเริ่มตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก รสชาติของมันไม่เลวเลย

เมื่อเห็นเยี่ยเฟยเฟยขยับตะเกียบในมือ อู๋ฝานก็เริ่มรับประทานส่วนของตัวเองเช่นกัน ก่อนจะพูดว่า “ที่นี่ยังมีห้องว่างอีก 2 ห้อง คุณค่อยเลือกห้องใดห้องหนึ่งในนั้น แล้วไปจัดข้าวของ บ่ายวันนี้ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน”

“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้ คุณไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก” เยี่ยเฟยเฟยรีบพูดปฏิเสธ เธอไม่คุ้นเคยกับการเลือกซื้อของกับเพศตรงข้าม แล้วนับประสาอะไรกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน

“นี่เป็นเรื่องที่น้าหวังฝากฝังไว้” อู๋ฝานกล่าว “นอกจากนี้ถ้าซื้อของหลายอย่าง คุณจะหิ้วกลับมาคนเดียวไหวหรือ?”

“ป้าสามเป็นญาติฉัน คุณไม่ต้องกังวลหรอก ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” เยี่ยเฟยเฟยรู้ว่าป้าสามมาไม่ได้เพราะติดธุระ ดังนั้นจึงขอให้ผู้เช่าคนนี้ช่วยดูแลตัวเธอ “อีกอย่าง ฉันไม่ชอบไปซื้อของกับคนอื่น”

หลังจากเยี่ยเฟยเฟยยืนกรานแบบนั้น อู๋ฝานจึงไม่พูดอะไรอีก ถ้าเขาดื้อรั้นพยายาม อีกฝ่ายอาจเข้าใจผิดได้

“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือก็บอกผมได้เสมอ” อู๋ฝานพูด

เยี่ยเฟยเฟยไม่ได้ตอบกลับ ขณะที่คิดในใจว่าเธอไม่มีทางไปขอความช่วยเหลือจากเขาแน่นอน เธอไม่ต้องการอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าที่เป็นเพศตรงข้าม ดังนั้นเธอจึงต้องจับผิดอู๋ฝานให้มากที่สุดเพื่อหาเหตุผลไปฟ้องกับป้าสาม ทำให้ป้าสามรู้ว่ามันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้เธออยู่ร่วมชายคากับชายคนนี้

อู๋ฝานไม่คาดคิดเลยว่า เด็กสาวที่กำลังทานอาหารของเขาตรงนี้และบอกว่าจะไม่บอกอะไรกับน้าหวัง แท้จริงเธอกำลังวางแผนใส่ร้ายป้ายสีภาพลักษณ์ของเขา ถ้าอู๋ฝานรู้เรื่องนี้ เขาอาจจะแย่งชามข้าวกับตะเกียบในมือเธอกลับมา

สุดท้ายคำพูดของหญิงงามก็เชื่อไม่ได้

หลังทานอาหารเสร็จ อู๋ฝานทำความสะอาดโต๊ะ เยี่ยเฟยเฟยไปเลือกห้องว่าง จากนั้นเธอเดินเข้าไปและล็อกประตูห้องจากด้านใน ราวกับกลัวว่าอู๋ฝานอาจบุกรุกเข้าไป อู๋ฝานเห็นแบบนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อน ก่อนจะไม่สนใจอะไรอีก

ในช่วงบ่ายเยี่ยเฟยเฟยออกไปข้างนอกโดยไม่ให้อู๋ฝานติดตามไปด้วย นั่นทำให้อู๋ฝานโล่งใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการช่วยเหลือ แต่เพราะเขาจะได้มีเวลาเพียงพอในการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับร้านแผงลอยในตอนเย็น

กระทั่งช่วงเย็น เยี่ยเฟยเฟยกลับมาบ้าน เธอถือถุงจำนวนมากในมือทั้งสองข้าง สีหน้าเหนื่อยล้าและคล้ายจะเป็นลม อู๋ฝานรีบวิ่งออกไปเพื่อช่วยเหลือ แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมา “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้”

หลังพูดแบบนั้น เธอเดินหอบหิ้วถุงต่าง ๆ กลับเข้าไปยังห้องของตัวเองด้วยความลำบาก จากนั้นอู๋ฝานก็ไม่แปลกใจเลยที่จะได้ยินเสียงล็อกประตูอีกครั้ง

อู๋ฝานยักไหล่ ก่อนกลับไปจัดเตรียมสิ่งของสำหรับเย็นนี้

หลังจากวางถุงมากมายลงในห้อง เยี่ยเฟยเฟยก็นอนคว่ำหน้าลงบนเตียงพร้อมหอบหายใจหนัก

การซื้อของในบ่ายวันนี้ทำให้เธอเหนื่อยมากจริง ๆ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากอู๋ฝาน

“ฮึ่ม ถ้าคิดจะเข้าห้องฉันละก็…ไม่มีทางซะหรอก!”