บทที่ 13 เธอแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 13 เธอแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ?

บทที่ 13 เธอแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ?

อาจารย์ชื่อดังปั้นเด็กฝึกงานดีเด่น!

หลังจากได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ วิชาปรุงยาของอู๋ฝานก็ได้รับการเลื่อนเป็นระดับสูงทันที ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลายคนอาจไม่สามารถบรรลุได้เลยแม้จะฝึกฝนมาตลอดชีวิต

ครั้งนี้ถือเป็นกำไรก้อนโต!

อู๋ฝานมีสุขใจและแอบภูมิใจกับการมองการณ์ไกลของตัวเอง แม้ว่าในอนาคตเขาอาจสามารถเรียนรู้วิชาปรุงยาจากคนอื่นได้ แต่มันคงไม่ดีเท่ากับการเรียนรู้จากอาจารย์ปรุงยาหลี่

“ในเมื่อเจ้าได้เรียนรู้วิชาปรุงยาแล้ว เจ้าต้องหมั่นฝึกฝนในภายภาคหน้าให้มาก และไม่ปล่อยมันทิ้งไว้ให้สูญเปล่า” อาจารย์ปรุงยาหลี่พูดกระตุ้น

“ครับ ผมจะฝึกฝนให้มากกว่านี้” อู๋ฝานตอบรับ จากนั้นเขาก็พูดอย่างกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อย “อาจารย์ ท่านต้องมีสมุนไพรมากพอที่จะฝึกวิชาปรุงยา แม้จะเรียนรู้วิชาจำแนกยาแล้ว แต่การเก็บสมุนไพรโดยไม่มีเครื่องมือไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

อู๋ฝานเริ่มนึกถึงเรื่องพลั่วขุดสมุนไพรอีกครั้ง ในเมื่อเรียนรู้วิชาปรุงยาแล้ว ถึงเวลาที่จะกลับมาสนใจเรื่องพลั่วขุดสมุนไพรที่เขาใฝ่ฝันมานาน

“เจ้าพูดถูก” อาจารย์ปรุงยาหลี่พยักหน้าเห็นด้วย “เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคืนพลั่วขุดสมุนไพรที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้ มันเป็นพลั่วที่ข้าใช้ตอนยังเป็นเด็กฝึก แม้มันจะไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับการขุดหาสมุนไพร เจ้าเก็บมันไว้ใช้เถอะ”

สุดยอด! อาจารย์ของเราใจกว้างมาก! แล้วยังเข้าใจความคิดของเราเป็นอย่างดี!

อู๋ฝานรู้สึกยินดีล้นปรี่ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เผยมันออกมาผ่านสีหน้า ก่อนจะกล่าวออกด้วยท่าทีกังวล “อาจารย์ ถ้ามอบพลั่วนี้ให้ผมแล้ว ท่านจะใช้สิ่งใดในอนาคต? ศิษย์จะพรากของรักที่อาจารย์หวงแหนไปได้ยังไง!”

“ไม่เป็นไร มันเป็นแค่พลั่วขุดสมุนไพร เป็นเครื่องมือที่ข้าใช้ยามเมื่อเป็นเด็กปรุงยา ข้ามีของอย่างอื่นใช้อยู่แล้ว” อาจารย์ปรุงยาหลี่พูดและหยิบพลั่วขุดสมุนไพรอีกอันออกมา ซึ่งพลั่วชิ้นนี้ดูดีกว่าด้ามที่อยู่ในมือของอู๋ฝานมาก

อู๋ฝานใช้วิชาตรวจสอบกับพลั่วขุดสมุนไพรอีกชิ้นทันที

พลั่วผนึกขนนก : ระดับทอง สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการขุดสมุนไพรอย่างมาก เพิ่มความเร็วในการขุดอย่างมาก มีโอกาสเพิ่มจำนวนสมุนไพรที่ขุดได้เป็นสองเท่า ความแข็งแกร่ง 3 ความว่องไว 3 ความคงทน 3 พลังโจมตี 10

อู๋ฝานแทบรู้สึกว่าพลั่วขุดสมุนไพรในมือตัวเองไร้ค่าทันที

“เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อน ข้ากำลังจะเริ่มปรุงยาอีกครั้ง” อาจารย์ปรุงยาหลี่พูดกับอู๋ฝาน

อู๋ฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินออกไป หลังจากคิดครู่หนึ่งเขาตัดสินใจไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชรา

“เจ้านี่เอง มีอะไรงั้นหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกด้านหลังประตู ดวงตาทอดมองพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าด้วยท่าทีสบายใจ

“ปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ผมมีคำถามเกี่ยวกับวิชาตรวจสอบครับ” อู๋ฝานกล่าว

เมื่อได้ยินคำว่าวิชาตรวจสอบ เปลือกตาของหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชรากระตุกอย่างเห็นได้ชัด เก้าอี้โยกที่เขานั่งพลันหยุดนิ่ง

“ว่ามา!”

“มันเป็นแบบนี้ครับ” อู๋ฝานไม่ได้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของอีกฝ่ายและเริ่มพูดต่อ “ผมพบว่าเวลาใช้วิชาตรวจสอบกับเป้าหมาย บ้างก็ตอบสนอง บ้างก็ไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?”

“การใช้วิชาตรวจสอบคือการตรวจสอบคู่ต่อสู้และแสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์ หากความแข็งแกร่งของเป้าหมายต่ำกว่าเจ้า เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หากความแข็งแกร่งของเป้าหมายเหนือกว่า เขาจะสัมผัสได้ถึงเจตนายั่วยุของเจ้า” แม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราจะยังรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง แต่เขาก็ช่วยไขข้อสงสัยของอู๋ฝาน

มันเป็นแบบนี้นี่เอง!

อู๋ฝานเข้าใจได้ทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็เกิดความสงสัยข้อใหม่

เสือร้ายลายจุดตัวนั้นแข็งแกร่งกว่า มันจึงรับรู้ได้ว่าเขากำลังใช้วิชาตรวจสอบกับมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ทำไมหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงรู้สึกได้ว่าเขากำลังใช้วิชาตรวจสอบ เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวเขาเช่นกัน?

ความสงสัยดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถถามหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราคนนี้ได้

ในเวลานี้ดวงตาของอู๋ฝานพลันมืดหม่นและมองไม่เห็นสิ่งใด จากนั้นไม่นานเมื่อฟื้นความสามารถในการมองเห็นอีกครั้ง เขาก็กลับมาอยู่ในห้องเช่าของตัวเองแล้ว

ขณะเดียวกันหัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราเห็นอู๋ฝานเลือนหายไปจากสายตา เขาไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจใดๆ บนใบหน้า เพียงเอนกายลงบนเก้าอี้อีกครั้งพลางโยกตัวแผ่วเบาและมองดูพระอาทิตย์ตกดิน

“กลับมาแล้วเหรอ? ถูกส่งกลับมาในเวลาเดิมเหมือนก่อนหน้านี้เลย ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะตกใจกลัวไหมที่เห็นเราหายไปเฉยๆ” เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการข้ามมิติกลับมา

หลังจากนอนลงบนเตียงสักพักก็กลายเป็นเวลาเช้าแล้ว อู๋ฝานจึงลุกออกจากเตียงแม้ว่าจะนอนไปเพียงเวลาสั้นๆ

ขณะกำลังจะเดินไปสวมรองเท้า อู๋ฝานเกิดความลังเลและยังคงสวมรองเท้าเมฆาล่องที่เพิ่งได้รับมาคู่นี้

“มันใส่สบาย แล้วยังดูดีอีกด้วย มันจะดูแปลกไหมนะที่จะสวมรองเท้าคู่นี้ออกไปข้างนอก?” อู๋ฝานมองรองเท้าที่สวมใส่อยู่พลางพูดกับตัวเอง การสวมใส่รองเท้าแบบนี้ถือว่าไม่แปลกสำหรับโลกของเกม แต่ถ้านำมาใส่ในชีวิตจริงและเดินตามท้องถนน ผู้คนมากมายอาจมองมาที่เขาราวกับเห็นตัวประหลาด

“คงจะดีไม่น้อยถ้ามันเหมือนกับรองเท้าผ้าใบทั่วไป” อู๋ฝานคิด

รวดเร็วดั่งความคิด รองเท้าเมฆาล่องที่เขาสวมใส่อยู่พลันส่องแสงประกาย จากนั้นรองเท้าบูตก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นรองเท้าผ้าใบ ซึ่งไม่ต่างจากรองเท้าผ้าใบทั่วไปในโลกนี้

“มันเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย?” อู๋ฝานนึกดีใจ

ต่อมาเขาลองเปลี่ยนรองเท้าเมฆาล่องเป็นรองเท้าวิ่ง รองเท้าหนัง รองเท้าผ้า และอีกหลากหลายแบบ ซึ่งเขาทำสำเร็จในทุกครั้ง นอกจากนี้รูปลักษณ์ของมันยังดูทันสมัยและได้รับการออกแบบอย่างประณีต เพียงมองแวบแรกก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่รองเท้าราคาถูกตามแผงลอยข้างถนน แต่เป็นรองเท้าที่ได้รับการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญฝีมือดี

หลังจากลองเปลี่ยนไปมาสักพัก อู๋ฝานก็สวมรองเท้าเมฆาล่องออกไป และจุดหมายปลายทางยังคงเป็นสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว

ที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวมีนักศึกษาอยู่ไม่มาก ตอนนี้ยังคงเป็นสิ้นเดือนสิงหาคม และยังมีเวลาอีกราวสองถึงสามวันก่อนเปิดเทอม อย่างไรก็ตามอู๋ฝานได้เห็นร่างที่คุ้นเคยอีกครั้ง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์นักศึกษาสาวรูปร่างเพรียวบาง เธอมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจอย่างมากในสนามกีฬาแห่งนี้ แทบไม่ต้องพูดถึงอู๋ฝาน แม้แต่นักศึกษาคนอื่นๆ ก็ไม่อาจละสายตาจากเธอได้

“หรือว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าเราจริง?” อู๋ฝานยังคิดไม่ตกถึงกรณีที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่รู้สึกได้ถึงวิชาตรวจสอบของเขา

ภายนอกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดูเป็นหญิงสาวที่บอบบาง แม้จะไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น แต่อู๋ฝานก็ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าตัวเองไปได้

“หรืออาจจะเกี่ยวกับการพลังแสงสูงสุดในข้อมูลของเธอหรือเปล่านะ?” อู๋ฝานนึกถึงชุดข้อมูลของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อีกครั้ง หนึ่งในนั้นบอกว่าเธอมีพลังแสงสูงสุด ซึ่งเขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันเท่าไหร่

ก่อนหน้าอู๋ฝานไม่คิดสนใจเรื่องนี้มากนัก แต่ตอนนี้ข้อมูลดังกล่าวอาจกลายเป็นเงื่อนงำบางอย่าง และอาจเกี่ยวข้องกับการที่เธอค้นพบว่าเขาแอบใช้วิชาตรวจสอบ

วันนี้พวกเขาสองคนไม่ได้ทักทายกันแต่อย่างใด อันที่จริงจากการสังเกตของอู๋ฝาน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มักวิ่งออกกำลังกายในสนามกีฬาโดยไม่พูดคุยกับคนอื่นเลย เมื่อวานนี้ที่มีโอกาสพูดคุยกับเธอจึงแทบเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์