บทที่ 14 ญาติของน้าหวัง

บทที่ 14 ญาติของน้าหวัง

หลังจากกลับมายังบ้านเช่าได้ไม่นาน อู๋ฝานก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของบ้าน

เมื่อนึกถึงเจ้าของบ้าน อู๋ฝานรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่เสมอ หากอีกฝ่ายไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เขาอาจต้องนอนอยู่ข้างถนน นอกจากนี้บ้านที่เขาเช่ายังมีสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดี การตกแต่งภายในก็ยอดเยี่ยม ถึงกระนั้นเธอกลับให้เขาเช่าในราคาถูก ซึ่งช่วยให้เขาประหยัดเงินได้มาก ดังนั้นอู๋ฝานจึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าของบ้านมาโดยตลอด

“สวัสดีครับคุณน้าหวัง มีอะไรหรือเปล่าครับ?” อู๋ฝานรับสายทันที

“พ่อหนุ่ม คืออย่างนี้นะ ฉันเคยบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่าญาติคนหนึ่งกำลังจะมาเจียงโจวเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและกำลังวางแผนจะพักอยู่ที่นี่ ญาติคนนั้นกำลังเดินทางมาถึง แต่พอดีฉันมีธุระที่ต้องจัดการ เธอพอจะมีเวลาช่วยฉันได้ไหม?” น้าหวังพูดกับเขาผ่านโทรศัพท์

“ได้ครับ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” อู๋ฝานตอบรับ

น้าหวังเคยบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว อีกไม่กี่วันมหาวิทยาลัยเจียงโจวจะเปิดเทอม ญาติที่น้าหวังเคยบอกเองก็ควรจะเดินทางมาถึงแล้ว

บ้านเช่าที่อู๋ฝานอาศัยอยู่มีห้องนอน 3 ห้องและห้องนั่งเล่น 1 ห้อง นอกจากอู๋ฝานที่อาศัยอยู่หนึ่งในห้องเหล่านั้นแล้ว ยังมีห้องว่างอีก 2 ห้อง เขาไม่มีปัญหาหากคนอื่นจะมาอาศัยอยู่ ยังไงซะอู๋ฝานก็เป็นเพียงผู้เช่า เขาจึงไม่มีสิทธิ์ไปร้องเรียนอะไรกับการที่คนอื่นมาอาศัยอยู่เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันรับกวนเธอด้วยนะ” น้าหวังกล่าว

“น้าหวังพูดอะไรอย่างนั้นครับ อย่าเป็นห่วงเรื่องนี้เลย ผมจะดูแลเขาคนนั้นเป็นอย่างดี” อู๋ฝานพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ

“อืม ฉันฝากเรื่องนี้กับเธอด้วย” น้าหวังกล่าว

หลังจากวางสายของน้าหวัง อู๋ฝานสวมเสื้อคลุมและออกไปข้างนอกอีกครั้ง เขากำลังจะไปตลาดสดเพื่อซื้ออาหาร ในเมื่อสัญญากับน้าหวังไว้แล้วว่าจะดูแลญาติของเธอเป็นอย่างดี เช่นนั้นอู๋ฝานก็ต้องรักษาสัญญาและพยายามอย่างเต็มที่

การซื้อของชำและทำอาหารไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอู๋ฝาน การอาศัยอยู่ในบ้านเช่าเป็นเวลากว่าหนึ่งปีขัดเกลาความสามารถของเขา แม้ว่าฝีมือการทำอาหารจะไม่ได้ยอดเยี่ยมมากนัก แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้าย

“ผักและผลไม้ในเกมมีความสดมาก ถ้าเอาออกมาวางขายที่นี่ มันจะขายได้ดีมั้ยนะ?” ขณะที่อู๋ฝานกำลังเลือกซื้อผักในตลาดสด เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งของในโลกของเกมอีกครั้ง

โลกของเกมและโลกความจริงมีความใกล้เคียงกันมาก ผู้คนของที่นั่นกินอาหารเหมือนกับคนทั่วไป อู๋ฝานเคยกินอาหารแห้งมาบ้าง แต่เขาสังเกตเห็นว่าผักและผลไม้ที่ปลูกในหมู่บ้านล้วนดูสดใหม่น่ากินและยังปลอดสารเคมี เขาคิดว่าผักผลไม้เหล่านั้นควรจะมีรสชาติยอดเยี่ยมเป็นแน่

อู๋ฝานเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับผักผลไม้เหล่านั้น ตอนนี้เขาไม่มีเงินเก็บเลย นั่นจึงทำให้เขาคิดเกี่ยวกับการหาเงินกับทุกสิ่งอย่างที่เขามองเห็นโอกาส

“จำได้ว่ามีพื้นที่โล่งอยู่ตรงด้านหลังภูเขาของหมู่บ้าน ถ้ากลับเข้าไปอีกครั้งคงต้องลองถามหัวหน้าหมู่บ้านดูว่าสามารถเช่าที่ดินตรงนั้นได้ไหม เผื่อว่าเราจะได้ปลูกพืชผักผลไม้ จากนั้นเราก็สามารถทำกำไรได้เพิ่มเติม” อู๋ฝานคิดอยู่ในใจ ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปได้

ในความจริงการเช่าที่ดินต้องใช้เงินและต้องมีเวลาดูแล อู๋ฝานไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเพาะปลูก และก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากมาย

ถึงกระนั้นด้วยความแตกต่างของเวลาระหว่างสองพื้นที่ ตราบใดที่เขาสามารถเช่าที่ดินได้ มันจะกลายเป็นสมบัติของเขา และจะไม่มีใครช่วงชิงไปได้ นอกจากนี้ในหมู่บ้านมือใหม่ยังมีผู้เล่นคนเดียว จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปดูแล อีกอย่างการเพาะปลูกในเกมนั้นง่ายกว่าโลกความจริงมาก เช่นเดียวกับที่เขาสามารถเรียนรู้วิชาปรุงยา หากอาจารย์ปรุงยาหลี่ยอมสอนเขา เขาย่อมสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับชาวเมืองคนอื่นแล้ว พวกเขาล้วนใช้เวลานานสำหรับการเรียนรู้วิชาจนถึงระดับสูง และอาจไม่สามารถบรรลุมันได้ในช่วงชีวิตเลยด้วยซ้ำ

นี่คือผลประโยชน์ของผู้เล่น!

แม้จะไม่มีเงินสำหรับเช่าที่ดินตอนนี้ แต่อู๋ฝานไม่ได้รู้สึกกังวลนัก หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราเป็น “คนดี” เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมให้เช่าที่ดินโดยยอมให้เขาติดหนี้ไว้ก่อน

และเงินก็เป็นสิ่งที่ทำให้อู๋ฝานทุกข์ใจมากขึ้น ในเกมเขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรบางตัว และแม้กระทั่งดร็อปของ แต่เขาไม่เคยได้รับเงินเลย หรือว่าการฆ่ามอนสเตอร์ในเกมจะไม่ได้รับเงิน? แล้วเขาต้องหาเงินจากอะไร?

มีข้อสงสัยเกิดขึ้นมากมายในใจ แต่อู๋ฝานเชื่อว่าหากทดลองทำไปเรื่อยๆ เขาจะไขข้อสงสัยเหล่านี้ได้เอง

หลังจากซื้อวัตถุดิบที่ต้องการแล้วก็เดินทางกลับบ้าน อู๋ฝานเริ่มทำอาหารอยู่ในห้องครัวจนถึงเที่ยง กระทั่งเขาได้ยินเสียงเคาะประตูจากหน้าบ้าน

“ญาติของน้าหวังคนนั้นคงมาถึงแล้ว” อู๋ฝานรีบวางของในมือลงและวิ่งไปเปิดประตูบ้าน

แต่ทันทีที่เปิดประตูออก อู๋ฝานก็ต้องผงะ ขณะอีกคนด้านนอกก็ชะงักไปเช่นกัน

เยี่ยเฟยเฟยกำลังจะกลายเป็นนักศึกษาใหม่ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจว สำหรับเธอที่เติบโตภายใต้การเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดของพ่อแม่ เธอจึงต้องการออกไปอาศัยอยู่ให้ห่างสายตาจากพ่อแม่และใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ ก่อนหน้านี้เธอเลือกมหาวิทยาลัยเจียงโจวซึ่งอยู่ไกลบ้าน แทนที่จะเรียนอยู่ในเมืองหลวงตามที่พ่อแม่คาดหวัง

แม้พ่อแม่จะตำหนิเธอถึงเรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่คิดยอมแพ้ ในที่สุดพ่อแม่ของเธอก็ยอมใจอ่อนให้ไปเรียนไกลบ้าน

เหตุผลที่พ่อแม่ของเยี่ยเฟยเฟยยอมเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ก็คือ เยี่ยเฟยเฟยเป็นเด็กที่ดื้อรั้นมาก อีกประเด็นหนึ่งคือครอบครัวของพวกเขามีญาติอยู่ที่เจียงโจว ถ้าเยี่ยเฟยเฟยต้องการไปมหาวิทยาลัยในเจียงโจว อย่างน้อยญาติคนนี้ก็สามารถดูแลเธออยู่ในสายตา และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเด็กคนนี้มาก

เพื่อให้พ่อแม่ของเธออนุญาต เยี่ยเฟยเฟยยอมถอยหนึ่งก้าวและตกลงที่จะอาศัยอยู่ในบ้านของญาติคนนี้ สำหรับเยี่ยเฟยเฟย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ยังไงซะเธอก็แค่ใช้นอนเวลากลางคืน ส่วนที่เวลาอื่นที่เหลือมันก็แล้วแต่เธอไม่ใช่เหรอ?

แต่ก่อนหน้าที่จะมาถึง ญาติของเยี่ยเฟยเฟยคนนี้บอกเธอว่ามีผู้เช่ารายอื่นอยู่ในบ้านด้วย ขอให้เยี่ยเฟยเฟยเตรียมใจไว้บ้าง ญาติของเธอยังบอกว่าผู้เช่ารายนี้เป็นคนดีมาก ดังนั้นเยี่ยเฟยเฟยจึงไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด

เยี่ยเฟยเฟยไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เธอไม่ได้วางแผนจะอยู่ในบ้านตลอดทั้งวัน แค่ใช้นอนตอนกลางคืนเท่านั้น แม้จะมีเพื่อนร่วมบ้านจำนวนมากก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

แต่สิ่งที่เยี่ยเฟยเฟยคาดไม่ถึงก็คือ ผู้เช่าในบ้านญาติที่พูดถึงนั้นกลับเป็นผู้ชาย! นี่เธอต้องอยู่บ้านหลังเดียวกับผู้ชายงั้นเหรอ?!

เยี่ยเฟยเฟยรู้สึกเหมือนสมองไม่ทำงานชั่วขณะ จึงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าว่างเปล่า

อู๋ฝานตกใจไม่แพ้กัน เขาไม่คิดว่าญาติของน้าหวังที่พูดถึงจะเป็นผู้หญิง เธอยังเป็นเด็กสาวที่ดูดีมาก ใบหน้าหมดจดสวยงาม หากเทียบเปรียบกับหลิ่วเหยียนเอ๋อ ก็แทบไม่ต่างกันแม้แต่น้อย!

ในที่สุดก็เป็นอู๋ฝานที่กลับมาได้สติก่อน เขาถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ “คุณเป็นญาติของน้าหวังใช่ไหมครับ?”

“คุณเป็นผู้เช่าของป้าสามเหรอ?” เยี่ยเฟยเฟยไม่ได้ตอบคำถามอู๋ฝาน แล้วยังถามเขากลับ

“ถ้าไม่ได้มาผิดที่ ผมคงเป็นผู้เช่าบ้านป้าสามของคุณจริง ๆ นั่นแหละ” อู๋ฝานตอบ

“เป็นไปได้ยังไง?!” เยี่ยเฟยเฟยตะโกนเสียงหลง

แม้เธอจะโตเป็นสาวแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แล้วตอนนี้กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับผู้ชายเนี่ยนะ?!

เยี่ยเฟยเฟยรู้สึกเหมือนชีวิตของตัวเองกำลังจบสิ้นลง