หยางลี่ลี่รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นว่าซูฟ่านไม่แพ้แม้แต่ครั้งเดียว

“ทำไมนายชนะทุกครั้ง! ฉันจะชนะครั้งนี้!”

หยางลี่ลี่พูดอย่างสนุกสนาน

หลังจากเปิดถ้วยตะแกรงปรากฎว่าเป็นสามหก

ครั้งนี้ซูฟ่านทำอะไรไม่ได้แล้ว!

หยางลี่ลี่ผลักแก้วไวน์ไปทางซูฟ่านอย่างภาคภูมิใจ

ซูฟ่านเปิดถ้วยของเขาอย่างใจเย็น

สามหก…เสมอ?

ดวงตาของหยางลี่ลี่เบิกกว้าง

หยานลี่ลี่ส่งเสียงร้องอย่างงุนงงแต่เธอก็ถูกจับโดยมือที่แข็งแรงคู่หนึ่งเมื่อเธอกำลังจะดื่ม

หลี่ฉียืนอยู่ข้างหลังหยางลี่ลี่

เมื่อตอนเขาเข้ามาซูฟ่านก็สังเกตเห็นแล้ว

“ฉันขอบอกหน่อยนะพี่ชาย ถึงนายจะใช้เงินเป็นพันเหรียญนายก็ไม่สามารถโกงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายไม่ดื่มสักถ้วยล่ะ?”

หลี่ฉีแสร้งทำเป็นพูดเฉย ๆ

แต่มันไม่มีความรู้สึกถึงความยุติธรรมบนใบหน้าที่น่าสมเพชของเขาเลย

“นยดูกระตือรือร้นมากนี่หรือนายจะดื่มเพื่อเธอล่ะ?”

ซูฟ่านมองไปที่หลี่ฉีอย่างหาเรื่อง

คนของหลี่ฉีลุกขึ้นยืน

“เคารพกันหน่อยไอเวรนี่ แกรู้หรือไหวว่านี่ใคร”

“ใคร?”

“ไม่รู้ว่าพี่ฉีคือใครเรอะ ถ้าเขาคุยกับแก แกก็ต้องสำนึกบุญคุณไว้บ้าง ถอยไปห่าง ๆ เลย”

น้องชายคนเล็กของหลี่ฉีพูดอย่างหยิ่งผยอง

ซูฟ่านหัวเราะอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร

หลี่ฉีหันศีรษะและมองไปที่หยานลี่ลี่

“สาวน้อยจะมาเล่นอะไรกับไอหำเหม็น ๆ แบบนี้ ไปเล่นที่โต๊ะพี่ชายดีกว่า”

หลังจากพูดแล้วหลี่ฉีก็เริ่มจับแขนของหยางลี่ลี่

หยางลี่ลี่สามารถถือได้ว่าเป็นคนไม่รู้เรื่องราวนัก

ลูกโคแรกเกิดมักไม่กลัวเสือและหยางลี่ลี่เองก็ไม่รู้เรื่องของโลกเบื้องหลังและผสมกับอยู่กับถังเว่ยมาเป็นเวลานาน

เธอไม่สนใจว่าหลี่ฉีเป็นใคร เธอเคยเห็นคนประเภทนี้มากมาย

เธอสบัดมือออกไปและพูดขึ้น

“หยุด! อย่าแตะต้องฉันไอหมูอันธพาล”

หลี่ฉีตะลึง!

น้องชายของเขาก็ยังตะลึง!

“อีนังนี่! ลุกขึ้น! คืนนี้เธอต้องให้ฉันสนุกแล้วไปสนุกกับพี่น้องของฉันคืนนี้!”

หลี่ฉีโกรธและคำรามอย่างหยิ่งผยอง

น้องชายคนเล็กของเขารีบไปข้างหน้าและคว้าหยางลี่ลี่

หยางลี่ลี่ตระหนักได้ว่าเธอกระตุ้นคนผิดประเภทเกินไปและเธอก็กลัวจนร้องไห้

“ปล่อยเธอ”

ซูฟ่านลุกขึ้นยืนทันทีแล้วมองไปที่ดวงตาของหลี่ฉีอย่างเย็นชาและพูด

“แกสั่งฉันหรือเปล่า?”

หลี่ฉีพูดอย่างไม่พอใจ

ฟุบ!

เพร้ง!

ซูฟานไม่ได้พูดตอบแต่ยกขวดเบียร์ที่ว่างเปล่าขึ้นแล้วทุบตรงหัวของหลี่ฉี

เลือดไหลลงจากศีรษะของหลี่ฉี

ไม่เพียงแต่หลี่ฉีแม้แต่คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงกับการกระทำนี้แม้แต่แขกที่จมอยู่ในจังหวะเพลงรอบตัวก็ยังตกใจ

เป็นเรื่องปกติมากที่จะทะเลาะกันในไนท์คลับและทุกคนก็ตกใจแต่ไม่กลัว

แขกโดยรอบก้าวถอยไปรอดูด้วยความตื่นเต้น

“พวกแกจะยืนงงอะไร! กระทืบมันให้ฉัน!”

หลี่ฉีพูดพร้อมกับกุมศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือด

จากนั้นน้องชายของเขาก็ตอบสนองและรีบวิ่งเข้าไป

อย่างไรก็ตามซูฟ่านเพียงแค่เตะเบา ๆ น้องชายคนเล็กที่วิ่งขึ้นมาก็ถูกเตะไปที่กำแพงฝั่งตรงข้ามห่างจากซูฟ่านห้าเมตร

ส่วนคนที่สองซูฟ่านคว้าเขาอย่างแรงและโยนไปลงบนเวทีดีเจ

กระแทกเข้ากับลำโพงด้านข้าง

ชั้นสี่คนเต็มไปหมดและผู้คนก็มาดูการต่อสู้ที่ดุเดือดแต่บางคนก็กลัวมากจนรีบวิ่งออกไป

ชายหลายสิบคนของหลี่ฉีถูกซูฟ่านเอาชนะอย่างหมดหวัง

บางคนถึงกับหยิบมีดผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะมาแทง

แต่วืด

ซูฟ่านกำหมัดเบา ๆ และคนของหลี่ฉีก็ถูกทุบตีเหมือนของเล่นไร้น้ำหนัก

บรรดาผู้ที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับมีดผลไม้ก็ถูกซูฟ่านคว้ามีดผลไม้ไว้และแทงพวกเขาโดยตรง

เลือดสาดไปทุกที่!

ในไม่ช้าพี่น้องหลายสิบคนก็ล้มลงต่อหน้าหลี่ฉี

หลี่ฉีมองไปที่ซูฟ่านด้วยความหวาดกลัว หยางลี่ลี่ผู้ซึ่งกลัวมากจนซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะก็คลุมศีรษะและมองไปที่ซูฟ่านที่ดูกล้าหาญ

ที่ชั้นสองลูกน้องของจางหวังไคเห็นความวุ่นวายผ่านกล้องวงจรปิดก็รีบไปรายงานจางหวังไค

หวังฉางเจียงพาหวังฟู่กุยไปดูด้วย

หวังฉางเจียงตบโต๊ะด้วยความโกรธ

“ฉันบอกแล้วว่านิสัยของหลี่ฉีจะทำให้เรื่องมันแย่ไม่ช้าก็เร็ว!”

“ท่านประธานหวังอย่าเพิ่งโกรธเลยครับ การต่อสู้ในเวลากลางคืนเป็นเรื่องธรรมดาและจะไม่ทำให้คุณหนีช้าลง ฉันจะหาคนมาจัดการเด็กคนนี้เองและเราจะจัดการหลี่ฉีในภายหลัง!”

จางหวังไคโกรธหลี่ฉีเช่นกันและเขาได้คิดหาวิธีลงโทษผู้ชายคนนี้ที่ทำเสียเรื่องไว้แล้ว

ซูฟ่านไม่ได้คิดริเริ่มที่จะโจมตีหลี่ฉี แต่หลี่ฉีกลับเดินถอยไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ

เพราะกลัวว่าซูฟ่านจะพุ่งเข้ามาทุบตีตัวเองอย่างดุเดือด

ในขณะนี้ประตูของทางเดินรักษาความปลอดภัยถูกเปิดออกและมีคนสี่สิบหรือห้าสิบคนรีบวิ่งเข้าไปล้อมซูฟ่าน

หลี่ฉีกลับมามีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกครั้ง

เขายืนอยู่ข้างหลังคนเหล่านี้ชี้ไปที่ซูฟ่านจากนั้นก็ทำท่าปาดคอ

“ไอหนู วันนี้เป็นวันครบรอบเราไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนเพียงแค่ติดตามเราไป”

คนที่อยู่ใกล้กับซูฟ่านมากที่สุดพูด

ซูฟ่านยิ้มเล็กน้อยและชี้ไปที่ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา

ทันใดนั้นเขาก็เตะคนที่เพิ่งพูดขึ้นไปในอากาศ

คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นกันและคนห้าหรือหกคนก็ถูกจัดการลง

คนที่เหลือต่างตกตะลึงและพวกเขาก็เตรียมพร้อมเมื่อเห็นซูฟ่านกำลังจะลงมืออีกครั้ง พวกเขายกอาวุธขึ้นทันทีและฟันไปที่ซูฟ่าน

ถ้าเป็นคนธรรมดาเขาคงโดนฟันตายไปแล้วในตอนนี้

แต่ซูฟ่านไม่ได้ตกใจและคว้ามีดที่ฟันมาได้อย่างง่ายดาย

เขาคว้ามีดและเริ่มต่อสู้

ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีผู้คนทั้งหมดสี่สิบคนก็ถูกจัดการ

แน่นอนว่าบาดแผลที่ซูฟ่านทำไม่ถึงแก่ชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถในการต่อสู้อีกต่อไป

หลี่ฉีที่ยังคงส่งเสียงดังอยู่ข้างหลังเขาได้รับหมัดจากซูฟานและล้มลงกับพื้นหมดสติไปในขณะนี้แล้ว

“แค่นี้เหรอ?”

ซูฟ่านหันกลับมาเพื่อท้าทายกล้องวงจรปิด

จางหวังไคที่เฝ้าดูกล้องวงจรปิดก็ตื่นตระหนกและระดมกำลังคนทันที

เขานึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะจัดการห้าสิบคนได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที

เดิมทีเขาคิดว่ามันเป็นความขัดแย้งธรรมดาหลังจากดื่มจนเมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนซูฟ่านจะมีนัยอย่างอื่น

เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเลยมีคนจงใจมาก่อกวน?

จางหวังไคไม่สามารถคิดถึงเรื่องนั้นได้เพราะมีงานใหญ่ที่ต้องทำให้เสร็จในคืนนี้

ถ้ามันวุ่นวายหวังฉางเจียงจะไม่ฆ่าเขาตายเหรอ?

จางหวะงไคสั่นกำปั้นตัดสินใจกำจัดซูฟ่านโดยยอมเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เขาระดมกำลังคนเข้าโจมตีทันทีโดยไม่หยุดยั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เข้ามาทีละคนซูฟ่านก็ไม่กระพริบตา

ด้วยการแสดงออกที่เย็นชาเขาจึงจัดการคนเหล่านี้ลง

ชั้นนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ถูกซูฟ่านจัดการ

หวังฉางเจียงพูดอย่างเย็นชาอยู่ข้างหลังจางหวังไค

“ใครมาวะ!”

“ท่านประธานหวังอย่าเพิ่งโกรธเลย ผมเคยไปรุกรานนักธุรกิจผู้ร่ำรวยมาก่อนมันคงมาจัดการผม ผมจะแก้ปัญหาให้เดี๋ยวนี้ครับ!”

หลังจากพูดคุยจางหวังไคก็ทิ้งลูกน้องไว้สองสามคนเพื่อปกป้องหวังฉางเจียง

คนของเขาอีกหลายสิบคนตามเขาไปชั้นบน

ก่อนเข้าประตูจางหวังไคได้ติดปลอกเก็บเสียงบนปืนและตรึงไว้ที่เอวของเขา

ถ้าจะจัดการเด็กนี่ต้องใช้ปืน